ตอนเที่ยงคืน ขณะที่เบียร์และเนยนอนกอดกันอยู่ในความมืด เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนปริศนาดังเข้ามาใกล้ๆ เบียร์ที่กึ่งหลับกึ่งตื่นรับรู้ถึงความผิดปกติ ทันใดนั้นเอง เนยที่นอนข้างๆ ก็กระซิบบอกเบาๆ“มาแล้ว...” เสียงกระซิบของเนยทำให้เขาลืมตาขึ้นมาทันที“อืม...” เบียร์พึมพำตอบ ทั้งที่ยังนอนนิ่งอยู่ แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นโฟกัสทันที เขารู้ดีว่านี่คือสิ่งที่พวกเขารอคอย“อย่าขัดขืน... ปล่อยให้มันพาเราไปหานุช” เนยกระซิบแผ่วเบา แต่หนักแน่นเบียร์พยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ว่าเนยวางแผนไว้อย่างรอบคอบ ทั้งสองต่างเข้าใจดีว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคืออะไร การขัดขืนตอนนี้อาจทำให้พวกเขาพลาดโอกาสที่จะช่วยเหลือนุชได้เสียงฝีเท้าหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบังกะโล สักพักประตูก็ถูกเปิดออกช้าๆ เงาของชายร่างใหญ่สองคนยืนอยู่ตรงนั้น พวกเขามาพร้อมกับปืนในมือและสีหน้าเรียบเฉย“ไปกับพวกเรา” หนึ่งในนั้นพูดเสียงห้วนเบียร์ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเนย ทั้งคู่ทำตามแผนที่เตรียมไว้ เดินตามกลุ่มชายปริศนาออกไปจากบังกะโลโดยไม่ขัดขืนอะไรข้างนอกอากาศเย็น ลมทะเลพัดผ่านเบาๆ แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด มีชายร่างใหญ่หลายคนที่ล้อมพวกเขาไว้
เคนกำลังเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปชลบุรี โทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอโชว์ชื่อ ‘สูทดำ’ ทำให้เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะกดรับสาย“ว่าไง?” เคนถามเสียงเรียบ ขณะเก็บของที่จำเป็นลงกระเป๋าเป้“ฉันติดต่อเบียร์ไม่ได้” เสียงของมิสเตอร์พีดังมาจากปลายสาย น้ำเสียงฟังดูเครียด“เบียร์กับเนยออกไปสืบคดีนุชกันอยู่ คิดว่าน่าจะไปถึงชลบุรีแล้ว” เคนตอบเรียบๆ แต่สีหน้าเริ่มเปลี่ยนเมื่อได้ยินน้ำเสียงจากปลายสาย“ฟังนะ ฉันกำลังตามล่าแก๊งเรดสเคล แก๊งพวกนี้เป็นพวกที่คุมเรื่องการฟอกเงินและยักยอกทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกับเรื่องนี้โดยตรง... และฉันเกรงเบียร์อาจจะไปเจอคนของมันเข้า” มิสเตอร์พีอธิบายต่อ น้ำเสียงเขาเร่งรีบ“แก๊งเรดสเคล?” เคนทวนคำ ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเล็กน้อย เขารู้ดีถึงชื่อเสียงและความโหดเหี้ยมของแก๊งนี้“พวกนี้มันร้ายกาจมากเหรอ?”“สุดๆ ที่สำคัญในแก๊งนั้นมีคนที่ขึ้นชื่อเรื่องการทรมานคนให้บอกความจริงอยู่ ชื่อว่าดาร์โก้ เฟเร็ตติ คนนี้มันไม่ธรรมดาเลยนะ มันไม่เคยปล่อยเหยื่อให้รอดไปง่ายๆ” มิสเตอร์พีเสริม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลเคนกำหมัดแน่น“หมายความว่าถ้าเบียร์กับเนยโดนพวกมันจับตัวได้...”“พวกมันจะทรมานพวกเขาเพื
“พวกเราจะไปไหน?” เนยถามเสียงเข้ม ขณะที่มองไปยังชายที่พาเธอมา“ไปหาดาร์โก้ยังไงล่ะ เขากำลังรอเธออยู่” หนึ่งในนั้นตอบพลางยิ้มเย็นชาเนยพยายามเก็บอารมณ์เอาไว้ สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ เพื่อหาทางหลบหนี แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลา เธอต้องใช้ทุกอย่างอย่างรอบคอบขณะที่เนยถูกพาไปยังห้องที่ดาร์โก้ เฟเร็ตติ กำลังรอเธออยู่ เบียร์ก็ถูกพาไปยังอีกฝั่งหนึ่งของโกดัง พื้นที่ลับที่เต็มไปด้วยลูกน้องของแก๊ง พวกมันดึงปืนออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ขณะที่ผลักเขาลงไปในมุมมืดของห้อง“คิดว่าจะหนีพ้นงั้นเหรอ?” ลูกน้องคนหนึ่งเย้ยหยันเบียร์มองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นว่าทางหนีแทบไม่มี แต่เขายังมีความมั่นใจในตัวเอง เพราะเขารู้ดีว่าเขาจะต้องหาทางออกจากสถานการณ์นี้ได้ด้านของเนย เมื่อเธอถูกพาเข้าไปในห้องที่มืดสลัวและเย็นยะเยือก กลิ่นอับและเหม็นของความทรมานที่เคยเกิดขึ้นในห้องนี้คละคลุ้งไปทั่ว สายตาของเธอปะทะกับร่างหนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมห้อง มันคือดาร์โก้ เฟเร็ตติ ชายที่เลื่องชื่อในด้านการทรมานคน“เธอคือเพื่อนของผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย?” ดาร์โก้ถามพลางยิ้มเหี้ยม เก้าอี้ข้างๆ เขามีอุปกรณ์การทรมานหลากหลายวางอยู่เนยกำหมั
ทางด้านฮิโร่ที่ซุ่มอยู่บนหลังคาของโกดังร้าง มองผ่านกล้องสไนเปอร์ในมือ สายตาของเขากวาดไปทั่วบริเวณ คำนวณจำนวนศัตรูอย่างรวดเร็ว พวกมันอยู่รอบๆ โกดังและอีกจำนวนหนึ่งอยู่ภายใน เขาใช้เวลาประเมินสถานการณ์ทั้งหมด ก่อนจะกดส่งพิกัดไปให้เคนเรียบร้อยแล้ว แต่สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นด้านในทันใดนั้นเขาก็เห็นดาร์โก้ลากเนยเข้าไปในห้องอีกฝั่งหนึ่งของโกดัง ภาพที่เห็นทำให้ฮิโร่ขมวดคิ้ว สัญชาตญาณของเขาบอกได้ทันทีว่าสถานการณ์นี้เลวร้ายกว่าเดิม ดาร์โก้ลากเนยเข้าไปใกล้ร่างที่ถูกทรมานจนไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร แต่เมื่อเนยเห็นศพของนุช—เพื่อนรักของเธอในสภาพอันโหดร้าย ฮิโร่ที่เฝ้ามองจากระยะไกลก็รู้ทันทีว่า อารมณ์ของเนยกำลังจะระเบิดดวงตาของเนยที่มองร่างไร้ชีวิตของนุชนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ความเจ็บปวด และความสูญเสียที่ยากจะอธิบาย ฮิโร่รู้ว่าเนยกำลังจะฟิวส์ขาด และหากเธอทำตามที่ใจต้องการ พวกที่อยู่ในโกดังนี้ไม่มีใครจะรอดชีวิตไปได้เลย“ยัยหนูกำลังจะฆ่าพวกมันทั้งหมด” ฮิโร่กระซิบเบาๆ ผ่านเครื่องสื่อสารไปยังเคน“นายต้องช่วยเธอ อย่าให้เธอเสียสติเด็ดขาด” เสียงของเคนตอบกลับมาทันที น้ำเสียงเต็มไปด้ว
ขณะเดียวกัน เบียร์ที่เล็ดลอดเข้ามาทางด้านหลังของโกดังก็มองเห็นเนยที่อยู่ตรงกลางของวงล้อม เขาตกตะลึงกับภาพที่เห็น ศพของสมุนแก๊งเรดสเคลนอนกระจัดกระจายเต็มพื้น บางคนยังมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่ฉีกขาดตามร่างกายอย่างน่าสยดสยองร่างของเนยที่ยืนอยู่กลางวงล้อม ดูเต็มไปด้วยความดุร้ายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน สีหน้าและแววตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างไม่อาจห้ามได้“ห้ามยัยหนูเดี๋ยวนี้!!” ฮิโร่ตะโกนบอกเบียร์เบียร์รู้ทันทีว่า สติของเนยกำลังจะหลุดจนไม่อาจควบคุมได้ เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่เธอจะกลายเป็นคนที่เขาไม่รู้จักอีกต่อไปไม่รอช้า เบียร์พุ่งตรงเข้าไปหาเนยทันที เขาพยายามเรียกเธอ“เนย! พอแล้ว! หยุดเถอะ!”แต่ดูเหมือนเสียงของเขาจะไม่สามารถฝ่าความโกรธของเธอเข้าไปได้ เนยไม่แม้แต่จะหันมองเขา ตาของเธอยังคงจับจ้องสมุนคนสุดท้ายที่กำลังดิ้นรนอยู่ที่พื้นด้วยความกลัวทันทีที่สมุนคนนั้นล้มลงอย่างสิ้นหวัง เบียร์ไม่รอช้า เขาพุ่งตรงเข้ามาประชิดตัวเธอแล้วดึงร่างของเนยเข้ามาแนบชิดกับตัวเขา ก่อนที่เธอจะทำอะไรมากไปกว่านี้ เขาก้มลงจูบริมฝีปากของเธอทันที ด้วยความนุ่มนวลและเร่าร้อนในคราวเดียวกันเนยสะดุ้
หลังจากกลับมาถึงโอเชียนพาราไดซ์ เนยขอตัวเข้าไปอาบน้ำทันที เพื่อล้างคราบเลือดและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามร่างกาย เธอรู้สึกถึงความเหนื่อยล้า ความตึงเครียดที่กดทับจิตใจมาตลอดทั้งวันภายในห้องน้ำอันเงียบสงบ เนยเปิดน้ำอุ่นให้เต็มอ่าง ก่อนจะค่อยๆ แช่ตัวลงไป เธอหลับตาพลางเอนศีรษะพิงขอบอ่าง ผ่อนลมหายใจยาว ปล่อยให้ความอบอุ่นของน้ำช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่ในร่างกาย สายน้ำอุ่นทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายได้ชั่วขณะ ความโกรธ ความเศร้าจางหายไปเพียงเล็กน้อย แม้ในใจยังคงเต็มไปด้วยภาพที่ยากจะลืม“ฉันจะไม่ให้เธอตายฟรีนะ นุช...” เนยพึมพำเบาๆ ขณะที่หลับตาพริ้ม รู้สึกถึงความโกรธที่ยังคงเกาะกุมใจแต่ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของเบียร์ก็ลอยเข้ามาในความคิดของเธอ รอยยิ้มอบอุ่นของเขา และอ้อมกอดที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย แม้จะผ่านเรื่องราวอันเลวร้ายมาแล้ว แต่เขาก็ยังคงอยู่เคียงข้างเธอเสมอเนยถอนหายใจเบาๆ พยายามผ่อนคลายจิตใจและปล่อยให้ช่วงเวลานี้เป็นของเธอคนเดียวแกรก!เนยลืมตาขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด ก่อนที่เธอจะทันได้ลุกขึ้น เบียร์ที่ร่างเปลือยเปล่าก็เข้ามาทิ้งตัวลงในอ่างอาบน้ำเดียวกันกับเธอ“เฮ้ย! นาย! ฉันย
เมื่อเคนกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นเนกับแพรนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น ใบหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความกังวลที่ปิดไม่มิด เคนถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบซองเอกสารที่มีรูปถ่ายออกมาจากกระเป๋า ส่งให้ทั้งสองคนดู“นี่คือสิ่งที่พวกเราเจอ...” เคนพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลง เหมือนต้องการเตือนให้ทั้งคู่เตรียมใจเนรับซองเอกสารนั้นไป ก่อนจะดึงรูปถ่ายออกมาดู เขาเบิกตากว้างทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า รูปของนุชที่ถูกทรมานจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ใบหน้าของเธอถูกทำลายอย่างสยดสยอง ใบหน้าซีกขวาถูกเลาะหนังออกจนเห็นโครงกระดูก ส่วนใบหน้าซีกซ้ายก็ยับเยินจนยากจะระบุได้ว่าเป็นใคร นิ้วมือหลายข้างถูกตัดจนเหลือเพียงข้อกระดูกที่โผล่ออกมา ร่างกายเต็มไปด้วยรอยบาดแผลจากการเฆี่ยนตี รอยช้ำสีม่วงและแดงกระจายทั่วร่าง“พี่นุช...” เนพึมพำออกมาแทบไม่เป็นคำ น้ำเสียงสั่นเครือขณะที่ใบหน้าซีดเผือด เขามองภาพที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อแพรที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นภาพนั้นก็หน้าซีดเผือด ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน น้ำตาคลอเบ้าทันที เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่อาจหยุดได้“ไม่นะ...นุช...” แพรสะอื้น ขณะที่เนร
หลังจากที่ได้รับข้อความจากเคน เบียร์เหลือบมองเนยที่นอนหลับอย่างอ่อนล้า รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นที่มุมปาก เมื่อเขานึกถึงแผนการที่เตรียมไว้ มือของเขาลูบไปศีรษะของเธอเบาๆ ก่อนจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยน“ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง” เบียร์พึมพำ พลางลุกจากเตียงอย่างเงียบๆ ไม่อยากปลุกเธอให้ตื่นเบียร์นั่งลงที่โต๊ะทำงานมุมห้อง เปิดแล็ปท็อปขึ้นมาและเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่เขาเตรียมไว้ เขาบิดข้อมือไปมา พลางยิ้มอย่างร้ายกาจ“แก๊งเรดสเคลเรอะ...หึ ฉันจะถล่มให้พวกแกหายไปจากโลกใบนี้เอง”เสียงพิมพ์คีย์บอร์ดดังขึ้นอย่างรวดเร็ว เบียร์เริ่มต้นจากการเจาะเข้าสู่ระบบธนาคารต่างประเทศที่แก๊งเรดสเคลใช้ฟอกเงิน เขาใช้เวลาหาโอกาสและช่องโหว่ในระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคาร จนสามารถเข้าถึงข้อมูลการโอนเงินที่ถูกฟอกผ่านหลายบัญชี จากนั้น เบียร์ก็เริ่มถ่ายโอนเงินของแก๊งออกไปยังบัญชีที่เขาปลอมแปลงขึ้นมา“เงินทั้งหมดที่แกฟอกมานาน จะหายวับไปเหมือนฝุ่น”เบียร์พึมพำกับตัวเองเบาๆ ขณะที่เงินหลายล้านดอลลาร์ถูกถ่ายโอนไปยังบัญชีที่ไม่สามารถติดตามได้ เบียร์ทำทุกอย่างอย่างรวดเร็ว เงินของเรดสเคลถูกย้ายออกจนเกลี้ยงในเวลาไม่กี่นาทีแต่เขาไม่หยุดแค
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ