“อื้ออออออ!”เสียงเอริร้องออกมาด้วยความเจ็บปะปนกับความเสียวซ่านที่ผมค่อยๆดันลำกายใหญ่ของผมเข้าไปในร่องสวาทของเธออย่างช้าๆเพราะด้านในของเธอตอดผมถี่รัวและคับแน่นจนทำให้ผมรู้สึกปวดหนึบที่เจ้ามังกรยักษ์ของผม ครั้งนี้เข้าง่ายกว่าครั้งแรกเพราะผมกับเธอเพิ่งจะมีอะไรกันได้ไม่นานร่องสวาทของเธอยังไม่ได้คืนตัวบวกกับน้ำหวานของเธอที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายอีกเลยง่ายต่อการสอดใส่ “อ๊าาาาาาาห์!”ผมร้องครวญครางออกมาอย่างเสียวซ่านเมื่อผมได้ดันลำกายใหญ่ของผมจนสุดโคนและใช้มือทั้งสองข้างบีบคลึงก้นกลมกลึงขาวเนียนของเอริเป็นที่ยึดและเป็นที่ผ่อนคลายความเสียวของลำกายใหญ่ลงได้บ้าง “โคตรเสียว….แน่นชิบ…เอริ…”ผมเอ่ยออกมาในขณะที่ผมแช่ท่อนเอ็นยักษ์ของผมค้างไว้ในร่องของเธอที่ตอดผมถี่รัวจนผมแทบจะหลั่ง “อื้อออ…”เอริเองก็ครวญครางเสียงกระเส่าเมื่อผมค่อยๆขยับท่อนเอ็นของผมอย่างช้าๆเนิ่บๆเพื่อให้ร่องสวาทของเธอปรับตัวให้เข้ากับท่อนเอ็นยักษ์ของผมที่มีขนาดใหญ่ากว่าผู้ชายไทยทั่วๆไป “อื้อออออ” เพลี๊ะ! ผมอดใจไม่ไหวที่เอริล่อนสะโพกไปมาสู้กับท่อนเอ็นยักษ์ของผมที่เริ่มกระแทกเข้าหาร่องสวาทของเธอถี่รัวและหนักหน่วงขึ้นทำให้ร่าง
เช้าวันต่อมา10:30น.เอริ ฐิติมน…..พรึบ“อื้อออ…”ฉันร้องครางออกมาเบาๆเมื่อรับรู้ได้ถึงร่างกายที่ปวดร้าวไปทั้งตัว ที่เจ็บหนักเป็นพิเศษคงจะเป็นใจกลางความเป็นสาวเพราะมันปวดร้าวเจ็บแสบไปหมด“กลับไปแล้วเหรอ?”ฉันเอ่ยออกมาทันทีที่ลืมตามาก็พบว่าผู้ชายที่นอนกอดฉันทั้งคืนได้หายไปจากที่นอนข้างๆตัวของฉันแล้ว ฉันจึงค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งพรึบฉันจับจ้องไปที่ผ้าปูที่นอนสีขาวที่พอฉันจับผ้าห่มที่ห่มร่างเปลือยเปล่าของฉันให้ออกไปก็พบกับรอยคราบสีเหลืองเป็นดวงๆพร้อมกับคราบเลือดสีแดงสดที่เริ่มแห้งเหือดไปแล้ว ทำให้ฉันเผลอใจสั่นขึ้นมา ทั้งๆที่ฉันพยายามจะเดินออกมาจากชีวิตของเขาแล้วเเท้ๆแต่กลับกลายเป็นว่า ฉันดันไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับขุนศึก แล้วแบบนี้มีเหรอที่เขาจะยอมปล่อยฉันไป คำพูดและเเววตาที่ขุนศึกมองฉันด้วยความโกรธในตอนที่เขาบอกฉันว่า เขารักฉันได้ เขาก็เกลียดฉันได้เหมือนกัน มันเจ็บปวดมากนะที่ได้ยินคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของผู้ชายที่เรารักแต่ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อฉันเป็นคนเลือกเองพรึบ“ซี๊ดดด!”ทันทีที่ฉันขยับท่อนล่างก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อรับรู้ได้ถึงความแห้งกรังของน้ำรักของขุนศึกผสมกับน้ำรักข
12:00น.ห้องครัว….ฉันที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็ค่อยๆพาร่างกายที่อ่อนแอและปวดร้าวของตัวเองเดินลงจากบันไดบ้านจากชั้นสองลงมายังชั้นล่าง เพราะฉันหิวข้าว และฉันก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติแปลกไปเพราะผ้าปูที่นอนที่เลอะไปด้วยคราบเลือดและคราบน้ำรักของฉันกับขุนศึก ได้หายออกไปจากที่นอนหลงเหลือไว้เพียงแค่เตียงนอนขนาดหกฟุตราคาแพงแค่นั้น ใครกันนะที่เอาออกไป ฉันก็รู้สึกอายเหมือนกันนะ“กลิ่นอะไรหอมจัง^_^”ฉันพึมพำขึ้นมาเมื่อทันทีที่ขาของฉันก้าวถึงพื้นของชั้นล่าง กลิ่นหอมฉุยที่ลอยออกมาจากที่ไหนสักแห่งในบ้านหลังนี้ทำให้น้ำย่อยในกระเพาะของฉันเริ่มทำงานขึ้นมาทันที“ขวัญไม่ได้ไปเที่ยวแล้วหรือไงกันนะ?”ฉันพึมพำขึ้นอย่างนึกสงสัยว่าขวัญหรือใครกันที่ทำอาหารหอมกรุ่นนี้ ฉันไม่รอช้ารีบใช้จมูกสูดดมหาที่มาของกลิ่นหอมๆของอาหารนี้ ก็พบว่าต้นตอของกลิ่นนี้อยู่ที่ห้องรับประทานอาหาร ฉันจึงเดินมุ่งไปที่ห้องอาหารทันทีก็พบกับจานอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะอาหารอยู่สามจาน นั้นคือของโปรดของฉันทั้งนั้นเลยพรึบ“อื้อออออร่อย^_^”ฉันที่เดินไปถึงยังอาหารก็ใช้ช่อนตักอาหารแกงส้มกุ้งตัวใหญ่ขึ้นมากินเลย พลางทำหน้าฟินเพลี๊ย“ป้าบัว?!”
พรึบ“อร่อยมากเลยหรือจ๊ะ?”ป้าบัวเอ่ยถามฉันในขณะที่ฉันเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานของฉันอย่างขะมักเขม้นด้วยความหิวโหย“แสดงว่าฝีมือคุณขุนศึกนี่ใช้ได้เลยนะคะ^_^”“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ….ผมก็แค่เอาใจใส่ลงไป”“แค่กๆๆๆๆ”คำพูดของขุนศึกและป้าบัวทำให้ฉันสำลักข้าวจนหน้าดำหน้าแดง อย่าบอกนะไอ้แกงส้มกุ้งชะอมไข่ที่แสนอร่อยนี่ ขุนศึกเป็นคนทำน่ะ!พรึบ“น้ำจ๊ะ…”ป้าบัวว่าในขณะที่ท่านยื่นแก้วน้ำส่งมาให้ฉันแล้ว ฉันก็ก้มศีรษะเป็นเชิงขอบคุณป้าบัวและยื่นมือไปรับแก้วน้ำเปล่ามาดื่มเพื่อทำให้ข้าวที่ฉันสำลักและติดคอให้อาการมันคลายลงทันที“อึกๆๆๆๆๆๆ”“ค่อยๆกินสิเอริ….ขุนทำไว้เต็มหม้อเลยนะ^_^”ขุนศึกว่าเสียงแจ่มใสร่าเริง ฉันก็มองหน้าเขาพลางเบะปากใส่พรึบ“หนูอิ่มแล้วค่ะป้าบัว”ฉันบอกป้าบัวไปในขณะที่ดันจานข้าวออกห่างจากตัวฉันไปแล้ว โดยมีสายตาของผู้ร่วมโต๊ะมองอยู่ด้วย“พอดีหนูมีนัดนะคะ….และนี่ก็จะบ่ายแล้วด้วย..”ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่เห็ยสายตาดุๆและปนสงสัยของท่านว่าทำไมจากตอนแรกฉันกินข้าวเอากินข้าวเอาอย่างคนหิวโซแต่พอบอกว่าเป็นฝีมือของขุนศึก ฉันกลับอิ่มขึ้นมากระทันหันแบบนี้“นัดกับใครเหรอลูก?….”ป้าบัวเอ่ยถามฉันอย
“ทำไม….ฉันพูดผิดตรงไหน?”แต่ฉันก็ทำใจดีสู้เสือ เพราะคนอย่างขุนศึกไม่ชอบให้ใครมาท้าทายเขาแบบที่ฉันกำลังทำอยู่พรึบ“เราไม่อุ๊บ!”ฉันยังพูดไม่ทันจบก็โดนขุนศึกก้มหน้าลงมาบดขยี้ริมฝีปากของฉันอย่างแรงทำให้ฉันพูดต่อไม่ได้ “อื้อออ”ฉันร้องท้วงแต่ดูเหมือนเขาจะเริ่มรุนแรงกับรสชาติจูบที่ร้อนแรงดังเปลวเพลิงริมฝีปากของฉันโดนครอบงำด้วยริมฝีปากหยักสีชมพูอย่างรุนแรง จนฉันได้ยินเสียงขุนศึกดูดริมฝีปากของฉัน“จ๊วฟฟฟ”“อื้ออ”ขาของฉันแทบจะหมดแรงยืนไม่ไหวเมื่อโดนขุนศึกลุกล้ำเข้าไปในโพรงปากของฉันเขาใช้ปลายลิ้นสากตวัดหยอกเย้ากับลิ้นเล็กของฉัน เขาดูดดึงลิ้นของฉัน ฉันก็พยายามจะเบือนหน้าหนีเขาแต่ก็ไม่เป็นผล“อื้อออ”ฉันพยายามบิดข้อมือที่โดนขุนศึกจับทั้งสองข้างให้แรงขึ้นเพื่อจะได้หลุดจากการจับกุมของเขา แต่ยิ่งฉันบิดมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งเจ็บไปถึงกระดูกมากเท่านั้น ฉันจึงต้องยอมอยู่เฉยๆให้เขาจูบฉันอยู่อย่างนี้พรึบฟิ้วววววตุ๊บร่างของฉันถูกขุนศึกเหวี่ยงลงบนฟูกนุ่มๆที่ไร้ผ้าปูที่นอนอย่างแรง เขาไม่ได้ห่วงว่าฉันจะเจ็บรึเปล่า การกระทำของขุนศึกทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดภายในหัวใจ ตอนนี้ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าขุนศึกที่เป็นแฟนข
พรึบร่างบางนอนกระสับกระส่ายดีดดิ้นร่างเล็กของเธอไปมาเมื่อโดนสัมผัสจากปลายลิ้นสากที่ร้อนของขุนณงค์ที่จัดการตวัดปลายลิ้นสากเลียไปตามซอกคอขาวที่หอมจนทำให้เขาแทบจะคลั่ง มือหนาก็เริ่มซุกซนลูบไล้ไปตามสีข้างของร่างบางที่มีองค์ประกอบไปทั้งเอวที่เล็กคอดหน้าท้องแบนราบและหน้าอกหน้าใจคับHที่ไร้ชุดชั้นในปกปิด “อื้อ!”ร่างบางที่กัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงหวานครางกระเส่าของเธอดังไปถึงร่างสูงโปร่งของขุนณรงค์ที่ยังคงดูดดึงซุกไซ้ซอกคอของเธออย่างไม่ยอมผละออกไป“หึ….ถ้าเสียวเนี่ย…ก็ร้องออกมาเถอะ..”ขุนณรงค์ละใบหน้าหล่อขึ้นมามองใบหน้าหวานใสของฐิติมนที่แววตากลมโตของเธอกำลังจับจ้องใบหน้าหล่อของเขาอยู่อย่างไม่วางตา ทั้งคู่จับจ้องแววตาของกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร พรึบ“หึ…..”ขุนณรงค์หัวเราะออกมาเมื่อเขาเลื่อนสายตาก้มต่ำลงมามองหน้าอกหน้าใจที่ตอนนี้มีตุ่มเล็กๆได้แข็งชูชันผ่านผ้าเสื้อสายเดี่ยวตัวบางของฐิติมนออกมาแล้ว ทำให้เขารู้ทันทีว่าคนใต้ร่างของเขาก็มีอารมณ์เหมือนกัน“อื้อ”ฐิติมนเเบือนหน้าหนีขุนณรงค์พลางกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่นเมื่อขุนณรงค์ได้ก้มหน้าลงไปซุกไซ้เต้าอวบของเธอแทนอย่างรุนแรงและหื่
“และฉันก็ไม่ได้อยากให้ความสัมพันธ์วันไนท์สแตนด์กับเธอ….เพราะฉันอยากจะสานสัมพันธ์กับเธอไปนานๆ…ไม่ได้รู้จักเพียงแค่ชั่วข้ามคืนและพอเช้าก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป…”“หรือให้เงินและจบ…”ขุนณรงค์เอ่ยจบและจ้องมองใบหน้าหวานที่เธอนอนฟังเขาพูดอยู่อย่างเงียบๆและกำลังสู้ทนกับความเจ็บปวดและความเสียวซ่านที่แก่นกายความเป็นสาวของเธอ“อย่าพูด…ว่านายรักฉัน…”“เพราะถ้านายรักฉันจริงๆ….นายไม่เที่ยวไปนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้าแบบนั้นหรอก…”ฐิติมนเอ่ยบอกขุนณรงค์ไป แววตาของเธอนิ่งเฉยทำให้ขุนณรงค์หัวใจกระตุกวูบลงที่เธอเอ่ยพูดแบบนี้ออกมา เพราะนิยามความรักสำหรับเขาไม่ใช่แค่คนสองคนรักกันหรือมีอะไรกันโดยไม่นอกใจนอกกายคนรักและทำให้คนทั้งสองฝ่ายที่รักสบายใจแค่นั้น แต่นิยามความรักของเขามันเป็นการทำให้คนที่รักใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมีเงินใช้โดยที่เขาไม่เคยรู้เลยว่า เธอฐิติมนคิดแบบนี้หรือทุกคนอาจจะคิดแต่เขาไม่ได้คิดแบบนี้ การที่เขาชอบนอนกับคู่นอนหลายคนแต่เขาไม่ได้คิดอะไรกับพวกเธอ เขาก็แค่คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายอย่างเขา เพราะนิยามความรักของแต่ละคนมันแตกต่างกัน“หึ….ฉันก็แค่พูดถึงเมื่อก่อน…ตอนที่ฉันรักเธอ…แต่ตอนนี้…
ขุนศึก ขุนณรงค์…..พรึบแจ๊ะ แจ๊ะ“อื้อออออ”เสียงหวานครวญครางกระเส่าของเอริทำให้ผมแทบคลั่งพร้อมกับน้ำหวานที่ไหลซึมออกมาจากตรงกลางร่องสวาทสวยอมชมพูของเธอที่ตอดขมิบนิ้วเรียวของผมที่สอดแทรกเข้าออกช่องทางรักของเธออยู่อย่างช้าๆเพื่อสร้างความเสียวซ่านให้แก่เธอ“อื้ออออ๊ะๆๆๆๆๆๆ”เธอครางถี่ขึ้นเมื่อผมสอดใส่นิ้วเรียวหนึ่งไปอีกนิ้วหนึ่งเพื่อแหวกภายในร่องสวาทของเธอให้กว้างขึ้นและก้มหน้าลงไปที่หว่างขาของเธอและค่อยๆยื่นปลายลิ้นสากเข้าไปหาเม็ดกระสันของเธอที่เป็นสีชมพูสดน่ารักน่าเอ็นดู“แผล๊บๆๆ”ผมใช้ปลายลิ้นตวัดขึ้นลงหยอกเย้าไปกับปุ่มกระสันที่เป็นจุดเสียวของผู้หญิงทุกคนรวมไปถึงเอริเองก็ด้วย“อื้อ…”เอริครางกระเส่าพลางยกความเป็นสาวขึ้นลงสู้กับปลายลิ้นสากของผมอย่างทั้งทุกข์และสุข ลมหายใจของเธอหอบถี่พร้อมกับมือน้อยๆของเธอที่ยื่นมือมาขยุ้มกลุ่มผมของผมอย่างเบาๆและเริ่มแรงขึ้นตามความเสียวซ่านที่ผมมอบให้เธอแจ๊ะๆๆๆๆๆๆ“แผล๊บๆๆๆๆ”“ซู๊ดดดดดดดด”ผมดูดดึงคลิตอริสสีชมพูสดใสของเธอจนร่างเล็กสั้นสะท้านยกสะโพกขึ้นสูงพลางใช้มือกดศีรษะของผมให้แนบชิดไปกับร่องสวาทของเธอ จนน้ำหวานไหลเลอะติดเต็มจมูกโด่งและแก้มของผมรวมไปถึง
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข