เมื่อเบียร์กับแพรเดินมาถึงเรือนซ้อม ก็เห็นเนนั่งหมดสภาพพิงผนังอยู่ มีคนกลุ่มหนึ่งยืนมุงดูการต่อสู้ในสนามซ้อม“อ้าว เนหมดสภาพแล้วเหรอเนี่ย?” แพรทักพลางหัวเราะเบาๆ“ไง” เบียร์ยกมือทักเพื่อนเนหันมามอง ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ “พี่แพร มายังไงเนี่ย? แล้วมึงก็มาด้วยเหรอ เบียร์?”“แล้วเนยล่ะ?” แพรถามต่อเนพยักพเยิดไปที่กลางสนามซ้อม “โน่น”ทั้งคู่มองตามสายตาของเน ก็เห็นเนยกับเคน กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดกลางสนามซ้อม เนยและเคนต่างเผชิญหน้ากันอย่างจริงจัง เสียงลมหายใจหอบถี่ของทั้งคู่สะท้อนผ่านห้องกว้าง ทุกสายตาจับจ้องไปที่การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและทรงพลังของพวกเขาเคนพุ่งเข้าหาเนยด้วยหมัดซ้ายที่รวดเร็วและแม่นยำ เนยเบี่ยงตัวหลบได้ทันเวลา ก่อนจะสวนกลับด้วยการเตะสูง เคนยกแขนขึ้นบล็อกทัน แต่แรงกระแทกจากเท้าของเนยทำให้เขาต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว“เก่งนี่” เคนพูดพลางยิ้มกวน แม้ใบหน้าจะเริ่มมีเหงื่อเกาะเต็มเนยไม่ตอบ ทำเพียงแค่ยกยิ้มมุมปาก เธอขยับเข้าใกล้เคนอีกครั้ง ก่อนจะส่งหมัดขวาออกไป เคนบล็อกหมัดของเธอได้ แต่ไม่ทันตั้งตัว เนยหมุนตัวแล้วถีบเข้าที่สีข้างเขาเต็มแรง ส่งเคนถอยหลังไปอีกเสียงฝีเท้าของทั้งสองคน
หลังจากที่เนยซ้อมเสร็จ เธอหันไปเห็นแพรและเบียร์ที่ยืนอยู่กับเนและเคน เนยยิ้มกว้างก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา“ทำไมมาเร็วจัง?” เนยถามเบียร์ขณะรับผ้าขนหนูจากมือแพร“กลัวเธอลืมไง” เบียร์ยิ้มตอบ แต่สายตาคมกริบของเขาเหลือบมองที่ช่วงท้องของเนยอย่างเงียบๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว“แล้วแพรอะ?” เนยถามต่อ“ว่าจะมายืมตัวเนไปช่วยช้อปปิ้งหน่อยน่ะแพรตอบยิ้มๆ“อืม เอาไปเลย” เนยตอบเสียงสบายๆ“อ้าว พี่ ไหงงั้น?” เนบ่นเบาๆ พลางทำหน้าเซ็ง“หืม?” เนยหันไปเหลือบมองน้องชายนิ่งๆเนรีบยิ้มแหยๆ เปลี่ยนท่าทีทันที “โอเค พี่แพรจะไปไหน เดี๋ยวผมพาไปเองครับ” เขาพูดอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับรีบลุกขึ้นดันหลังแพรให้เดินออกจากสนามซ้อมทันที“นายตามไปเถอะ ฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อน” เนยหันไปบอกเบียร์พร้อมรอยยิ้ม เบียร์พยักหน้ารับเงียบๆ ก่อนจะเดินตามแพรกับเนออกไป“หมอนั่นห่วงเรามากนะ” เคนพูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนเดินออกไปหมดแล้วเนยยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบ “อืม หนูก็ห่วงเขาเหมือนกัน ไม่อยากให้เขาต้องมาเจ็บตัวอีกเหมือนคราวก่อน” “หึหึ พิสูจน์ความรักจนได้เรื่องสินะ” เคนหัวเราะเบา ๆ พลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบเนยเหลือบตามองเขา ตวัดดวงตาคมสวยใส่ “พูด
“พี่เบียร์” มะปรางโผเข้ากอดเบียร์ทันทีที่เห็นเขา แววตาเปล่งประกายด้วยความดีใจ แต่ด้านหลังเนย กลับแสดงอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันทีที่เห็นภาพนั้น“เป็นไงมั่ง” เบียร์ดันตัวมะปรางออกอย่างนุ่มนวล พยายามรักษาระยะห่าง มะปรางชะงักเล็กน้อย ใบหน้าที่เคยสดใสเริ่มมีร่องรอยความผิดหวัง“ฉันไปหากาแฟกินแป๊บนะ พวกนายคุยกันตามสบาย” เนยพูดเสียงเรียบ ก่อนพ่นลมออกจากจมูกอย่างหงุดหงิด เธอหมุนตัวเดินออกจากห้องไป โดยไม่รอคำตอบใดๆ เบียร์มองตามเธอพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ขำกับท่าทีแอบหึงหวงที่เธอพยายามปิดบัง แต่ก็แสดงออกมาจนเห็นได้ชัด“ปราง เธอรู้แล้วใช่มั้ยว่า...” เบียร์พยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่มะปรางกลับเอ่ยขึ้นมาก่อน“ปรางชอบพี่เบียร์” คำพูดของเธอทำให้บรรยากาศในห้องเงียบลงทันที“ปราง...” เบียร์ถึงกับอึ้งไปกับสิ่งที่เธอพูด น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอย่างไม่แน่ใจ“ปรางรู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น...” มะปรางพูดต่อ น้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อย “ปรางมันโง่เองที่เชื่อพี่ไผ่ แต่ถ้า...พี่เบียร์รับได้... ปรางก็ไม่สน...” น้ำตาใส ๆ เริ่มเอ่อล้นในแววตาของเธอ แต่เธอก็ยังพยายามกลั้นไว้ พูดออกมาด้วยคว
ร้านโคซี่คอร์เนอร์ (Cozy Corner) วันนี้ยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นเหมือนเคย คาเฟ่เล็ก ๆ ที่เป็นมุมโปรดของเนยสำหรับการพักผ่อนพร้อมกับเค้กโฮมเมดแสนอร่อย วันนี้เธอสั่งช็อกโกแลตบราวนี่มาทานคู่กับเครื่องดื่มโปรดเหมือนทุกครั้ง แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือวันนี้เธอไม่ได้มาคนเดียวชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ทรงผมที่ดูยุ่งอย่างเป็นธรรมชาติ นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ซึ่งเรียกสายตาสนใจจากสาว ๆ หลายคนในร้าน ไม่ว่าจะเดินผ่านไปทางไหน ก็อดไม่ได้ที่จะหันมองหรือทิ้งสายตาไว้ที่เขา เนยสังเกตเห็นชัดเจนว่ามีหลายสายตาที่มองมายังเบียร์ และมันก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่“เป็นไร?” เบียร์ถามพร้อมกับยิ้มขำ ๆ เมื่อเห็นเนยพ่นลมออกจากจมูกอย่างหงุดหงิด“เปล่านี่” เนยปฏิเสธเสียงสูงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ใบหน้าของเธอดูมีแววไม่พอใจเล็กน้อยเบียร์ยิ้มมุมปาก เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังแอบหึงเล็ก ๆ แม้จะพยายามปิด แต่เขาก็จับสังเกตได้ทุกครั้ง“เปื้อนหมดแล้ว” เบียร์หัวเราะเบาๆ ก่อนหยิบทิชชู่ขึ้นมา แล้วเอื้อมมือไปเช็ดริมฝีปากของเนยให้อย่างนุ่มนวลเนยไม่สนใจท่าทีของเขา พลางยิ้มและตัดเค้กยื่นไปตรงหน้าเบียร์“นายลองดิ หร่อยนะ” เบียร์หั
เบียร์จอดรถที่คอนโดพลางเหลือบมองเนยซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับการตอบแชทในมือถือ“เมื่อกี้ทำไร?” เบียร์ถามเสียงเรียบ แต่สายตาจับจ้องมาที่เธอ“หืม? อะไรเหรอ?” เนยตอบกลับโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอมือถือเบียร์ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะดึงมือถือจากมือของเธออย่างรวดเร็ว“เฮ้ย!” เนยร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่เบียร์เปิดประตูลงจากรถทันที“เดี๋ยวสิ! เอามือถือฉันคืนมา!” เนยรีบลงจากรถตาม พร้อมพยายามจะเอามือถือคืน แต่เบียร์ยกมือถือขึ้นสูง“ไหนดูซิ... เธอคุยกะใคร?” เบียร์กดดูมือถือผ่านๆ ด้วยสายตาจับจ้อง ขณะที่เนยพยายามแย่งคืนแต่ก็เอื้อมไม่ถึงจู่ ๆ เบียร์หยุดชะงักเมื่อเห็นบางอย่าง “รอยสักรูปดาว? เธอหาข้อมูลเรื่องนี้ไปทำไม?” เขาขมวดคิ้วหันมามองเนยด้วยความสงสัย เนยทำหน้าไม่รู้เรื่อง ตอบเสียงเรียบ “ไม่มีอะไร ก็แค่เห็นว่ามันสวยดีเท่านั้นแหละ”เบียร์เลิกคิ้ว หรี่ตามองเธออย่างไม่เชื่อ “หืม... สวยดีเหรอ?”เนยพยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่รู้สึกถึงสายตาที่กดดันจากเบียร์ “งั้นมาดูซิ...” เบียร์พูดพลางดึงตัวเนยเข้ามาใกล้ สายตาแฝงด้วยความเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มร้ายกาจ“ว่าเธอจะทนฉันได้กี่รอบ...ถึงจะยอมบอกความจริง”เนยเบิกตากว้าง
ช่วงสายของวันอาทิตย์เบียร์กำลังนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อป มือพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดด้วยความรวดเร็วและตั้งใจ ทักษะของแฮกเกอร์ที่เขามีถูกใช้ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับรอยสักรูปดาวสีขาวบนพื้นดำ ซึ่งดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับบางแก๊งที่เนยสงสัย“ได้ไรมั่ง?” เนยถามขึ้น ขณะที่เดินเข้ามาหาเขาในชุดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเบียร์ เธอปล่อยเสื้อให้ดูหลวมและไม่ได้ติดกระดุมบน ทำให้เห็นเนินอกขาวรำไร ดึงดูดสายตาของเบียร์ทันทีเบียร์เหลือบตามองเธอ รู้สึกใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ แต่พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง“มาดูเองสิ” เขาพูดพร้อมกับดึงตัวเนยมานั่งลงบนตักของเขาเนยเลื่อนสายตามองหน้าจอแล็ปท็อปที่เต็มไปด้วยข้อมูลและภาพต่างๆ ที่เบียร์ค้นเจอ“นี่ไง ฉันเจอข้อมูลเกี่ยวกับรอยสักนี้แล้ว” เบียร์พูดขณะชี้ไปที่ภาพบนหน้าจอ เป็นข้อมูลที่เขาขุดมาได้จากแหล่งข่าวใต้ดินเกี่ยวกับแก๊งที่ชื่อ ไวท์สตาร์ กลุ่มอาชญากรระดับนานาชาติที่ขึ้นชื่อเรื่องการหลอกลวงในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการฟอกเงินและโรแมนซ์สแกม“รอยสักรูปดาวสีขาวบนพื้นดำ เป็นสัญลักษณ์ของแก๊งไวท์สตาร์” เบียร์อธิบายเสียงทุ้ม ขณะเดียวกันเขาก็ใช้จมูกไซร้ไปตามซอกคอขาวของเนย ฝ่ามือใหญ่ล้วงเ
สิ้นเดือนเป็นช่วงที่วุ่นวายมาก แต่ครั้งนี้เนยไม่ต้องปวดหัวกับคอมพิวเตอร์ที่ชอบรวนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอมีแล็ปทอปใหม่ที่เพิ่งซื้อมา เนยเรียกรายงานยอดขายของเธอประจำเดือนออกมาอย่างราบรื่น เพื่อเตรียมทำพรีเซนต์สำหรับการประชุมกับผู้บริหารในสัปดาห์ถัดไปขณะที่เธอกำลังพิมพ์งานอย่างขะมักเขม้น เสียงทุ้มต่ำคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “เครื่องใหม่เป็นไงมั่ง?” เนยหันไปมองทันที เจอใบหน้าที่คุ้นเคยของเบียร์ พร้อมรอยยิ้มประจำตัว เธออดยิ้มตอบไม่ได้ “ดีมากเลย งานลื่นไหลมาก”“ดีใจด้วย” เบียร์พูดพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน ดวงตาของเขามองแล็ปทอปใหม่ของเธออย่างพอใจ “ไม่ต้องมาปวดหัวกับเครื่องเก่าอีกแล้วใช่มั้ย?”“ใช่เลย” เนยหัวเราะเบา ๆ พลางหันกลับมาที่จอ เธอรู้สึกโล่งใจที่ปัญหาเดิมๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เก่าไม่กลับมากวนใจเธออีก“หวานกันจังนะ มดเดินตามมาหมดรังละมั้ย?” แพรชะโงกหน้าแซวคู่เบียร์กับเนย พร้อมยิ้มขี้เล่น“พี่แพร อย่าแซวพี่เนยสิคะ” ที่เดินมาพร้อมกับบีหัวเราะคิกคัก“แต่หนูว่า คู่ที่หวานกว่าพี่เนยต้องเป็นพี่เหมยมากกว่าอีกค่ะ” เจี๊ยบที่เดินมาพร้อมกับบีหัวเราะคิกคัก“หืม? พี่เหมยอะนะ?” แพรหันขวับไปถามด้วย
คฤหาสน์แบล็ควอล์ค ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของภูเขาในยุโรปตะวันตก รายล้อมด้วยป่าเขียวชอุ่มและทะเลสาบที่ดูสงบเยือกเย็น แต่อบอวลด้วยบรรยากาศที่แฝงความมืดมนและอันตราย ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบคฤหาสน์นี้พร้อมจะกลืนกินผู้ที่ไม่ควรย่างกรายเข้ามาตัวคฤหาสน์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิกที่ทั้งใหญ่โตและโอ่อ่า ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่หลายเอเคอร์ กำแพงสูงล้อมรอบเพื่อป้องกันการบุกรุก ขณะที่ระบบรักษาความปลอดภัยถูกจัดการอย่างแน่นหนา ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ทุกซอกมุม ระบบเซ็นเซอร์ และหน่วยทหารรับจ้างที่คอยลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง คฤหาสน์แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่หลบซ่อนของสมาชิกแก๊ง แบล็ควอล์ค แต่ยังเป็นเหมือนด่านสุดท้ายสำหรับคนที่ถูกจับตามองหรือผู้ที่ถูกหักหลังด้านในคฤหาสน์ การตกแต่งเต็มไปด้วยความหรูหรา แต่กลับสร้างบรรยากาศกดดันและอึดอัด เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดเป็นไม้โอ๊คสีเข้มที่มีลายสลักซับซ้อน ผนังปกคลุมด้วยผ้าม่านหนาหนัก โคมไฟระย้าทองเหลืองเก่าแก่ห้อยอยู่จากเพดานสูง ซึ่งแสงจากโคมไฟนั้นส่องสลัว เผยให้เห็นความเคร่งขรึมของสถานที่ห้องประชุมลับตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของคฤหาสน์ ถูกสร้างขึ้นจากอิฐแ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ