“เธอ….ตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหม…ที่จะทำแบบนี้?”เสียงเรียบๆเอ่ยขึ้นมาจากคุณจอมพลที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่ ฉันที่นั่งเงียบมานานตั้งแต่รถของคุณจอมพลเคลื่อนตัวออกมาจากบ้านของฉันมาได้ครึ่งทางแล้ว ฉันก็ค่อยๆหันหน้าไปมองหน้าคุณจอมพลอย่างสงสัยในคำพูดของเขาที่เหมือนเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันประชดประชันขุนศึกอยู่ในตอนนี้โดยที่,ฟแ ใช้เขาเป็นเครื่องมือ“ริขอโทษนะคะ…”ฉันเอ่ยบอกคุณจอมพลไปด้วยสีหน้าที่เศร้าสลดลง แต่คุณจอมพลกลับหันมายิ้มกว้างให้ฉันก่อนจะยื่นมือมาขยี้ผมฉันเล่นอย่างเบามือความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้มันคืออะไรกันนะ มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นผิดแปลกไปจากขุนศึก แต่มันเหมือนฉันปลอดภัยทุกครั้งที่มีเขาคนนี้ยืนอยู่ข้างๆฉันบริษัท KA13:30น.โต๊ะทำงานเอริ เอริ ฐิติมน….พรึบ“พี่เอริ…ไม่พักทานข้าวเหรอคะ?”เสียงหวานใสเอ่ยถามฉันอย่างเป็นห่วง ทำให้ฉันต้องละสายตาจากเอกสารบัญชีรายรับและรายได้ของเดือนนี้ขึ้นไปมองหน้าเธอก็พบกับภาพเหตุการณ์เดจาวูซ้ำๆซากๆ นั่นคือนามิเดินคล้องแขนขุนศึกเธอยิ้มร่าตรงดิ่งมาที่โต๊ะของฉันพรึบฉันลุกขึ้นยืนตรงพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อทำการเคารพท่านประธานบริษัทและว่าที่ภรรยาประธานบริษัท
เขาก็มองหน้าตาแจ่มใส และดูแฮปปี้ดีหนิกับว่าที่เจ้าสาวของเขา“เราไปกันเถอะครับ….”เสียงเรียบๆของคุณจอมพลเอ่ยบอกฉันทำให้ฉันรู้สึกตัวว่าเผลอมองขุนศึกและนามิไปจนเขาทั้งคู่เดินลับหายไปจากตรงหน้าของฉันแล้ว“อ้อค่ะ…”ฉันหันมาพยักหน้าตอบคุณจอมพลไปอย่างล่อกแล่กๆก่อนจะเดินนำหน้าคุณจอมพลมาอย่างรวดเร็ว ปากก็เก่งว่าไม่เป็นไร แต่ทำไมในใจของฉัน มันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ ทำไมฉันต้องรัก ขุนศึก ทำไมฉันต้องรักผู้ชายเห็นแก่ตัวแบบนั้นด้วย ทำไมกันนะ….15:30น.ภัตตาคารWหรูระดับห้าดาวเอริ ฐิติมน…“คุณจอมพลพาริมาที่นี่ทำไมคะ?”ฉันเอ่ยถามคุณจอมพลไปในขณะที่เราทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ในภัตตาคารหรูหราระดับห้าดาวไหนเขาบอกว่า เราจะมาพบลูกค้ายังไงล่ะ?แต่ทำไม เขาสั่งแบบโต๊ะสองคนมา“ก็พาเธอมาทานข้าวไง…ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลยไม่ใช่เหรอไง?”คุณจอมพลว่าพลางยิ้มกรุ้มกริ่มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มแหยๆให้เขาไป“อยากทานอะไรสั่งได้เลยนะ….เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง^_^”“ค่ะ…”ฉันยิ้มรับคำคุณจอมพลก่อนจะลงก้มหน้ามองเมนูอาหารฝรั่งในมือของฉันอย่างนึกคิดว่าจะทานอะไรดี ซึ่งฉันเองก็หิวอยู่แล้วไม่ใช่ไม่หิว แต่ทำไงได้ในเมื่องานไม่เสร็จฉันก็มากินไม่ได้อยู่ด
ภัตตาคารW หรูระดับห้าดาวห้องวีไอพี….“คุณหญิงต้องการรับเครื่องดื่มหรืออาหารอะไรเป็นพิเศษบอกได้เลยนะคะ…”“นี่คือคุณกิจากรค่ะ…เป็นเซฟของที่นี่…”นันฤดีหม้ายสาวในอายุเพียงแค่ยี่สิบเจ็ดปีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานพลางผายมือไปที่หนุ่มหล่อในชุดเซฟของภัตตาคารหรูแห่งนี้ที่เธอเป็นเจ้าของอยู่ คุณหญิงนฤมิตรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอก็หันไปมองเซฟคนนั้นและพยักหน้ารับรู้ภายในใจของคุณหญิงคิดว่านันฤดีหม้ายสาวคนนี้ร่ำรวยใช่เล่น น่าสนใจอย่างมากที่เธอจะร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วย“ค่ะ…มีเมนูอะไรแนะนำไหมคะ?”คุณหญิงนฤมิตรเอ่ยขึ้นพลางกรีดยิ้มให้นันฤดี เธอก็ยิ้มบางๆรับก่อนที่ทั้งคู่จะพากันหันไปมองหน้าเซฟและทันใดนั้นรถเข็นอาหารหรูสองคันก็ถูกเข็นเข้ามาโดยบริกรในชุดขาวสะอาดตา มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเศรษฐีทั้งสองคน“เมนูแนะของภัตตาคารเราครับ….เนื้อโกเบจากญี่ปุ่นนำเข้าทุกวัน…เนื้อสดนิ่มละมุนในปาก…”“เราใช้วิธีการหมัักโดยสูตรเฉพาะของทางร้านเราครับ….”เซฟหนุ่มร่ายยาวอธิบายถึงการทำเนื้อสเต็กก่อนจะนำจานอาหารวางลงตรงหน้าของเศรษฐีทั้งสองอย่างสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตนพร้อมกับวางเครื่องดื่มราคาแพงให้คนทั้งสอง“คุณหญิงต้องการ
“แต่คุณหญิงไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ…เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับคุณเควินให้ค่ะ…”นันฤดีที่เห็นสีหน้าเหี้ยมของคุณหญิงนฤมิตรก็เอ่ยพูดต่อ ทำให้คุณหญิงนฤมิตรสีหน้ากลับไปอยู่ในโทนปกติแถมเธอยังยิ้มกว้างจนแก้มปริอีกตั้งหาก“ค่ะ…ยังไงก็ขอบคุณคุณนันฤดีมากๆเลยนะคะ..ที่จะเป็นธุระให้ฉันนะคะ^_^”คุณหญิงนฤมิตรเอ่ยบอกนันฤดีไปด้วยรอยยิ้มหวานแววตาสดใสแต่ใครจะรู้ว่าเธอแสร้งทำ แต่ใช่ว่านันฤดีจะดูไม่ออก ว่าคุณหญิงคนนี้ ไม่ได้เป็นมิตรกับเธอเลย หล่อนคบกับเธอเพราะผลประโยชน์ที่ดินต่างหากล่ะ “ด้วยความเต็มใจค่ะ…ฉันว่าเราทานอาหารกันก่อนเถอะนะคะ…เดี๋ยวจะเย็นหมดแล้วจะไม่อร่อยเอานะคะ^_^”นันฤดีว่าเสียงใส คุณหญิงนฤมิตรก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มอ่อนให้นันฤดีก่อนจะก้มหน้าทานอาหารตรงหน้าอย่างผู้ดี 30นาทีต่อมา“เป็นยังไงบ้างคะ…อาหารคาวและของหวานที่นี่พอจะถูกปากถูกใจคุณหญิงบ้างไหมคะ?”เสียงหวานใสของนันฤดีเอ่ยขึ้นหลังจากที่เธอวางช้อนลงด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมอย่างผู้รากมากดี คุณหญิงนฤมิตรเองที่อิ่มกับอาหารคาวและอาหารหวานมื้อนี้ก็วางช้อนลงอย่างแผ่วเบาและวางตัวดีเช่นกันก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับนันฤดีพร้อมกับฉีกยิ้มหวานออกมาให้เธออย่างเป็นมิต
พรึบ“ได้เวลาเลิกงานแล้วครับ…คุณเลขา^_^”เสียงทุ้มหวานเอ่ยขึ้นดังมาจากด้านหน้าของฉัน ที่ฉันกำลังตั้งอกตั้งใจอ่านเอกสารในมืออยู่อย่างขะมักเขม้น“อ้อค่ะ…”แต่เสียงที่ทักทายฉันดันเป็นเสียงของคุณจอมพลจึงทำให้ฉันเลี่ยงที่จะไม่เงยหน้าไปตอบเขาไม่ได้ ฉันจึงต้องเงยหน้าไปยิ้มให้เขาและตอบเขาไป“อ้อค่ะ?…แล้วก็เก็บของลุกขึ้นสิคะ…จะได้กลับบ้าน….”คุณจอมพลว่าย้อนฉันด้วยน้ำเสียงขำขันกับท่าทางที่เด๋อด๋าของฉัน “เดี๋ยวพี่ไปส่ง^_^”เขาก็เอ่ยพูดต่อว่าเขาจะไปส่งฉัน ฉันกำลังจะอ้าปากปฏิเสธแต่ก็โดนคุณจอมพลเอ่ยแทรกขึ้นมาซะก่อน“เมื่อเช้าพี่ไปรับเธอ….ตอนเย็นพี่ก็ต้องเป็นคนไปส่งเธอสิถึงจะถูก”“แต่พี่จอมเป็นเจ้านายรินะคะ…ถ้าคนอื่นเห็นเขาจะว่ายังไงล่ะค่ะ?”ฉันเอ่ยถามเขาอย่างเป็นกังวลใจ แต่คุณจอมพลกลับไม่มีสีหน้าลำบากใจหรือแคร์ใครจะมองเราแบบนั้นเลยสักนิดเดียว“พี่ไม่แคร์สายตาคนอื่น….และอีกอย่าง…เจ้านายกับเลขาจะไปไหนด้วยกันก็ไม่แปลกเพราะเธอเป็นเลขาพี่นะ…เราทำงานร่วมกัน…”“ไม่มีใครคิดมากหรอก…นอกจากเธอคนเดียวเอริ…”พี่จอมว่าพลางยิ้มกริ่มอย่างทะเล้น ซึ่งฉันก็ทำหน้าแหย่ๆใส่เขาแทนเพราะที่เขาพูดมันก็จริง เจ้านายกับเลขาจะไปไหนม
“ถ้านายไม่ใช่ขุนศึก….ป่านนี้ชีวิตรักของเราทั้งคู่จะเป็นยังไงนะ?”ฉันพึมพำออกมาและยิ้มกริ่มให้ตัวเอง และฉันก็จมอยู่กับความคิดนั้นนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่พอรู้ตัวอีกทีผมที่ยาวสยายของฉันก็ได้แห้งเสียแล้ว ฉันจึงผุดตัวลุกขึ้นเผื่อจะไปจัดการแต่งตัวแต่ฉันกลับรู้สึกหิวน้ำ ฉันจึงเปลี่ยนทิศทางการเดินไปยังประตูทางออกห้องนอนแทนจะไปห้องแต่งตัว ตึกฉันเดินลงบันไดมาเรื่อยๆจนถึงขั้นสุดท้ายก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมาพร้อมยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำสีใสและเดินออกมาจากห้องครัวไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อจะดูโทรทัศน์แก้ความคิดที่อยู่ในหัวของฉันเรื่องขุนศึกสักทีพรึบ ฉันทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาทรงตัวแอลที่ดูหรูหราสีขาวนวลสะอาดตา ราคาน่าจะหลายบาท เฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ก็ดูหรูหราอย่างมีระดับ ขุนศึกต้องหมดเงินกับบ้านหลังนี้ไปเยอะแน่ๆ แต่ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าฉันจะโอนบ้านให้กลับไปเป็นชื่อของเขา เพราะฉันไม่อยากได้อะไรจากเขาเลยสักนิด ที่ฉันคบเขาก็เพราะฉันรักเขาจากนิสัยข้างในของเขาจริงๆไม่ใช่เงินทองหรือหน้าตาของเขาที่เขามีจอกกกกกฉันรินน้ำจากขวดลงสู่แก้ว มือก็เอื้อมไปหยิบรีโมทเพื่อจะกดเปิดโทรทั
พรึบ“อื้อ….เจ็บ”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บและจุกท้องที่ร่างของฉันโดนขุนศึกเขวี้ยงลงบนโซฟาตัวแพงอย่างแรง“หึ….เจ็บเป็นด้วยเหรอ?”ขุนศึกเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงห้วนเรียบ เขาจ้องฉันตาเขม็ง อารมณ์ตอนนี้เขาพร้อมที่จะปะทุใส่ฉันเต็มที่ ว่าแต่เขาไปหัวเสียอะไรมาอีกเนี่ย“เป็นบ้าอะไรเนี่ยขุน?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยและงุนงง เขาก็กระตุกยิ้มมุมปากขึ้นก่อนจะค่อยๆยื่นมือของตัวเองไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวสีขาวของเขาอย่างช้าๆ โดยที่สายตาของเขาก็จับจ้องมองมาที่เรือนร่างของฉันอย่างไม่วางตา ฉันจึงรับรู้ได้ว่าเสื้อคลุมอาบน้ำของฉันมันถลกขึ้นมาเหนือขาเรียวอ่อนของฉันแล้วเพราะแรงผลักของขุนศึกเมื่อกี้นี้แน่ๆพรึ่บฉันรีบเอื้อมมือลงไปเอาชายเสื้อคลุมปกปิดขาอ่อนของฉันอย่างรวดเร็ว แต่ก็รู้ว่ามันไม่ทันเสียแล้ว เพราะสายตาของขุนศึกที่จ้องมองมาที่เรือนร่างของฉันมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการจนฉันรับรู้ได้ว่าคงไม่มีอะไรมาหยุดเขาได้แล้วตุ๊บขุนศึกโยนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีก่อนจะตามด้วยกางเกงสแล็คสีดำผ้าเนื้อดีราคาแพงของเขาตามไป ฉันก็จ้องมองการกระทำของเขาด้วยสายตาหวาดหวั่น และรู้สึกเสียววาบที่ท่อนร
พรึบ"หึ!"ขุนศึกหัวเราะออกมาที่เขาบังคับฉันได้ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรเขาก็ยัดลำกายใหญ่ของเขาเข้ามาในโพรงปากของฉันอย่างรวดเร็วโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัว"อื้อฮือ"ฉันร้องออกมาเมื่อภายในโพรงปากของฉันมันคับแน่นไปด้วยลำกายใหญ่โตที่ใหญ่เกินมาตรฐานของชายไทยกำลังคับแน่นอยู่เต็มโพรงปากของฉัน จนทำให้ฉันน้ำตาเล็ดออกมา"อ๊าาาาห์ปากโคตรนุ่ม"ขุนศึกครวญครางออกมาก่อนที่เขาจะค่อยๆขยับสะโพกสอบอย่างช้าๆเพื่อนำพาลำกายใหญ่ของเขาเข้าออกจากโพรงปากของฉันได้อย่างสะดวกขึ้น"อ๊าอื้ออออออ"ฉันร้องท้วงออกมาทั้งนำ้ตา สีข้างของโพรงปากฉันเหมือนจะฉีกขาดมือเล็กของฉันก็ดันขาอ่อนของเขาให้ผละออกไปจากฉันแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะฉันสู้แรงของขุนศึกไม่ได้ แต่เหมือนยิ่งฉันขัดขืนเขาก็ยิ่งดันลำกายใหญ่ให้เข้ามาในโพรงปากของฉันลึกขึ้น พั่บๆๆๆๆๆๆๆๆ"อื้อออออออ!!!"ฉันแทบจะอ้วกออกมาน้ำลายมากมายของฉันต่างพากันไหลรินออกมาจากด้านในปากของฉันหยดลงพื้นและหยดลงตามซอกคอของฉันไหลลงไปด้านล่างจากการสอดใส่ลำกายใหญ่อย่างเอาแต่ใจของขุนศึก ฉันส่ายศีรษะมาไปมาพร้อมน้ำตาแต่คนร่างสูงก็ไม่สะทกสะท้านและสงสารฉันเลยสักนิด"อย่ามาใช้มารยาหญิงกับฉัน"ขุน
"ผมเกลียดคุณเข้าใจไหม""ไม่จริงคุณไม่ได้เกลียดแก้มหวานคุณรักแก้มหวาน""ไม่งั้นคุณจะมาทำดีกับแก้มหวานทำไม""ที่ผมทำดีกับคุณเพราะผมติดใจในเซ็กส์ของคุณไง....คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เร้าร้อนและร้อนแรงเรื่องบนเตียงมากแค่ไหน"เควินพูดพร้อมกับเดินตรงมาหาแก้มหวาน"ผมไม่เคยมีอะไรกับใครแล้วมีความสุขเท่าคุณ"เควินว่าพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเรียวไล้เกี่ยไปตามแขนของแก้มหวานอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมองแก้มหวานด้วยแววตาหวานเยิ้ม"ผมก็เลยเล่นตามน้ำคุณถึงแม้ในใจผมมันจะสนแค่ร่างกายคุณแต่นิสัยและสันดานของคุณผมรังเกียจมันเสียด้วยซ้ำ"เควินพูดไปพลางมองไปที่ร่างของแก้มหวานด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม"ผมก็นึกว่าคุณจะเล่นๆกับผมแต่ที่ไหนได้คุณคิดจริงจัง"เควินว่าพลางยิ้มหัวเราะออกมาอย่างเรื่องที่เป็นประเด็นสนทนาอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องตลก ทำให้แก้มหวานมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่พอใจและน้อยใจไปในตัวเธอคิดว่าเขาจะสนใจและมีความรู้สึกดีๆให้เธอเสียอีก แต่ที่ไหนได้เขากลับไม่ได้มีใจให้เธอเลย "ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก.....ผมพูดความจริง""และต่อไปคุณก็ช่วยกรุณารู้จุดยืนของตัวเองด้วยนะ"เควินเอ่ยออกมาปิดท้ายแววตาที่เขามองเธอเวลาพูด
"ไม่ใช่ว่าริเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ได้แต่ริไม่อยากเป็นไม่อยากให้ลูกมีแค่ริที่ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันแต่อยากให้ลูกได้รับความรักจากพ่อแท้ๆของเขาและความเอาใจใส่จากพ่อของเขาจริงๆ" "คนที่ไม่เคยขาดพ่อขาดแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกไม่ว่าแม่จะดูแลดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่เหมือนความรักที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ครบ" "ริหวังว่าขุนจะเข้าใจนะ....ขุนแค่ทำหน้าที่พ่อของลูกเท่านั้นพอ....." "ริ....." "หรือขุนอยากจะเลือกก็ได้นะระหว่างทำหน้าที่พ่อของลูกหรือจะไม่รับหน้าที่อะไรเลยก็ได้" "ก็ได้ขุนจะเอาแบบที่ริว่าก็ได้"ขุนศึกที่ได้ยินคำขาดจากฉัน เขาก็พูกเสียงเข้มแทรกขึ้นมาทันที "แต่ขุนจะทำให้ริเห็นว่าขุนพร้อมที่จะหยุดและมีแค่ริคนเดียวแล้วจริงๆ"ขุนศึกว่าพร้อมกับทำหน้ามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำอย่างที่เขาพูดได้จริงๆ แต่เขาก็พูดแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันจับเขาได้ว่าเขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นและฉันก็ไว้ใจและเชื่อใจเขามาตลอดและเป็นยังไงล่ะ สุดท้าย ฉันก็เป็นอีโง่เหมือนเดิม เคยยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองแก้ผ้าให้ขุนศึกเอาเพื่อให้เขาเลิกไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น นั่นมันเป็นความคิดเด็กน้อยชะมัด "ทำให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากันอีกที..
วันเดียวกัน23:30น.เอริ ฐิติมน......จึกๆๆ"ริ......""หื้ออออ"ฉันครางรับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกฉันพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่ฉันเบาๆฉันที่นั่งขดตัวหลับอยู่บนโซฟาภายในห้องโถงใหญ่ก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาดูเจ้าของเสียงที่ฉันเฝ้ารอเขาจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้"ขุน......กี่โมงแล้วเนี่ย?"ฉันขยี้ตาเพื่อไล่ความสะลึมสะลือความงัวเงียให้หายไปพร้อมกับเอ่ยถามขุนศึกไป"เที่ยงคืนกว่าแล้ว....ริมานอนทำไมตรงนี้?"ขุนศึกตอบฉัรพร้อมกับเอ่ยถามฉันกลับ ฉันที่หายจากอาการสะลึมสะลือแล้วแล้วก็ขยับตัวนั่งดีๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับฉันและนั่งข้างๆฉันด้วย"ริมารอขุนนั้นแหละ.....ทำไม่มาซะดึกเลย....หาไม่เจอเหรอ?""เปล่า.....พอดีขุนไปทำธุระมาน่ะ""อ้อ"ฉันพยักหน้าพลางร้องตอบขุนศึกไป แม้ในใจอยากจะถามเขาว่าธุระที่เขาว่าคืออะไร แต่สีหน้าและแววตาของขุนศึกเหมือนไม่อยากบอกให้ฉันรู้ว่าธุระที่เขาพูดถึงคืออะไรถ้าเขาไม่อยากบอก ฉันก็ไม่ควรที่จะถามต่อสินะ เพราะฐานะของฉันกับเขาไม่มีสิทธิ์ซักไซ้จนได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปกว่านี้"ว่าแต่ริมารอขุน......มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"ขุนศึกถามฉันพร้อมกับจ้องมองฉั
จะปล่อยห้องว่างไวโดยไร้คนอยู่ก็เสียดาย ฉันก็เลยใจอ่อนและยอมมาอยู่ที่นี่ซึ่งฉันคิดว่ามันสะดวกสบายดี บ้านที่ฉันหาในเน็ตก็มองทรุดโทรมและค่าเช่าก็แพง อะไรที่ประหยัดได้ในตอนนี้ฉันก็ควรจะประหยัดและตอนนี้ฉันก็ท้องด้วย ฉันควรจะมีเงินสำรองไว้เลี้ยงลูกของฉันให้เขาอยู่อย่างสุขสบายให้เยอะๆดีกว่าฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับขุนศึก......ว่าฉันท้องกับเขา....."ป้าบัวคะ""จ๊ะว่าไงจ๊ะเอริ?"ป้าบัวที่กำลังยกชามกะละมังที่เช็ดตัวคุณหญิงเพิ่งเสร็จหันมาขานรับฉันเงินก้อนใหญ่ฉันก็ให้ขุนศึกไปหมดแล้ว รถก็ขายทิ้ง บ้านก็มาไฟไหม้อีก ค่ารักษาพยาบาลคุณหญิงค่าใช้จ่ายรายเดือนก็สูง โดยเฉพาะค่ากายภาพบำบัดที่ฉันว่าจ้างให้นางพยาบาลที่เป็นคนทำกายภาพบำบัดและศึกษาด้านนี้มาโดยเฉพาะให้มาดูแลคุณหญิงทุกวันโดยทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงเดินได้อีกครั้งและฉันจะทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของลูกฉันมีความสุขและสุขสบายที่สุดไม่ให้ลำบากและรู้สึกขาดแบบที่ชีวิตฉันเคยเป็นมา ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่สุดของความสามารถของฉัน"ป้าบัวส่งโลเคชั่นให้ขุนหรือยังคะว่าเราอยู่ที่ไหนกัน?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไป ท่านก็ยิ้มบางๆให้ฉัน"ป้ากำลังจะไปส่งโลเคชั่นให้คุณข
"ไม่ว่าฉันจะให้แกทำอะไรแกก็ยอมใช่ไหม?"แก้มหวานเอ่ยถามผมด้วยแววตามีเลศนัยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากขึ้น ผมก็จ้องมองเธอนิ่ง และผมก็อยากทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลง วันนี้คุณแม่ผมเกือบจะไม่รอด เพราะผมเป็นตัวต้นเหตุ วันนี้อาจจะโชคดี แต่มันก็คงตะไม่โชคดีทุกครั้งไป "ใช่" "ถ้าฉันให้แกไปตายล่ะ" "มันไม่มากไปเหรอ?"ผมถามเธอไปเสียงเข้ม เรื่องที่ผมและเพื่อนๆทำกับเธอ เธอก็ยังมีชีวิตอยู่และดีด้วยจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ "หึ.....ฉันรู้ว่าแกคงไม่กล้าตายหรอก" "งั้น......ฉันขอแลกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของแกก็ล่ะกันนะ" "ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของฉัน?" "กราบตีนฉันสิ.....แล้วฉันจะเลิกยุ่งกับแม่แกและก็เอริผู้หญิงที่แกบอกว่ารักนักรักหนาด้วย" "ไม่รู้ว่าแกรักเธอยังไงนะถึงได้นอกกายนอกใจเธอนอนกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา" "ถ้าฉันเป็นเอริฉันคงไม่เอาผู้ชายเลวๆที่ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ที่ต้องผสมพันธุ์ไปทั่วโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร" "แบบแกหรอกนะขุนศึก" "แค่ฉันกราบตีนเธอ.....แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"ผมไม่สนใจคำพูดที่ถากถางของแก้มหวานแต่เอ่ยถามในสิ่งที่จะเป็นตัวหยุดเรื่องนี้กับเธอไป เธอก็ทำหน้าบึ้งตึงนิดหน่อยก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องผมก็ยื่นมือไปกดออดเพื่อเรียกคนในห้องให้รู้ว่ามีคนมาขอพบเธอผมรออยู่ไม่นานและกดออดซ้ำไปแค่ครั้งเดียว ประตูห้องหรูบานตรงหน้าผมก็ค่อยๆถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านในของห้องนี้ผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่เป็นคนมาเปิดประตูเธอเป็นผู้หญิงผอมสวยหุ่นดี เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงผมของเธอถูกดัดเป็นลอนใหญ่แล้วปล่อยสยายไปด้านหลังสีหน้าที่เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย และเพ่งมองพินิจพิจารณาอย่างสงสัยว่าผมคือใครผมจึงค่อยๆใช้มือดึงฮู้ดที่ปิดหน้าของผมอยู่ให้ออกเพื่อเผยใบหน้าของผมให้เธอคนนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นและในเมื่อใบหน้าของผมที่ไร้เสื้อฮู้ดปกผิดเปิดเผยแก่คนตรงหน้าเธอก็จ้องมองผมด้วยแววตาตกใจและแปลกใจ ผมก็จ้องมองเธอกลับไปด้วยแววตาเรียบเฉยเมื่อแปดปีก่อน เธอกับผมเราคงจะคุ้นตากันเพราะเราสองเคยมีอะไรกันและแอบเป็นแฟนกันมาก่อนทั้งๆที่ผมเองก็มีแฟนอยู่แล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอ แต่ผมคิดว่าผู้หญิงทั้งมหาลัยก็น่าจะรู้ดีว่าผมมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่กลับผิดคาดที่เธอคนนี้ไม่รู้ เธอจึงปล่อยใจรักผมแต่ผมกลับไม่เคยรักเธอ ไม่ว่าเธอจะแสนดีและน่ารักแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดที่จะรั
ช่วงเย็นวันเดียวกันคอนโด TYขุนศึก ขุนณรงค์......"ขอบคุณสำหรับข้อมูลตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าคอนโดที่แกบอกแล้ว""คอนโดTYชั้นที่สามสิบห้องสามสามสี่ห้าฉันจำได้ล่ะขอบใจแกมากฟิว"ผมเอ่ยบอกฟิวไปในขณะที่สายตาก็ทอดมองเงยหน้าไปยังชั้นบนสุดชั้นที่สามสิบของตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองตรงหน้าของผมในขณะนี้(แกคิดที่จะทำอะไร?)(ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากกว่าแกเขาสามารถทำให้แกหายไปโดยไม่มีใครสงสัยได้เลยนะขนาดทำให้ชีวิตของแกพังเขาก็ยังทำได้)(ฉันว่าแกไม่สมควรที่จะประมาทผู้หญิงคนนี้)เสียงปลายสายของฟิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมจึงละใบหน้าจากตึกสูงตรงหน้าและเอ่ยคุยกับฟิวต่อ"ฉันรู้ขอบใจและขอโทษที่ทำให้ชีวิตของแกต้องมาติดร่างแหพลอยซวยไปกับฉันด้วย"ผมเอ่ยบอกหิวไปอย่างคนที่รู้สึกผิดที่ออกมาจากใจจริงไปของผม(แกไม่ได้ทำอะไรผิดถ้ามันจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ)(มันคงจะเป็นเพราะตอนนั้นพวกเรายังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรให้มากกว่านี้เลยทำเรื่องแบบนั้นลงไป)(ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธแกหรือแก้มหวานเลยด้วยซ้ำ)"นั่นสิเนอะ....ฉันก็ไม่สมควรที่จะโกรธแก้มหวานด้วยเหมือนกัน"ผมเอ่ยออกมาอย่างคิดนึกตริตรองอย่างที่ฟิวว่าที่จริงถ้าตอนนั้นผมไม่คึกค
"ผมขอโทษครับ""คุณจะมาขอโทษฉันทำไมล่ะค่ะ....ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณสิถึงจะถูก""เดี๋ยวฉันจะโอนจ่ายค่ารักษาให้คุณทีหลังนะคะ....เพราะวันนี้ฉันไม่มรเงินติดตัวเลย"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปตามความจริง เขาก็มีสีหน้าตกใจและสลดปะปนกันไป"อย่าโอนจ่ายค่ารักษาให้ผมเลยครับ...ขอให้ผมได้ดูแลคุณสักครั้ง""ในฐานะเพื่อนได้ไหมครับ"คุณเควินว่าต่อในเสียงและสีหน้าเชิงขอร้อง ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคนคิดหนัก เขาขอช่วยในฐานะเพื่อนถ้าฉันปฏิเสธเพื่อนคนนี้ ก็ควจะเสียมารยาท"ก็ได้ค่ะ....แต่ริขอแค่ความช่วยเหลือจากคุณเควินแค่ครั้วนี้ครั้งเดียวนะคะ....ครั้งต่อไปไม่ต้องแล้วนะคะ....ริเกรงใจ"สิ้นคำพูดฉันคุณเควินก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา"ครับ....ขอบคุณนะครับที่ยอมรับความช่วยเหลือจากผมในครั้งนี้""มีอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณเควินต่อหลังจากที่เขาพูดจบประโยคเขาก็นิ่งไปและมองหน้สฉันอย่างคนอึดอัดใจเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ยอมพูดมันออกมาฉันจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเอง"ผมดูข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้ที่บ้านของคุณและผมก็ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าคุณเข้ามารับการรักษาที่นี่""ผมจึงรีบมา....และก็พบคุณแต่ทางโรงพยาบาลแจ
"แต่คงจะยาก.....เพราะเขามีหลักฐานขนาดนั้น" "และที่สำคัญเขาไม่รับฟังหรอกว่าแม่นายเองก็โดนหลอกเหมือนกัน" "เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเอริ?" "ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้.....นายกำลังโดนโจมตรีจากคนที่นายเรยไปทำลายชีวิตเขายังไงล่ะ" "นายเกือบทำให้แม่นายต้องมาตายเพราะความเจ้าชู้ของนาย.....ขุนศึก" "และคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างแม่นายต้องมาซวยต้องมาหมดตัวต้อยมาเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างมาก็เพราะนาย" "เพราะความเจ้าชู้ของนาย"ฉันพูดเสียงแข็งตะโกนใส่ขุนศึกไปเป็นชุดด้วยแววตาสั่นไหวน้ำตาเอ่อคลอ ขุนศึกก็ทำสีหน้ายอมรับความผิด สีหน้าของเขาซีดลงแววตาของเขาสั่นไหว "ขุนรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะขุน....." "ที่มาทำให้แม่และก็ริเดือดร้อน" "ขุนจะจบเรื่องนี้เอง"ขุนศึกพูดเสียงเข้มแววตาจริงจังและวูบไหว "ผมฝากแม่ด้วยนะครับ" "เดี๋ยวผมมาได้ที่อยู่ใหม่ที่ไหนรบกวนป้าบัวโทรบอกผมด้วยนะครับ"ขุนศึกผละจากรถวีลแชร์เดินไปหยุดตรงหน้าของป้สบัวพร้อมกับเอ่ยบอกป้าบัว "ค่ะได้ค่ะว่าแต่คุณขุนศึกจะไปไหนคะ?"ป้าบัวรับคำขุนศึกและเอ่ยถามเขาต่อ ขุนศึกกฺ็หันกลับมามองหน้าฉัน ด้วยสายตานิ่งเฉย "ไปทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบคร