ขณะเดียวกัน แพรก็ชวนเนมาช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าเดียวกัน“พี่แพร ยังต้องซื้ออะไรอีกเหรอ?” เนบ่นอุบพลางหิ้วถุงของที่ซื้อสำหรับทำขนมจนเต็มมือไปหมด สีหน้าดูอิดโรย“นายนี่ ขี้บ่นจริงนะ ฉันอุตส่าห์จะทำขนมโปรดของนายให้กินซะหน่อย จะไม่กินใช่มะ?” แพรค้อนใส่เนอย่างหงุดหงิด“โห...ขนมโมจิไส้ช็อกโกแลตพี่แพรใครจะไม่กินล่ะ!” เนรีบแก้ตัวทันที สายตาเป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อขนมโปรดของตัวเอง“อย่างนี้ค่อยน่าฟังหน่อย” แพรยิ้มพอใจ ก่อนจะลากเนให้เดินตามไปซื้อของเพิ่มเติมที่ร้านคาเฟ่ 'Sweet Haven' บรรยากาศอบอุ่น สบายๆ การตกแต่งภายในร้านเป็นสไตล์วินเทจผสมผสานกับความโมเดิร์น โต๊ะไม้สีอ่อนวางเรียงรายพร้อมเก้าอี้เบาะนุ่ม หน้าต่างกระจกบานใหญ่เปิดรับแสงอ่อน ๆ ของวัน ทั้งเนยและเนมาที่นี่เป็นประจำ เพราะชอบความเงียบสงบและขนมอร่อยๆ ของที่นี่เนยกับเบียร์เดินเข้ามาในร้านและเห็นเนกับแพรกำลังนั่งอยู่ที่มุมสุดของร้านที่พวกเขาจองไว้เป็นประจำ“อ้าว บังเอิญจัง” เนยทักขึ้นทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ แพรยิ้มขำเล็กน้อย พลางชี้ไปที่ขนมบนโต๊ะ“ฉันมาเลี้ยงขนมนายเน เพราะช่วยถือของให้อะ” แพรว่าพลางพยักเพยิดไปที่ถุงช้อปปิ้งเยอะแยะข้างๆ
สองสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เนยย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดของเบียร์ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ไปคุยกับพ่อยังไง ถึงได้ยอมง่ายๆ พ่อเพียงแค่โทรมาหาเธอ บางครั้งก็บอกให้เธอกลับไปนอนที่บ้านบ้าง ไม่ได้ห้ามเหมือนที่เธอกังวลไว้ ซึ่งเรื่องนี้ เบียร์ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนแรกก็มีโอดครวญกับเธอบ้างเนยจึงตกลงกับเบียร์ว่า วันจันทร์ถึงพุธเธอจะกลับไปนอนที่บ้าน และพฤหัสถึงอาทิตย์จะมาค้างที่คอนโด ซึ่งเบียร์ก็อิดออดอยู่พักใหญ่ พยายามอ้อนเธอให้เปลี่ยนใจ แต่สุดท้ายก็ยอมตามที่เนยเสนอ“แต่เธอต้องอยู่กับฉันครบทุกวันหยุดนะ” เบียร์ย้ำด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ เนยแค่ยิ้มรับ เพราะรู้ดีว่าเบียร์แค่ทำใจไม่ได้ที่จะห่างเธอเกินสามวัน“โอเค ฉันให้ก็ได้” เนยหัวเราะเบาๆ แล้วจุ๊บแก้มเบียร์เบาๆ ทำให้เขายิ้มอย่างพอใจขณะที่เนยกำลังดึงรายงานยอดขายประจำสัปดาห์จากคอมพิวเตอร์ เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องไปคุยกับนุชเรื่องไฟล์ที่เบียร์เจอเกี่ยวกับคนที่น่าสงสัยว่าจะตบแต่งบัญชี เนยจึงรีบเดินตรงไปที่แผนกบัญชีทันทีเมื่อไปถึง เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นโต๊ะของนุชว่างเปล่า ไม่มีข้าวของวางอยู่เลย“นุช?อ้าว หายไปไหนแล้วเนี่ย?” เนยพึมพำกับตั
“ในซองยังมีอะไรอีกมั้ย?” เบียร์ถามเนยเบาๆ ขณะที่ตอนนี้ทั้งสองอยู่กันตามลำพัง หลังจากที่แพรและเจี๊ยบขอตัวไปห้องน้ำ โดยมีบีคอยพาไป ทั้งคู่มีอาการคลื่นไส้จนจะอาเจียน เมื่อเห็นนิ้วมือที่ถูกตัด“อืม...” เนยก้มลงไปตรวจดูในซองอีกครั้ง แล้วพบว่ามีซองจดหมายสีขาวซ่อนอยู่ เธอหยิบมันออกมา เปิดออกดู ก่อนที่ความรู้สึกเย็นวาบจะแล่นเข้ามาเต็มหัวใจ“นี่มัน...” เนยพึมพำเบาๆ เมื่อเห็นรูปถ่ายที่อยู่ในซอง“อะไร?” เบียร์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะหยิบรูปจากมือของเนยมาดูเอง เขาถึงกับหยุดนิ่ง เพราะในภาพเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ถูกมัดมือ มัดเท้า และมัดปากติดอยู่กับเก้าอี้อย่างแน่นหนา ทุกภาพแสดงให้เห็นท่าทางที่เธอถูกบังคับให้ถ่ายในมุมต่างๆ โดยที่แต่ละรูปมีความทารุณชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเบียร์นิ่งไปเมื่อภาพสุดท้ายซูมชัดไปที่นิ้วนางซึ่งสวมแหวน วงนั้นเป็นแหวนวงเดียวกับที่ติดมากับนิ้วมือในซองพลาสติก“นุช…” เนยพูดชื่อเพื่อนเบาๆ ใบหน้าของเธอซีดลงเล็กน้อย ขณะที่ความจริงเริ่มปรากฏชัดว่า เพื่อนสาวของเธอถูกจับตัวไปอย่างทารุณ และสิ่งที่พวกเขาเจอในวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเบียร์มองไปที่เนย เขาเห็นเธอกำห
ภายในห้องนั่งเล่นบ้านของเคน ทุกคนต่างนั่งประชุมกันด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด เบียร์ เนย เน และแพร ล้อมวงอยู่รอบโต๊ะ โดยที่ตรงกลางมีแฟ้มเอกสาร รูปถ่าย และถุงพลาสติกบรรจุนิ้วมือที่ถูกตัด“นี่คือทั้งหมดที่เราได้มา” เบียร์พูดเสียงนิ่ง พลางวางเอกสารหลักฐานลงบนโต๊ะ แววตาของเขาจริงจัง เขากวาดมองทุกคน ก่อนจะหยิบรูปถ่ายของนุชขึ้นมาเนยขมวดคิ้วมองรูปของเพื่อนที่ถูกทารุณอย่างรุนแรง“พวกมันบ้าชะมัด ฉันไม่เข้าใจ ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย...”“มันไม่ได้บ้าหรอก มันส่งสัญญาณเตือนอะไรบางอย่าง” เคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดขึ้น เขาหันไปมองเบียร์“นายได้ข้อมูลอะไรมากกว่านี้มั้ย?”เบียร์พยักหน้าก่อนจะเปิดแล็ปท็อป“ฉันเช็กเส้นทางของเอกสารซองนั้นแล้ว มันถูกส่งมาจากชลบุรี แต่ในระบบไม่มีการลงชื่อผู้ส่งเลย ฉันตามได้แค่ที่อยู่ต้นทางเป็นคลังสินค้าร้างแห่งหนึ่ง”เนเอนตัวพิงโซฟาอย่างเครียด“นั่นหมายความว่า คนที่เราตามหา ยังไม่เผยตัวเต็ม ๆ สินะ พวกมันเจ้าเล่ห์...”“เราต้องไปที่นั่น” เนยพูดอย่างเด็ดขาด ดวงตาแข็งกร้าว“นุชอาจจะอยู่ที่นั่น พวกมันคงไม่ทิ้งร่องรอยไว้ที่เดียวหรอก เราอาจจะเจออะไรมากกว่านี้”แพรที่นั่งข้าง ๆ
ทั้งสองลงจากรถ เบียร์พาเนยเข้าไปยังร้านคาเฟ่เล็กๆ ใกล้จุดที่คาดว่าจะได้ข้อมูล คนที่เขาต้องการคุยด้วยเป็นคนท้องถิ่นที่เบียร์เคยได้ยินว่ามีเส้นสายในแวดวงที่พวกเขากำลังตามหา และอาจเป็นจุดเริ่มต้นในการตามหาตัวนุช“นายแน่ใจว่า คนๆ นี้จะช่วยเราได้?” เนยถามขณะที่เดินไปข้างๆ เบียร์“ไม่รู้สิ แต่ถ้าเขามีข้อมูลอะไรซักนิด มันก็อาจทำให้เราตามรอยได้” เบียร์ตอบพลางมองไปรอบๆ และเปิดประตูเข้าไปในร้านคาเฟ่เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านคาเฟ่ เบียร์พาเนยตรงไปยังมุมโต๊ะที่ถูกจัดไว้ค่อนข้างมิดชิด มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าไว้เกือบครึ่ง แต่จากสายตาที่เบียร์ประเมิน เขารู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้คือคนที่เขานัดหมายไว้“คุณริวใช่ไหม?” เบียร์เอ่ยขึ้นเบาๆ พลางดึงเก้าอี้ออกให้เนยนั่งชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า“ใช่ นายคือเบียร์สินะ”“ใช่...ส่วนนี่เนย” เบียร์แนะนำเธอขณะนั่งลงข้างๆ เนย“พวกนายต้องการข้อมูลอะไรจากฉัน?” ริวถามเสียงแผ่วพลางกอดอกมองทั้งคู่ เขาดูเหมือนจะระวังตัวอยู่ไม่น้อย“เราได้รับพัสดุที่มีซองเอกสารมาจากชลบุรี ไม่มีชื่อผู้ส่ง แต่ภายในมีนิ้วมือของเพื่อนของเราที่
เบียร์ขับรถพาเนยมาถึงจุดบริการไปรษณีย์เล็กๆ แห่งหนึ่งในชลบุรี ที่ริวให้ข้อมูลไว้ เนยสังเกตว่าพนักงานไปรษณีย์เป็นผู้หญิงร่างท้วม เธอนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ ด้วยท่าทีที่ดูสบายๆ เมื่อเบียร์เดินเข้าไป เธอก็เงยหน้าขึ้นมามอง และทันทีที่เห็นหน้าของเบียร์ หญิงสาวก็ออกอาการเขินอายเล็กน้อย“สวัสดีครับ” เบียร์ทักด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมกับส่งยิ้มมีเสน่ห์ให้พนักงานไปรษณีย์ยิ้มตอบอย่างเขินอาย ใบหน้าเริ่มแดงขึ้นทันทีที่สบตาเบียร์“สวัสดีค่ะ... มีอะไรให้ช่วยคะ?”“คือ... พอดีผมตามหาเพื่อนอยู่น่ะครับ เขาใช้บริการที่นี่ส่งพัสดุมา ผมเลยอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อย” เบียร์พูดอย่างสุภาพ พร้อมกับยิ้มหวาน จนทำให้พนักงานร่างท้วมยิ่งเขินหนักกว่าเดิม“อ๋อ... ค่ะ เอ่อ...” เธออึกอักเล็กน้อย พร้อมกับลูบผมตัวเองอย่างเก้อเขิน“แต่... มันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลน่ะค่ะ”เบียร์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เพื่อนผมเขาหายตัวไปครับ ผมเป็นห่วงเขามากจริงๆ อยากตามหาเขาให้เจอ”พนักงานไปรษณีย์ร่างท้วมยิ้มอายๆ พลางกัดริมฝีปาก เธอพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดออกมาอย่างลังเล“เอ่อ... ฉันขอตัวไปเช็กข้อมูลให้นะคะ รอแป๊บนะคะ”
เบียร์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะยอมลุกขึ้นไปอาบน้ำบ้าง ไม่นานเขาก็กลับออกมาพร้อมกับชุดคลุมเหมือนกัน ขณะที่เนยนอนเอนตัวบนเตียง รอเขาอยู่“สวยจัง” เบียร์พูดเบาๆ พลางก้าวเข้าไปใกล้เธอ ดวงตาของเขาสะท้อนแสงไฟอ่อนๆ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่เร่าร้อนในเวลาเดียวกันเนยเหลือบมองเขาด้วยสายตายั่วเย้า เธอเผยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบเบาๆ“แล้วนายรอไรล่ะ?”เบียร์ไม่ตอบ แต่โถมตัวเข้าหาเธอทันที มือหนาของเขาปลดเสื้อคลุมอาบน้ำของตัวเองและเนยออกอย่างรวดเร็ว พลางลูบไล้ไปตามลำตัวของเธออย่างแผ่วเบา ริมฝีปากของเขาไล่จูบไปตามลำคอของเธออย่างเร่าร้อน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทำให้ร่างกายของเนยสั่นไหวมือของเธอจิกลงไปบนบ่าแกร่งของเขาอย่างไม่รู้ตัว เพื่อบรรเทาความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในใจ อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นเมื่อแรงดึงดูดระหว่างกันยิ่งทวีความรุนแรง เบียร์มอบสัมผัสที่ทำให้เธอรู้สึกถึงความต้องการและความรักที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกส่วนของร่างกายเนยหอบหายใจหนัก ริมฝีปากของเบียร์กดแน่นลงบนริมฝีปากของเธอ จูบที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความเร่าร้อนที่ยากจะต้านทาน“อื๊อ...” เสียงครางเบาๆ หลุดออกมาจากปากของเนย ขณะที่เขาใช้ลิ้นสอดแทรกเข้าม
เช้าวันถัดมา เบียร์ปลุกเนยให้ตื่นขึ้นมาแต่เช้า ทั้งสองคนออกไปทานอาหารเช้าที่ตลาดสดในเมืองชลบุรี บรรยากาศเช้าตรู่ยังคงเงียบสงบ มีแม่ค้าพ่อค้าวางของสดขายกันตามปกติ เนยกับเบียร์ทานอาหารเช้าเบาๆ ก่อนจะเดินเที่ยวเล่นในตลาด สัมผัสบรรยากาศของนักท่องเที่ยวทั่วไป“ไม่เคยคิดว่ามาตลาดสดจะสนุกแบบนี้นะ” เนยพูดยิ้มๆ พลางถือถุงผลไม้เดินเคียงข้างเบียร์“ก็เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เธอจะได้รู้ว่าชีวิตธรรมดาๆ มันมีเสน่ห์แค่ไหน” เบียร์พูดพลางเหลือบตามองเธอด้วยรอยยิ้มหลังจากที่เดินเล่นกันเสร็จ เบียร์ก็พาเนยลัดเลาะออกจากตลาดไปยังบริเวณโอเชียนบลูบังกะโลที่ได้รับข้อมูลมา เขาพยายามใช้เส้นทางที่ไม่เด่นชัดมากนัก เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับตามองทั้งคู่เริ่มสำรวจพื้นที่บริเวณรอบๆ บังกะโล หูฟังเสียงลมที่พัดผ่านและมองหาสิ่งผิดปกติ เนยคอยสังเกตทุกอย่างรอบตัว ขณะที่เบียร์ตรวจสอบจุดที่คิดว่าอาจเป็นจุดเก็บข้อมูลหรือที่พักของผู้ที่ส่งเอกสารมาให้เธอ แต่จนกระทั่งเดินไปจนทั่วพื้นที่ กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ“เงียบแปลกๆ นะ นายว่ามะ?” เนยกระซิบเบาๆ พลางหันมามองเบียร์ที่ยืนข้างๆเบียร์พยักหน้าเบาๆ สายตาของเขาจับจ้องไปที่มุมหนึ่งของบ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ