"ถ้าแม่ฉันรู้ว่าครอบครัวเธอกำลังตกอับและหวังที่จะมาเกาะครอบครัวฉันเพื่อหวังเอาเงินไปใช้หนี้.....แม่ฉันก็คงจะไม่ยอมให้ฉันหมั้นกับเธอเด็ดขาด"ผมเอ่ยออกไปด้วยท่าทางที่เยาะเย้ยและดูถูกเธอกลับ นามิก็มองหน้าผมด้วยแววตาตกใจที่ผมรู้ความลับเรื่องนี้ของครอบครัวเธอสินะ ผมบอกแล้วว่าผมไม่ไว้ใจผู้หญิงตีสองหน้าคนนี้ "แก!!!"นามิชี้หน้าผมพลางเอ่ยชื่อผมอย่างโกรธจัดปากของเธอสั่นระริกเธอขบฟันกรอดๆแต่ผมก็ทำสีหน้าเย้ยยั้นใส่เธอกลับไป"เธอไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไปแล้ว.....เลิกทำตัวเป็นเด็กสาวใสซื่ออินโนเซ้นท์สักทีเถอะ .....รู้ป่ะว่ามันน่าสมเพช""ยิ่งผู้หญิงที่ผ่านสนามรบกับผู้ชายมาอย่างมากหน้าหลายตาอย่างเธอทำแล้วด้วยเนี่ย.....ยิ่งน่ารังเกียจจนน่าสมเพชสิ้นดีรู้ป่ะ""ไอ้ขุนศึก!!!"นามิเรียกผมเสียงดังอย่างคนที่โมโหถึงขีดสุดที่ผมไปพูดจี้แทงใจดำเธอและพูดดูถูกเธอ เธอง้างมือเล็กของเธอขึ้นหมายจะตบหน้าผม แต่ผมไวกว่าคว้าข้อมือเธอไว้ได้ทันผมก็กระตุกรอยยิ้มเยาะขึ้น "พี่พูดถูกเข้าหน่อยก็ทำโมโหเป็นฟืนเป็นไฟเลยนะจ๊ะน้องนามิ"ผมพูดเสียงหวานพลางทำแววตาเย้ยหยันใส่เธอไป นามิก็ยืนตัวสั่นเทาขบฟันกรอดเสียงดังอย่างโกรธจัด"อ้อแล้วเม
"คุณเอริ?"เสียงทุ้มเข้มเอ่ยเรียกฉันด้วยความสงสัยและไม่แน่ใจในการเอ่ยทักฉัน ฉันที่นั่งก้มหน้าก้มตากอดเข่าร้องไห้อยู่หน้าคอนโดหรูของขุนศึกต้องค่อยๆเงยหน้าที่อาบไปน้ำตาขึ้นไปมองเจ้าของเสียงนั่น ก็ต้องตกใจและแปลกใจกับบุคคลตรงหน้าที่นั่งยองๆลงตรงหน้าฉันอย่างสงสัยว่าเขามาทำอะไรที่นี่ในเวลานี้กันแน่ เขาควรที่จะอยู่ที่บ้านหรือไม่ก็ที่คอนโดเขาสิ"คุณเควิน?"ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้งพลางใช้มือที่ถูกมัดอยู่ปาดคราบน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มอยู่อย่างลวกๆฉันหยุดนิ่งจ้องใบหน้าหล่อของคุณเควินอย่างตะลึงที่อยู่ๆเขาก็ยื่นทิชชูมาซับริมฝีปากให้ฉันอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองฉันด้วยความอ่อนโยนและมองต่ำลดสายตาไปที่บาดแผลบนใบหน้าฉันเขาก็มีสีหน้าที่เป็นกังวลขึ้นมาทันทีใช่สิ ฉันโดนตบมาหนิ เลือดกบปากเลยด้วยซ้ำ ตอนแรกอาจจะชาไปทั้งหน้าแต่ตอนนี้เริ่มเจ็บปากและปวดแสบเจ็บปวดแก้มทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วนะ"ขอบคุณนะคะ"ฉันเอ่ยขอบคุณคุณเควินไปหลังจากที่เขาเช็ดคราบเลือดที่มุมปากให้ฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยที่ฉันหลบสายตาต่ำลงเพราะไม่กล้าสบตาที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยความลึกซึ้งคู่นั้นของคุณเควิน"ด้วยความเต็มใจค
คุณเควินก็ขึ้นมาบนรถของเขาพอดี เขาก็หันมายิ้มบางๆให้ฉันไปด้วยและคาดเบทส์ไปด้วย พอเสร็จเขาก็สตาร์ทรถและขับรถออกมาจากคอนโดแห่งนั้นโดยตลอดทางฉันนั่งเงียบกริบโดยไม่ส่งเสียงอะไรออกไปเลยคุณเควินก็ดีนะเขาเองก็ไม่ถามอะไรฉัน มีแต่เขาที่หันมามองฉันเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วง ฉันก็หันหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่าง และน้ำตาก็เอ่อคลออีกครั้งกับการกระทำของขุนศึกที่เขาทำกับฉันในวันนี้ เขาทำรุนแรงกับฉันเพราะเขาหึงหวงฉัน หรือเขาแค่หวงก้างกันแน่ ฉันปล่อยใจให้อยู่กับความคิดจนไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางที่คุณดควินจะพาฉันไปมันอยู่ที่ไหน จนกระทั่งเเรงสะกิดที่แขนฉันพร้อมกับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อฉัน ทำให้ฉันเผลอสะดุ้งตกใจและหันไปมองหน้าต้นตอของเสียงและเจ้าของมือที่สะกิดฉันทันที"ถึงแล้วครับ"คุณเควินเอ่ยบอกฉันพร้อมกับยิ้มละมุนให้ฉัรรฉันก็ละสายตาจากเขาและหันไปมองวิวนอกรถก็พบว่ามันคือคอนโดที่คุณเควินพาฉันดูมาเมื่อตอนบ่ายฉันจึงหันกลับไปมองหน้าคุณเควินด้วยความสงสัย เขาก็ยิ้มละมุนให้ฉันก่อนจะตอบฉันมา"ผมคิดว่าถ้าผมพาคถณเอริไปบ้านของผมก็คงจะไม่สมควร....ผมจึงพาคุณเอริมาที่นี่แทนครับ""ขอบคุณนะคะ"ฉันเอ่ยขอบคุณคุณเควินไปอ
คอนโดเควินเช้าวันต่อมา"ป้าแหม่มคะ?"ฉันเอ่ยเรียกชื่อของป้าแหม่มคนที่คุณเควินส่งให้มาดูแลฉันอย่างสงสัยว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ในห้องครัว"นั่งรอที่โต๊ะอาหารได้เลยนะคะคุณเอริ^_^"ป้าแหม่มหันจากหน้าเคาน์เตอร์ครัวหันมาบอกฉันที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องครัว ฉันก็ยิ้มแหยๆอย่างเกรงใจเธอและเกรงใจคุณเควิน แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิ์เลือกมากนักจึงเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องอาหารที่น่าจะจัดเตรียมไว้ให้คนได้มานั่งกินห้องของคุณเควินค่อนข้างหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ก็ดูแพงเหลือเกิน คอนโดห้องนี้มีของเครื่องใช้ครบครันเรียกว่า เพนท์เฮ้าส์เลยก็ว่าได้เพราะมันหรูและใหญ่มากจริงๆ เมื่อคืนนี้ฉันนอนหลับสบายมากเลยล่ะ เอ่อฉันลืมบอกไปว่าห้องคอนโดนี้มีสองห้องนอนเมื่อคืนนี้ป้าแหม่มนอนอีกห้องนอนหนึ่ง ซึ่งเธอดูแลฉันดีมากหายาให้ฉันกิน แถมยังทำแผลให้ฉันอีกตั้งหาก "เจ็บเหมือนกันแหะ"ฉันพูดออกเมื่อเอามือมาจับที่แก้มทั้งสองข้างของตัวเองที่มันบวมและแดงจากการโดนตบเมื่อคืนนี้ เมื่อคืนนี้ยังไม่เจ็บเท่าไหร่ เพราะมันยังชาอยู่ แต่พอเช้านี้ทั้งเจ็บทั้งปวดเลย ปากก็ปวดแสบระบมไปหมดพรึบ"ข้าวต้มหมูร้อนๆมาแล้วค่ะ"เสียงป้าแหม่มเอ่ยออกมาเสียงใสพร
ฉันคิดว่าวันนี้คงจะไม่เจอขุนศึกแน่เพราะพรุ่งนี้ก็จะถึงวันหมั้นของเขากับนามิแล้ว เขาคงไม่มีเวลามายุ่งกับฉันหรอก"คุณจะไปไหนคะ?"ป้าแหม่มที่เธอเดินถือเครื่องดูดฝุ่นออกมาจากห้องนอนที่ฉันนอนเมื่อคืนก็เอ่ยถามฉันขึ้นด้วยความสงสัยที่เธอเห็นว่าฉันกำลังจะออกไปจากห้องนี้"หนูจะกลับไปเอาของที่บ้านนะคะ""และคุณจะกลับมาตอนไหนคะ?""น่าจะไม่เย็นมากค่ะป้า""อ้อคะป้าจะได้บอกคุณเควินถูก""ค่ะป้า....."ฉันพยักหน้ารับรู้คำป้าก่อนจะหันหลังเตรียมจะเดินออกไปยังห้องรับแขกแต่แล้วฉันก็นึกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงหันกลับไปหาป้าแหม่มอีกครั้งเพื่อจะถามอะไรเธอสักหน่อย"เอ่อป้าคะ?""คะ?""ห้องอีกฝั่งมีคนมาอยู่ไหมคะ?"ฉันถามป้าพร้อมกับยกนิ้วชี้ไปยังห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องที่ฉันอยู่"ก็คุณเควินไงคะ.....เมื่อคืนคุณเควินก็พักที่ห้องนั้นแหละค่ะและดูเหมือนคุณเควินจะมาอยู่ที่นี่ถาวรเลยนะคะ"คำพูดที่ไร้เดียงสาของป้าทำให้ฉันตื่นตกตะลึง หมายความว่าสองห้องนี้เป็นของเขาและเขาก็อยู่ห้องนั้นและไม่ได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านตามที่เขาบอกฉันสินะ"เขาเป็นเจ้าของคอนโดนี้ค่ะคุณ""เป็นเจ้าของคอนโดด้วยหรือคะ?"ฉันเอ่ยออกไปอย่างตกตะลึงพร้อมกับเบิกต
วันต่อมาบ้านเอริ เอริ ฐิติมน......16:30น.พรึบติ๋งฉันวางแก้วน้ำลงตรงถาดวางแก้วและรีบมาดูการแจ้งเตือนอีเมลที่เพิ่งจะถูกส่งมาในไอแพดของฉันทันที เพราะฉันดูซีรีย์ค้างไว้นะ และเกิดหิวน้ำเลยเดินไปหยิบน้ำในครัวมาดื่มแต่แล้วก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนอีเมลพอดีฉันจึงไม่รอช้ารีบเปิดอีเมลเช็คดูทันทีว่าใครส่งมาและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคาดหวังไว้ ทำให้ฉันอมยิ้มขึ้นมาเมื่อได้อ่านข้อความจากอีเมลของบริษัทเบสท์เวิร์คแอร์ไลน์สายการบินของประเทศที่จะออกบินไปหลายประเทศมันคือข้อความที่ฉันเฝ้าคอยมา เขาบอกว่าฉันได้ทำงานที่สายการบินเบสท์เวิร์คแอร์ไลน์เรียบร้อยแล้ว อีกสองวันให้เข้าไปรายงานตัว"เย้^_^"ฉันร้องเย้ขึ้นมาอย่างดีใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนกระโดดโลดเต้นไปมารอบๆโซฟาตัวแพงกลางห้องนั่งเล่น อย่างนี้ต้องฉลองซะหน่อยแล้วฉันกลับมาอยู่บ้านที่ขุนศึกซื้อให้ และกะว่าจะไม่ไปอยู่ที่คอนโดของคุณเควินอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าฉันรังเกียจเขาหรืออะไรหรอกนะ แต่ฉันอยากจะหยุดความสัมพันธ์ของเราสองคนไว้เพียงแค่นี้ ฉันไม่อยากทำลายคนดีๆอย่างคุณเควิน เพราะต่อให้เขาทำดีกับฉันแค่ไหน ฉันก็รู้หัวใจตัวเองดี ว่าฉันไม่สามารถที่จะรักเขาได้ และมันก็ไ
"ก๋วยเตี๋ยวมาแล้วจ้า .....เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นแฟนแม่หนูมากินด้วยเลยนะ"คุณลุงเป็นคนยกชามก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟให้ฉัน และก็เอ่ยถามหาแฟนฉัน แฟนฉันที่คุณลุงหมายถึงก็คือขุนศึก เรามักจะมากินก๋วยเตี๋ยวเป็ดที่นี่ด้วยกันเป็นประจำ เพราะมันคือของโปรดฉัน"เขาไม่ค่อยว่างค่ะ.....ขอบคุณนะคะคุณลุง"ฉันตอบคุณลุงไปและเอ่ยขอบคุณคุณลุงที่ยกก๋วยเตี๋ยวมาให้ฉัน คุณลุงก็พยักหน้ารับรู้และไม่ได้ถามอะไรฉันต่อ แกก็ยิ้มบางๆให้ฉันและเดินกลับไปหาคุณป้า ฉันก็หันกลับมามองก๋วยเตี๋ยวชามตรงหน้าของฉันต่อพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองที่นั่งฝั่งตรงข้ามของฉันก่อนจะเห็นภาพของขุนศึกซ้อนขึ้นมา เขาที่ไม่ชอบกินถั่วงอกก็จะตักถั่วงอกมาใส่ในชามฉัน และฉันไม่ชอบกินผักบุ้งก็จะตักไปใส่ชามเขาเช่นกัน เรากินกันไปหัวเราะกันไปเรากินที่ร้านนี้ตั้งเเต่เรียนมหาลัยจนทำงานเราก็ยังคงหาเวลามากินเมื่อมีโอกาส เลยทำให้คุณลุงกับคุณป้าจำเราสองคนได้แม่น"ทำไม......ทุกที่ถึงมีแต่ภาพของนาย......?"ฉันพึมพำออกไปก่อนจะส่ายศีรษะไปมาและไล่น้ำตาที่เอ่อคลอที่รอบดวงตาทั้งสองข้างของฉันให้มันไหลย้อนกลับเข้าไปก่อนจะเริ่มปรุงก๋วยเตี๋ยวตามใจชอบและรีบกินมันจนฉันใช้เวลาแค่สิบนา
สามวันต่อมา20:30น.เอริ ฐิติมน........สนามบินเบสท์เวิร์คแอร์ไลน์....."วันนี้น้องเอริทำได้ดีมากนะคะ....ทั้งภาษากิริยาและการบริการถือว่าเป็นระดับมือโปรได้เลย^_^"พี่ฝนเอ่ยชมฉันพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ฉัน ฉันที่เดินมายืนข้างๆเธอก็อมยิ้มรับคำชมจากเธอ"เป็นเพราะได้พี่ฝนเทรนให้ริมากกว่าค่ะ.....ขอบคุณนะคะที่สอนงานให้ริ"ฉันเอ่ยขอบคุณพี่ฝนไป เธอก็ยิ้มแก้มปริ พี่ฝนคือหัวหน้าแอร์โฮสเตสของฉัน ซึ่งเธอเป็นคนสอนงานให้ฉันว่าฉันต้องทำอะไรบ้าง และชี้แจงรายละเอียดต่างๆให้ฉันฟังซึ่งฉันก็เข้าใจเร็วและจดจำได้ในครั้งเดียวที่เธอสอน และวันนี้ก็เป็นวันแรกที่ฉันได้ลองบินและบริการลูกค้าจริงๆ ถึงจะเป็นระยะทางสั้นๆก็เถอะ ฉันได้เข้ามาสัมภาษณ์งานและอีกสองวันถัดมาก็ได้เข้าทำงานเลย ซึ่งฉันก็แอบแปลกใจอยู่ว่าทำไม ถึงไม่ให้ฉันเป็นแอร์ฝึกหัดไปก่อนแต่ทำไมกลับให้ฉันบินไฟลท์จริงเลย"น้องเอริก็ชมพี่เกินไปจ๊ะ....."พี่ฝนว่าพร้อมกับบิดตัวไปมาอย่างเขินอาย ฉันก็ยิ้มบางๆให้เธอ ฉันพูดออกไปจากใจจริงไม่ได้จะประจบประแจงเธอหรอกนะเธอเป็นคนสอนงานให้ฉันและอธิบายให้ฉันอย่างเข้าใจง่ายและฉันเองก็เป็นคนที่หัวไวอยู่แล้วด้วยฉันว่างาน แ
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข