"คุณทนายตามสืบจนเจอนักลงทุนจอมปลอมคนนั้นแล้วนะ""คนที่มาหลอกแม่มึงให้ร่วมธุรกิจน่ะ....เขาให้การว่าเขาโดนแก้มหวานจ้างให้เข้าไปหลอกแม่แกร่วมลงทุนด้วย....โดยเงินนั้นเป็นเงินที่ผิดกฏหมายจริงๆถึงขั้นร้ายแรงเลยล่ะ"คุณจอมพลว่าต่อ พลางจ้องมองหน้าขุนศึกด้วยสีหน้านิ่งเรียบ "เป็นเงินที่ถูกโกงมาจากชาวบ้านและมาจากบ่อนคาสิโนที่ผิดกฏหมายรวมถึงการค้าสิ่งเสพติด"คุณจอมพลเอ่ยเสียงเข้มหน้าตาจริงจังขุนศึกก็มองหน้าคุณจอมพลกลับไปเช่นกัน ด้วยแววตาที่นิ่งเฉยเช่นกัน"ขอบใจมึงมากที่ช่วยกู"ขุนศึกเอ่ยขอบคุณคุณจอมพลไป คุณจอมพลก็พยักหน้ารับคำขอบคุณจากขุนศึก"พรุ่งนี้ขึ้นศาลผมเตรียมหลักฐานทุกอย่างพร้อมแล้ว....คุณขุนศึกไม่ต้องเป็นกังวลนะครับ.....เราชนะคดีแน่นอนครับ"คุณทนายเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามั่นใจ ขุนศึกก็ยิ้มให้คุณทนายก่อนจะก้มศีรษะให้คุณทนายแทนคำขอบคุณ"แกจะได้ถอดเครื่องอีเอ็มนี่ออกสักทีนะ.....จะได้บริษัทที่เป็นของแกคืนแกจะได้ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้อีกแล้ว"คุณจอมพลว่าอย่างให้กำลังใจขุนศึก ขุนศึกก็จ้องหน้าคุณจอมพลนิ่งเหมือนเขาไม่มีท่าทางดีใจเลยนะว่าตัวเองจะชนะคดีน่ะ"เดี๋ยวกูขอคุยกับมึงหน่อย"ขุนศึกเอ่ยบอกคุณจอมพลพร้
ผมก็มองหน้าไอ้จอมพลอย่างสงสัย มันก็ยิ้มกริ่มให้ผมก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปที่เอกสาร เพื่อเป็นการบอกให้ผมดูเอาเองผมจึงหยิบเอกสารมาดูและอ่านจนมันเข้าใจแจ่มแจ้งก็ต้องตกใจและแอบซึ้งใจที่พี่ชายของผมเขาเสียสละให้ผมมากขนาดนี้"นี่เป็นเงินก้อนใหญ่ที่พ่อแบ่งให้แก.....ฉันจึงเอามาเปิดบริษัทให้แกเพราะเห็นว่าบริษัทAKมีแกเป็นผู้บริหารก็จริง""แต่เจ้าของบริษัทไม่ใช่ชื่อแก""ถือว่าฉันให้แกก่อนเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าล่ะกันนะ"ไอ้จอมพลว่าพร้อมกับยิ้มให้ผม ผมก็เม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงอย่างตื้นตันใจมันจุกอยู่ในอกจนพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นสายตาที่อบอุ่นจากพี่ชายต่างแม่ของผมคนนี้ที่คอยหวังดีและเป็นห่วงผมเสมอมา"ขอบคุณที่แกไม่เคยคิดที่จะเอาเปรียบและคิดร้ายกับฉัน""มันถึงเวลาที่ฉันจะเรียกแกได้อย่างเต็มปากสักทีว่าพี่""ขอบคุณนะครับพี่จอมพล"ผมเอ่ยออกไปพร้อมกันยกมือไหว้พี่จอมพล ใช่ครับ ผมเรียกมันได้อย่างเต็มปากแล้ว ผมเคารพมันเป็นพี่ชายแท้ๆของผมแล้วเพราะมันหวังดีกับผมมากกว่าใครๆ และผมก็เชื่อมั่นว่าคนอย่างจอมพล พูดจริงทำจริงและไม่สร้างภาพแน่นอน"เอ่อ.....ฉันดีใจนะ.....ฉันว่าพ่อก็คงจะดีใจเหมือนกันที่เห็นว่าเราสองคนพี่
วันรายงานตัวศาลประจำจังหวัด09:40น.ห้องพิจารณาคดี บังลังก์ที่10.....คดีช่อโกง ฟอกเงิน เว็บพนัน สิ่งผิดกฏหมาย.......เอริ ฐิติมน........ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหน้าสุดและตรงหน้าของฉันก็เป็นบังลังก์อ่านคดีความของขุนศึกที่วันนี้เขามีนัดมาฟังคำพิพากษาและรายงานตัวว่าเขายังอยู่ไม่ได้หลบหนีไปเพราะคดีของเขาเป็นคดีอาญาที่ร้ายแรง ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการประกันตัวไปแล้ว แต่เรื่องทางคดีความยังไม่ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้กระทำความผิดจริงอย่างที่ถูกกล่าวหามา"ศาลขอพิพากษาความผิดที่นายขุนณรงค์ได้กระทำผิดโดยการหลอกลวงบุคคลทั่วไปมาลงทุนซื้อหุ้นที่บริษัทของตน""แต่กลับไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องเข้าข่ายหนีภาษีและจงใจคดโกง""ศาลจึงขอตัดสินว่าจำเลยมีความผิดจริง""โทษในคดีนี้จะอยู่ที่ห้าปีห้าเดือนปรับสองล้านบาทและต้องให้จำเลยชดเชยเงินให้กับผู้ที่ถูกโกงไปเป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่ถูกยึดมาจากจำเลย"ผู้พิพากษาเอ่ยคำพิพากษาออกมา ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกศาล ตั้งแต่ศาลชั้นต้นแล้วและนี่ก็เป็นศาลอุทธรณ์ เขาก็อ่านคำพิพากษาแบบเดียวกันเพราะคดีฟอกเงินและคดีช่อโกงมันเป็นคดีอาญา ที่ร้ายแรง
กลับมาสนใจผู้ชายตรงหน้าของฉันแทน"นายทำแบบนี้ทำไมขุน?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปเสียงเข้ม ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะตัดสินใจแบบนี้ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาพยายามต่อสู้ทุกคดีอย่างสุดตัว"ขุนขอโทษนะริ.....อยากขอโทษริกับลูก...ขอโทษลูกที่ต้องมามีปมเพราะพ่อติดคุก""แต่ดีกว่าที่ลูกต้องมารู้ว่าพ่อเคยทำผิดแต่ไม่ยอมรับผิด....ไม่มีความรับผิดชอบ""ขุนขอโทษนะริ.....ริอย่าโกรธขุนนะ""ขอโทษที่จะอยู่ดูแลริกับลูกไม่ได้""ขอโทษที่จะไปอยู่ข้างๆริในวันที่ริต้องเจ็บปวดที่สุดไม่ได้""ขอโทษลูกที่พอไม่ได้อุ้มหนูในวันแรกที่ลืมตามาดูโลกใบนี้""ขอโทษจากหัวใจ""ขอโทษที่ขุนเคยทำร้ายริ....ขอโทษที่ทำให้ริต้องร้องไห้เพราะความเห็นแก่ตัวไม่รู้จักพอของขุน""ขอโทษที่ไม่เคยทำให้ริภูมิใจเลยสักครั้งที่มีขุนเป็นแฟน""ขอโทษที่ครั้งหนึ่งเคยไม่เชื่อใจริ""ขอโทษที่เคยปล่อยมือริไป""แต่ริไม่ต้องห่วงนะ....ขุนวางแผนธุรกิจไว้แล้ว....เงินร่วมหุ้นกับบริษัทของพี่จอม....หุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ขุนโอนให้เป็นชื่อรินะ""ริเข้าไปบริหารงานแทนขุนได้เลย.....ขุนฝากดูแลบริษัทใหม่ของเราด้วยนะ""และก็ขอโทษที่รักษาบริษัทที่ริทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจไว้ไม่ได้.
ในวันเดียวกันเรือนจำ ใหญ่ของจังหวัดห้องเยี่ยมญาติแผนกนักโทษหญิงเอริ ฐิติมน...."ทำไมแก้มหวานถึงได้เข้ามาอยู่ที่เรือนจำแล้วล่ะค่ะ?"ฉันเอ่ยถามคุณทนายไปอย่างสงสัยในขณะที่ฉันนั่งอยู่ในห้องเยี่ยมญาติตรงหน้าของฉันเป็นกระจกใสที่หนามากสามารถมองเห็นนักโทษคนที่เราจะมาเยี่ยมได้ และมีรูเล็กๆหลายรูอยู่ตรงกลางของกระจกเพื่อให้เวลาที่เราพูดคุยกันได้ยินเสียงกันอย่างชัดเจนพอฉันบอกคุณทนายว่าคนที่ฉันอยากเจอคือแก้มหวาน เขาก็พาฉันมาที่นี่ที่เรือนจำเดียวกับที่ขุนศึกจะต้องเข้ามาอยู่เรือนจำของจังหวัดที่สามารถบรรจุนักโทษชายและหญิงได้นับหมื่นชีวิตและระบบความปลอดภัยก็ดี ไม่สามารถที่จะมีนักโทษคนใดหลบหนีออกไปได้เด็ดขาด"คุณนันฤดีเธอโดนตัดสินโทษเด็ดขาดครับ.....ไม่มีการให้ประกันตัวเพราะเป็นคดีอาญา....ทั้งคดีลักพาตัวคดีพยายามฆ่าและคดีวางเพลิง.....ศาลเห็นว่าร้ายแรงจึงไม่อนุญาตให้ประกันตัวไปสู้คดีครับ""เขาจึงทำการฝากขังคุณนันฤดีไว้ที่เรือนจำแห่งนี้ก่อนและต้องมาดูอีกทีว่าจะต้องย้ายแดนไปแดนไหนครับ"คุณทนายเอ่ยอธิบายให้ฉันฟัง ฉันก็พยักหน้าเข้าใจคุณจอมพลคงจะเอาเรื่องแก้มหวานเต็มที่ คงไม่ปล่อยให้เธอหลุดไปได้ง่ายๆแน
"ขุนศึกโทรมาหาพี่จอมมีธุระอะไรหรือคะ?""เขาบอกว่ามีผู้ชายที่ชื่อฟิวที่เป็นเพื่อนของคุณขุนศึกนะครับเข้าไปหาเขาที่ศาลหลังจากที่คุณเอริกับผมออกมาแล้ว""คุณฟิวบอกว่าก่อนหน้านี้หนึ่งวันเขาได้เข้าไปเยี่ยมคุณนันฤดีที่ตอนนั้นเธอถูกฝากขังอยู่ที่สถานีตำรวจนะครับ""โดยนำความจริงและตัวต้นเรื่องไปยืนยันคุณนันฤดีให้เธอเชื่อครับ""ต้นเรื่องเหรอคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณทนายไปอย่างสงสัยและเริ่มจะงุนงงว่ามันเรื่องอะไรกัน"สาเหตุที่คลิปของคุณนันฤดีหลุดเมื่อแปดปีก่อนน่ะครับ"คุณทนายเอ่ยออกมาทำให้ฉันเข้าใจกระจ่างแจ้งและจึงพยักรับรู้เป็นคำตอบให้คุณทนายเล่าต่อว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น"คุณฟิวพาคุณหาญเพื่อนของเขาที่ไม่ได้รู้จักกับคุณขุนศึกไปเยี่ยมคุณนันฤดีและเขาก็เล่าเหตุการณ์ให้คุณนันฤดีฟังทั้งหมด""เรื่องมันมีอยู่ว่า....วันหนึ่งคุณหาญได้ถูกคุณฟิวเชื้อเชิญให้ไปรุมโทรมผู้หญิงคนหนึ่ง.....ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนกลุ่มนี้เขาทำกันน่ะครับ""อาจจะผิดแปลกไปจากครั้งก่อนๆหน่อยก็ตรงที่ผู้หญิงที่พวกเขาจะไปรุมโทรมด้วยไม่สมยอม""แต่พวกเขาก็ขืนใจเธอจนสำเร็จกิจไปทุกคน.....โดยคุณหาญเนี่ยปกติเขาเป็นพวกที่ชอบสะสมคลิปวีดีโอของคู่น
สองวันต่อมาบ้านจอมพลห้องนั่งเล่นเอริ ฐิติมน"ไอ้ขุนมันยกทุกอย่างของมันให้เธอนะ""หุ้นบริษัทOPห้าสิบเปอร์เซ็น"คุณจอมพลว่าพร้อมกับยื่นกระดาษสี่เหลี่ยมมาตรงหน้าฉัน ฉันก็มองหน้าเขาสลับกับกระดาษสี่เหลี่ยมที่ข้อความในกระดาษเป็นเนื้อหาชี้แจงรายละเอียดของการโอนหุ้นโดยให้ฉันเซ็นเป็นผู้รับหุ้น"และบริษัทSMตอนนี้หุ้นทั้งหมดมันตรงมาเป็นของพี่.....เพราะพี่มีหุ้นเป็นลำดับสองที่ไม่ได้ห่างจากแม่ของไอ้ขุนมากนัก.....ทางตำรวจจึงคืนบริษัทให้พี่เพราะตรวจสอบแล้วไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทางคดีความ""พี่จึงคืนให้ไอ้ขุน.....แต่ไอ้ขุนมันให้พี่โอนหุ้นที่พี่คืนมันทั้งหมดให้เธอกับลูก....เพื่อเธอกับลูกจะได้อยู่อย่างสุขสบายในวันที่ไม่มีมัน""ถ้าริไม่รับล่ะค่ะ?""พี่คิดว่าเธอควรจะรับไว้......เพื่อลูกของเธอที่ก็เป็นลูกของไอ้ขุนเช่นกันนะ.....เผื่ออนาคตและความเป็นอยู่ของลูกและเธอในอนาคต"คุณจอมพลอธิบายออกมา ฉันก็จึงต้องจำใจยอมเซ็นรับหุ้นบริษัททั้งหมดอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่เพราะมันไม่ใช่ของฉัน เหมือนฉันไปชุบมือเปิบเอามาอย่างไงยังงั้นเลย"แต่เธอไม่ต้องทำงานหนักนะ....ไอ้ขุนย้ำพี่นักพี่หนาเลยล่ะ....พี่จะคอยดูแลเธอเหมือ
ฉันจึงเดินเข้าไปนั่งในห้องพิพากษาที่ด้านหน้าเป็นบัลลังก์ศาลที่มีผู้พิพากษาสามคนเช่นเดิมและฝั่งซ้ายเป็นฝั่งของคุณทนาย ฝั่งขวาเป็นอัยการเพราะไม่มีทนายของโจทย์ แต่อัยการกลับไม่ใช่คนเดิมแหะมีแต่โจทย์ชาวบ้านที่มาร้องเรียนเอาเงินที่คุณหญิงโกงไปคืนแต่ขุนศึกก็ชดใช้และจ่ายไปตั้งแต่เขาโดนคดีความใหม่ๆตอนนี้เลยไม่มีโจทย์อื่น และวันนี้ก็เป็นวันที่ศาลจะตัดสินคดีใหม่ทั้งหมดของขุนศึกอีกด้วยเพราะคราวที่แล้วเขายอมแพ้ ศาลเลยยังไม่ได้ตัดสินอะไร ทำให้วันนี้เขาจึงต้องเรียกมาฟังการพิพากษาใหม่อีกครั้งโดยขุนศึกอยู่ในชุดของนักโทษชายที่ข้อมือและข้อเท้าของเขามีโซ่ตรวนเส้นใหญ่ล่ามไว้และมีผู้คุมของเรือนจำยืนขนาบทั้งสองข้างเขาอย่างใกล้ชิดขุนศึกหันมามองฉันและยิ้มบางๆให้ฉัน ฉันก็ยิ้มให้กำลังใจเขากลับไปก่อนจะกลับไปอยู่ในความเงียบเพื่อรอฟังศาลอ่านข้อพิพากษาของขุนศึก ที่น่าจะเริ่มไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว"ศาลเห็นว่านายขุนณรงค์ ชัชชัยวรรณมีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง.....ทั้งช่อโกง....ทั้งลักลอบฟอกเงิน....และยังมีเอี่ยวกับเว็บพนัน....ศาลจึงสั่งจำคุกนายขุนณรงค์ชัชชัยวรรณเป็นเวลาสิบปีสี่เดือน.....แต่ศาลเห็นว่าจำเ
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข