"อื้ออออ"เสียงหวานครวญครางออกมาเสียงดังพร้อมกับแอ่นสะโพกขึ้นลงสู้กับปลายลิ้นสากของขุนณรงค์ที่กำลังมอบความเสียวให้เธออยู่ ร่างบางดีดดิ้นไปมาด้วยความเสียวซ่านจนในที่สุดเธอก็ปลดปล่อยน้ำหวานออกมามากมายให้ขุนณรงค์ได้ดื่มกินเขาตวัดลิ้นเลียน้ำรักของเธอทุกซอกทุกมุมจนมันไม่เหลือสักหยด เมื่อเขารับรู้ว่าเธอเสร็จสมไปน้ำหนึ่งแล้วเขาก็ค่อยๆผละใบหน้าหล่อออกมาจากร่องสวาทของเธอ ที่ตอนนี้คนร่างเล็กกำลังนอนหอบหายใจเหนื่อยถี่เพราะเธอเพิ่งจะสุขสมแตะความสุขไปเมื่อกี้นี้"อื้ออออ"ฐิติมนครวญครางออกมาอีกครั้งเมื่อคราวนี้ขุนณรงค์เปลี่ยนจากปลายลิ้นสากของเขามาเป็นส่วนหัวของลำกายใหญ่แทนโดยที่เขาค่อยๆจับลำกายใหญ่และถูเสียดสีไปกับร่องสวาทของเธอเพื่อให้ด้านในของเธอรับรู้กับขนาดของเขามือเล็กกำผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อปลดปล่อยความเสียวซ่านจากร่องสวาทแบ่งเบาลงไปได้บ้าง แต่เธอก็ต้องสั่นระริกอีกครั้งเมื่อคราวนี้ขุนณรงค์นำส่วนหัวของลำกายใหญ่ของเขาถูไปกับปุ่มกระสันเสียวของเธอทำให้เธอกัดริมฝีปากล่างอย่างยั่งยวนและมองการกระทำของขุนณรงค์ทุกขั้นตอน ดวงตาคมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหวานของฐิติมนด้วยสายตาหวานเยิ้มและร้อนแรง ขุนณ
เช้าวันต่อมา09:45น.พรึ่บ"อื้ออออ"ฉันบิดขี้เกียจพลางเอี้ยวตัวไปมาก่อนจะค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะร่างกายของฉันมันสั่งให้ฉันตื่นแบบอัตโนมัติเองทุกวันแบบนี้โดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกฉันลืมตาจนเต็มตาทั้งสองข้างก่อนจะมองไปที่นอนข้างกายฉันที่ตอนนี้มันว่างเปล่า ไม่มีร่างของขุนศึกที่เขานอนกอดฉันอยู่เมื่อคืนอีกแล้ว"เขาไปไหนแต่เช้านะ...."ฉันเอ่ยออกมาก่อนจะหันไปมองนาฬิกาดิจิตอลที่ตัวเตียงเพื่อดูเวลา ก็พบว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาเช้า แต่มันเกือบจะสิบโมงเช้าแล้วต่างหากล่ะ"สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย!!"ฉันร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกับยันตัวผุดลุกขึ้นพรวดเดียวจนลืมไปว่าฉันยังไม่สบายอยู่ แต่อาการหนักศีรษะของฉันได้ทุเลาลงไปแล้วไม่ปวดไม่หนักเหมือนสองวันก่อนแล้วฉันลุกขึ้นมาจากเตียงนอนที่แสนสบายนั้นก่อนจะมุ่งหน้าพาร่างกายที่เพิ่งฟื้นจากพิษไข้ไปยังห้องน้ำเพื่อจะทำการอาบน้ำชำระร่างกายเพื่อจะแต่งตัวไปทำงาน วันนี้เป็นวันจันทร์และที่สำคัญวันนี้เป็นวันประชุมบอร์ดผู้บริหารประจำเดือน ฉันจะสายแบบนี้ไม่ได้ฉันใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำและแต่งตัว ฉันแต่งหน้าลวดไปด้วยความเร่งรีบเพราะปกติฉันก็ไม่ได้แต่งหน้าเยอะอะไรอยู่แล้ว
ว่าแต่ ใครบอกป้าบัวว่าฉันไม่สบาย หรือว่าจะเป็นคุณจอมพล"ป้ามากับคุณจอมพลหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างใจคิด เพราะคุณจอมพลบอกว่าเขาจะมาเยี่ยมฉันตอนเช้าหนิ เขาอาจจะนึกว่าฉันยังไม่หายเลยพาป้าบัวมาดูแลฉันแน่ๆ"เปล่าจ๊ะ......คุณขุนศึกโทรไปหาป้าบอกว่าเราไม่สบายเลยให้ป้ามาดูแลเรา"ป้าบัวที่นำเอกสารฉันไปวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่ทางหัวโต๊ะอาหารหันมาตอบฉัน ฉันก็พยักหน้าเข้าใจที่แท้ก็เป็นขุนศึกนี่เอง เมื่อรู้ว่าเป็นขุนศึกฉันก็ยิ้มกริ่มออกมาที่เขายังคงเป็นห่วงและใส่ใจฉัน"กินสิ......จะได้กินยา""ค่ะ"ฉันพยักพร้อมตอบป้าบัวไปและค่อยๆตักข้าวต้มกุ้งคำโตใส่ปากด้วยความหิว วันนี้ลิ้นฉันกลับมารับรู้รสชาติของอาหารได้แล้วสินะ ต้องขอบคุณยาดีๆของคุณหมอที่คลินิกหรือขอบคุณยาจากคุณหมอขุนศึกดีนะ?^_^พรึบป้าบัววางแก้วน้ำสีใสที่มีน้ำบรรจุอยู่ในแก้ววางลงตรงหน้าฉันพร้อมกับแก้วใบน้อยใสที่ด้านในบรรจุไปด้วยเม็ดยาสองสามเม็ดลงตรงหน้าฉัน"กินข้าวเสร็จก็กินยาตามซะนะจะได้หายไวๆ"ป้าบัวว่าอย่างกำชับพร้อมกับยิ้มอย่างใจดีให้ฉัน ฉันก็ยิ้มตอบท่านไป"ค่ะ....ขอบคุณนะคะป้า"ฉันเอ่ยขอบคุณป้าบัวไปอย่างสุดซึ้งใจที่ฉันมีป้าดีๆแบบป้า
"เดี๋ยวริมานะคะ"ฉันเอ่ยบอกคุณจอมพลและหันหลังเตรียมจะเดินออกมาจากเขา"เธอจะไปไหน?"คุณจอมพลเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงสงสัย ฉันจึงเอี้ยวตัวไปหาคุณจอมพล"ไปหาท่านประธานค่ะ......ไปถามเขาให้รู้เรื่อง""เดี๋ยวเอริเดี๋ยว!!!"ฉันไม่สนใจคำเรียกของคุณจอมพล เมื่อฉันตอบคำถามเขาเสร็จฉันก็หันหลังเดินจ้ำอ้าวออกมาจากห้องของคุณจอมพลอย่างไว จุดหมายปลายทางคือสุดทางเดินของชั้นนี้ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องท่านประธานบริษัท"พี่เอริ"เสียงหวานใสของเลขาหน้าห้องที่ควบตำแหน่งคู่หมั้นของท่านประธานบริษัทAKเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเมื่อฉันเดินถึงหน้าโต๊ะทำงานของเธอ"ท่านประธานอยู่ไหม?.....ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับท่านประธาน"ฉันเอ่ยถามนามิไปอย่างรวดเร็ว เธอก็ทำสีหน้าสงสัยใส่ฉัน "อยู่ใช่ไหมคะ?"ฉันเอ่ยถามนามิย้ำไปอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมตอบคำถามฉัน "พี่เอริจะเข้าไปตอนนี้ไม่ได้นะคะ!!"นามิตะโกนไล่หลังฉันมาเมื่อเธอเห็นว่าฉันไม่รอฟังคำตอบของเธอแต่กลับมุ่งหน้าสาวเท้าไปยังประตูห้องของขุนศึกทันที โดยที่ฉันไม่ฟังเสียงของเธออีกแล้ว ฉันไม่ได้เคาะประตูตามมารยาทฉันเปิดประตูพรวดเข้าไปเลยทันทีที่ร่างของฉันเข้ามาถึงในห้องทำ
"คุณมีหลักฐานหรือเปล่า?"ฉันเอ่ยถามคุณหญิงไปด้วยท่าทางมั่นใจ แต่ท่าทีของคุณหญิงกลับทำให้ฉันเสียวสันหลังวาบขึ้นมา ด้วยท่าทางที่มั่นใจกว่าของเธอ"มีสิ......ไว้ไปเจอกันในศาลนะทั้งเธอและไอ้จอมพล"คุณหญิงเอ่ยเสร็จก็กระตุกรอยยิ้มมุมปากขึ้นมา ฉันก็กำหมัดแน่นด้วยความแค้น เธอทำมันสำเร็จแล้ว เธอทำให้ฉัน ออกมาจากชีวิตของขุนศึกได้แล้ว"คุณผิดสัญญา........"ฉันเอ่ยออกมาพร้อมกับแววตาสั่นไหวที่จับจ้องไปที่ผู้หญิงใจร้ายคนนั้น แววตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อยที่เห็นว่าฉันกล้าพูดแบบนี้ออกมา"แกอย่ามาพูดอะไรมั่วๆนะ.....ขุนอย่าไปฟังมันลูก""คนมันคิดทรยศเราอย่าไปฟังคำพูดของหมาที่มันกำลังจนตอก!!!""หึ......ฉันจะไม่พูดอะไร......เพื่อแก้ตัวหรอกค่ะ.....แต่คุณกำลังทำให้พี่น้องเขาต้องแตกแยกกัน"ฉันบอกคุณหญิงเสร็จก็หันไปจ้องหน้าขุนศึกต่อ ฉันมองเขาเข้าไปในดวงตาสีดำคู่นั้น ที่ก็จ้องฉันกลับมาเหมือนกัน"ขุนศึก........ถึงต่อให้ตอนนี้เราจะยังเป็นแฟนกันอยู่และนายขอฉันแต่งงาน.....ฉันก็คงจะตอบคำคำเดิม""เหมือนที่ฉันเคยตอบนายไป.......""ฉันไม่มีวันเอาผู้ชายที่ยังไม่มีความคิดและความเชื่อมั่นในตัวเองมาเป็นคู่ชีวิตเด็ดขาด""เอริ"ขุนศึ
ขุนศึก ขุนณรงค์........ผมยืนมองร่างบางของเอริที่เธอเดินออกไปจากห้องทำงานของผมได้สักพักแล้ว แต่ผมยังคงยืนสตั้นอยู่ท่าเดิมและที่เดิมอยู่แบบนั้นเหมือนร่างกายโดนสตัฟฟ์ไว้คำพูดและสีหน้าของเธอ ทำให้ผมเจ็บปวดหัวใจและเเวบหนึ่งผมก็เหมือนจะคิดอะไรออกมาได้กับคำพูดที่เธอบอกว่า เธอไม่มีทางแต่งงานกับผมแน่ถ้าผมยังไม่มีความคิดและความเชื่อมั่นในตัวเอง มันหมายความว่ายังไงกัน และที่เธอบอกแม่ผมว่า ผิดสัญญา ทั้งสองคนไปสัญญาอะไรกัน ที่ผมไม่รู้"ลูกคิดถูกแล้วที่กำจัดคนไม่ดีออกไปจากบริษัทของลูก.....ต่อจากนี้ไปแม่จะเข้ามาช่วยลูกบริหารบริษัทเองนะลูกรัก...."ฝ่ามืออบอุ่นของแม่ผมค่อยๆลูบไปตามแผ่นหลังของผมอย่างแผ่วเบาพร้อมกับคำพูดที่แสนอบอุ่นของท่าน ผมก็ละสายตาจากเบื้องหน้าและหันไปมองหน้าท่านแทน"ครับ......"ผมตอบท่านไปสั้นๆ แม่ผมก็คลี่ยิ้มบางๆให้ผมพร้อมกับพยักหน้ารับคำผมก่อนจะจับร่างผมให้ไปนั่งลงบนโซฟาตามเดิมและกลับมาพูดบทสนทนาที่เราทิ้งท้ายกันไว้ นั้นคือ หุ้นบริษัทของผมที่อยู่ในบริษัทAKห้าสิบเปอร์เซ็นในครั้งนี้ของผมใช่ครับ เราคุยกันเรื่องหุ้นในส่วนของผม ที่ท่านจะขอให้ผมโอนให้ท่านทั้งหมด ซึ่งท่านให้เหตุผลกับผม
และที่สำคัญ ที่ผมรู้มาอีกวันนี้ก็คือ บริษัทที่เป็นคู่แข่งของผมที่ทำกิจการเกี่ยวกับห้างเหมือนกัน ที่เราต่อสู้กันมาโดยตลอด บริษัทOPผู้บริหารใหญ่ของบริษัทคือไอ้จอมพล มันโกงเงินบริษัทผมจนมันไปเปิดบริษัทเป็นของตัวเองได้ผมจึงแค้นและเกลียดมันมากกว่าเดิม ผมจึงรวบรวมเอกสารเพื่อจะฟ้องร้องมันในศาลเอาให้มันหมดตัวจนไม่เหลืออะไรเลยแต่ที่ทำให้ผมเจ็บใจไปยิ่งกว่านั้นคือ คนที่ผมรักที่สุดรองจากแม่ของผมกลับหักหลังผมแทงข้างหลังผมซะจนไม่เหลือชิ้นดี อย่างเงียบเฉียบโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยสักนิดเธอเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจมากเอริ.............01:30น.ผับEโซนVIPโต๊ะ5ขุนศึก ขุนณรงค์.........ฮึก"มึงเรียกกูมาฉลองอะไรวะไอ้ขุน?"เสียงห้วนอย่างสงสัยเอ่ยขึ้น ทำให้ผมละสายตาจากแก้วเหล้าเพียวๆไปมองหน้าไอ้ทีภพ เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของผม"ยังไม่ถึงปาตี้สละโสดไม่ใช่หรือไง?"มันถามผมต่ออย่างสงสัย ผมก็มองมันด้วยแววตาเรียบเฉยอย่างเย็นชา จนมันทำหน้างงๆก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือมันกระดกขึ้นบ้าง"และมึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ยที่ไม่ยอมให้กูเอาสาวมานั่งด้วย?"ไอ้ทีเอ่ยออกมาอีกอย่างไม่พอใจ แต่ผมก็ทำเพียงแค่เงียบใส่มัน ก่อนจะยกขวดเหล้าขึ้นกระด
วันเดียวกัน19:30น.ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดข้างทางเอริ ฐิติมน........"พี่ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องเดือดร้อนไปด้วย"คุณจอมพลเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิดและคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ ฉันก็เงยหน้าจากจานอาหารมื้อเย็นที่เป็นก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าประจำฉันไปมองหน้าเขาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉัน"หยุดพูดขอโทษริได้แล้วค่ะพี่จอม.....มันไม่ใช่ความผิดของพี่จอมเลย"ฉันเอ่ยบอกคุณจอมพลไปตามความจริง และยิ้มบางๆให้เขาเพื่อให้เขาแน่ใจว่าฉันไม่ได้โกรธหรือโทษเขาเลยที่ฉันตกงานน่ะ"แต่บริษัทนั้นเธอรักและทุ่มเทกับมันมาก"คุณจอมพลยังคงเอ่ยต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฉันจึงวางช้อนกับตะเกียบลงและจ้องหน้าคุณจอมพลอย่างจริงจัง"มีคนไม่อยากให้ริอยู่ในนั้น.....ถึงต่อให้ริต้องดิ้นรนไปแค่ไหน .....สักวันริก็ต้องออกมาอยู่ดีล่ะค่ะ"ฉันพูดบอกคุณจอมพลไปอย่างจริงจัง เขาก็มองหน้าฉันด้วยสีหน้าเห็นใจฉัน ซึ่งพอฉันพูดประโยคนี้ไป ฉันคิดว่าคุณจอมพลรู้ดีว่าฉันหมายความว่ายังไง"เขาเป็นผู้หญิงใจร้าย.....ที่ไม่เคยมองเห็นใคร.....ไม่เคยนึกถึงใคร...นอกจากตัวเอง"คุณจอมพลเอ่ยออกมาแววตาเขาสั่นไหว ฉันจึงยื่นมือไปวางลงบนมือของคุณจอมพลอย่างเเผ่วเบา เขาก็มองหน้าฉั
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข