“เขาก็ไม่โง่พอที่จะยอมเสียเงินให้ผู้หญิงโดยไม่ได้เอาแบบนาย…”ฐิติมนว่าพร้อมกับใช้สายตาคู่สวยหวานมองจ้องหน้าขุนณรงค์ไปด้วยแววตาสมเพช“เอริ!!”ขุนณรงค์ตะโกนใส่หน้าฐิติมนอย่างไม่พอใจ ถึงแม้ฐิติมนจะแอบกลัวแต่เธอก็พยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุด เพื่อท้าทายอำนาจมืดของเขาพรึบ“หึ….ฉันคิดถูกแล้วที่เลิกกับผู้ชายสำส่อนแบบนาย…”“สำส่อน?”ขุนณรงค์มองใบหน้าหวานของฐิติมนพลางกดเสียงต่ำทวนคำพูดของเธอที่ว่าเขา“ใช่….ผู้ชายไม่รู้จักพอ…อุ๊บ”ฐิติมนยังพูดไม่ทันจบก็ถูกขุนณรงค์ประกบริมฝีปากอย่างไวด้วยอารมณ์ดิบเถื่อนและอารมณ์กรุ่นโกรธทำให้ริมฝีปากของฐิติมนแตกเลือดสีแดงสดเริ่มไหลซึมออกมามือหนาของขุนณรงค์ก็ลูบไล้ไปตามเรือนร่างของฐิติมนอย่างรุนแรงไปหยุดอยู่ที่หน้าอกคัพHของเธอและคว้าจับหน้าอกอวบอิ่มของเธออย่างรุนแรงพรึบ“อื้อออ!”ฐิติมนร้องเสียงหลงพยายามใช้มือน้อยๆของเธอผลักมือหนาของขุนณรงค์ให้ถอยออกไปจากหน้าอกของเธอ แต่เขาก็ไม่ยอม เขากลับบีบคลึงหน้าอกของเธออย่างรุนแรงจนทำให้บราปีกนกสีเนื้อที่ปกปิดยอดปทุมถันของเธออยู่หลุดออกมาจากเต้าอวบอิ่ม“อื้ออออ”“แผล๊บๆๆๆจ๊วฟฟ”ขุนณรงค์ทั้งกัดริมฝีปากของฐิติมนทั้งดูดดื่มหยอกเย้าลิ้
เอริ ฐิติมน.......เฟี้ยวตุ๊บ!“โอ้ย…ฉันเจ็บนะ!!”ฉันตะโกนบอกขุนศึกไปในขณะที่เขาจับร่างของฉันเหวี่ยงลงไปบนที่นอนในห้องนอนของฉันอย่างเต็มแรงทำให้ฉันรู้สึกจุกที่ท้องน้อยขึ้นมา“เจ็บเหรอ….แล้วทีเธอทำกับฉัน…”ขุนศึกที่ยืนมองฉันอยู่ปลายเตียงเอ่ยถามฉันกลับมาเสียงเรียบตึงแววตาดุดันแดงก่ำจนน่ากลัวะ“เธอไม่คิดว่าฉันจะเจ็บบ้างเหรอวะ?”เขาพูดไปแวบหนึ่งฉันแอบเห็นแววตาของเขาสั่นไหว“ฉันทำอะไร?”ฉันจึงเลือกที่จะถามเขาไปว่าฉันทำอะไรเขา เขาก็มองฉันตาขวางจ้องเขม่นไม่พอใจฉันเป็นอย่างมาก“เธอแอบคบชู้กับไอ้จอมพล!”ขุนศึกพูดออกมาด้วยแววตาแข็งกร้าวน้ำเสียงและสีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเขากำลังโกรธมาก“ใครบอกนาย?”คำพูดของขุนศึกทำให้ฉันงุนงงและแอบตกใจที่เขาคิดว่าฉันคบชู้กับคุณจอมพล“ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้แหละมั้ง…ท่าทางร่านๆของเธอมันแสดงออก…”ขุนศึกว่าฉันพลางใช้สายตาเหยียดหยามมองร่างกายที่เสื้อผ้าของฉันขาดหลุดลุ่ยด้วยน้ำมือของเขา ฉันก็ยกมือขึ้นมาปกปิดหน้าอกของตัวเองที่มันเปลือยเปล่าท้าทายสายตาของขุนศึกอยู่“ที่เธอเคยบอกฉันว่า….ผู้ชายคนอื่นที่เห็นเธอแก้ผ้าต่อหน้าเอาเธอทุกคนยกเว้นฉัน…”“วันนี้…..ฉันจะเอาเธอบ้าง…ไหน…แก้ผ้าใ
“ไม่นะ…”ฉันร้องห้ามขุนศึกที่ตอนนี้เขากำลังจะก้มหน้าลงไปหาความเป็นสาวของฉันอีกครั้ง เขาก็หยุดกระชักและเงยหน้ากลับมามองหน้าฉันพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง“ทำไม….ไหนเมื่อก่อนเธออยากเป็นของฉันนักไม่ใช่เหรอไง?”“ที่จริง…ฉันก็ช่วยเธอสำเร็จความใคร่ด้วยปลายลิ้นกับนิ้วของฉันมาตลอดเวลา”“และไอ้เรือนร่างของเธอ….ฉันก็เห็นจนมันเบื่อแล้ว….”เขาพูดด้วยเสียงเยือกเย็น แววตาที่ก้มมองเรือนร่างของฉันในขณะพูดไปด้วยของเขาก็เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามทำให้ฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดในหัวใจ บางทีฉันกับขุนศึกเราอาจจะจบกันแล้วจริงๆก็ได้ เขาคงไม่ได้รักฉันอีกต่อไปแล้วซึ่งนั้นมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอไง“ถ้าจะเอา….ก็ใส่ถุงด้วยล่ะกัน….”ฉันจนใจเลยต้องพูดคำนี้ออกไป ทำให้ขุนศึกมองหน้าฉันด้วยแววตาตกใจแวบหนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสายตานิ่งเฉย“เพราะนายมันสกปรก”ฉันพูดต่อพลางมองหน้าเขาด้วยแววตาขยะแขยงและรังเกียจ เขาก็กระตุกยิ้มที่มุมปากแววตาดุดันจ้องมองฉันกลับพรึบฉันนอนมองจ้องขุนศึกที่ทันทีที่ฉันพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืนปลดเข็มขัดของเขาออกพร้อมกับถอดกางเกงผ้าสแล็คเนื้อดีพร้อมกับกางเกงในของผู้ชายออกไปจากเรือนร่างของเขา จนร่างกายของเขาเปลือยเปล่าต
เอริ ฐิติมน….พรึบ โพล๊ะ“กรี๊ดดดดดดดด!”ฉันกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อขุนศึกได้ดันลำกายใหญ่ของเขาเข้ามาในร่องสวาทของฉันทีเดียวมิดลำและทีเดียวหนักหน่วงด้วยจนเยื่อพรหมจรรย์ได้ฉีกขาดไปอย่างรุนแรงโดยไม่ได้รับความทนุถนอมและความนุ่มนวลเลยสักนิด“อื้ออ…เจ็บ…”ฉันร้องออกไปพร้อมนำ้ตาของฉันเริ่มไหลออกมาจากที่กลั้นไว้อยู่นาน ขาของฉันสั่นระริกด้วยความเจ็บ ร่างกายของฉันสั่นสะท้านไปทั้งร่างทำให้ขุนศึกที่ก้มหน้ามองจุดเชื่อมของเราสองคนอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันทันที แววตาที่เคยเเข็งกร้าวก่อนหน้านี้ได้หายไปกลายเป็นแววตาอ่อนโยนและรู้สึกผิดขึ้นมาแทน“เอริ….”เขาเรียกฉันเสียงแผ่วเบาแววตาของเขาสั่นไหว“ไง….สะใจนายรึยัง?”ฉันเอ่ยถามเขาไป เขาทำท่าจะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉัน แต่ฉันกลับปัดมือของเขาให้ถอยห่างออกไปจากฉันอย่างเเรง“เเล้วริ…ยั่วโมโหขุนทำไมอ่ะ…?”“จะทำก็ทำให้จบดิ…”ฉันเอ่ยบอกเขาไป ทำให้ขุนศึกมองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจ ฉันก็ใช้มือของฉันปาดคราบน้ำตาของฉันให้ออกไปให้พ้นจากใบหน้าของฉัน“รีบๆทำให้เสร็จ….ความสัมพันธ์ของเราจะได้จบลงสักที!”ฉันตะโกนเสียงดัง“ริ….”ขุนศึกเรียกฉันเสียงแผ่วเบาใบหน้าหล่อของเข
“อื้ออออ”ฉันครางถี่รัวพลางทำหน้าเหยเกอย่างสุขสมเมื่อขุนศึกอ้าปากและดูดดื่มยอดปทุมถันของฉันอย่างอ้อยอิ่งและนุ่มนวลส่วนมือหนาก็ทำการบีบเคล้าคลึงเต้าอวบทั้งสองข้างอย่างนุ่มนวลจนฉันเสียวซ่านลืมความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ไปหมดทั้งสิ้น“อื้อออออ”เสียงทุ้มคำรามออกมาเมื่อเขาใช้ใบหน้าหล่อซุกไซ้ฟัดไปกับหน้าอกหน้าใจที่ขาวนวลของฉันอย่างเอาแต่ใจ“ขุนไม่ไหวแล้วอ่ะริ….”ขุนศึกเงยหน้าขึ้นมาจากเต้าอวบของฉันพลางเอ่ยบอกฉันด้วยใบหน้าหล่อที่กำลังเหยเกฉันก็นอนมองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่เหยเกไม่ต่างจากเขาเช่นกัน“อื้อออ….ขุน…”ฉันเอ่ยเรียกขุนศึกที่เขาใช้มือมั้งสองข้างยันตัวออกไปจากร่างของฉันและทำท่าจับขาทั้งสองข้างของฉันอ้าออกให้กว้างมากกว่าเดิมและเขาก็ลุกขึ้นนั่งยองๆขึ้นมา ฉันรู้สึกเจ็บแวบที่ใจกลางความเป็นสาวขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าความเป็นสาวของฉันได้อ้าออกไปตามความกว้างของการอ้าขาของฉันด้วย“ขุนจะทำเบาๆนะครับ….”ขุนศึกเอ่ยบอกฉันพลางยิ้มบางๆให้ฉัน ฉันก็นอนมองหน้าเขาเฉยไม่ได้ตอบหรือพูดอะไรกับเขาไป เพียงแค่ยื่นมือทั้งสองข้างไปจับหมอนที่ฉันหนุนศีรษะอยู่อย่างแน่นเพื่อให้ความเจ็บที่ปะปนกับความเสียวซ่านที่ร่องสวาทของฉันได้คลาย
“แต่ขุนไม่เอาออก….”ขุนศึกพูดต่อด้วยแววตานิ่งเฉยเหมือนเขาจงใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว “เพื่อ?”ฉันเอ่ยถามเขาไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจเขา “ก็ขุนอยากปล่อยในตัวริ….” “หึ!”ฉันหัวเราะออกอย่างรู้สึกสมเพชตัวเอง ที่ยอมให้เขาได้ทำอะไรแบบนี้ ทั้งๆที่เราสองคนเลิกกันแล้ว พรึบ “อื้อ!”ฉันร้องออกมาเมื่อฉันได้ยันตัวลุกขึ้นนั่งและใช้มือผลักหน้าท้องแกร่งของขุนศึกให้เขาถอยห่างออกไปจากตัวฉันและฉันก็ขยับร่างกายของฉันให้ถอยห่างออกมาจากตัวเขา ทำให้ลำกายใหญ่ของเขาหลุดออกไปจากร่องสวาทของฉันจนฉันรู้สึกเจ็บวาบและรู้สึกโล่งๆแปลกจึงร้องออกมา “ริ?”ขุนศึกมองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจและงุนงงสงสัยปะปนกัน ฉันก้มหน้าลงมองไปสบเข้ากับเลือดสีแดงสดที่ไหลรินออกมาจากร่องสวาทของฉันที่มันปะปนมากับน้ำสีขาวขุ่นของขุนศึกที่มีปริมาณมากติดเลอะที่นอนสีขาวของฉันเต็มไปหมด “กลับไปได้แล้ว…”ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปเสียงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกหน้าตานิ่งเฉยอย่างคนที่เย็นชา เขาก็มองหน้าฉันพลางขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “ความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์ของเรา….มันจบลงแล้วขุนศึก….”ฉันบอกขุนศึกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แววตาของฉันที่จ้องมองแววตาของขุนศึกมันว่างเปล่าไร้คว
“เพราะฉันรักเธอได้….”“ฉันก็เกลียดเธอได้เหมือนกัน….เอริ!”ผมพูดบอกเธอเสียงเข้มพลางจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ เธอคงรับรู้ได้ว่าอารมณ์ของผมตอนนี้มันเป็นยังไง เพราะสรรพนามที่ผมใช้แทนกับเธอมันได้เปลี่ยนไปแล้ว“และฉัน….จะคิดเธอทุกบาททุกสตางค์กับค่าโง่ที่ฉันเคยสูญเสียให้เธอไป….”ผมบอกเธอเสร็จก็ก้มหน้าลงไปซุกไซ้ซอกคอของเธออย่างรุนแรงตามอารมณ์ที่ทั้งโกรธทั้งโมโหทั้งน้อยใจเธอ“อื้ออ….“เอริไม่ได้ผลักไสร่างกายของผมออกไปแต่เธอกลับนอนนิ่งๆให้ผมได้ทำร้ายและเสพสุขจากเรือนร่างที่สุดแสนจะเพอร์เฟคของเธอ ผมบีบคลึงเต้าอวบอิ่มทั้งสองเต้าที่มีขนาดใหญ่โตและขาวนวลเนียนราวกับซาลาเปาที่มียอดประดับด้วยสีชมพูที่แข็งชูชันจนน่าดูดดึง“แผล๊บๆ”ผมก้มหน้าลงมาซุกไซ้เต้าอวบของเธอและทำรอยรักทุกครั้งที่ปลายลิ้นของผมเลื่อนผ่านความหวานของร่างกายของเธอและกลิ่นตัวหอมเฉพาะของเธอกำลังทำให้ผมคุ้มคลั่ง“จ๊วฟฟฟจ๊วฟฟ”ผมดูดดื่มยอดปทุมถันสีชมพูที่แข็งชูชันท้าทายสายตาของผม ผมทั้งดูดทั้งดึงจนได้ยินเสียงครางเบาๆที่เธอพยายามอัดอั้นมันไว้เพื่อไม่ให้ผมได้ใจว่าเธอกำลังเสียวซ่าน เธอแอ่นหน้าอกของเธอขึ้นลงสู้ปลายลิ้นร้อนของผม ผมจัดการใช้มือทั้งสองข้
“อื้ออออออ!”เสียงเอริร้องออกมาด้วยความเจ็บปะปนกับความเสียวซ่านที่ผมค่อยๆดันลำกายใหญ่ของผมเข้าไปในร่องสวาทของเธออย่างช้าๆเพราะด้านในของเธอตอดผมถี่รัวและคับแน่นจนทำให้ผมรู้สึกปวดหนึบที่เจ้ามังกรยักษ์ของผม ครั้งนี้เข้าง่ายกว่าครั้งแรกเพราะผมกับเธอเพิ่งจะมีอะไรกันได้ไม่นานร่องสวาทของเธอยังไม่ได้คืนตัวบวกกับน้ำหวานของเธอที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายอีกเลยง่ายต่อการสอดใส่ “อ๊าาาาาาาห์!”ผมร้องครวญครางออกมาอย่างเสียวซ่านเมื่อผมได้ดันลำกายใหญ่ของผมจนสุดโคนและใช้มือทั้งสองข้างบีบคลึงก้นกลมกลึงขาวเนียนของเอริเป็นที่ยึดและเป็นที่ผ่อนคลายความเสียวของลำกายใหญ่ลงได้บ้าง “โคตรเสียว….แน่นชิบ…เอริ…”ผมเอ่ยออกมาในขณะที่ผมแช่ท่อนเอ็นยักษ์ของผมค้างไว้ในร่องของเธอที่ตอดผมถี่รัวจนผมแทบจะหลั่ง “อื้อออ…”เอริเองก็ครวญครางเสียงกระเส่าเมื่อผมค่อยๆขยับท่อนเอ็นของผมอย่างช้าๆเนิ่บๆเพื่อให้ร่องสวาทของเธอปรับตัวให้เข้ากับท่อนเอ็นยักษ์ของผมที่มีขนาดใหญ่ากว่าผู้ชายไทยทั่วๆไป “อื้อออออ” เพลี๊ะ! ผมอดใจไม่ไหวที่เอริล่อนสะโพกไปมาสู้กับท่อนเอ็นยักษ์ของผมที่เริ่มกระแทกเข้าหาร่องสวาทของเธอถี่รัวและหนักหน่วงขึ้นทำให้ร่าง
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข