“อ๊ะ….หยุดทำไมคะ?”นามิลืมตามองผมทันทีที่ผมหยุดการกระทำของผมลงเพราะเธอมองหน้าผมอย่างขัดใจเพราะเธอกำลังฟินน่ะสิ“เธอ….พอดีพี่ไม่ว่างแล้ว…”ผมบอกเธอไปแต่ผมเลือกที่จะไม่ถามเธออย่างที่ผมสงสัย เพราะดูจากการเหตุการณ์แล้วผมไม่น่าจะข่มขืนเธอน่ะ ผมเริ่มครุ่นคิดจนหมดอารมณ์ที่จะสานต่อกับนามิแล้ว“นามิกลับบ้านไปก่อนเถอะ….พี่อยากอยู่คนเดียว..”ผมบอกเธอและขยับร่างกายเปลือยเปล่าของผมออกมาจากเธอหมายจะลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่อไปอาบน้ำชำระร่างกาย“แล้วเรื่องของเราล่ะค่ะ….”“เรื่องของเรา?”ผมหันไปมองหน้าเธอพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัยในขณะที่ผมลุกขึ้นยืนล่างข้างของเตียงนอนได้แล้ว โดยที่ผมกำลังหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาพันรอบเอวสอบของผมอยู่“ก็….ที่เรา….”“เสียใจด้วยนะ….เพราะจะไม่มีการรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น….เพราะเธอเป็นฝ่ายเข้ามาเสนอตัวเอง…”ผมบอกเธอไป เธอก็มีสีหน้าไม่พอใจทันที แต่ผมก็ไม่สนใจเธอเดินมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนของผมเพื่อจะอาบน้ำชำระอาการปวดศีรษะของผมเพื่อให้มันผ่อนคลายลงได้บ้าง บางทีผมก็อยากให้เรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้นกับผม เป็นเพียงแค่ความฝัน ฝันว่าเอริเลิกกับผม…แต่ในความจริงเธอยังรักและอยู่ข้า
“หึ…..กูจำเป็นต้องกลัวไหมวะ?”ไอ้จอมพลเลิกคิ้วมองหน้าผมอย่างท้าทาย ทำให้ผมกำหมัดแน่นกัดฟันกรามดังกรอดๆด้วยความโมโห“คุณขุนศึกคะ….คุณท่านรออยู่ค่ะ…”เสียงแหบแห้งอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนของป้าบัวทำให้ผมละสายตาไปจากไอ้จอมพลหันไปมองร่างอ้วมท้วมที่เธอเดินไม่ค่อยไหวของป้าบัวแทน ตึกๆๆๆ“ไม่เห็นต้องเดินมาตามเลยหนิครับ…”ผมรีบวิ่งไปประคองป้าบัวทันทีและเอ่ยบอกท่านไปด้วยความเป็นห่วง เพราะท่านคือคนที่เอริรักและเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เอริมี ท่านเป็นป้าของเอริก็เหมือนเป็นคุณป้าของผมด้วยเหมือนกัน“คุณท่านคอยนานแล้วนะคะ….กลัวท่านจะกริ้วและโกรธคุณขุนศึกไปมากกว่านี้…”ป้าบัวบอกผมด้วยความเป็นกังวล ท่านเป็นห่วงผม ผมรับรู้ได้ ผมจึงคลี่ยิ้มบางๆให้ป้าบัว“ขอบคุณครับ…ป้าบัวไปพักผ่อนเถอะครับ…เดี๋ยวผมจะเข้าไปหาคุณแม่เดี๋ยวนี้แหละ…”“ใจเย็นๆนะคะ….ใช้สติ…แก้ปัญหา…อย่าให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลนึกถึงตัวเอง…ไว้ให้มากๆนะคะ…”คำพูดที่หวังดีและแววตาที่อบอุ่นใจดีของป้าบัวทำให้ผม รู้สึกใจสั่นเพราะเอริมักจะบอกผมแบบนี้เป็นประจำในวันที่ผมเจอปัญหามากมายแต่วันนี้ เธอกลับมาทิ้งผมไปแล้ว ผมรู้ตัวว่าไม่มีใครทำผิดนอกจากผมคนเดียวเท
ในขณะเดียวกัน21:00น.บ้านเอริ เอริ ฐิติมน…พรึบตุ๊บ“เป็นอะไร…เอริ?”เสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงจากเพลงขวัญที่นั่งอยู่ข้างๆฉันเอ่ยขึ้นทันทีที่ฉันปล่อยโทรศัพท์เครื่องหรูของฉันหลุดจากมือทันทีที่เห็นคลิปวาบหวิวในแอพพลิเคชันไลน์ที่คุณหญิงนฤมิตรส่งมาให้ฉันดู“เอริ….”ขวัญเอ่ยเรียกชื่อฉันเสียงแผ่วเบาก่อนที่เธอจะก้มตัวลงไปหยิบโทรศัพท์ของฉันที่ตกสู้พื้นพรมในห้องนั่งเล่นขึ้นมาดูวีดีโอที่ทำให้ฉันถึงกับตกตะลึงพูดไม่ออกน้ำตาเอ่อคลอรู้สึกจุดในอกไปหมด พรึบขวัญเอามือปิดปากตัวเองแววตาของเธอเบิกโตขึ้นอย่างคนที่ตกใจมากๆไม่ต่างจากฉันที่เห็นวีดีโอในโทรศัพท์ มันคือวีดีโอการมีความสัมพันธ์แบบสวิงกิ้งของผู้หญิงหนึ่งคนและผู้ชายอีกสามคน หนึ่งในสามคนนั้นมีขุนศึกร่วมอยู่ด้วย ซึ่งเขาคือคนที่นอนให้ผู้หญิงคนนี้ขึ้นขย่มถึงแม้ว่าเขาจะหลับตาพริ้มอยู่มันก็ยิ่งตอกย้ำให้ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้สนใจฉันจริงๆเพราะเขากำลังเสพสมกับผู้หญิงคนอื่นโดยที่ฉันเพิ่งจะบอกเลิกเขาไป“ฉันบอกแกแล้ว….”“เอริ….”ขวัญเงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูมามองหน้าฉันก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อฉันเสียงแผ่วเบา ฉันก็มองหน้าขวัญพลางคลี่ยิ้มบางๆให้เธอ“ถ้าฉัน
“ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก^_^”“จ้าาาาาา”ฉันลากเสียงยาวอย่างล้อเลียนขวัญ เธอก็เบะปากให้ฉันก่อนจะปิดประตูรถด้านของเจไดและเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ โดยมีฉันยิ้มกริ่มพร้อมยกมือโบกบ๊ายบายเธอ ฉันยืนรอส่งขวัญจนรถของเธอแล่นออกไปพ้นประตูบ้านฉันเรียบร้อย ฉันถึงจะเดินเข้าบ้านใหม่ที่ขุนศึกซื้อให้ฉัน โดยที่ประตูรั้วเป็นแบบอัตโนมัติเมื่อมีเลเซอร์ว่ามีรถกำลังจะเข้าหรือออกจากประตู ประตูรั้วบ้านใหญ่ก็จะค่อยๆเปิดออกต้อนรับและส่งคนให้ออกจากบ้านทันที ฉันจัดการอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานแต่เช้าในแผนกใหม่ของฉัน….ที่ไม่ใช่แผนกเดิม ถามว่าฉันรู้สึกเจ็บไหมที่เห็นขุนศึกยังคงใช้ชีวิตได้ปกติ ฉันก็รู้สึกเจ็บและแย่นะ แต่เขายังใช้ชีวิตปกติได้เลย แล้วทำไมฉันจะทำแบบที่เขาทำไม่ได้ล่ะ ในเมื่อคำที่เขาเคยพูดบอกฉันว่า เขาจำชีวิตตอนที่ไม่มีฉันไม่ได้แล้ว ทั้งที่การกระทำของเขามันสวนทางกับคำพูดซะเหลือเกิน บางทีเขาอาจจะรู้เฉยๆก็ได้ว่าการที่มีฉันในชีวิตของเขา กลับไม่มีฉันในชีวิตเขามันก็เหมือนกัน มันมีค่าเท่ากันเพราะเขาไม่เคยให้ความสำคัญอะไรกับฉันเลย….วันต่อมาบริษัท KA08:00น.เอริ ฐิติมน…..“พี่เอริ…ขอบ
พรึบ “ไอ้เหี้ยจอม!” พรึบ ตุ๊บ โพล๊ะ “คุณจอมพล!!”ฉันร้องเสียงหลงอย่างตกใจทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกร่างของคุณจอมพลก็โดนขุนศึกที่รออยู่หน้าประตูลิฟต์กระชากไปทันทีและขุนศึกก็จัดการปล่อยหมัดใส่หน้าคุณจอมพลอย่างเต็มแรงจนร่างของเขาเซเสียหลักล้มลงพื้นไปตามแรงต่อยของขุนศึก พรึบ “เป็นอะไรไหมคะ?”ฉันรีบวิ่งถลาเข้าไปหาร่างของคุณจอมพลพลางนั่งคุกเข่าลงตรงข้างๆเขาและจับร่างของเขาขึ้นประคองไว้ในอ้อมแขนของฉันอย่างนุ่มนวล “ไม่เป็นไร…”คุณจอมพลตอบฉันพลางใช้ปลายนิ้วโป้งปาดเลือดสีแดงสดที่มุมปากของเขา “เอริ?”ขุนศึกเอ่ยเรียกฉันเสียงแผ่วเบา ฉันจึงละสายตาจากใบหน้าของคุณจอมพลไปมองหน้าขุนศึกที่เขามาอยู่ที่นี้ได้ยังไงและดูจากสภาพเหมือนเขาไม่ได้เพิ่งมาแต่เหมือนเขาอยู่ที่นี้ตั้งแต่เมื่อคืนหรือไม่ก็เมื่อวาน? เพราะเสื้อเชิ้ตที่หลุดลุ่ยจากกางเกงของเขาและทรงผมที่ยุ่งเหยิงกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณที่มันออกมาจากตัวของเขาทำให้ฉันรู้แน่ชัดว่าเขาอยู่ที่นี้มาก่อนไม่ใช่เพิ่งมา เพราะขุนศึกไม่มีทางเข้าบริษัทในเวลาเช้าแบบนี้แน่นอน “เธอเป็นห่วงมันเหรอ?”เขากดเสียงต่ำเอ่ยถามฉันแววตาของเขาสั่นไหว ฉันก็มองหน้าเขา
20:00น.บ้านเอริ…เอริ ฐิติมน….พรึบ“ขอบคุณนะคะ…ที่มาช่วยริขนของ…”ฉันเอ่ยขอบคุณคุณจอมพลไปอย่างสุดซึ้งในน้ำใจของเขา เขาที่วางลังกระดาษลังใหญ่ที่ด้านในบรรจุของใช้ของฉันที่นำมาจากคอนโดลงสู่พื้นห้องโถงของบ้านฉันและหันมามองหน้าฉัน“ไม่เป็นไร…พี่เต็มใจ^_^”เขาบอกฉันพลางยิ้มหวานให้ฉัน ฉันก็ยื่นน้ำหวานให้เขาได้ดื่มให้ชื่นใจ เขาก็ยื่นมือมารับน้ำหวานไปจากฉันในขณะนั้นมือของเราสองคนแตะโดยบังเอิญ ฉันจึงต้องค่อยๆเอามือออกมาจากแก้วน้ำหวาน“พอเวลาอยู่นอกเวลางาน…พี่ต้องการให้เธอเรียกพี่ว่าพี่…”“เกรงว่าจะไม่เหมาะ…”ฉันเอ่ยจะเเย้งคุณจอมพลไป เพราะฉันเป็นแค่ลูกจ้างของเขาจะให้ไปเทียบเท่าเขาได้ยังไง“งั้นเธอก็ไม่ต้องมาทำงานให้ฉัน…”คุณจอมพลเอ่ยเสียงเข้มเพื่อตอกย้ำว่าเขาพูดและทำจริง“ก็ได้ค่ะ…..พี่จอมพล…”ฉันจึงต้องจำใจยอมรับข้อเสนอของเขาไปอย่างไม่มีทางเลือก“พี่จอมเฉยๆ”เขาว่าพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างกดดัน“ค่ะ….พี่จอม”“น่ารักมาก….^_^”คุณจอมพลเอ่ยชมฉันพลางยิ้มกริ่มก่อนจะดื่มน้ำหวานสีแดงสวยที่อยู่ในมือเขาจนหมดแก้ว“ไอ้ขุน….ซื้อให้เหรอ?”“ค่ะ…”ฉันตอบคุณจอมพลไปในขณะที่เขามองไปรอบๆห้องโถงบ้านหลังนี้ และเขาก็พย
“เอ่อ…”“ห้ามปฏิเสธ^_^”“ค่ะ…”“งั้นพรุ่งนี้เจอกันครับ….เลขาคนสวยของผม^_^”คุณจอมพลขยิบตาให้ฉันหนึ่งทีก่อนจะยิ้มกริ่มและเดินผละออกจากฉันไปยังรถสปอร์ตของเขา ฉันก็ยืนรอให้รถของคุณจอมพลแล่นออกไปจากรั้วบ้านของฉันก่อนถึงฉันจะเดินเข้าบ้าน เพราะของที่ฉันจะต้องจัดให้เข้าที่เข้าทางยังรอฉันอยู่อีกเยอะเลย พรึบ“เห้อ….”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาพลางปล่อยใจให้คิดเรื่องของฉันกับขุนศึก เราเคยมีกันอยู่มาตั้งหลายปี พอเขาหายไปแบบนี้ ใจของฉันก็หายไปเหมือนกันนะ “ป่านนี้…เธอคงจะไปมั่วสุมอยู่กับผู้หญิงคนไหนสักคนที่ผับไหนสักแห่งสินะ…หึ^_^”ฉันเอ่ยออกมาพลางยิ้มเยาะตัวเองที่เอาแต่คิดถึงเรื่องของผู้ชายที่ทำให้ฉันร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็น่าแปลกที่ฉันยังรักและคิดถึงเขาอยู่ได้พรึบกึก“พี่จอม…ลืมอะไรรึเปล่าคะ?”ฉันเอ่ยถามคุณจอมพลไปทันทีอย่างสงสัยที่ได้ยินเสียงเหมือนใครสักคนเดินเตะข้าวของที่วางอยู่ที่พื้นห้องโถงด้านหลังที่ฉันนั่งเลือกของอยู่พรึบ“ขุนศึก?”ฉันเอ่ยเรียกชื่อขุนศึกไปด้วยความตกใจที่พอฉันหันมากลับเป็นขุนศึกที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันไม่ใช่คุณจอมพลอย่างที่ฉันเข้าใจ“ทำไม….เสียใจเหรอ…ที่เป็นขุนอ่ะ?”เขาเอ่ยถามฉันมาด
“วันนี้ฉันจะมอบสิ่งที่ผู้หญิงร่านๆอย่างเธอต้องการมาตลอดให้เธอได้อย่างสาสมใจ”ขุนณรงค์ว่าเสียงเข้มก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย ภายในใจของเขาร้อนรุ่มไปด้วยไฟแห่งความแค้นที่เขาเข้าใจว่าอดีตแฟนสาวของเขาฐิติมนขอเลิกกับเขาเพราะหล่อนไปคบชู้กับพี่ชายต่างแม่ของเขาตามคำบอกเล่าของ นามิกาว่าที่คู่หมั้นของเขาตอนแรกเขาก็ฟังหูไว้หูแต่มาเจอเข้ากับตาวันนี้แถมเจ้าหล่อนยังลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการส่วนตัวของเขาไปเป็นเลขาธิการส่วนตัวของพี่ชายต่างแม่ของเขาเสียอีกแล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาเชื่อคำพูดของนามิกาได้อย่างไง“นายจะทำอะไรอ่ะ…”“เราเลิกกันแล้วนะ”ฐิติมนพยายามทำน้ำเสียงของเธอให้เป็นปกติที่สุด ถึงแม้ภายในใจของเธอจะหวาดกลัวคนตรงหน้าที่เคยเป็นแฟนที่อ่อนโยนกับเธอเสมอมาก็ตามพรึบ“หึ….เธออยากได้ไม่ใช่เหรอ….”“เธออยากมีอะไรกับฉันจนตัวสั่นเลยหนิ…”ขุนณรงค์ว่าพร้อมกับจ้องมองใบหน้าหวานสวยด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม“วันนี้ฉันจะสนองให้เธอเอง….”ขุนณรงค์ว่าต่อด้วยน้ำเสียงเข้มแววตาดุดันเขาใช้มือเพียงข้างเดียวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เหม็นไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ของเขา ฐิติมนจ้องมองหน้าขุนณรงค์ด้วยแววตาสั่นไหว เธอกลัวแทบจะข
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข