“ไม่ค่ะ…”ฉันตอบคุณจอมพลไปเขาก็พยักหน้าให้ฉันผ่านเงาสะท้อนในกระจกและเขาก็ขยับย้ายร่างของเขาไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อจะใส่ต่างหูให้ฉันอีกข้างหนึ่งอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบาเช่นเดิม ทำให้ฉันรู้สึกเห็นภาพซ้อนขึ้นมา เพราะขุนศึกมักจะทำแบบนี้ให้ฉันเป็นประจำ…พรึบ“เธอเหมาะกับเครื่องเพชรชุดนี้ดีนะ”เสียงของคุณจอมพลทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ความคิด ฉันจึงรู้ตัวว่าคุณจอมพลใส่สร้อยเพชรหนักหลายกระรัตให้ฉันพร้อมต่างหูเสร็จเรียบร้อยแล้วพรึบ“สร้อยข้อมือ….”“นี่ก็เยอะมากแล้วนะคะ…”ฉันเอ่ยบอกคุณจอมพลไปทันทีที่เขาเอื้อมมือไปหยิบสร้อยข้อมือที่มีเพชรประดับไว้ทั้งเส้นขึ้นมาจากกล่องกำมะหยี่ที่วางอยู่โต๊ะเครื่องแป้งตรงหน้าฉัน“ถือว่าโปรโมตร้านที่ห้างเราไปในตัวไง…พวกคุณหญิงคุณนายจะได้เข้ามาซื้อที่ห้างเราเยอะๆ^_^”“ค่ะ…ก็ได้ค่ะ…”ฉันเลยต้องจำใจยอมใส่เพราะเหตุผลที่คุณจอมพลพูดมามีเหตุผลมากจริงๆ เพื่อบริษัทฉันยอมใส่และยอมทุกอย่างเพื่อพนักงานในบริษัท“เดี๋ยวพี่ใส่ให้….”คุณจอมพลเอ่ยตอกกลับมาทันทีที่ฉันเอื้อมมือหมายจะไปหยิบสร้อยข้อมือมาจากเขา แต่เขาก็ไม่ยอม ฉันจึงต้องจำใจยื่นแขนข้างขวาไปให้คุณจอมพลใส่สร้อยข้อมือให้ฉันพรึบ“เสร็จแ
งานจัดเลี้ยงต้อนรับ นามิ…..คฤหาสน์นามิ20:30น.แชะ แชะ แชะ แชะแสงแฟลชและเสียงกดรัวชัตเตอร์ของบรรดานักข่าวจากหลายสำนักพิมพ์กำลังตั้งอกตั้งใจรุมกันถ่ายภาพของชายหญิงที่ดูเด่นที่สุดในงานนี้ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างขุนณรงค์และคู่ควงของเขาในค่ำคืนนี้นามิกาสาวสวยดีกรีเด็กนักเรียนนอกลูกหลานตระกูลเก่าแก่และตระกูลดัง “คุณขุนณรงค์แนบชิดอีกนิดครับ….”เสียงของนักข่าวผู้ชายเอ่ยขึ้นด้วยถ้อยคำสุภาพพลางยิ้มกว้างอย่างดีใจและชื่นชมชายหญิงสองคนนี้ที่มีเคมีเข้ากันสุดๆผู้ชายก็หล่อดูดีผู้หญิงก็สวยสง่า พรึบ“ได้ครับ….”ขุนณรงค์ตอบรับคำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับหันมายิ้มให้นามิกาและเขาก็โอบเอวเธอให้แน่นกว่าเดิมพร้อมกับขยับร่างหนาที่อยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในสามเม็ดเพื่อแหวกโชว์แผงอกสุดล่ำบึกและขาวเนียน ทรงผมถูกเซตตั้งขึ้นเปิดเผยให้เห็นใบหน้าเรียวจมูกโด่งรับกันเป็นสันริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มหล่อเข้าขั้นเทพอย่างกับเบ้าหน้าฟ้าประทานพรึบ พรึบฮืฮฮาๆๆๆ“โอ้โฮ้….?”ทันใดนั้นทางประตูทางเข้าของหน้างานก็มีเสียงดังเอะอะโวยวายเกิดขึ้นของผู้คนที่พากันยืนถือเครื่องดื่มมึนเมาหลากหลายในมือคนละแก้ว ทำให้นั
“ครับ….”พรึบขุนณรงค์ว่าเสียงอ่อนพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆให้แม่ของเขาและเอื้อมมือไปโอบเอวของคุณหญิงนฤมิตรเเละทั้งคู่ก็จับจ้องไปยังชายหญิงที่โดนนักข่าวรุมสัมภาษณ์และถ่ายรูปจนคนทั้งงานดูไร้ตัวตนไปหมด ขุนณรงค์รู้สึกโกรธและไม่พอใจขจรกิตเป็นอย่างมากแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้…เพราะเขาไม่มีสิทธิ์หวงและทวงความเป็นเจ้าของผู้หญิงที่ขจรกิตควงมาในค่ำคืนนี้“คุณจอมพล…กำลังจะสละโสดเหรอคะ…?”“คำถามตรงไปหรือเปล่าครับ…^//^”ขจรกิตเอ่ยถามนักข่าวสาวที่เอ่ยถามเขามาด้วยสีหน้าเขินอายพวงแก้มเริ่มเเดงขึ้นเรื่อยๆทำให้เรียกเสียงแซวจากนักข่าวเป็นอย่างมาก “ผม…คงต้องให้เอริเป็นคนตอบนะครับ…”ขจรกิตเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองโครงหน้าหวานของฐิติมนที่ยืนเคียงข้างเขาในค่ำคืนนี้ด้วยท่าทางสง่างามและชวนสะดุดตานักธุรกิจมากมายที่อยู่ในงานนี้เป็นอย่างมาก เพราะชื่อเสียงและความสามารถร่วมไปถึงหน้าตาของเธอเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงนักธุรกิจ“เป็นเกียรติของดิฉันมากค่ะ…ที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ในค่ำคืนนี้…”ฐิติมนตอบไปอย่างสงบเสงี่ยมและวางตัวดีเธอยิ้มหวานจนนักข่าวทั้งชายและหญิงต่างเคลิบเคลิ้มตามๆกันไป“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ…”ขจรกิตเอ่ยขอตัวนักข่าวเ
21:00น.เอริ ฐิติมน….พรึบ“ค็อกเทลครับ….”คุณจอมพลว่าพร้อมกับยื่นแก้วค็อกเทลสีฟ้าสวยใสส่งมาตรงหน้าของฉัน “ขอบคุณค่ะ^_^”ฉันเอ่ยขอบคุณคุณจอมพลพร้อมกับยื่นมือไปรับแก้วค็อกเทลที่นำมาเป็นเครื่องดื่มในงานนี้มาจากมือเขา “เชียร์ครับ…”“เชียร์ค่ะ…”ฉันยิ้มรับให้คุณจอมพลและค่อยๆยกแก้วค็อกเทลสีสวยขึ้นดื่ม ปกติฉันไม่ชอบดื่มพวกเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์แบบนี้ แต่นี้เป็นงานฉันต้องทำ ดีนะแก้วนี้ที่ฉันดื่มไม่ผสมวอดก้าไม่งั้นปวดหัวแน่“อยากทานอะไรไหมคะ…เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้…”คุณจอมพลเอ่ยกระซิบถามฉันด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน ฉันก็ลดแก้วค็อกเทลลงและหันไปมองหน้าคุณจอมพลแทบจะทันทีเพราะน้ำเสียงของเขาที่เอ่ยถามฉันเนี่ย ละมุนมากค่ะ“เอ่อ…ไม่ดีกว่าค่ะ…”ฉันตอบคุณจอมพลไปพลางยิ้มแห้งๆให้เขา เขาก็พยักหน้าและยิ้มละมุนให้ฉันก่อนที่เราทั้งคู่จะหันไปมองบนเวทีที่มีพิธีกรกำลังกล่าวเปิดงานและเรียนเชิญให้แขกผู้ใหญ่พวกบรรดาคุณหญิงคุณนายตระกูลเก่าแก่ได้ขึ้นไปอวยพรให้นามิตามแบบฉบับพวกคนรวย ฉันกับคุณจอมพลเลือกที่จะยืนอยู่ด้านหลังของงานไม่เข้าไปหน้าเวที แต่ตลอดเวลาที่ข้างกายของฉันมีคุณจอมพลยืนอยู่ด้วย ฉันก็รับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ
ฉันรีบคว้าเเขนของคุณจอมพลอย่างไวในขณะที่เขากำลังจะเดินไปหาเรื่องพนักงานเสิร์ฟคนนั้น ที่มองหน้าตาเหมือนน้องเขาน่าจะกำลังเรียนอยู่และมาทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงแรมแห่งนี้เป็นแน่“ไม่เป็นไรค่ะ…ริยืนขวางทางน้องเขาเอง…พี่จอมอย่าโกรธน้องเขาเลยนะคะ…ถือว่าริขอ…”ฉันเอ่ยเสียงอ่อนอย่างจริงจังเป็นเชิงขอร้องคุณจอมพลไปในตัว เขาก็จ้องมองหน้าฉันก่อนจะพยักหน้าเบาๆเป็นการรับคำของฉัน“ขอบคุณค่ะ…..”ฉันเอ่ยขอบคุณคุณจอมพลไปและปล่อยข้อมือเขาก่อนจะหันไปหาน้องผู้ชายพนักงานเสิร์ฟคนนั้น ที่ทำหน้าเสียมองหน้าฉันอยู่ ใบหน้าของน้องเขาซีดเผือกแววตาสั่นไหวตัวของเขาสั่นเทาจนน่าเห็นใจ“ไม่เป็นไรนะคะ…พี่ไม่ได้โกรธน้อง…”“น้องไปทำงานต่อเถอะค่ะ…”“แต่…”น้องเขามองมาที่หน้าฉันพร้อมกับมองต่ำลงไปที่เสื้อผ้าของฉันที่เลอะคราบของค็อกเทลจนเป็นดวงๆฉันก็คลี่ยิ้มบางๆให้เขา“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ…เดี๋ยวพี่จัดการเอง…น้องไปทำงานต่อเถอะ…”“ไปเถอะจ๊ะ…”“ครับ….ขอบคุณนะครับ..พี่…”“จ้า…ตั้งใจทำงานนะ^_^”ฉันเอ่ยให้กำลังใจน้องพร้อมกับยิ้มหวานให้เขาไป เขาก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะยกมือไหว้ฉันกับคุณจอมพลและเดินออกไปจากที่ตรงนี้“ริว่า…ริไปล้างตัวก่อนดีกว่าค่ะ…เห
ย้อนกลับไปเมื่อแปดปีก่อนมหาลัย Eสนามกีฬาของมหาลัยพรึบ“วี๊ดดดดวิ๊ว….น้องแก้มหวานคนสวยของพี่^_^”เสียงเอ่ยแซวพร้อมกับแววตาเป็นประกายเอ่ยแซวผู้หญิงสวยสง่ารูปร่างสูงโปร่งอย่างกับนางแบบเธอมีผิวขาวเนียนผมยาวสีน้ำตาลอ่อนสยายไปตามแรงเดินของเธอ ริมฝีปากหยักสีชมพูพริ้มกรีดยิ้มให้บรรดารุ่นพี่จากต่างคณะอย่างเขินอาย “ยัยแก้มหวาน….แกนี่เด่นอยู่คนเดียว….”เสียงของเมลหญิงสาวผมสั้นหุ่นแซ่บเอ่ยแซวเพื่อนสาวจากคณะเดียวกัน ทำให้แก้มหวานที่เขินหน้าแดงถึงกับมองค้อนเมลอย่างน่ารักโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่คมสวยกำลังมองทั้งสองอยู่อย่างพึงพอใจ“คนผมสั้นชื่อน้องเมลคนผมยาวชื่อน้องแก้มหวาน…จากคณะนิเทศ…”หนุ่มรุ่นพี่หน้าตาตี๋ขาวสูงโปร่งชื่อทีภพเอ่ยบอกขุนณรงค์เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาดวงตาคมเข้มจมูกโด่งเป็นสันผิวขาวละเอียดเนียนยิ่งกว่าผู้หญิงริมฝีปากของเขาสีชมพูระเรื่อค่อยๆกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นแววตาคู่คมเป็นประกายเมื่อมองเรือนร่างเล็กที่ค่อยๆเดินผ่านหน้าเขาไปยังสนามของมหาลัยที่เป็นสถานฝึกซ้อมของคณะเชียร์ลีดเดอร์“น้องแก้มหวานเป็นดาวดวงใหม่ของมหาลัยเรา…”ฟิวหนุ่มหล่อนักกีฬาเอ่ยต่อจากเพื่อนของเขา ทำให้ขุนณรงค์มอง
2ชั่วโมงต่อมา…พรึบ“น้องแก้มหวานหรือเปล่าครับ…?”เสียงทุ้มนุ่มละมุนเอ่ยขึ้นตรงหน้าของแก้มหวานทำให้เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พบกับเจ้าของใบหน้าหล่อละมุนเข้มแบบที่ตรงสเปคเธอ และเธอเองก็คิดว่าเขาคนนี้เหมาะสมกับเธอที่สุดแล้ว“ค่ะ…ใช่ค่ะ..มีอะไรหรือเปล่าคะ?”แก้มหวานเอ่ยถามหนุ่มรุ่นพี่คนนี้ไปอย่างสงสัยพร้อมกับมองหน้าหล่อของเขาไปด้วย “รถเป็นอะไรเหรอครับ?”เสียงทุ้มหวานละมุนเอ่ยต่ออย่างสงสัยพลางมองไปที่รถคันเก่าของแก้มหวานที่เธอใช้ขับมาเรียน“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ…ขับมาดีๆรถก็กระตุกและดับไป…”แก้มหวานตอบขุนณรงค์ไปแต่เธอก็แอบชำเลืองมองไปยังด้านหลังของเขาที่มีรถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งจะเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อสองวันก่อนจอดเปิดไฟของทางอยู่ด้านหลังรถของเธอ ขุนณรงค์ที่พยักหน้ารับรู้ถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงจอดรถข้างทางเปลี่ยวแบบนี้อย่างเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว“อ้อ….สงสัยหม้อน้ำแห้งหรือไม่ก็ขัดข้องเสียตรงไหนสักที่…”“งั้นเอาแบบนี้ดีกว่าครับ…”“คะ?”แก้มหวานเลิกคิ้วหนาเรียงตัวสวยที่ถูกแต่งเติมมามองหน้าขุนณรงค์อย่างสงสัยและงุนงง“เดี๋ยวผมไปส่ง^_^”“จะดีเหรอคะ?”“แล้วน้องแก้มหวานคิดว่ายังไงอ่ะครับ?”“ก็
8ปีก่อนมหาลัย Eตึกคณะ บริหารธุรกิจม้าหินอ่อน ใต้อาคารเรียน14:30น.พรึบ“เห้อ….”เสียงหวานใสผ่อนลมหายใจออกมาด้วยท่าทางอิดโรยจากการอ่านหนังสือของตัวเองและไหนจะต้องติวหนังสือให้กับแฟนหนุ่มหล่อของเธออีกด้วย ตอนนี้ทั้งสองได้นั่งอยู่ใต้ต้นไม้บนโต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ติดกับอาคารเรียนเพื่อติวหนังสือสอบปลายภาคกัน“เหนื่อยไหมครับ?”เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบถามฐิติมนที่กำลังหลับตาพริ้มคู่สวยของเธอเพื่อพักสายตาอย่างเอ็นดูเธอ “มาก…”ฐิติมนตอบขุนณรงค์แฟนคนแรกของเธอไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียแต่เธอยังไม่ได้ลืมตา ทำให้ขุนณรงค์ยิ้มกว้างก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ชิดเธอและค่อยๆเอนศีรษะก้มเอาใบหน้าด้านซ้ายซบลงไปบนหนังสือเล่มหนาที่อยู่เทียบเท่าเธอและเขาก็นอนมองใบหน้าหวานของฐิติมนพลางอมยิ้มออกมาหัวใจของเขาเต้นโครมครามรัวเร็วเมื่อเขาค่อยๆขยับริมฝีปากของเขาเข้าไปใกล้ๆคนตัวเล็กที่นอนหลับตาอยู่เรื่อยๆจนในที่สุด ริมฝีปากหนาก็แตะลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อของฐิติมนอย่างแผ่วเบาจุ๊ฟ“อื้ออ!”ฐิติมนครวญครางขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับดีดตัวสปริงลุกขึ้นนั่งตัวตรงอย่างไวพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเอ
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข