เนยกำลังวุ่นอยู่กับการเคลียร์งานอย่างเร่งด่วน เธอรันรายงานยอดขายเพื่อรวบรวมข้อมูลทำพรีเซนต์สำคัญที่จะต้องส่งปลายสัปดาห์นี้ บรรยากาศภายในบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและสับสน ตั้งแต่ข่าวการยักยอกทรัพย์ของธีรวัฒน์ถูกเปิดเผยออกไป ส่งผลให้ฝ่ายบริหารและคณะกรรมการบริษัทต้องเรียกประชุมด่วนแทบทุกสัปดาห์เพื่อหามาตรการจัดการเรื่องนี้เนยสูดลมหายใจลึก ก่อนจะทบทวนข้อมูลในมือพร้อมกับมองเวลาที่กระชั้นเข้ามา เธอรู้ดีว่าช่วงนี้เธอไม่มีทางพลาดได้ การเตรียมงานครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพื่อแสดงผลงานของตัวเอง แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้บริษัทยืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางปัญหาที่เกิดขึ้นมือถือของเนยสั่นขึ้น เธอหยิบมาดูและพบว่าเป็นข้อความจากเบียร์ส่งมาถามว่า‘เย็นนี้เลิกงานกี่โมง?’เนยยิ้มเล็กๆ คลายความเครียดไปชั่วขณะ ก่อนจะพิมพ์ตอบเบียร์ไปว่า‘ยังไม่รู้เลย กำลังเคลียร์งานยกใหญ่ แต่จะรีบกลับนะ’“หืม หวานจริงนะ” เสียงแพรดังขึ้นจากด้านหลัง เนยหันไปมองเพื่อนสาวที่ยืนแอบมองอยู่ซักพักพร้อมรอยยิ้มแซวเนยหรี่ตามองแพร ก่อนจะสังเกตเห็นรอยแดงจางๆ ที่ต้นคอของเธอ“ไม่เท่าเธอหรอกมั้ง” เนยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาจับจ
เนยเลือกซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ไกลจากคอนโดของเบียร์ ขณะที่หยิบของลงตะกร้า เธอเพิ่งได้รับข้อความจากเบียร์ว่าเขาอาจจะกลับดึก เพราะต้องไปคุยงานกับลูกค้าของบริษัท เนยอ่านแล้วยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าหลังจากจ่ายเงินเสร็จ เธอถือถุงของเดินออกจากร้าน ท่ามกลางความเงียบสงัดในยามค่ำคืน ขณะกำลังจะเลี้ยวเข้าคอนโด พลันได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือแผ่วเบาจากซอยข้างหน้า เนยชะงัก กวาดสายตาหาที่มาของเสียง ก่อนจะเดินตรงไปยังซอยมืดอย่างระแวดระวัง“ช่วย…ช่วยด้วย…” เสียงนั้นแหบพร่าแผ่วเบา และเมื่อเธอเข้าไปใกล้ก็พบผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น หายใจรวยริน เลือดไหลนองเต็มถนน“คุณ! เป็นอะไรมั้ยคะ?” เนยตกใจ รีบเข้าไปดู มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นเพื่อกดแจ้งเหตุด่วนแต่ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ดังขึ้นรอบตัว หญิงสาวเหลือบตามองรอบๆ ด้วยสัญชาตญาณ รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ผู้หญิงที่นอนเจ็บตรงหน้าเธอแสยะยิ้มเย็นเยียบ แววตาเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นว่าอาการบาดเจ็บนั้นเป็นเพียงการแสร้งทำเพื่อดึงความสนใจของเนย“เหยื่อรายนี้สวยซะด้วย” ชายคนหนึ่งพูดเสียงทุ
“คืนนี้ไปเที่ยวกันเหอะ” แพรหันมาชวนเนยกับเจี๊ยบ สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความอ่อนใจ“เป็นไรล่ะ?” เนยเหลือบมองเพื่อนอย่างสงสัย“เครียดงานอะ พี่เหมยจี้ยอดขายฉันจัง” แพรบ่นพึมพำพลางเอาหน้าแนบโต๊ะ ราวกับจะระบายความหนักใจออกมาทั้งหมดเนยยิ้มบางๆ ขณะก้มหน้าพิมพ์สรุปรายงานยอดขายประจำสัปดาห์“ก็แค่ยอดขาย มันยากตรงไหน?”“โหยยย ใครจะเหมือนเธอล่ะ แค่พูดเชิญชวนเพราะๆ ส่งยิ้มหวานนิดๆ ลูกค้าก็แทบจะยื่นใบสมัครกันทุกรายแล้ว” แพรพูดพลางทำหน้ายู่ แซะเพื่อนอย่างน้อยใจเล็กๆ“พี่แพรก็มีลูกค้าประจำของพี่อยู่แล้วน่า อย่าไปเทียบกับพี่เนยเลยค่ะ” เจี๊ยบโอบไหล่แพรเบาๆ พลางปลอบใจด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแพรฟังแล้วยิ่งทำหน้ามุ่ย“เธอพูดแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันนอยด์กว่าเดิมนะ ยัยเจี๊ยบบบ!”เธอร้องโอดครวญอย่างไม่จริงจังนัก เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนทั้งสอง“คุยไรกันครับสาวๆ” บีเดินเข้ามาพร้อมกับเบียร์ที่เดินตามหลัง“เยลลี่ของเธอ” เบียร์พูดพลางวางถ้วยเยลลี่ไว้บนโต๊ะเนย“โอ๊ะ ดีจัง” เนยยิ้มกว้างรีบคว้าเยลลี่มาแกะกินทันทีอย่างถูกใจแพรเหลือบมองเบียร์ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย“นายหายดีละหรอ?”“ได้ยาดีเลยหายไวน่ะ” เบียร์ตอบหน้าตาเฉย แต่รอ
บรรยากาศในผับมิดไนท์โรว์คึกคักด้วยเสียงเพลงดังสนั่นและแสงไฟที่กระพริบสลัว พิมพ์ลดา หรือ ‘พิม’ นกต่อสาวของแก๊งแบล็คโคฟ กวาดสายตามองหาคนที่ดูน่าจะเป็นเหยื่อได้ไม่ยาก ในที่สุด เธอก็สะดุดตาเข้ากับเนย หญิงสาวที่แกล้งทำท่าเซซ้ายขวาราวกับกำลังมึนเมาพิมขยับเข้าไปใกล้ พลางส่งยิ้มเป็นมิตร“เป็นไง มาคนเดียวเหรอ?”เนยเงยหน้าขึ้น ยิ้มบางๆ ด้วยสายตาครึ่งหลับครึ่งตื่น“อืม... เพื่อนฉันไปไหนหมดไม่รู้ค่ะ มึนไปหมดเลย”พิมสบโอกาส คว้าข้อมือเนยเบาๆ ทำท่าประคอง“มาค่ะ เดี๋ยวฉันพาไปนั่งพักก่อนนะ ดูเธอเมามากเลย”เนยพยักหน้ารับ มือข้างหนึ่งพยายามจับแขนพิมไว้อย่างดูเหนื่อยอ่อน พิมมองไปรอบๆ อย่างระวัง ก่อนจะส่งยิ้มเป็นมิตรเต็มที่ พยายามพูดปลอบประโลม“นั่งพักก่อนนะ เดี๋ยวเพื่อนเธอคงมาตามเอง หรือถ้าไม่มา ฉันจะเรียกรถให้ก็ได้”เนยพยักหน้าอย่างว่าง่าย ยิ้มบางๆ พลางเอนตัวไปที่พิมแผ่วเบา ให้ดูเหมือนอ่อนแรงสุดๆพิมพ์ลดากอดประคองเนยที่ดูเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงเต็มที่ หญิงสาวมองไปรอบๆ เช็กว่ามีใครสังเกตพวกเธอหรือไม่ แล้วค่อยๆ พาเนยเดินไปยังทางออกด้านหลังของผับ ตรงสู่ซอยที่มืดสลัวไร้คนพลุกพล่าน“นั่งตรงนี้ก่อนนะ” พิมพูดพล
เมื่อไปถึงโกดังลับท้ายท่าเรือฝั่งตะวันตก เบียร์ลงมือแฮกระบบความปลอดภัยของโกดังทันที เขาพิมพ์คำสั่งบนแล็ปท็อปอย่างรวดเร็ว โดยใช้ทักษะที่เชี่ยวชาญเพื่อเข้าควบคุมกล้องวงจรปิดและระบบเตือนภัยทั้งหมดในโกดัง ลบข้อมูลการเฝ้าระวังและเปิดเส้นทางให้ทีมของเคนผ่านได้โดยไม่มีอุปสรรค“โอเค เรียบร้อย ตอนนี้กล้องทุกตัวอยู่ภายใต้การควบคุมของฉันละ” เบียร์รายงานเสียงเรียบ แต่แฝงความมั่นใจที่ทำให้ทุกคนรู้สึกอุ่นใจพิมที่นั่งอยู่เบื้องหลังในรถตู้มองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นระบบที่เธอเคยคิดว่าปลอดภัยกลับถูกเจาะอย่างง่ายดาย ราวกับว่าเบียร์รู้ทุกจุดอ่อน“นี่มัน…พวกคุณทำแบบนี้ได้ยังไง…”เคนกระตุกยิ้มร้าย หันมามองเบียร์ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ“เยี่ยมเหมือนเคย”เคนหันไปสั่งการกับทุกคนทันที“แบ่งทีมตามแผน—เอมิ เน พวกนายลุยปิดทุกทางเข้าออก ฉันกับฮิโร่จะเข้าไปจัดการพวกการ์ดด้านใน” เขามองไปที่เนยและเบียร์“พวกเธอจะเป็นแบ็กอัป คอยประสานงานและช่วยตรวจสอบทุกความเคลื่อนไหว”เนยพยักหน้าอย่างเข้าใจ พร้อมกับเบียร์ที่เตรียมพร้อมจะสนับสนุนอยู่เบื้องหลังในกรณีที่มีปัญหาฉุกเฉินเคนมองพิมที่นั่งอยู่ในสภาพสิ้
ในบรรยากาศแห่งความคึกคักช่วงปลายปี บริษัทของเนยเริ่มเตรียมงานเลี้ยงครั้งใหญ่สำหรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่อย่างเต็มที่ โดยครั้งนี้พิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากเป็นการเฉลิมฉลองต้อนรับผู้บริหารคนใหม่ วินเซนต์ เกรย์ ที่จะมารับตำแหน่งในต้นปีหน้า ทางทีมผู้จัดงานตัดสินใจจัดธีม “White Christmas & New Beginnings” ที่เน้นการตกแต่งด้วยโทนสีขาวและเงิน เพื่อสื่อถึงความบริสุทธิ์และการเริ่มต้นใหม่ไปพร้อมกันห้องโถงขนาดใหญ่ของบริษัทถูกจัดเตรียมด้วยแสงไฟที่ส่องสว่างวิบวับ ต้นคริสต์มาสสูงตระหง่านประดับด้วยของตกแต่งสีเงินและไฟ LED ที่ส่องประกายราวกับดวงดาว ระย้าแชนเดอเลียร์เหนือหัวถูกตกแต่งด้วยพวงมาลัยและคริสตัลห้อยระยิบระยับดุจเกล็ดหิมะ ลิสต์ของรายการอาหารและเครื่องดื่มสุดหรูถูกเตรียมไว้ครบครันตั้งแต่ค็อกเทลเรียบหรูไปจนถึงแชมเปญฉลองปีใหม่ พร้อมด้วยขนมคริสต์มาสและขนมหวานประจำเทศกาลสำหรับงานบุฟเฟต์ในขณะเดียวกัน ทีมฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็เตรียมพิมพ์แบนเนอร์และโลโก้ใหม่ที่จะใช้ต้อนรับมิสเตอร์วินเซนต์ เกรย์ ขณะที่ฝ่ายจัดซื้อคัดเลือกของขวัญที่เหมาะสมสำหรับพนักงานทุกคน โดยแบ่งเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ และรางวัลใหญ่ที่จ
หนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันงานเลี้ยงต้อนรับ วินเซนต์ ‘วินซ์’ เกรย์ เดินทางมาถึงประเทศไทยและตรงมายังบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด ทันที โดยมีเลขาสาวสวยและมากความสามารถ เซเลสเท ‘เซล’ ลาโนว่า ติดตามมาด้วยอย่างใกล้ชิดวินซ์ เกรย์ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งราว 185 ซม. ผิวขาวอมแทนสุขภาพดี ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลลุ่มลึกสะท้อนถึงความสุขุมและความน่าเกรงขาม ใบหน้าคมเข้มมีเคราบางๆ เพิ่มเสน่ห์ให้เขาดูสุขุม น่าเข้าหา ผมสีน้ำตาลเข้มของเขาจัดทรงอย่างพิถีพิถัน ชุดสูทสั่งตัดที่เข้ารูปพอดีเสริมบุคลิกให้ดูทั้งหล่อเหลาและทรงอำนาจในทุกย่างก้าวด้านข้างเขาคือ เซเลสเท ‘เซล’ ลาโนว่า เลขาคู่ใจผู้มีรูปร่างเพรียวสูง 170 ซม. ผิวเนียนสีน้ำนม ดวงตาสีเทาควันบุหรี่สวยเยือกเย็น ริมฝีปากบางเคลือบสีชมพูอ่อน เธอแต่งกายในชุดทำงานเข้ารูปอย่างสง่างาม เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและคล่องแคล่ว ทุกการเคลื่อนไหวของเซลดูกลมกลืนกับบทบาทผู้ช่วยไร้ที่ติ เธอคือทั้งมือขวาและเลขาของวินซ์ที่เขาวางใจเมื่อทั้งสองก้าวเข้าสู่บริษัท สายตาทุกคู่ของพนักงานต่างจับจ้องราวกับต้องมนต์สะกด บรรยากาศเงียบสงบและเต็มไปด้วยการรอคอยจนกระทั่งวินซ์และเซลปรากฏตัวในห้องประชุมใหญ่
ในห้องประชุม ทีมของพี่เหมยยืนเรียงรายอยู่ตรงหน้าผู้บริหารหนุ่ม สายตาคมกริบของวินซ์จับจ้องที่พวกเขาทีละคน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก“ผมเพิ่งได้รับรายงานยอดขายและผลการทำงานจากเซล”วินซ์พยักหน้าให้เซลซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่เธอจะส่งรายงานยอดขายเล่มบางให้ทีมพี่เหมย พลางอธิบายตัวเลขและผลลัพธ์ที่สรุปได้“รายงานนี้แสดงให้เห็นว่าทีมของคุณนภกานต์สร้างผลงานยอดเยี่ยมตลอดทั้งปี โดยเฉพาะคุณอมลวัทน์ ที่ทำยอดขายสูงสุดเป็นประจำ จนทำให้รายได้ของบริษัทพุ่งขึ้นอย่างมาก”วินซ์มองไปยังเนยด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสนใจ“คุณอมลวัทน์...” เขาเอ่ยพลางยิ้มเล็กน้อย“การทำงานของคุณน่าประทับใจมาก โดยเฉพาะเรื่องการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม”เนยเงยหน้าขึ้นสบตากับวินซ์ ดวงตาและรอยยิ้มที่มุมปากของเธอมีแววเย้ายวน“ขอบคุณค่ะ ฉันก็แค่ทำงานปกติเท่านั้น” เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่สายตาที่สบประสานของทั้งสองทำให้วินซ์รู้สึกถึงเสน่ห์อันน่าดึงดูดจากหญิงสาวตรงหน้าเซลเลื่อนเปิดข้อมูลขึ้นบนจอและอธิบายเสริม“ตามที่ได้วิเคราะห์ ทีมของคุณนภกานต์มีจุดแข็งหลายด้าน คุณอมลวัทน์มีทักษะสูงใ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ