"อ้อค่ะ...งั้นคุณผู้หญิงต้องการดูชุดก่อนไหมคะ""ได้ค่ะ"นามิตอบไปก่อนจะยิ้มให้พนักงานและหันมายิ้มให้ฉันฉันก็ยิ้มแหยๆให้เธอ พนักงานของร้านก็เดินจากพวกเราสองคนไป นามิเธอก็เลือกที่จะเดินไปนั่งที่โซฟาและหยิบสมุดของชำร่วยของร้านออกมาดู ฉันก็ละสายตาจากเธอและหันมองไปรอบๆร้านแห่งนี้ ชุดราตรีชุดแต่งงานมากมายที่สวยสง่ารายล้อมรอบๆตัวฉัน ฉันไม่รู้ว่าชาตินี้ ฉันจะได้แต่งงานเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆไหม และฉันจะแต่งกับใครล่ะ ในเมื่อฉันเป็นผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนางบำเรอไปแล้วจะมีผู้ชายดีๆที่ไหนมารักผู้หญิงที่เป็นของเหลือแบบฉัน"มาแล้วค่ะคุณผู้หญิง"เสียงหวานใสของพนักงานประจำร้านเอ่ยขึ้นพร้อมกับถือชุดทักซิโด้สีขาวในมือของเธอนามิก็ละสายตาจากของชำร่วยมามองยังพนักงานและผุดลุกขึ้นยืนและเดินตรงมาทางนี้อย่างไว"ว้าวสวยมากๆเลยค่ะ....เวลาพี่ขุนศึกใส่ต้องดูหล่อและดูดีดูเท่มากๆๆเลยพี่เอริว่าไหมคะ?"นามิพูดขึ้นพร้อมกับกุมมือไว้ตรงหน้าอกด้วยแววตาเป็นประกายก่อนจะหันมาขอความคิดเห็นของฉัน ว่าจะตรงกับเธอไหม ฉันก็มองชุดนั้น ฉันก็คิดว่าถ้าขุนศึกใส่ เขาต้องดูดีและดูหล่อ ดูเท่สุดๆไปเลยล่ะ"นามิครับ"เสียงทุ้มเข้มออกแนวหว
ครึ่งชั่วโมงต่อมาร้านชุดเจ้าสาวหรูในห้างสรรพสินค้าในเครือบริษัทAK"ไม่ทราบว่าคุณขุนศึกและคุณนามิเลือกร้านถ่ายพรีเวดดิ้งหรือยังคะ?"เสียงสุภาพเอ่ยขึ้นจากผู้หญิงที่แต่งตัวเรียบร้อยวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของขุนศึกและนามิเธอคนนี้เป็นเจ้าของร้านน่ะ เธอถึงได้รู้จักขุนศึกและรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ซึ่งเป็นคนคนละคนกับที่มาบริการนามิตอนแรก"ยังเลยครับ.....หรือว่านามิดูๆไว้แล้วคะ?"ขุนศึกหันไปตอบเจ้าของร้านและหันกลับมามองหน้านามิเพื่อขอคำตอบจากเธออย่างสงสัย "ยังค่ะ....นามิว่าจะลองปรึกษาพี่เอริดูนะคะ....ว่าพี่เอริมีร้านแนะนำไหม?"นามิเธอกลับหามาขอความคิดเห็นจากฉันที่ยืนหลบมุมหลังเธออยู่อย่างเงียบๆ ฉันก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเธอพร้อมกับสบแววตาใสซื่อที่เธอมองฉัน ฉันก็ทำท่าทางอ้ำๆอึ้งๆ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันไม่เคยแต่งงานนะ"เอ่อคือ....."ฉันทำท่ายึกยักอึกๆอักๆไม่รู้จะตอบนามิยังไง โดยมีสายตาของคนสี่คนจับจ้องมองมาที่ฉันเป็นจุดเดียวเพื่อคาดคั้นคำตอบจากฉันอย่างงั้นแหละ ว่าจริงๆเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิดนะ"ทางร้านมีบริการรับถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยไหมครับคุณช่อผกา?"ขุนศึกเอ่ยขึ้นทำ
"เสร็จแล้วค่ะและนามิก็คุยกับพี่ขุนศึกว่าจะพาพี่เอริไปทานข้าวกันนะคะ....เพื่อตอบแทนพี่เอริที่มาเป็นเพื่อนนามิในวันนี้"นามิพูดเสียงหวาน ก่อนจะหันไปยิ้มให้ขุนศึก ฉันก็มองหน้าขุนศึกและนามิสลับกัน "คือไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ...ดิฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่""คนเขาอุตส่าห์ชวน.....ไม่มีมารยาทเลย"เสียงห้วนดังขัดขึ้นมาจากผู้ชายหน้าหล่อร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ทำให้หัวใจของฉันสั่นไหวขึ้นมาเมื่อเขาพูดแต่ไม่มองสบตาฉันเหมือนกับว่าเขาพูดลอยๆใครจะรับก็รับ ไม่รับก็ไม่ต้องรับ"พี่ขุนศึกคะ"นามิหันไปเรียกขุนศึกเสียงแข็งอย่างออกแนวเชิงดุนิดๆที่ขุนศึกพูดจาแบบนั้นใส่ฉัน ซึ่งฉันคิดว่ามันค่อนข้างแรงนะ สำหรับเขาและฉันที่ก็รู้ดีว่าเราสองคนอยู่ในสถานะอะไรกันและมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแค่ไหน"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณนามิอย่าว่าท่านประธานเลยนะคะ....ดิฉันผิดเองค่ะที่ปฏิเสธคำชวนของคุณนามิ""และจะเป็นอะไรไหมคะ....ถ้าดิฉันจะขอเปลี่ยนใจ"สิ้นคำพูดของฉันนามิก็ยิ้มกว้างขึ้นมาทันที ฉันก็ยิ้มให้เธอ ได้ในเมื่อคนสองคนนี้ต้องการเล่นละครสวมหน้ากากใส่ฉัน ฉันก็จะสวมหน้ากากเล่นกับพวกเขาดูสักตั้ง"ได้สิคะดีเลย.....งั้นเราไปกันดีกว่าค่ะ"นาม
พรึบ"เห้อ"ฉันโยนกระเป๋าสะพายทิ้งพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องรับแขกอย่างหมดแรงและเหนื่อยล้าทั้งกายและใจก่อนจะหลับตาลงเพื่อให้สมองได้พักผ่อน วันนี้ทั้งวันฉันเสียเวลาไปกับเรื่องของคนอื่นโดยที่ไม่ใช่เรื่องของตัวฉันเองเลย แถมยังต้องไปนั่งช้ำใจเล่นดูความหวานของขุนศึกกับนามิอีกตั้งหาก พวกเขาชวนฉันไปทานข้าว ทานข้าวเสร็จก็พาฉันไปดูสถานที่ที่จะถ่ายทำพรีเวดดิ้ง โดยที่ไม่ถามความสมัครใจจริงๆของฉันเลยด้วยซ้ำว่าฉันเต็มใจที่อยากจะไปเป็นมือที่สามของพวกเขาด้วยหรือเปล่าและนี่ก็ทุ่มหนึ่งพอดีที่ขุนศึกขับรถมาส่งฉันโดยมีนามินั่งเคียงข้างเขามาด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขุนศึกทำในวันนี้เหมือนเขาต้องการประชดประชันฉัน ให้ฉันโมโหหึงเขาเล่นสินะ ซึ่งมันได้ผลจริงๆ ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกนะ ที่จะอดทนเห็นผู้ชายที่ตัวเองรักไปสนิทสนมหยอกเย้ากับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าอย่างใกล้ชิดแบบนี้ได้น่ะ"ทำไมขุนศึกไม่เห็นดูเป็นทุกข์เป็นร้อนเลยล่ะ.....หรือว่าเขาจะยังไม่เห็นอีเมลของฉัน?"ฉันพึมพำขึ้นมาในขณะที่สติของตัวเองกำลังจะดำดิ่งอยู่ในห้วงนิทรา ใจของฉันก็ยังจะอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เป็นห่วงขุนศึกและบริษัทที่ฉันทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้า
"ค่ะ"เธอหันมาตอบผมสั้นๆด้วยสีหน้าเบะๆอย่างงอนผม ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อกลับรอให้เธอลงจากรถผมไปและปิดประตูให้ผม ผมก็ใส่เกียร์และขับออกมาจากบ้านของนามิอย่างไวผมหักพวงมาลัยขับมุ่งตรงไปยังบ้านของเอริที่ผมเพิ่งจะไปส่งเธอที่บ้าน วันนี้ผมแสดงความออดอ้อนออเซาะและดูรักใคร่นามิให้เอริเห็น ผมว่าเธอคงจะต้องเจ็บปวดอยู่บ้างล่ะ ที่ผู้ชายอย่างผมไม่ง้อเธอ แบบเมื่อก่อนอีกแล้วและเรื่องยาที่เธอถามหาว่าผมเป็นคนเอาไปหรือเปล่า แน่นอนว่าผมเอามาเองและผมก็เอาทิ้งทันทีที่รู้ว่ามันคือยาคุมฉุกเฉินและผู้หญิงที่บ้างานอย่างเอริ ก็คงจะไม่ไปซื้อมากินอีกแน่เพราะเธอน่ะ ขี้ลืม หรืออาจจะซื้อมาแต่ผมไม่เห็นผ่านสายตานะ แต่เธอก็มักจะซ่อนอะไรไม่มิดด้วย เพราะผมจะรู้ทันเธอทันทีว่าเธอซ่อนของมีค่าไว้ตรงไหน นั้นคือในกระเป๋าแบรนด์เนมนับหลายสิบใบที่ผมซื้อให้เธอเธอบอกผมว่า ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด เธอจึงมักจะเก็บซ่อนของมีค่าสำหรับเธอไว้ที่กระเป๋าพวกนั้นส่วนเรื่องงานหมั้น พอถึงวันหมั้นผมจะบอกเรื่องคลิปนี้ให้คุณแม่ของผมได้รู้ ว่านามิเธอเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อจะแบล็คเมล์ผมให้ผมหมั้นกับเธอ ส่วนเรื่องที่ผมเคยนอนกับเธ
วันถ่ายพรีเวดดิ้งของขุนศึกและนามิเอริ ฐิติมน....."เห้อ"ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ สายตาก็ทอดมองร่างของชายหญิงสองคนที่กำลังกอดแนบชิดอิงกายอย่างสนิทสนมกันอยู่ด้านหน้าของฉัน ที่ด้านหลังของพวกเขาทั้งสองคนเป็นวิวทะเลสีฟ้าครามสดใสและมีตากล้องพร้อมทีมงานมากมายคอยSetฉากเซ็ตผมSetเสื้อผ้าให้คู่รักที่มาถ่ายพรีเวดดิ้งในวันนี้ด้วยให้ทุกอย่างออกมาดีและเพอร์เฟคที่สุด โดยที่นามิก็ลากฉันมาด้วย ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธอจะเอาฉันมาด้วยทำไม ในเมื่อมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรเกี่ยวกับฉันเลยสักนิด"ขอน้ำหน่อยจ๊ะ"เสียงหวานของนามิเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทางกองถ่ายให้เธอและขุนศึกหยุดพักการถ่ายหลังจากที่ถ่ายกันไปหลายท่าและหลายมุมแล้ว เธอก็เดินมานั่งในเต็นท์เดียวกับฉันพร้อมกับเอ่ยสั่งพนักงานที่คอยดูแลเธอให้เอาน้ำมาให้เธอดื่มด้วยท่าทางกระหายเพราะตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแก่ๆเธอคงจะร้อนเพราะเห็นแต่ละฉากต้องใช้แสงจากแสงของดวงอาทิตย์เพื่อภาพให้ออกมาสวยตามแบบฉบับที่นามิต้องการ"ร้อนมากเลยนะคะพี่เอริ"นามิเอ่ยพูดกับฉันขึ้นหลังจากที่เธอดื่มน้ำเย็นๆจากพนักงานเสร็จแล้ว ฉันก็ยิ้มบางๆให้เธอก่อนจะตอบเธอไป"ใช่ค่ะร้อน
และพวกเราก็ออกเรือมาช่วงแปดโมง มาถึงนี่ก็เก้าโมงเช้าพอดี กว่าจะจัดเตรียมอะไรกว่าจะได้ถ่ายก็ปาเข้าไปบ่ายแก่แล้วฉันทิ้งตัวลงนั่งบนขอนไม้พร้อมกับทอดสายตามองไปยังท้องทะเลสีครามเบื้องหน้าที่มีแสงแดดกระทบส่องอยู่เสียงคลื่นพัดเข้าฝั่งทำให้ฉันรู้สึกสบายผ่อนคลายยังไงไม่รู้จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโลกโซเชียลดู เมื่อคืนคุณจอมพลไปหาฉันที่บ้านและเขาก็บอกฉันว่า นามิโทรมาลางานให้ฉัน โดยที่เธอบอกคุณจอมพลว่าอยากให้ฉันไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาพักผ่อนซะบ้าง ซึ่งคุณจอมพลก็รู้ว่าฉันไม่ได้อยากมาแต่เขาเองก็ปฏิเสธนามิแทนฉันไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนามิจะหาว่าเขาไม่ให้ฉันลางานและเป็นเจ้านายที่เคี้ยวเอาเปรียบลูกน้องอะไรทำนองนี่"ตลาดหุ้นเหรอ?"ฉันพึมพำขึ้นมาเมื่ออ่านข้อความจากไลน์ของคุณจอมพลที่ส่งมาให้ฉันเมื่อตอนช่วงสายๆของวันนี้แต่ฉันไม่ได้เปิดอ่านข้อความของเขา ซึ่งมันเป็นแบบนี้ประจำ ฉันมักจะไม่ค่อยอ่านข้อความจากคนอื่น นอกจากของคนคนเดียวเท่านั้น ที่ฉันแทบจะเปิดดูทันทีทุกครั้งที่มีเสียงการแจ้งเตือนเข้ามา แต่ฉันก็ต้องผิดหวังทุกครั้งไป เพราะขุนศึกไม่ส่งข้อความหาฉันอีกเลย ตั้งแต่เขากลับจากงานประกาศหมั้นของเขาและนามิ"คุณห
เอริ ฐิติมน......ชายหาดต่างจังหวัด18:45น.พรึบ"มืดแล้วหรือเนี่ย......ไม่รู้ตัวเลยแหะ"ฉันพึมพำขึ้นในขณะที่สายตามองไปยังเบื้องหน้าและบรรยากาศรอบๆของตัวเองในตอนนี้ที่พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้วโดยที่ฉันนั่งมองพระอาทิตย์ที่คอยๆจมหายไปในท้องทะเลอย่างช้าๆโดยสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวสมองฉันมันเต็มไปด้วยความสงสัยปัญหาหลายๆเรื่องมันรุมเร้าฉัน ไหนจะเรื่องบริษัทหุ้นของคุณหญิงนฤมิตร และไหนจะเรื่องการทุจริตเงินในบริษัทของขุนศึกอีก ไม่รู้ว่าขุนศึกอ่านเมลของฉันแล้วหรือยัง อีกสองวันก็จะถึงวันประชุมบอร์ดผู้บริหารประจำเดือนแล้วด้วยถ้ามีการสรุปยอดเงินล่ะก็ มีหรือที่บอร์ดผู้บริหารจะไม่สงสัยว่าเงินมันหายไปไหนน่ะและทีนี้ก็จะต้องเกิดเรื่องตรวจสอบเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา ฉันกลัวว่าขุนศึกจะหาวิธีรับมือและแก้ไม่ได้จนเขาต้องโดนตรวจสอบ ว่าเขาเป็นคนทุจริตเงินส่วนที่หายไปหรือเปล่า และเรื่องก็จะใหญ่โตเพิ่มขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานะท่านประธานและยังเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดอีก แต่ตำแหน่งไม่ได้การันตรีว่าเขาจะไม่หลุดจากเก้าอี้ท่านประธาน เพราะถ้าผู้ถือหุ้นอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือขอถอนหุ้นออกหมดล่ะ
"ผมเกลียดคุณเข้าใจไหม""ไม่จริงคุณไม่ได้เกลียดแก้มหวานคุณรักแก้มหวาน""ไม่งั้นคุณจะมาทำดีกับแก้มหวานทำไม""ที่ผมทำดีกับคุณเพราะผมติดใจในเซ็กส์ของคุณไง....คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เร้าร้อนและร้อนแรงเรื่องบนเตียงมากแค่ไหน"เควินพูดพร้อมกับเดินตรงมาหาแก้มหวาน"ผมไม่เคยมีอะไรกับใครแล้วมีความสุขเท่าคุณ"เควินว่าพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเรียวไล้เกี่ยไปตามแขนของแก้มหวานอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมองแก้มหวานด้วยแววตาหวานเยิ้ม"ผมก็เลยเล่นตามน้ำคุณถึงแม้ในใจผมมันจะสนแค่ร่างกายคุณแต่นิสัยและสันดานของคุณผมรังเกียจมันเสียด้วยซ้ำ"เควินพูดไปพลางมองไปที่ร่างของแก้มหวานด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม"ผมก็นึกว่าคุณจะเล่นๆกับผมแต่ที่ไหนได้คุณคิดจริงจัง"เควินว่าพลางยิ้มหัวเราะออกมาอย่างเรื่องที่เป็นประเด็นสนทนาอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องตลก ทำให้แก้มหวานมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่พอใจและน้อยใจไปในตัวเธอคิดว่าเขาจะสนใจและมีความรู้สึกดีๆให้เธอเสียอีก แต่ที่ไหนได้เขากลับไม่ได้มีใจให้เธอเลย "ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก.....ผมพูดความจริง""และต่อไปคุณก็ช่วยกรุณารู้จุดยืนของตัวเองด้วยนะ"เควินเอ่ยออกมาปิดท้ายแววตาที่เขามองเธอเวลาพูด
"ไม่ใช่ว่าริเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ได้แต่ริไม่อยากเป็นไม่อยากให้ลูกมีแค่ริที่ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันแต่อยากให้ลูกได้รับความรักจากพ่อแท้ๆของเขาและความเอาใจใส่จากพ่อของเขาจริงๆ" "คนที่ไม่เคยขาดพ่อขาดแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกไม่ว่าแม่จะดูแลดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่เหมือนความรักที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ครบ" "ริหวังว่าขุนจะเข้าใจนะ....ขุนแค่ทำหน้าที่พ่อของลูกเท่านั้นพอ....." "ริ....." "หรือขุนอยากจะเลือกก็ได้นะระหว่างทำหน้าที่พ่อของลูกหรือจะไม่รับหน้าที่อะไรเลยก็ได้" "ก็ได้ขุนจะเอาแบบที่ริว่าก็ได้"ขุนศึกที่ได้ยินคำขาดจากฉัน เขาก็พูกเสียงเข้มแทรกขึ้นมาทันที "แต่ขุนจะทำให้ริเห็นว่าขุนพร้อมที่จะหยุดและมีแค่ริคนเดียวแล้วจริงๆ"ขุนศึกว่าพร้อมกับทำหน้ามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำอย่างที่เขาพูดได้จริงๆ แต่เขาก็พูดแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันจับเขาได้ว่าเขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นและฉันก็ไว้ใจและเชื่อใจเขามาตลอดและเป็นยังไงล่ะ สุดท้าย ฉันก็เป็นอีโง่เหมือนเดิม เคยยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองแก้ผ้าให้ขุนศึกเอาเพื่อให้เขาเลิกไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น นั่นมันเป็นความคิดเด็กน้อยชะมัด "ทำให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากันอีกที..
วันเดียวกัน23:30น.เอริ ฐิติมน......จึกๆๆ"ริ......""หื้ออออ"ฉันครางรับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกฉันพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่ฉันเบาๆฉันที่นั่งขดตัวหลับอยู่บนโซฟาภายในห้องโถงใหญ่ก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาดูเจ้าของเสียงที่ฉันเฝ้ารอเขาจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้"ขุน......กี่โมงแล้วเนี่ย?"ฉันขยี้ตาเพื่อไล่ความสะลึมสะลือความงัวเงียให้หายไปพร้อมกับเอ่ยถามขุนศึกไป"เที่ยงคืนกว่าแล้ว....ริมานอนทำไมตรงนี้?"ขุนศึกตอบฉัรพร้อมกับเอ่ยถามฉันกลับ ฉันที่หายจากอาการสะลึมสะลือแล้วแล้วก็ขยับตัวนั่งดีๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับฉันและนั่งข้างๆฉันด้วย"ริมารอขุนนั้นแหละ.....ทำไม่มาซะดึกเลย....หาไม่เจอเหรอ?""เปล่า.....พอดีขุนไปทำธุระมาน่ะ""อ้อ"ฉันพยักหน้าพลางร้องตอบขุนศึกไป แม้ในใจอยากจะถามเขาว่าธุระที่เขาว่าคืออะไร แต่สีหน้าและแววตาของขุนศึกเหมือนไม่อยากบอกให้ฉันรู้ว่าธุระที่เขาพูดถึงคืออะไรถ้าเขาไม่อยากบอก ฉันก็ไม่ควรที่จะถามต่อสินะ เพราะฐานะของฉันกับเขาไม่มีสิทธิ์ซักไซ้จนได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปกว่านี้"ว่าแต่ริมารอขุน......มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"ขุนศึกถามฉันพร้อมกับจ้องมองฉั
จะปล่อยห้องว่างไวโดยไร้คนอยู่ก็เสียดาย ฉันก็เลยใจอ่อนและยอมมาอยู่ที่นี่ซึ่งฉันคิดว่ามันสะดวกสบายดี บ้านที่ฉันหาในเน็ตก็มองทรุดโทรมและค่าเช่าก็แพง อะไรที่ประหยัดได้ในตอนนี้ฉันก็ควรจะประหยัดและตอนนี้ฉันก็ท้องด้วย ฉันควรจะมีเงินสำรองไว้เลี้ยงลูกของฉันให้เขาอยู่อย่างสุขสบายให้เยอะๆดีกว่าฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับขุนศึก......ว่าฉันท้องกับเขา....."ป้าบัวคะ""จ๊ะว่าไงจ๊ะเอริ?"ป้าบัวที่กำลังยกชามกะละมังที่เช็ดตัวคุณหญิงเพิ่งเสร็จหันมาขานรับฉันเงินก้อนใหญ่ฉันก็ให้ขุนศึกไปหมดแล้ว รถก็ขายทิ้ง บ้านก็มาไฟไหม้อีก ค่ารักษาพยาบาลคุณหญิงค่าใช้จ่ายรายเดือนก็สูง โดยเฉพาะค่ากายภาพบำบัดที่ฉันว่าจ้างให้นางพยาบาลที่เป็นคนทำกายภาพบำบัดและศึกษาด้านนี้มาโดยเฉพาะให้มาดูแลคุณหญิงทุกวันโดยทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงเดินได้อีกครั้งและฉันจะทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของลูกฉันมีความสุขและสุขสบายที่สุดไม่ให้ลำบากและรู้สึกขาดแบบที่ชีวิตฉันเคยเป็นมา ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่สุดของความสามารถของฉัน"ป้าบัวส่งโลเคชั่นให้ขุนหรือยังคะว่าเราอยู่ที่ไหนกัน?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไป ท่านก็ยิ้มบางๆให้ฉัน"ป้ากำลังจะไปส่งโลเคชั่นให้คุณข
"ไม่ว่าฉันจะให้แกทำอะไรแกก็ยอมใช่ไหม?"แก้มหวานเอ่ยถามผมด้วยแววตามีเลศนัยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากขึ้น ผมก็จ้องมองเธอนิ่ง และผมก็อยากทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลง วันนี้คุณแม่ผมเกือบจะไม่รอด เพราะผมเป็นตัวต้นเหตุ วันนี้อาจจะโชคดี แต่มันก็คงตะไม่โชคดีทุกครั้งไป "ใช่" "ถ้าฉันให้แกไปตายล่ะ" "มันไม่มากไปเหรอ?"ผมถามเธอไปเสียงเข้ม เรื่องที่ผมและเพื่อนๆทำกับเธอ เธอก็ยังมีชีวิตอยู่และดีด้วยจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ "หึ.....ฉันรู้ว่าแกคงไม่กล้าตายหรอก" "งั้น......ฉันขอแลกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของแกก็ล่ะกันนะ" "ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของฉัน?" "กราบตีนฉันสิ.....แล้วฉันจะเลิกยุ่งกับแม่แกและก็เอริผู้หญิงที่แกบอกว่ารักนักรักหนาด้วย" "ไม่รู้ว่าแกรักเธอยังไงนะถึงได้นอกกายนอกใจเธอนอนกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา" "ถ้าฉันเป็นเอริฉันคงไม่เอาผู้ชายเลวๆที่ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ที่ต้องผสมพันธุ์ไปทั่วโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร" "แบบแกหรอกนะขุนศึก" "แค่ฉันกราบตีนเธอ.....แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"ผมไม่สนใจคำพูดที่ถากถางของแก้มหวานแต่เอ่ยถามในสิ่งที่จะเป็นตัวหยุดเรื่องนี้กับเธอไป เธอก็ทำหน้าบึ้งตึงนิดหน่อยก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องผมก็ยื่นมือไปกดออดเพื่อเรียกคนในห้องให้รู้ว่ามีคนมาขอพบเธอผมรออยู่ไม่นานและกดออดซ้ำไปแค่ครั้งเดียว ประตูห้องหรูบานตรงหน้าผมก็ค่อยๆถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านในของห้องนี้ผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่เป็นคนมาเปิดประตูเธอเป็นผู้หญิงผอมสวยหุ่นดี เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงผมของเธอถูกดัดเป็นลอนใหญ่แล้วปล่อยสยายไปด้านหลังสีหน้าที่เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย และเพ่งมองพินิจพิจารณาอย่างสงสัยว่าผมคือใครผมจึงค่อยๆใช้มือดึงฮู้ดที่ปิดหน้าของผมอยู่ให้ออกเพื่อเผยใบหน้าของผมให้เธอคนนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นและในเมื่อใบหน้าของผมที่ไร้เสื้อฮู้ดปกผิดเปิดเผยแก่คนตรงหน้าเธอก็จ้องมองผมด้วยแววตาตกใจและแปลกใจ ผมก็จ้องมองเธอกลับไปด้วยแววตาเรียบเฉยเมื่อแปดปีก่อน เธอกับผมเราคงจะคุ้นตากันเพราะเราสองเคยมีอะไรกันและแอบเป็นแฟนกันมาก่อนทั้งๆที่ผมเองก็มีแฟนอยู่แล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอ แต่ผมคิดว่าผู้หญิงทั้งมหาลัยก็น่าจะรู้ดีว่าผมมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่กลับผิดคาดที่เธอคนนี้ไม่รู้ เธอจึงปล่อยใจรักผมแต่ผมกลับไม่เคยรักเธอ ไม่ว่าเธอจะแสนดีและน่ารักแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดที่จะรั
ช่วงเย็นวันเดียวกันคอนโด TYขุนศึก ขุนณรงค์......"ขอบคุณสำหรับข้อมูลตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าคอนโดที่แกบอกแล้ว""คอนโดTYชั้นที่สามสิบห้องสามสามสี่ห้าฉันจำได้ล่ะขอบใจแกมากฟิว"ผมเอ่ยบอกฟิวไปในขณะที่สายตาก็ทอดมองเงยหน้าไปยังชั้นบนสุดชั้นที่สามสิบของตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองตรงหน้าของผมในขณะนี้(แกคิดที่จะทำอะไร?)(ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากกว่าแกเขาสามารถทำให้แกหายไปโดยไม่มีใครสงสัยได้เลยนะขนาดทำให้ชีวิตของแกพังเขาก็ยังทำได้)(ฉันว่าแกไม่สมควรที่จะประมาทผู้หญิงคนนี้)เสียงปลายสายของฟิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมจึงละใบหน้าจากตึกสูงตรงหน้าและเอ่ยคุยกับฟิวต่อ"ฉันรู้ขอบใจและขอโทษที่ทำให้ชีวิตของแกต้องมาติดร่างแหพลอยซวยไปกับฉันด้วย"ผมเอ่ยบอกหิวไปอย่างคนที่รู้สึกผิดที่ออกมาจากใจจริงไปของผม(แกไม่ได้ทำอะไรผิดถ้ามันจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ)(มันคงจะเป็นเพราะตอนนั้นพวกเรายังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรให้มากกว่านี้เลยทำเรื่องแบบนั้นลงไป)(ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธแกหรือแก้มหวานเลยด้วยซ้ำ)"นั่นสิเนอะ....ฉันก็ไม่สมควรที่จะโกรธแก้มหวานด้วยเหมือนกัน"ผมเอ่ยออกมาอย่างคิดนึกตริตรองอย่างที่ฟิวว่าที่จริงถ้าตอนนั้นผมไม่คึกค
"ผมขอโทษครับ""คุณจะมาขอโทษฉันทำไมล่ะค่ะ....ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณสิถึงจะถูก""เดี๋ยวฉันจะโอนจ่ายค่ารักษาให้คุณทีหลังนะคะ....เพราะวันนี้ฉันไม่มรเงินติดตัวเลย"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปตามความจริง เขาก็มีสีหน้าตกใจและสลดปะปนกันไป"อย่าโอนจ่ายค่ารักษาให้ผมเลยครับ...ขอให้ผมได้ดูแลคุณสักครั้ง""ในฐานะเพื่อนได้ไหมครับ"คุณเควินว่าต่อในเสียงและสีหน้าเชิงขอร้อง ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคนคิดหนัก เขาขอช่วยในฐานะเพื่อนถ้าฉันปฏิเสธเพื่อนคนนี้ ก็ควจะเสียมารยาท"ก็ได้ค่ะ....แต่ริขอแค่ความช่วยเหลือจากคุณเควินแค่ครั้วนี้ครั้งเดียวนะคะ....ครั้งต่อไปไม่ต้องแล้วนะคะ....ริเกรงใจ"สิ้นคำพูดฉันคุณเควินก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา"ครับ....ขอบคุณนะครับที่ยอมรับความช่วยเหลือจากผมในครั้งนี้""มีอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณเควินต่อหลังจากที่เขาพูดจบประโยคเขาก็นิ่งไปและมองหน้สฉันอย่างคนอึดอัดใจเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ยอมพูดมันออกมาฉันจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเอง"ผมดูข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้ที่บ้านของคุณและผมก็ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าคุณเข้ามารับการรักษาที่นี่""ผมจึงรีบมา....และก็พบคุณแต่ทางโรงพยาบาลแจ
"แต่คงจะยาก.....เพราะเขามีหลักฐานขนาดนั้น" "และที่สำคัญเขาไม่รับฟังหรอกว่าแม่นายเองก็โดนหลอกเหมือนกัน" "เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเอริ?" "ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้.....นายกำลังโดนโจมตรีจากคนที่นายเรยไปทำลายชีวิตเขายังไงล่ะ" "นายเกือบทำให้แม่นายต้องมาตายเพราะความเจ้าชู้ของนาย.....ขุนศึก" "และคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างแม่นายต้องมาซวยต้องมาหมดตัวต้อยมาเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างมาก็เพราะนาย" "เพราะความเจ้าชู้ของนาย"ฉันพูดเสียงแข็งตะโกนใส่ขุนศึกไปเป็นชุดด้วยแววตาสั่นไหวน้ำตาเอ่อคลอ ขุนศึกก็ทำสีหน้ายอมรับความผิด สีหน้าของเขาซีดลงแววตาของเขาสั่นไหว "ขุนรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะขุน....." "ที่มาทำให้แม่และก็ริเดือดร้อน" "ขุนจะจบเรื่องนี้เอง"ขุนศึกพูดเสียงเข้มแววตาจริงจังและวูบไหว "ผมฝากแม่ด้วยนะครับ" "เดี๋ยวผมมาได้ที่อยู่ใหม่ที่ไหนรบกวนป้าบัวโทรบอกผมด้วยนะครับ"ขุนศึกผละจากรถวีลแชร์เดินไปหยุดตรงหน้าของป้สบัวพร้อมกับเอ่ยบอกป้าบัว "ค่ะได้ค่ะว่าแต่คุณขุนศึกจะไปไหนคะ?"ป้าบัวรับคำขุนศึกและเอ่ยถามเขาต่อ ขุนศึกกฺ็หันกลับมามองหน้าฉัน ด้วยสายตานิ่งเฉย "ไปทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบคร