"อ้อค่ะ...งั้นคุณผู้หญิงต้องการดูชุดก่อนไหมคะ""ได้ค่ะ"นามิตอบไปก่อนจะยิ้มให้พนักงานและหันมายิ้มให้ฉันฉันก็ยิ้มแหยๆให้เธอ พนักงานของร้านก็เดินจากพวกเราสองคนไป นามิเธอก็เลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟาและหยิบสมุดของชำร่วยของร้านออกมาดู ฉันก็ละสายตาจากเธอและหันมองไปรอบๆร้านแห่งนี้ ชุดราตรีชุดแต่งงานมากมายที่สวยสง่ารายล้อมรอบๆตัวฉัน ฉันไม่รู้ว่าชาตินี้ ฉันจะได้แต่งงานเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆไหม และฉันจะแต่งกับใครล่ะ ในเมื่อฉันเป็นผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนางบำเรอไปแล้วจะมีผู้ชายดีๆที่ไหนมารักผู้หญิงที่เป็นของเหลือแบบฉัน"มาแล้วค่ะคุณผู้หญิง"เสียงหวานใสของพนักงานประจำร้านเอ่ยขึ้นพร้อมกับถือชุดทักซิโด้สีขาวในมือของเธอนามิก็ละสายตาจากของชำร่วยมามองยังพนักงานและผุดลุกขึ้นยืนและเดินตรงมาทางนี้อย่างไว"ว้าวสวยมากๆเลยค่ะ....เวลาพี่ขุนศึกใส่ต้องดูหล่อและดูดีดูเท่มากๆๆเลยพี่เอริว่าไหมคะ?"นามิพูดขึ้นพร้อมกับกุมมือไว้ตรงหน้าอกด้วยแววตาเป็นประกายก่อนจะหันมาขอความคิดเห็นของฉัน ว่าจะตรงกับเธอไหม ฉันก็มองชุดนั้น ฉันก็คิดว่าถ้าขุนศึกใส่ เขาต้องดูดีและดูหล่อ ดูเท่สุดๆไปเลยล่ะ"นามิครับ"เสียงทุ้มเข้มออกแนวหว
ครึ่งชั่วโมงต่อมาร้านชุดเจ้าสาวหรูในห้างสรรพสินค้าในเครือบริษัทAK"ไม่ทราบว่าคุณขุนศึกและคุณนามิเลือกร้านถ่ายพรีเวดดิ้งหรือยังคะ?"เสียงสุภาพเอ่ยขึ้นจากผู้หญิงที่แต่งตัวเรียบร้อยวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของขุนศึกและนามิเธอคนนี้เป็นเจ้าของร้านน่ะ เธอถึงได้รู้จักขุนศึกและรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ซึ่งเป็นคนคนละคนกับที่มาบริการนามิตอนแรก"ยังเลยครับ.....หรือว่านามิดูๆไว้แล้วคะ?"ขุนศึกหันไปตอบเจ้าของร้านและหันกลับมามองหน้านามิเพื่อขอคำตอบจากเธออย่างสงสัย "ยังค่ะ....นามิว่าจะลองปรึกษาพี่เอริดูนะคะ....ว่าพี่เอริมีร้านแนะนำไหม?"นามิเธอกลับหามาขอความคิดเห็นจากฉันที่ยืนหลบมุมหลังเธออยู่อย่างเงียบๆ ฉันก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเธอพร้อมกับสบแววตาใสซื่อที่เธอมองฉัน ฉันก็ทำท่าทางอ้ำๆอึ้งๆ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันไม่เคยแต่งงานนะ"เอ่อคือ....."ฉันทำท่ายึกยักอึกๆอักๆไม่รู้จะตอบนามิยังไง โดยมีสายตาของคนสี่คนจับจ้องมองมาที่ฉันเป็นจุดเดียวเพื่อคาดคั้นคำตอบจากฉันอย่างงั้นแหละ ว่าจริงๆเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิดนะ"ทางร้านมีบริการรับถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยไหมครับคุณช่อผกา?"ขุนศึกเอ่ยขึ้นทำ
"เสร็จแล้วค่ะและนามิก็คุยกับพี่ขุนศึกว่าจะพาพี่เอริไปทานข้าวกันนะคะ....เพื่อตอบแทนพี่เอริที่มาเป็นเพื่อนนามิในวันนี้"นามิพูดเสียงหวาน ก่อนจะหันไปยิ้มให้ขุนศึก ฉันก็มองหน้าขุนศึกและนามิสลับกัน "คือไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ...ดิฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่""คนเขาอุตส่าห์ชวน.....ไม่มีมารยาทเลย"เสียงห้วนดังขัดขึ้นมาจากผู้ชายหน้าหล่อร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ทำให้หัวใจของฉันสั่นไหวขึ้นมาเมื่อเขาพูดแต่ไม่มองสบตาฉันเหมือนกับว่าเขาพูดลอยๆใครจะรับก็รับ ไม่รับก็ไม่ต้องรับ"พี่ขุนศึกคะ"นามิหันไปเรียกขุนศึกเสียงแข็งอย่างออกแนวเชิงดุนิดๆที่ขุนศึกพูดจาแบบนั้นใส่ฉัน ซึ่งฉันคิดว่ามันค่อนข้างแรงนะ สำหรับเขาและฉันที่ก็รู้ดีว่าเราสองคนอยู่ในสถานะอะไรกันและมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแค่ไหน"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณนามิอย่าว่าท่านประธานเลยนะคะ....ดิฉันผิดเองค่ะที่ปฏิเสธคำชวนของคุณนามิ""และจะเป็นอะไรไหมคะ....ถ้าดิฉันจะขอเปลี่ยนใจ"สิ้นคำพูดของฉันนามิก็ยิ้มกว้างขึ้นมาทันที ฉันก็ยิ้มให้เธอ ได้ในเมื่อคนสองคนนี้ต้องการเล่นละครสวมหน้ากากใส่ฉัน ฉันก็จะสวมหน้ากากเล่นกับพวกเขาดูสักตั้ง"ได้สิคะดีเลย.....งั้นเราไปกันดีกว่าค่ะ"นาม
พรึบ"เห้อ"ฉันโยนกระเป๋าสะพายทิ้งพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องรับแขกอย่างหมดแรงและเหนื่อยล้าทั้งกายและใจก่อนจะหลับตาลงเพื่อให้สมองได้พักผ่อน วันนี้ทั้งวันฉันเสียเวลาไปกับเรื่องของคนอื่นโดยที่ไม่ใช่เรื่องของตัวฉันเองเลย แถมยังต้องไปนั่งช้ำใจเล่นดูความหวานของขุนศึกกับนามิอีกตั้งหาก พวกเขาชวนฉันไปทานข้าว ทานข้าวเสร็จก็พาฉันไปดูสถานที่ที่จะถ่ายทำพรีเวดดิ้ง โดยที่ไม่ถามความสมัครใจจริงๆของฉันเลยด้วยซ้ำว่าฉันเต็มใจที่อยากจะไปเป็นมือที่สามของพวกเขาด้วยหรือเปล่าและนี่ก็ทุ่มหนึ่งพอดีที่ขุนศึกขับรถมาส่งฉันโดยมีนามินั่งเคียงข้างเขามาด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขุนศึกทำในวันนี้เหมือนเขาต้องการประชดประชันฉัน ให้ฉันโมโหหึงเขาเล่นสินะ ซึ่งมันได้ผลจริงๆ ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกนะ ที่จะอดทนเห็นผู้ชายที่ตัวเองรักไปสนิทสนมหยอกเย้ากับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าอย่างใกล้ชิดแบบนี้ได้น่ะ"ทำไมขุนศึกไม่เห็นดูเป็นทุกข์เป็นร้อนเลยล่ะ.....หรือว่าเขาจะยังไม่เห็นอีเมลของฉัน?"ฉันพึมพำขึ้นมาในขณะที่สติของตัวเองกำลังจะดำดิ่งอยู่ในห้วงนิทรา ใจของฉันก็ยังจะอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เป็นห่วงขุนศึกและบริษัทที่ฉันทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้า
"ค่ะ"เธอหันมาตอบผมสั้นๆด้วยสีหน้าเบะๆอย่างงอนผม ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อกลับรอให้เธอลงจากรถผมไปและปิดประตูให้ผม ผมก็ใส่เกียร์และขับออกมาจากบ้านของนามิอย่างไวผมหักพวงมาลัยขับมุ่งตรงไปยังบ้านของเอริที่ผมเพิ่งจะไปส่งเธอที่บ้าน วันนี้ผมแสดงความออดอ้อนออเซาะและดูรักใคร่นามิให้เอริเห็น ผมว่าเธอคงจะต้องเจ็บปวดอยู่บ้างล่ะ ที่ผู้ชายอย่างผมไม่ง้อเธอ แบบเมื่อก่อนอีกแล้วและเรื่องยาที่เธอถามหาว่าผมเป็นคนเอาไปหรือเปล่า แน่นอนว่าผมเอามาเองและผมก็เอาทิ้งทันทีที่รู้ว่ามันคือยาคุมฉุกเฉินและผู้หญิงที่บ้างานอย่างเอริ ก็คงจะไม่ไปซื้อมากินอีกแน่เพราะเธอน่ะ ขี้ลืม หรืออาจจะซื้อมาแต่ผมไม่เห็นผ่านสายตานะ แต่เธอก็มักจะซ่อนอะไรไม่มิดด้วย เพราะผมจะรู้ทันเธอทันทีว่าเธอซ่อนของมีค่าไว้ตรงไหน นั้นคือในกระเป๋าแบรนด์เนมนับหลายสิบใบที่ผมซื้อให้เธอเธอบอกผมว่า ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด เธอจึงมักจะเก็บซ่อนของมีค่าสำหรับเธอไว้ที่กระเป๋าพวกนั้นส่วนเรื่องงานหมั้น พอถึงวันหมั้นผมจะบอกเรื่องคลิปนี้ให้คุณแม่ของผมได้รู้ ว่านามิเธอเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อจะแบล็คเมล์ผมให้ผมหมั้นกับเธอ ส่วนเรื่องที่ผมเคยนอนกับเธ
วันถ่ายพรีเวดดิ้งของขุนศึกและนามิเอริ ฐิติมน....."เห้อ"ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ สายตาก็ทอดมองร่างของชายหญิงสองคนที่กำลังกอดแนบชิดอิงกายอย่างสนิทสนมกันอยู่ด้านหน้าของฉัน ที่ด้านหลังของพวกเขาทั้งสองคนเป็นวิวทะเลสีฟ้าครามสดใสและมีตากล้องพร้อมทีมงานมากมายคอยSetฉากเซ็ตผมSetเสื้อผ้าให้คู่รักที่มาถ่ายพรีเวดดิ้งในวันนี้ด้วยให้ทุกอย่างออกมาดีและเพอร์เฟคที่สุด โดยที่นามิก็ลากฉันมาด้วย ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะเอาฉันมาด้วยทำไม ในเมื่อมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรเกี่ยวกับฉันเลยสักนิด"ขอน้ำหน่อยจ๊ะ"เสียงหวานของนามิเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทางกองถ่ายให้เธอและขุนศึกหยุดพักการถ่ายหลังจากที่ถ่ายกันไปหลายท่าและหลายมุมแล้ว เธอก็เดินมานั่งในเต็นท์เดียวกับฉันพร้อมกับเอ่ยสั่งพนักงานที่คอยดูแลเธอให้เอาน้ำมาให้เธอดื่มด้วยท่าทางกระหายเพราะตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแก่ๆเธอคงจะร้อนเพราะเห็นแต่ละฉากต้องใช้แสงจากแสงของดวงอาทิตย์เพื่อภาพให้ออกมาสวยตามแบบฉบับที่นามิต้องการ"ร้อนมากเลยนะคะพี่เอริ"นามิเอ่ยพูดกับฉันขึ้นหลังจากที่เธอดื่มน้ำเย็นๆจากพนักงานเสร็จแล้ว ฉันก็ยิ้มบางๆให้เธอก่อนจะตอบเธอไป"ใช่ค่ะร้อน
และพวกเราก็ออกเรือมาช่วงแปดโมง มาถึงนี่ก็เก้าโมงเช้าพอดี กว่าจะจัดเตรียมอะไรกว่าจะได้ถ่ายก็ปาเข้าไปบ่ายแก่แล้วฉันทิ้งตัวลงนั่งบนขอนไม้พร้อมกับทอดสายตามองไปยังท้องทะเลสีครามเบื้องหน้าที่มีแสงแดดกระทบส่องอยู่เสียงคลื่นพัดเข้าฝั่งทำให้ฉันรู้สึกสบายผ่อนคลายยังไงไม่รู้จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโลกโซเชียลดู เมื่อคืนคุณจอมพลไปหาฉันที่บ้านและเขาก็บอกฉันว่า นามิโทรมาลางานให้ฉัน โดยที่เธอบอกคุณจอมพลว่าอยากให้ฉันไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาพักผ่อนซะบ้าง ซึ่งคุณจอมพลก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากมาแต่เขาเองก็ปฏิเสธนามิแทนฉันไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนามิจะหาว่าเขาไม่ให้ฉันลางานและเป็นเจ้านายที่เคี้ยวเอาเปรียบลูกน้องอะไรทำนองนี่"ตลาดหุ้นเหรอ?"ฉันพึมพำขึ้นมาเมื่ออ่านข้อความจากไลน์ของคุณจอมพลที่ส่งมาให้ฉันเมื่อตอนช่วงสายๆของวันนี้แต่ฉันไม่ได้เปิดอ่านข้อความของเขา ซึ่งมันเป็นแบบนี้ประจำ ฉันมักจะไม่ค่อยอ่านข้อความจากคนอื่น นอกจากของคนคนเดียวเท่านั้น ที่ฉันแทบจะเปิดดูทันทีทุกครั้งที่มีเสียงการแจ้งเตือนเข้ามา แต่ฉันก็ต้องผิดหวังทุกครั้งไป เพราะขุนศึกไม่ส่งข้อความหาฉันอีกเลย ตั้งแต่เขากลับจากงานประกาศหมั้นของเขาและนามิ"คุณห
เอริ ฐิติมน......ชายหาดต่างจังหวัด18:45น.พรึบ"มืดแล้วหรือเนี่ย......ไม่รู้ตัวเลยแหะ"ฉันพึมพำขึ้นในขณะที่สายตามองไปยังเบื้องหน้าและบรรยากาศรอบๆของตัวเองในตอนนี้ที่พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้วโดยที่ฉันนั่งมองพระอาทิตย์ที่คอยๆจมหายไปในท้องทะเลอย่างช้าๆโดยสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวสมองฉันมันเต็มไปด้วยความสงสัยปัญหาหลายๆเรื่องมันรุมเร้าฉัน ไหนจะเรื่องบริษัทหุ้นของคุณหญิงนฤมิตร และไหนจะเรื่องการทุจริตเงินในบริษัทของขุนศึกอีก ไม่รู้ว่าขุนศึกอ่านเมลของฉันแล้วหรือยัง อีกสองวันก็จะถึงวันประชุมบอร์ดผู้บริหารประจำเดือนแล้วด้วยถ้ามีการสรุปยอดเงินล่ะก็ มีหรือที่บอร์ดผู้บริหารจะไม่สงสัยว่าเงินมันหายไปไหนน่ะและทีนี้ก็จะต้องเกิดเรื่องตรวจสอบเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา ฉันกลัวว่าขุนศึกจะหาวิธีรับมือและแก้ไม่ได้จนเขาต้องโดนตรวจสอบ ว่าเขาเป็นคนทุจริตเงินส่วนที่หายไปหรือเปล่า และเรื่องก็จะใหญ่โตเพิ่มขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานะท่านประธานและยังเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดอีก แต่ตำแหน่งไม่ได้การันตรีว่าเขาจะไม่หลุดจากเก้าอี้ท่านประธาน เพราะถ้าผู้ถือหุ้นอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือขอถอนหุ้นออกหมดล่ะ
"ยังมีอีกคน"แก้มหวานว่าพร้อมกับตบมือขึ้นสามครั้ง ฉันก็เงยหน้าไปมองเธอและก็มีผู้ชายผมเผ้ารกรุงรังหัวฟูสวมใส่เสื้อผ้าขาดๆเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบอะไรไม่รู้สีดำฟันของมันดำทุกซี่ หน้าตาเป็นขี้กลากขี้เกลื้อนมันกำลังเดินมาหาฉันด้วยท่าทางที่เหมือนคนไม่เต็มเต็งอย่าบอกนะว่าเป็นคนสติไม่ดีเป็นคนบ้า"ผัวแกก็มีคนบ้าด้วย..ลูกแกต้องเกิดมาเป็นบ้าแน่เลยฮ่าๆๆๆๆๆ"แก้มหวานเอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสะใจฉันก็กำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ และโกรธเธอคนนี้คนที่ฉันไม่เคยคิดที่จะโกรธ แต่ครั้งนี้ฉันโกรธเธอและจะไม่มีวันให้อภัยเธอเด็ดขากเพราะเธอคิดไม่ดีกับลูกของฉัน ฉันไม่ยอม!!!!!"เจ๊ให้พวกผมก่อน.....ผมไม่อยากใช้ของต่อจากไอ้บ้านี้!!"ชายคนหนึ่งที่จับขาฉันยึดไว้หันไปบอกแก้มหวาน"ได้....ไอ้บ้าแกออกมาก่อน!!"แก้มหวานรับคำชายชุดดำก่อนจะหันไปเอ่ยบอกคนบ้า คนบ้าก็เหมือนจะพูดรู้เรื่องและมันก็หยุดอยู่กับที่"ให้พวกกูก่อน....เสร็จแล้วค่อยคิวมึง"ชายคนที่ถือเข็มฉีดยาเอ่ยขึ้น ตอนนี้มันนำยาไปไว้ในเข็มแล้วและมันก็ดันก้นสปริงออกมานิดหน่อยทำให้ตัวยาที่อยู่ด้านบนพุ่งออกมาเล็กน้อยก่อนที่มันจะเดินมาหาฉันพร้อมกับทำส
"เปล่าหรอก......ที่ผู้ชายเขาไม่เลือกเธอมันเป็นเพราะนิสัยของเธอมากกว่าล่ะแก้มหวาน""นิสัยของเธอ.....ลองมองย้อนดูกลับไปว่าอะไรที่เราสองคนไม่เหมือนกัน""นี่แกจะบอกว่านิสัยแกดีกว่าฉันเหรอ?"แก้มหวานกดเสียงต่ำจ้องฉันด้วยแววตาแข็งกร้าวกว่าเดิม เธอพร้อมที่จะประทุอารมณ์ใส่ฉันได้ทุกเมื่อ"ไม่ใช่.....ฉันแค่อยากจะบอกว่าบางทีทัศนคติหรือความชอบความคิดเห็นสองผู้ชายสองคนนั้นไม่ตรงกับเธอ""แต่มาตรงกับฉันมากกว่า"ฉันเอ่ยออกไปอย่างในความคิดฉันจริงๆแต่ดูเหมือนคำพูดของฉันจะทำให้แก้มหวานไม่พอใจฉันเพิ่มขึ้นไปอีกดูจากการจับเส้นผมของฉันดึงก็รู้ได้เพราะว่าเธอดึงมันแรงขึ้นจนฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดไปที่ศีรษะนาทีนี้ฉันไม่ควรจะยั่วโมโหแก้มหวาน เพื่อความปลอดภัยของตัวฉันเองและลูกในท้องของฉัน"หึ.....เข้าข้างตัวเองจริงๆนะ.....ถ้าแกไม่ให้ท่าเควินเขาก็ไม่มีวันสนใจแกหรอก""เขาเชื่อฟังฉันและเอาใจฉันมาตลอดแต่พอมีเเกเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตของเขา.....เขาก็เปลี่ยนไป""เขาทำตัวห่างเหินกับฉันไม่เหมือนเมื่อก่อน.....เควินชีวิตของเขาไม่เคยได้รู้จักผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ....เขาเลยไม่รู้ว่าผู้หญิงน่ะมันตอแหล!!!""เหมือนเธอไงเอริ.....ทำตัวใ
ฉันก็มองจ้องเธอเขม่น แววตาสั่นไหวอย่างไม่ไว้ใจเธอ"แกมีผัวอยู่แล้วและยังจะมายุ่งกับผัวคนอื่นอีกทำไม!!"แก้มหวานตะโกนใส่หน้าฉันสีหน้าและแววตาของเธอที่จ้องมองมาที่ฉันเเปรเปลี่ยนไปเป็นแข็งกร้าวและไม่พอใจและเธอก็เอื้อมมือมาจับผมของฉันพร้อมกับออกแรงกระชากจนหน้าฉันหงายไปข้าง"โอ้ย!""เธอพูดเรื่องอะไรแก้มหวาน.....ฉันไม่เคยไปยุ่งกับสามีของใคร"ฉันเอ่ยบอกแก้มหวานไปพร้อมกับน้ำตาแอบเล็ดไปด้วยเพราะฉันรู้สีกเจ็บที่หนังศีรษะมาก เพราะแก้มหวานเธอดึงผมฉันแรงมากแรงเหมือนอยากจะดึงมันให้ขาดออกไปจากหนังศีรษะฉันฉันก็ใช้มือของตัวเองมั้งสองข้างมาจับมือของแก้มหวานที่จับผมฉันไว้ให้เธอปล่อยผมฉันแต่เธอก็ยิ่งกำมันและออกแรงดึงมันให้แรงขึ้นแรงขึ้นและแรงขึ้น"ยังจะมาตีหน้าซื่ออีกเหรอแกนี่มันมารยาสาไถยจริงๆ""ไม่เข้าใจว่าพวกผู้ชายชอบผู้หญิงแบบแกลงไปได้ยังไง"แก้มหวานเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงและแววตาดูถูกฉัน ฉันก็จ้องมองเธอด้วยความงุนงงว่าเธอพูดถึงใครกันและใครกันที่ฉันไปแย่งสามีเขามาเท่าที่ฉันจำได้ ฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนเลยนะ ไม่ว่าจะที่ทำงานหรือที่ไหน"แกแย่งผู้ชายที่ฉันรักไปทั้งสองคน......""และก็เป็นแกที่ท
"ไอ้จอม?"ผมหันไปทันทีที่ได้ยินเสียงที่ผมโคตรจะไม่อยากได้ยิน แต่ก็ต้องได้ยินเพราะพี่ชายต่างแม่ของผมกำลังยืนมองหน้าผมอยู่ด้วยสีหน้าแปลกใจ หน้าตามันโคตรกวนตีน ยิ่งเห็นหน้ามันยิ่งหงุดหงิด ยิ่งหงุดหงิดก็ยิ่งเกลียดมัน "มึงมาทำไม?"ผมถามมันไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างชัดเจนว่าผมไม่อยากเจอมัน "กูมาหาเอริ..."มันตอบผมมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆเช่นกันแต่หน้าตาโคตรกวนประสาท ผมเกลียดชี้หน้ามันชิบหาย เพราะมันพ่อถึงไม่เคยรักผม "แล้วมึงมาทำอะไรที่นี่หรือว่า....มึงอยู่กับริเหรอ?"มันถามผมมาพลางชี้มาที่ผมด้วยหน้าตาเหมือนหมาสงสัย "เอ่อกูกับริกำลังมีลูกด้วยกัน.....แค่นี้มึงก็ควรจะรู้ได้แล้วนะว่าเลิกยุ่งกับเมียกูสักที"ผมอ่ยบอกไอ้จอมไปเสียงเเข็ง มันก็มองมาที่ผมด้วยสายตาตกใจแต่แวบหนึ่งผมก็เห็นเหมือนสายตาเป็นประกายในดวงตาคู่สวยของมันแต่ผมไม่มั่นใจเพราะเห็นแค่กระพริบตาเดียวเท่านั้น ที่ผมพูดกันท่าแบบนี่ทั้งที่ผมเองก็รู้ตัวดีว่าผมไม่มีสิทธิ์แต่ผมไม่อยากให้เอริคบกับไอ้จอม เพราะไอ้จอมมันก็เจ้าชู้ไม่ต่างจากผม มันน่ะ......เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยยิ่งกว่าผมเสียอีก ผมไม่อยากให้ริต้องกลับไปเจ็บแบบที่เคยเจ็บมาอีกแล้ว.....ผ
เธอก็บอกว่าจะไม่แก้แค้นอะไรผมอีกแล้ว แต่ขอสู้คดีให้ถึงที่สุด ถ้าผมแพ้ ผมก็ต้องยอมรับชะตากรรม เธอบอกว่าถือเสียว่าผมชดใช้กรรมให้เธอ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะผมมั่นใจว่าผมจะไม่แพ้คดีนี้แน่ ผมรีบเดินออกมาจากห้องและเดินไปยังห้องฝั่งตรงข้ามที่เป็นห้องของเควิน ที่ผมเองก็เพิ่งจะรู้ว่าคอนโดนี้เควินเป็นเจ้าของ โดยมันให้เอริอยู่ห้องมันฟรีๆดูก็รู้ว่ามันชอบเอริ และจ้องจะเคลมเธอและที่ผมรู้ไปกว่านั่นอีกคือเควินเป็นลูกชายของผู้ชายที่แก้มหวานแต่งงานด้วยออดดดดดดดดดดดดผมกดออดห้องของเควินอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ผมสักที สงสัยมันจะไม่อยู่จริงๆหรือมันจะออกไปกับเอริ"ขอให้แน่ใจหน่อยจะได้หมดห่วง"ผมพูดออกมาอย่างยอมรับชะตากรรมถ้าเอริจะชอบผู้ชายคนนี้ผมก็คงจะไม่มีสิทธิ์ไปขัดขวางอะไรเธอ เพราะผมกับเธอมีหน้าที่เป็นพ่อแม่ของลูกเท่านั้น ส่วนสถานะอย่างอื่นเราก็เป็นเพื่อนกันผมเดินเข้าลิฟต์ไปยังชั้นล่างและเดินมุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์ของประชาสัมพันธ์ที่มีไว้ต้อนรับลูกค้าและดูแลคนที่อยู่ในคอนโคนี้"ผมขอเบอร์คุณเควินหน่อยได้ไหมครับ""พอดีผมมีเรื่องจะคุยกับเขาน่ะครับ"ผมเอ่ยบอกพนักงานผู้หญิงที่ทำหน้าที่ประ
คอนโดเควินห้องของเอริ19:00น.ขุนศึก ขุนณรงค์...."ริไปไหนเหรอครับป้าบัว....มืดแล้วยังไม่เห็นกลับมาเลย?"ผมเอ่ยถามป้าบัวไปในขณะที่ท่านกำลังเก็บจานข้าวที่ผมเพิ่งกินเสร็จอยู่ที่จริงผมนั่งชะเง้อคอมองเอริมาตั้งแต่ที่เห็นเธอแต่งตัวออกไปตั้งแต่ตอนห้าโมงเย็นแล้ว กะว่าเธอไปแค่แปปเดียวก็คงจะกลับเพราะไม่เห็นเธอบอกผมว่าเธอจะไปไหน"เห็นว่าออกไปหาเพื่อนนะคะ....คุณขุนศึกมีอะไรหรือเปล่าคะ?""อ้อเปล่าครับ.....ผมเห็นว่ามันเริ่มมืดแล้ว....."ผมเอ่ยบอกป้าบัวไปอย่างเป็นห่วงสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาเพราะเอริเป็นผู้หญิงและกำลังท้องอยู่ด้วยไม่น่าจะออกไปข้างนอกคนเดียวแบบนี้นะหรือว่าเธอจะออกไปหาเพลงขวัญ"ลองโทรหาดูไหมคะ.....""เดี๋ยวผมโทรเองครับป้า....ขอบคุณมากนะครับ""โอเคค่ะงั้นป้าขอตัวไปดูคุณหญิงก่อนนะคะ""ครับป้า.....เดี๋ยวผมรอริสักพักก็จะเข้าไปดูคุณแม่นะครับ""ค่ะ.....เดี๋ยวป้านอนเฝ้าคุณหญิงเองค่ะ....คุณขุนศึกไปนอนพักผ่อนเถอะค่ะ""ครับ....ขอบคุณมากนะครับ"ผมเอ่ยบอกป้าบัวไปอย่างซาบซึ้งใจที่ท่านดีกับผมและคุณแม่ของผมจากใจจริงท่านไม่คิดที่จะทอดทิ้งผมและคุณแม่......ในความโชคร้ายของผมก็ถือว่ายังมีโชคดีอยู่บ้างที
"กะจะเผาทั้งเป็นแม่ของขุนศึกเลยนะ""เธอร้ายกาจมากมากจนฉันอยากรู้ว่าแก้มหวานแค้นอะไรขุนศึกมากมายขนาดที่จะฆ่าจะแกงกันได้"นามิเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจและอยากรู้มากๆ"ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราทั้งสามคนในเมื่อก่อนมันจะเป็นต้นเรื่องที่ทำให้แก้มหวานแค้นฉันขนาดนี้ไหม"ฉันเอ่ยออกไปเสียงแผ่วเบามันถึงเวลาแล้ว ที่ฉันจะต้องไปเผชิญหน้าและถามแก้มหวานตรงๆว่าสิ่งที่เธอทำงไปในตอนนี้ เพราะอยากจะเอาคืนขุนศึกที่เขาทำกับเธอตอนที่เธอเรียนอยู่มหาลัยใช่ไหมเพราะสิ่งที่ขุนศึกไม่ตั้งใจในคราวนั้นแต่กลับทำให้คนที่ถูกกระทำเครียดแค้นเอาเป็นเอาตายขนาดนี้"ฉันขอตัวก่อน"ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงนามิก็ลุกขึ้นพรวดพราดตามฉันมาทันทีด้วยความตื่นตกใจ"เธอจะไปไหนไม่เอาหลักฐานแล้วหรือไง""ไม่แล้วล่ะ....ฉันไม่ต้องการมันแล้ว"ฉันเอ่ยบอกนามิไปก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินและจำ้อ้าวเดินออกมาจากร้านอาหารนี้อย่างไวตอลดทางเดินฉันหยิบโทรศัพท์ไอโฟนเครื่องแพงของตัวเองขึ้นมากดดูบันทึกรายการบันทึกเสียงฉึก"โอ้ย!!"ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจและความเจ็บปวดที่แล่นแวบเข้ามาที่ก้านคอของฉันฉันจึงรีบเอามือไปคลำดูก็พ
"ฉันเลยเตรียมของมาให้เธอได้พิสูจน์....ว่าฉันไม่โกงเธออย่างแน่นอน"ฉันก็มองหน้านามิอย่างจ้องเขม็งและสงสัยในสิ่งที่เธอพูด เธอเตรียมอะไรมาให้ฉันพิสูจน์"ในรถฉันมีโน้ตบุ๊กอยู่....เธอจะไปดูมันกับฉันไหมล่ะ?"นามิเอ่ยถามฉันมา ฉันก็จ้องเธออย่างไม่วางใจ"ฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆจะไปทำอะไรเธอได้.....?"เธอก็เอ่ยออกมาเสียงใสอย่างรู้ทันความคิดของฉัน"ในนั้นมีหลักฐานทั้งหมดจริงๆใช่ไหม?"ฉันเอ่ยถามนามิไป เธอก็ยกยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างคนที่เหนือกว่าก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉัน"หลักฐานที่แก้มหวานโกงบริษัทของคุณหญิงนฤมิตรจนทำให้ทั้งคุณหญิงและขุนศึกต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นคนคดโกง""ใช่...."นามิตอบมาเสียงดังฟังชัด ฉันก็ทำหน้านิ่งเฉยและเอ่ยถามเธอต่อไป"แก้มหวานเป็นคนอยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด......ทั้งเรื่องที่โยนความผิดว่าคุณหญิงนฤมิตรฟอกเงินที่ผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน""เป็นคนต้นคิดการเทรดเงิน....โดยใช้การเทรดเงินเป็นเบื้องหน้าให้คุณหญิงนฤมิตรตายใจและให้คุณหญิงเปิดบัญชีเป็นชื่อของท่านเพียงคนเดียวและนำเงินที่ฟอกมาทั้งหมดโอนใส่ไปในบัญชีของคุณหญิง"นามิเอ่ยออกมา ฉันก็จ้องมองหน้าเธอด้วยท่าทางนิ่งเฉย ฉันต้องทำ
"เธอเป็นใคร"ฉันเอ่ยถามปลายสายที่เป็นเสียงผู้หญิงออกไปน้ำเสียงของปลายสายฟังดูคุ้นหูฉันมาก (นามิเอง....) "นามิ....เธอมีอะไรกับฉัน" (ฉันมีเรื่องเกี่ยวกับขุนศึกอยากปรึกษาเธอ) "เรื่องอะไร?" (หลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับคดีที่ขุนศึกเจออยู่ในตอนนี้.....ถ้าได้หลักฐานอันนี้ไปเขาพ้นคดีแน่) "แล้วเธอไปเอามาจากไหน?"ฉันเอ่ยถามนามิไป ในใจฉันสงสัยและไม่เข้าใจเธอว่าเธอจะช่วยขุนศึกทำไม ในเมื่อก่อนหน้านี้เรื่องของสองคนนี้จบกันไม่ดีเท่าไหร่ อาจจะมองหน้ากันไม่ติดถึงขั้นเกลียดขี้หน้ากันเลยก็ได้ (ฉันโดนนังแก้มหวานหักหลัง....มันเป็นคนต้นเรื่องทั้งหมด) (ฉันพูดจริงๆเอริ....ตอนนี้ฉันกับแม่กำลังเดือดร้อน....ฉันขอขายหลักฐานของขุนศึกให้เธอในราคาสิบล้านก็ได้) (ฉันกับแม่จะใช้เงินก้อนนี้เป็นก้อนหลบหนีนังแก้มหวาน) (มันราวีชีวิตของฉันกับแม่ไม่เลิกนะเอรินะ) (นังแก้มหวานมันสั่งให้ฉันเข้าไปตีสนิทก้บขุนศึกมันอยู่เบื้องหลังทุกอย่างทั้งเรื่องที่คุณหญิงโดนฟ้องว่าฟอกเงิน....การเทรดหุ้นที่ไม่เอาเงินไปเทรดแต่เอาไปใช้เอง....ตลาดหุ้นที่ผิดกฏหมาย) (นังแก้มหวานมันเป็นคนวางแผน....ฉันมีคลิปวิดีโอในการคุยของฉันกับมันในตอนที่มัน