ติ๋ง“ลิฟต์มาแล้วค่ะ^_^”ฉันหันมายิ้มร่าพร้อมกับเอ่ยเสียงใสบอกคุณจอมพล เขาที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันก็ยิ้มพลางพยักหน้ารับรู้พรึบ พรึบฉันรอให้คุณจอมพลเดินเข้าไปในตัวของลิฟต์ก่อนถึงฉันจะค่อยเดินตามเขาเข้าไปในตัวลิฟต์“เอ่อ…”ฉันอ้ำๆอึ้งๆที่เดินเข้ามาและกดเลือกชั้นที่จะลงไปแต่สายตาของฉันก็ไปสบเข้ากับกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นที่มีแค่สี่ใบบนโลกใบนี้ที่คุณจอมพลสะพายไหล่ของเขาไว้ มันคือกระเป๋าของฉันที่ขุนศึกซื้อให้ฉันน่ะ“อยากได้คืนเหรอ?”คุณจอมพลที่เห็นว่าฉันมัวแต่อ้ำๆอึ้งๆและสายตาจับจ้องมองไปที่กระเป๋าของฉันที่เขาสะพายไหล่ไว้อยู่ก็หยิบกระเป๋าของฉันขึ้นมาถือไว้และเอ่ยถามฉันมา“ค่ะ…”ฉันตอบคุณจอมพลไป เขาก็พยักหน้าเข้าใจแต่ไม่ยอมส่งกระเป๋ามาคืนฉัน ทำให้ฉันขมวดคิ้วจ้องมองหน้าเขาอย่างสงสัยและงุนงง“ไม่ต้องทำหน้างงขนาดๆนั้น…เดี๋ยวพอเสร็จงานแล้วพี่จะคืนให้^_^”“ค่ะ…”ฉันตอบคุณจอมพลไปอย่างเสียไม่ได้ ฉันก็หันมามองตรงไปยังประตูสี่เหลี่ยมของลิฟต์และนึกคิดว่าฉันเอาซองยาคุมฉุกเฉินไปวางไว้ไหนเพราะเมื่อเช้าฉันหาแล้วแต่กลับไม่พบ แถมกระเป๋าใบเมื่อคืนฉันก็หาจนทั่วแล้วด้วยแต่ก็ไม่เจออีกเช่นกัน ทำยังไงดีฉั
30นาทีต่อมา….ห้างสรรพสินค้า KAเอริ ฐิติมน….พรึบ“ลงมาสิ…เอริ”คุณจอมพลเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาลงจากรถและมาเปิดประตูรถให้ฉันเสร็จสรรพแต่ฉันกลับยังไม่ยอมลงจากรถของเขา“พี่จอม…พาริมาที่นี่ทำไมคะ?”ฉันเอ่ยถามคุณจอมพลไปอย่างสงสัยพลางมองไปรอบๆของชั้นจอดรถของผู้บริหารที่จะได้รับสิทธิ์พิเศษในการจอดรถนั้นคือชั้นที่ห้าของห้างนี้ที่มีตัวเชื่อมนำทางโดยใช้ลิฟต์ด้วยแววตาสงสัย เพราะห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ ซึ่งอยู่ในความดูแลของขุนศึกกับฉันมาโดยตลอด“พี่ไม่มีทางควงเธอออกงานในสภาพแบบนี้หรอกนะ”คุณจอมพลว่าพลางจ้องมองร่างฉันตั้งแต่ศีรษะของฉันเลื่อนต่ำลงไปถึงปลายเท้า ฉันว่าเสื้อผ้าของฉันก็ดูดีอยู่นะ แบรนด์เนมซะด้วยแถมที่ฉันใส่อยู่นี้ก็มีมูลค่าหลายหมื่นอยู่น่ะ ไม่นับราคากระเป๋าที่ใบละสามแสนไม่อยากจะอวดแต่มันแพงมากค่ะ“แต่พี่จอมพาริไปที่บ้านก็ได้หนิคะ…เสื้อผ้าออกงานริ…ยังดีๆและสวยเหมาะสำหรับออกงานก็มีนะคะ….”ฉันเอ่ยบอกคุณจอมพลไปอย่างออกความคิดเห็น เพราะเสื้อผ้าที่บ้านของฉันก็เยอะและมีราคามากพอสมควรสวยสง่าพอออกงานได้“นี่คือคำสั่ง…”คุณจอมพลว่าเสียงแข็งพลางจ้องฉันตาเขม่นด้วยสายต
“สวัสดีค่ะ…ท่านรอง…คุณฐิติมน^_^”เสียงหวานใสเอ่ยทักทายขึ้นทันทีที่ร่างของฉันกับคุณจอมพลมาหยุดยืนตรงหน้าของเธอ ฉันก็พยายามบิดข้อมือให้หลุดจากการจับกุมของคุณจอมพลจนเหมือนคุณจอมพลจะรู้สึกตัวว่าเขายังไม่ยอมปล่อยข้อมือของฉันให้เป็นอิสระ และเขาก็ยอมปล่อยมือฉันพรึบ“สวัสดีค่ะ…”ฉันยิ้มแหยๆให้คุณจอมพลก่อนจะหันไปยกมือรับไหว้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเราทั้งคู่เธอรูปร่างหน้าตาดี อายุน่าจะมากกว่าฉัน “ดิฉันชื่อ…กระแตนะคะ…”“อ้อค่ะ…ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ…คุณกระแต…^_^”ฉันเอ่ยทักทายคุณกระแตกลับ เธอก็ยิ้มกว้างให้ฉันอย่างเป็นมิตร“เชิญคุณฐิติมนไปชำระล้างร่างกายทางด้านนูนก่อนนะคะ…”คุณกระแตว่าพลางผายมือไปทางด้านข้างของเธอ ฉันก็มองตามมือเธอไป“อ้อ…ค่ะ…”ฉันพยักหน้าเข้าใจเธอก่อนจะหันไปขมวดคิ้วมองหน้าคุณจอมพลอย่างสงสัยและต้องการคำอธิบาย คุณจอมพลกับทำเพียงแค่ไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะเดินเอามือล้วงกระเป๋าไปทิ้งตังลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ ฉันก็ย่นจมูกใส่เขาเเบบแอบๆนะและหันมายอมเดินไปตามทิศทางที่คุณกระแตบอก พรึบ“อาบน้ำและใส่ชุดนี้ก่อนนะคะ…”“ค่ะ….”ฉันพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าพร้อมกับผ้าขนหนูในมือของคุณกระแตมาห
พรึบ“ว้าววว…สวยมากลงเลยค่ะ…คุณฐิติมน…^_^”แววตาแพรวพราวของคุณกระแตทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจขึ้นมาเลย ตอนนี้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว โดยชุดที่ฉันใส่เข้ากับทรงผมและการแต่งหน้าโทนชมพูสาวสวยหวานของคุณกระแตมาก เพราะชุดที่ฉันใส่เป็นชุดพรอมเดรส กลิตเตอร์ชายหน้าสั้นหลังยาวเกาะอกสีโอรสและมีเพชรเม็ดใสวาววับประดับชุดให้ดูสวยและดูแพง ฉันว่าชุดนี้ต้องแพงมากแน่ๆเพราะเนื้อผ้าใส่สบายมากและเป็นของแบรนด์ดังที่ขายดีติดอันดับของห้างด้วยนะ“ขอบคุณค่ะ…”ฉันเอ่ยขอบคุณคุณกระแตไปพลางค่อยๆเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินกลับไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะแต่งหน้าตามเดิมและมองรองเท้าที่ฉันสวมใส่อยู่ตอนนี้ ถึงจะเป็นส้นสูงแต่ก็ดูแล้วไม่ค่อยเข้ากับชุดสักเท่าไหร่เลยเพราะรองเท้าของฉันเป็นสีดำน่ะก๊อกๆๆๆ“เชิญค่ะ…”คุณกระแตเอ่ยอนุญาตคนด้านนอกที่เคาะประตูอยู่ให้เข้ามา ฉันก็ไม่ได้หันไปมองว่าใครเข้ามา กลับมองกระจกเพื่อเช็ดความเรียบร้อยของหน้าตาและทรงผมของฉันต่อพรึบ“คุณจอมพล?”ฉันที่ได้ยินเสียงเปิดประตูกระจกพร้อมกับร่างเล็กของคุณกระแตเดินออกไปจากห้องนี้ทำให้ฉันหันไปมองด้านหลังที่มีร่างของคุณจอมพลสะท้อนอยู่ในกระจกเขาอยู่ในสุทสูทสีเทา
“ไม่ค่ะ…”ฉันตอบคุณจอมพลไปเขาก็พยักหน้าให้ฉันผ่านเงาสะท้อนในกระจกและเขาก็ขยับย้ายร่างของเขาไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อจะใส่ต่างหูให้ฉันอีกข้างหนึ่งอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบาเช่นเดิม ทำให้ฉันรู้สึกเห็นภาพซ้อนขึ้นมา เพราะขุนศึกมักจะทำแบบนี้ให้ฉันเป็นประจำ…พรึบ“เธอเหมาะกับเครื่องเพชรชุดนี้ดีนะ”เสียงของคุณจอมพลทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ความคิด ฉันจึงรู้ตัวว่าคุณจอมพลใส่สร้อยเพชรหนักหลายกระรัตให้ฉันพร้อมต่างหูเสร็จเรียบร้อยแล้วพรึบ“สร้อยข้อมือ….”“นี่ก็เยอะมากแล้วนะคะ…”ฉันเอ่ยบอกคุณจอมพลไปทันทีที่เขาเอื้อมมือไปหยิบสร้อยข้อมือที่มีเพชรประดับไว้ทั้งเส้นขึ้นมาจากกล่องกำมะหยี่ที่วางอยู่โต๊ะเครื่องแป้งตรงหน้าฉัน“ถือว่าโปรโมตร้านที่ห้างเราไปในตัวไง…พวกคุณหญิงคุณนายจะได้เข้ามาซื้อที่ห้างเราเยอะๆ^_^”“ค่ะ…ก็ได้ค่ะ…”ฉันเลยต้องจำใจยอมใส่เพราะเหตุผลที่คุณจอมพลพูดมามีเหตุผลมากจริงๆ เพื่อบริษัทฉันยอมใส่และยอมทุกอย่างเพื่อพนักงานในบริษัท“เดี๋ยวพี่ใส่ให้….”คุณจอมพลเอ่ยตอกกลับมาทันทีที่ฉันเอื้อมมือหมายจะไปหยิบสร้อยข้อมือมาจากเขา แต่เขาก็ไม่ยอม ฉันจึงต้องจำใจยื่นแขนข้างขวาไปให้คุณจอมพลใส่สร้อยข้อมือให้ฉันพรึบ“เสร็จแ
งานจัดเลี้ยงต้อนรับ นามิ…..คฤหาสน์นามิ20:30น.แชะ แชะ แชะ แชะแสงแฟลชและเสียงกดรัวชัตเตอร์ของบรรดานักข่าวจากหลายสำนักพิมพ์กำลังตั้งอกตั้งใจรุมกันถ่ายภาพของชายหญิงที่ดูเด่นที่สุดในงานนี้ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างขุนณรงค์และคู่ควงของเขาในค่ำคืนนี้นามิกาสาวสวยดีกรีเด็กนักเรียนนอกลูกหลานตระกูลเก่าแก่และตระกูลดัง “คุณขุนณรงค์แนบชิดอีกนิดครับ….”เสียงของนักข่าวผู้ชายเอ่ยขึ้นด้วยถ้อยคำสุภาพพลางยิ้มกว้างอย่างดีใจและชื่นชมชายหญิงสองคนนี้ที่มีเคมีเข้ากันสุดๆผู้ชายก็หล่อดูดีผู้หญิงก็สวยสง่า พรึบ“ได้ครับ….”ขุนณรงค์ตอบรับคำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับหันมายิ้มให้นามิกาและเขาก็โอบเอวเธอให้แน่นกว่าเดิมพร้อมกับขยับร่างหนาที่อยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในสามเม็ดเพื่อแหวกโชว์แผงอกสุดล่ำบึกและขาวเนียน ทรงผมถูกเซตตั้งขึ้นเปิดเผยให้เห็นใบหน้าเรียวจมูกโด่งรับกันเป็นสันริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มหล่อเข้าขั้นเทพอย่างกับเบ้าหน้าฟ้าประทานพรึบ พรึบฮืฮฮาๆๆๆ“โอ้โฮ้….?”ทันใดนั้นทางประตูทางเข้าของหน้างานก็มีเสียงดังเอะอะโวยวายเกิดขึ้นของผู้คนที่พากันยืนถือเครื่องดื่มมึนเมาหลากหลายในมือคนละแก้ว ทำให้นั
“ครับ….”พรึบขุนณรงค์ว่าเสียงอ่อนพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆให้แม่ของเขาและเอื้อมมือไปโอบเอวของคุณหญิงนฤมิตรเเละทั้งคู่ก็จับจ้องไปยังชายหญิงที่โดนนักข่าวรุมสัมภาษณ์และถ่ายรูปจนคนทั้งงานดูไร้ตัวตนไปหมด ขุนณรงค์รู้สึกโกรธและไม่พอใจขจรกิตเป็นอย่างมากแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้…เพราะเขาไม่มีสิทธิ์หวงและทวงความเป็นเจ้าของผู้หญิงที่ขจรกิตควงมาในค่ำคืนนี้“คุณจอมพล…กำลังจะสละโสดเหรอคะ…?”“คำถามตรงไปหรือเปล่าครับ…^//^”ขจรกิตเอ่ยถามนักข่าวสาวที่เอ่ยถามเขามาด้วยสีหน้าเขินอายพวงแก้มเริ่มเเดงขึ้นเรื่อยๆทำให้เรียกเสียงแซวจากนักข่าวเป็นอย่างมาก “ผม…คงต้องให้เอริเป็นคนตอบนะครับ…”ขจรกิตเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองโครงหน้าหวานของฐิติมนที่ยืนเคียงข้างเขาในค่ำคืนนี้ด้วยท่าทางสง่างามและชวนสะดุดตานักธุรกิจมากมายที่อยู่ในงานนี้เป็นอย่างมาก เพราะชื่อเสียงและความสามารถร่วมไปถึงหน้าตาของเธอเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงนักธุรกิจ“เป็นเกียรติของดิฉันมากค่ะ…ที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ในค่ำคืนนี้…”ฐิติมนตอบไปอย่างสงบเสงี่ยมและวางตัวดีเธอยิ้มหวานจนนักข่าวทั้งชายและหญิงต่างเคลิบเคลิ้มตามๆกันไป“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ…”ขจรกิตเอ่ยขอตัวนักข่าวเ
21:00น.เอริ ฐิติมน….พรึบ“ค็อกเทลครับ….”คุณจอมพลว่าพร้อมกับยื่นแก้วค็อกเทลสีฟ้าสวยใสส่งมาตรงหน้าของฉัน “ขอบคุณค่ะ^_^”ฉันเอ่ยขอบคุณคุณจอมพลพร้อมกับยื่นมือไปรับแก้วค็อกเทลที่นำมาเป็นเครื่องดื่มในงานนี้มาจากมือเขา “เชียร์ครับ…”“เชียร์ค่ะ…”ฉันยิ้มรับให้คุณจอมพลและค่อยๆยกแก้วค็อกเทลสีสวยขึ้นดื่ม ปกติฉันไม่ชอบดื่มพวกเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์แบบนี้ แต่นี้เป็นงานฉันต้องทำ ดีนะแก้วนี้ที่ฉันดื่มไม่ผสมวอดก้าไม่งั้นปวดหัวแน่“อยากทานอะไรไหมคะ…เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้…”คุณจอมพลเอ่ยกระซิบถามฉันด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน ฉันก็ลดแก้วค็อกเทลลงและหันไปมองหน้าคุณจอมพลแทบจะทันทีเพราะน้ำเสียงของเขาที่เอ่ยถามฉันเนี่ย ละมุนมากค่ะ“เอ่อ…ไม่ดีกว่าค่ะ…”ฉันตอบคุณจอมพลไปพลางยิ้มแห้งๆให้เขา เขาก็พยักหน้าและยิ้มละมุนให้ฉันก่อนที่เราทั้งคู่จะหันไปมองบนเวทีที่มีพิธีกรกำลังกล่าวเปิดงานและเรียนเชิญให้แขกผู้ใหญ่พวกบรรดาคุณหญิงคุณนายตระกูลเก่าแก่ได้ขึ้นไปอวยพรให้นามิตามแบบฉบับพวกคนรวย ฉันกับคุณจอมพลเลือกที่จะยืนอยู่ด้านหลังของงานไม่เข้าไปหน้าเวที แต่ตลอดเวลาที่ข้างกายของฉันมีคุณจอมพลยืนอยู่ด้วย ฉันก็รับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ
"ผมเกลียดคุณเข้าใจไหม""ไม่จริงคุณไม่ได้เกลียดแก้มหวานคุณรักแก้มหวาน""ไม่งั้นคุณจะมาทำดีกับแก้มหวานทำไม""ที่ผมทำดีกับคุณเพราะผมติดใจในเซ็กส์ของคุณไง....คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เร้าร้อนและร้อนแรงเรื่องบนเตียงมากแค่ไหน"เควินพูดพร้อมกับเดินตรงมาหาแก้มหวาน"ผมไม่เคยมีอะไรกับใครแล้วมีความสุขเท่าคุณ"เควินว่าพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเรียวไล้เกี่ยไปตามแขนของแก้มหวานอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมองแก้มหวานด้วยแววตาหวานเยิ้ม"ผมก็เลยเล่นตามน้ำคุณถึงแม้ในใจผมมันจะสนแค่ร่างกายคุณแต่นิสัยและสันดานของคุณผมรังเกียจมันเสียด้วยซ้ำ"เควินพูดไปพลางมองไปที่ร่างของแก้มหวานด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม"ผมก็นึกว่าคุณจะเล่นๆกับผมแต่ที่ไหนได้คุณคิดจริงจัง"เควินว่าพลางยิ้มหัวเราะออกมาอย่างเรื่องที่เป็นประเด็นสนทนาอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องตลก ทำให้แก้มหวานมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่พอใจและน้อยใจไปในตัวเธอคิดว่าเขาจะสนใจและมีความรู้สึกดีๆให้เธอเสียอีก แต่ที่ไหนได้เขากลับไม่ได้มีใจให้เธอเลย "ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก.....ผมพูดความจริง""และต่อไปคุณก็ช่วยกรุณารู้จุดยืนของตัวเองด้วยนะ"เควินเอ่ยออกมาปิดท้ายแววตาที่เขามองเธอเวลาพูด
"ไม่ใช่ว่าริเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ได้แต่ริไม่อยากเป็นไม่อยากให้ลูกมีแค่ริที่ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันแต่อยากให้ลูกได้รับความรักจากพ่อแท้ๆของเขาและความเอาใจใส่จากพ่อของเขาจริงๆ" "คนที่ไม่เคยขาดพ่อขาดแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกไม่ว่าแม่จะดูแลดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่เหมือนความรักที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ครบ" "ริหวังว่าขุนจะเข้าใจนะ....ขุนแค่ทำหน้าที่พ่อของลูกเท่านั้นพอ....." "ริ....." "หรือขุนอยากจะเลือกก็ได้นะระหว่างทำหน้าที่พ่อของลูกหรือจะไม่รับหน้าที่อะไรเลยก็ได้" "ก็ได้ขุนจะเอาแบบที่ริว่าก็ได้"ขุนศึกที่ได้ยินคำขาดจากฉัน เขาก็พูกเสียงเข้มแทรกขึ้นมาทันที "แต่ขุนจะทำให้ริเห็นว่าขุนพร้อมที่จะหยุดและมีแค่ริคนเดียวแล้วจริงๆ"ขุนศึกว่าพร้อมกับทำหน้ามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำอย่างที่เขาพูดได้จริงๆ แต่เขาก็พูดแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันจับเขาได้ว่าเขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นและฉันก็ไว้ใจและเชื่อใจเขามาตลอดและเป็นยังไงล่ะ สุดท้าย ฉันก็เป็นอีโง่เหมือนเดิม เคยยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองแก้ผ้าให้ขุนศึกเอาเพื่อให้เขาเลิกไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น นั่นมันเป็นความคิดเด็กน้อยชะมัด "ทำให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากันอีกที..
วันเดียวกัน23:30น.เอริ ฐิติมน......จึกๆๆ"ริ......""หื้ออออ"ฉันครางรับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกฉันพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่ฉันเบาๆฉันที่นั่งขดตัวหลับอยู่บนโซฟาภายในห้องโถงใหญ่ก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาดูเจ้าของเสียงที่ฉันเฝ้ารอเขาจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้"ขุน......กี่โมงแล้วเนี่ย?"ฉันขยี้ตาเพื่อไล่ความสะลึมสะลือความงัวเงียให้หายไปพร้อมกับเอ่ยถามขุนศึกไป"เที่ยงคืนกว่าแล้ว....ริมานอนทำไมตรงนี้?"ขุนศึกตอบฉัรพร้อมกับเอ่ยถามฉันกลับ ฉันที่หายจากอาการสะลึมสะลือแล้วแล้วก็ขยับตัวนั่งดีๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับฉันและนั่งข้างๆฉันด้วย"ริมารอขุนนั้นแหละ.....ทำไม่มาซะดึกเลย....หาไม่เจอเหรอ?""เปล่า.....พอดีขุนไปทำธุระมาน่ะ""อ้อ"ฉันพยักหน้าพลางร้องตอบขุนศึกไป แม้ในใจอยากจะถามเขาว่าธุระที่เขาว่าคืออะไร แต่สีหน้าและแววตาของขุนศึกเหมือนไม่อยากบอกให้ฉันรู้ว่าธุระที่เขาพูดถึงคืออะไรถ้าเขาไม่อยากบอก ฉันก็ไม่ควรที่จะถามต่อสินะ เพราะฐานะของฉันกับเขาไม่มีสิทธิ์ซักไซ้จนได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปกว่านี้"ว่าแต่ริมารอขุน......มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"ขุนศึกถามฉันพร้อมกับจ้องมองฉั
จะปล่อยห้องว่างไวโดยไร้คนอยู่ก็เสียดาย ฉันก็เลยใจอ่อนและยอมมาอยู่ที่นี่ซึ่งฉันคิดว่ามันสะดวกสบายดี บ้านที่ฉันหาในเน็ตก็มองทรุดโทรมและค่าเช่าก็แพง อะไรที่ประหยัดได้ในตอนนี้ฉันก็ควรจะประหยัดและตอนนี้ฉันก็ท้องด้วย ฉันควรจะมีเงินสำรองไว้เลี้ยงลูกของฉันให้เขาอยู่อย่างสุขสบายให้เยอะๆดีกว่าฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับขุนศึก......ว่าฉันท้องกับเขา....."ป้าบัวคะ""จ๊ะว่าไงจ๊ะเอริ?"ป้าบัวที่กำลังยกชามกะละมังที่เช็ดตัวคุณหญิงเพิ่งเสร็จหันมาขานรับฉันเงินก้อนใหญ่ฉันก็ให้ขุนศึกไปหมดแล้ว รถก็ขายทิ้ง บ้านก็มาไฟไหม้อีก ค่ารักษาพยาบาลคุณหญิงค่าใช้จ่ายรายเดือนก็สูง โดยเฉพาะค่ากายภาพบำบัดที่ฉันว่าจ้างให้นางพยาบาลที่เป็นคนทำกายภาพบำบัดและศึกษาด้านนี้มาโดยเฉพาะให้มาดูแลคุณหญิงทุกวันโดยทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงเดินได้อีกครั้งและฉันจะทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของลูกฉันมีความสุขและสุขสบายที่สุดไม่ให้ลำบากและรู้สึกขาดแบบที่ชีวิตฉันเคยเป็นมา ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่สุดของความสามารถของฉัน"ป้าบัวส่งโลเคชั่นให้ขุนหรือยังคะว่าเราอยู่ที่ไหนกัน?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไป ท่านก็ยิ้มบางๆให้ฉัน"ป้ากำลังจะไปส่งโลเคชั่นให้คุณข
"ไม่ว่าฉันจะให้แกทำอะไรแกก็ยอมใช่ไหม?"แก้มหวานเอ่ยถามผมด้วยแววตามีเลศนัยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากขึ้น ผมก็จ้องมองเธอนิ่ง และผมก็อยากทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลง วันนี้คุณแม่ผมเกือบจะไม่รอด เพราะผมเป็นตัวต้นเหตุ วันนี้อาจจะโชคดี แต่มันก็คงตะไม่โชคดีทุกครั้งไป "ใช่" "ถ้าฉันให้แกไปตายล่ะ" "มันไม่มากไปเหรอ?"ผมถามเธอไปเสียงเข้ม เรื่องที่ผมและเพื่อนๆทำกับเธอ เธอก็ยังมีชีวิตอยู่และดีด้วยจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ "หึ.....ฉันรู้ว่าแกคงไม่กล้าตายหรอก" "งั้น......ฉันขอแลกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของแกก็ล่ะกันนะ" "ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของฉัน?" "กราบตีนฉันสิ.....แล้วฉันจะเลิกยุ่งกับแม่แกและก็เอริผู้หญิงที่แกบอกว่ารักนักรักหนาด้วย" "ไม่รู้ว่าแกรักเธอยังไงนะถึงได้นอกกายนอกใจเธอนอนกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา" "ถ้าฉันเป็นเอริฉันคงไม่เอาผู้ชายเลวๆที่ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ที่ต้องผสมพันธุ์ไปทั่วโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร" "แบบแกหรอกนะขุนศึก" "แค่ฉันกราบตีนเธอ.....แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"ผมไม่สนใจคำพูดที่ถากถางของแก้มหวานแต่เอ่ยถามในสิ่งที่จะเป็นตัวหยุดเรื่องนี้กับเธอไป เธอก็ทำหน้าบึ้งตึงนิดหน่อยก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องผมก็ยื่นมือไปกดออดเพื่อเรียกคนในห้องให้รู้ว่ามีคนมาขอพบเธอผมรออยู่ไม่นานและกดออดซ้ำไปแค่ครั้งเดียว ประตูห้องหรูบานตรงหน้าผมก็ค่อยๆถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านในของห้องนี้ผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่เป็นคนมาเปิดประตูเธอเป็นผู้หญิงผอมสวยหุ่นดี เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงผมของเธอถูกดัดเป็นลอนใหญ่แล้วปล่อยสยายไปด้านหลังสีหน้าที่เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย และเพ่งมองพินิจพิจารณาอย่างสงสัยว่าผมคือใครผมจึงค่อยๆใช้มือดึงฮู้ดที่ปิดหน้าของผมอยู่ให้ออกเพื่อเผยใบหน้าของผมให้เธอคนนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นและในเมื่อใบหน้าของผมที่ไร้เสื้อฮู้ดปกผิดเปิดเผยแก่คนตรงหน้าเธอก็จ้องมองผมด้วยแววตาตกใจและแปลกใจ ผมก็จ้องมองเธอกลับไปด้วยแววตาเรียบเฉยเมื่อแปดปีก่อน เธอกับผมเราคงจะคุ้นตากันเพราะเราสองเคยมีอะไรกันและแอบเป็นแฟนกันมาก่อนทั้งๆที่ผมเองก็มีแฟนอยู่แล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอ แต่ผมคิดว่าผู้หญิงทั้งมหาลัยก็น่าจะรู้ดีว่าผมมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่กลับผิดคาดที่เธอคนนี้ไม่รู้ เธอจึงปล่อยใจรักผมแต่ผมกลับไม่เคยรักเธอ ไม่ว่าเธอจะแสนดีและน่ารักแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดที่จะรั
ช่วงเย็นวันเดียวกันคอนโด TYขุนศึก ขุนณรงค์......"ขอบคุณสำหรับข้อมูลตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าคอนโดที่แกบอกแล้ว""คอนโดTYชั้นที่สามสิบห้องสามสามสี่ห้าฉันจำได้ล่ะขอบใจแกมากฟิว"ผมเอ่ยบอกฟิวไปในขณะที่สายตาก็ทอดมองเงยหน้าไปยังชั้นบนสุดชั้นที่สามสิบของตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองตรงหน้าของผมในขณะนี้(แกคิดที่จะทำอะไร?)(ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากกว่าแกเขาสามารถทำให้แกหายไปโดยไม่มีใครสงสัยได้เลยนะขนาดทำให้ชีวิตของแกพังเขาก็ยังทำได้)(ฉันว่าแกไม่สมควรที่จะประมาทผู้หญิงคนนี้)เสียงปลายสายของฟิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมจึงละใบหน้าจากตึกสูงตรงหน้าและเอ่ยคุยกับฟิวต่อ"ฉันรู้ขอบใจและขอโทษที่ทำให้ชีวิตของแกต้องมาติดร่างแหพลอยซวยไปกับฉันด้วย"ผมเอ่ยบอกหิวไปอย่างคนที่รู้สึกผิดที่ออกมาจากใจจริงไปของผม(แกไม่ได้ทำอะไรผิดถ้ามันจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ)(มันคงจะเป็นเพราะตอนนั้นพวกเรายังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรให้มากกว่านี้เลยทำเรื่องแบบนั้นลงไป)(ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธแกหรือแก้มหวานเลยด้วยซ้ำ)"นั่นสิเนอะ....ฉันก็ไม่สมควรที่จะโกรธแก้มหวานด้วยเหมือนกัน"ผมเอ่ยออกมาอย่างคิดนึกตริตรองอย่างที่ฟิวว่าที่จริงถ้าตอนนั้นผมไม่คึกค
"ผมขอโทษครับ""คุณจะมาขอโทษฉันทำไมล่ะค่ะ....ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณสิถึงจะถูก""เดี๋ยวฉันจะโอนจ่ายค่ารักษาให้คุณทีหลังนะคะ....เพราะวันนี้ฉันไม่มรเงินติดตัวเลย"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปตามความจริง เขาก็มีสีหน้าตกใจและสลดปะปนกันไป"อย่าโอนจ่ายค่ารักษาให้ผมเลยครับ...ขอให้ผมได้ดูแลคุณสักครั้ง""ในฐานะเพื่อนได้ไหมครับ"คุณเควินว่าต่อในเสียงและสีหน้าเชิงขอร้อง ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคนคิดหนัก เขาขอช่วยในฐานะเพื่อนถ้าฉันปฏิเสธเพื่อนคนนี้ ก็ควจะเสียมารยาท"ก็ได้ค่ะ....แต่ริขอแค่ความช่วยเหลือจากคุณเควินแค่ครั้วนี้ครั้งเดียวนะคะ....ครั้งต่อไปไม่ต้องแล้วนะคะ....ริเกรงใจ"สิ้นคำพูดฉันคุณเควินก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา"ครับ....ขอบคุณนะครับที่ยอมรับความช่วยเหลือจากผมในครั้งนี้""มีอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณเควินต่อหลังจากที่เขาพูดจบประโยคเขาก็นิ่งไปและมองหน้สฉันอย่างคนอึดอัดใจเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ยอมพูดมันออกมาฉันจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเอง"ผมดูข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้ที่บ้านของคุณและผมก็ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าคุณเข้ามารับการรักษาที่นี่""ผมจึงรีบมา....และก็พบคุณแต่ทางโรงพยาบาลแจ
"แต่คงจะยาก.....เพราะเขามีหลักฐานขนาดนั้น" "และที่สำคัญเขาไม่รับฟังหรอกว่าแม่นายเองก็โดนหลอกเหมือนกัน" "เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเอริ?" "ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้.....นายกำลังโดนโจมตรีจากคนที่นายเรยไปทำลายชีวิตเขายังไงล่ะ" "นายเกือบทำให้แม่นายต้องมาตายเพราะความเจ้าชู้ของนาย.....ขุนศึก" "และคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างแม่นายต้องมาซวยต้องมาหมดตัวต้อยมาเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างมาก็เพราะนาย" "เพราะความเจ้าชู้ของนาย"ฉันพูดเสียงแข็งตะโกนใส่ขุนศึกไปเป็นชุดด้วยแววตาสั่นไหวน้ำตาเอ่อคลอ ขุนศึกก็ทำสีหน้ายอมรับความผิด สีหน้าของเขาซีดลงแววตาของเขาสั่นไหว "ขุนรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะขุน....." "ที่มาทำให้แม่และก็ริเดือดร้อน" "ขุนจะจบเรื่องนี้เอง"ขุนศึกพูดเสียงเข้มแววตาจริงจังและวูบไหว "ผมฝากแม่ด้วยนะครับ" "เดี๋ยวผมมาได้ที่อยู่ใหม่ที่ไหนรบกวนป้าบัวโทรบอกผมด้วยนะครับ"ขุนศึกผละจากรถวีลแชร์เดินไปหยุดตรงหน้าของป้สบัวพร้อมกับเอ่ยบอกป้าบัว "ค่ะได้ค่ะว่าแต่คุณขุนศึกจะไปไหนคะ?"ป้าบัวรับคำขุนศึกและเอ่ยถามเขาต่อ ขุนศึกกฺ็หันกลับมามองหน้าฉัน ด้วยสายตานิ่งเฉย "ไปทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบคร