ในบรรยากาศแห่งความคึกคักช่วงปลายปี บริษัทของเนยเริ่มเตรียมงานเลี้ยงครั้งใหญ่สำหรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่อย่างเต็มที่ โดยครั้งนี้พิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากเป็นการเฉลิมฉลองต้อนรับผู้บริหารคนใหม่ วินเซนต์ เกรย์ ที่จะมารับตำแหน่งในต้นปีหน้า ทางทีมผู้จัดงานตัดสินใจจัดธีม “White Christmas & New Beginnings” ที่เน้นการตกแต่งด้วยโทนสีขาวและเงิน เพื่อสื่อถึงความบริสุทธิ์และการเริ่มต้นใหม่ไปพร้อมกันห้องโถงขนาดใหญ่ของบริษัทถูกจัดเตรียมด้วยแสงไฟที่ส่องสว่างวิบวับ ต้นคริสต์มาสสูงตระหง่านประดับด้วยของตกแต่งสีเงินและไฟ LED ที่ส่องประกายราวกับดวงดาว ระย้าแชนเดอเลียร์เหนือหัวถูกตกแต่งด้วยพวงมาลัยและคริสตัลห้อยระยิบระยับดุจเกล็ดหิมะ ลิสต์ของรายการอาหารและเครื่องดื่มสุดหรูถูกเตรียมไว้ครบครันตั้งแต่ค็อกเทลเรียบหรูไปจนถึงแชมเปญฉลองปีใหม่ พร้อมด้วยขนมคริสต์มาสและขนมหวานประจำเทศกาลสำหรับงานบุฟเฟต์ในขณะเดียวกัน ทีมฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็เตรียมพิมพ์แบนเนอร์และโลโก้ใหม่ที่จะใช้ต้อนรับมิสเตอร์วินเซนต์ เกรย์ ขณะที่ฝ่ายจัดซื้อคัดเลือกของขวัญที่เหมาะสมสำหรับพนักงานทุกคน โดยแบ่งเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ และรางวัลใหญ่ที่จ
หนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันงานเลี้ยงต้อนรับ วินเซนต์ ‘วินซ์’ เกรย์ เดินทางมาถึงประเทศไทยและตรงมายังบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด ทันที โดยมีเลขาสาวสวยและมากความสามารถ เซเลสเท ‘เซล’ ลาโนว่า ติดตามมาด้วยอย่างใกล้ชิดวินซ์ เกรย์ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งราว 185 ซม. ผิวขาวอมแทนสุขภาพดี ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลลุ่มลึกสะท้อนถึงความสุขุมและความน่าเกรงขาม ใบหน้าคมเข้มมีเคราบางๆ เพิ่มเสน่ห์ให้เขาดูสุขุม น่าเข้าหา ผมสีน้ำตาลเข้มของเขาจัดทรงอย่างพิถีพิถัน ชุดสูทสั่งตัดที่เข้ารูปพอดีเสริมบุคลิกให้ดูทั้งหล่อเหลาและทรงอำนาจในทุกย่างก้าวด้านข้างเขาคือ เซเลสเท ‘เซล’ ลาโนว่า เลขาคู่ใจผู้มีรูปร่างเพรียวสูง 170 ซม. ผิวเนียนสีน้ำนม ดวงตาสีเทาควันบุหรี่สวยเยือกเย็น ริมฝีปากบางเคลือบสีชมพูอ่อน เธอแต่งกายในชุดทำงานเข้ารูปอย่างสง่างาม เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและคล่องแคล่ว ทุกการเคลื่อนไหวของเซลดูกลมกลืนกับบทบาทผู้ช่วยไร้ที่ติ เธอคือทั้งมือขวาและเลขาของวินซ์ที่เขาวางใจเมื่อทั้งสองก้าวเข้าสู่บริษัท สายตาทุกคู่ของพนักงานต่างจับจ้องราวกับต้องมนต์สะกด บรรยากาศเงียบสงบและเต็มไปด้วยการรอคอยจนกระทั่งวินซ์และเซลปรากฏตัวในห้องประชุมใหญ่
ในห้องประชุม ทีมของพี่เหมยยืนเรียงรายอยู่ตรงหน้าผู้บริหารหนุ่ม สายตาคมกริบของวินซ์จับจ้องที่พวกเขาทีละคน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก“ผมเพิ่งได้รับรายงานยอดขายและผลการทำงานจากเซล”วินซ์พยักหน้าให้เซลซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่เธอจะส่งรายงานยอดขายเล่มบางให้ทีมพี่เหมย พลางอธิบายตัวเลขและผลลัพธ์ที่สรุปได้“รายงานนี้แสดงให้เห็นว่าทีมของคุณนภกานต์สร้างผลงานยอดเยี่ยมตลอดทั้งปี โดยเฉพาะคุณอมลวัทน์ ที่ทำยอดขายสูงสุดเป็นประจำ จนทำให้รายได้ของบริษัทพุ่งขึ้นอย่างมาก”วินซ์มองไปยังเนยด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสนใจ“คุณอมลวัทน์...” เขาเอ่ยพลางยิ้มเล็กน้อย“การทำงานของคุณน่าประทับใจมาก โดยเฉพาะเรื่องการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม”เนยเงยหน้าขึ้นสบตากับวินซ์ ดวงตาและรอยยิ้มที่มุมปากของเธอมีแววเย้ายวน“ขอบคุณค่ะ ฉันก็แค่ทำงานปกติเท่านั้น” เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่สายตาที่สบประสานของทั้งสองทำให้วินซ์รู้สึกถึงเสน่ห์อันน่าดึงดูดจากหญิงสาวตรงหน้าเซลเลื่อนเปิดข้อมูลขึ้นบนจอและอธิบายเสริม“ตามที่ได้วิเคราะห์ ทีมของคุณนภกานต์มีจุดแข็งหลายด้าน คุณอมลวัทน์มีทักษะสูงใ
ภายในห้องพักโรงแรมหรูใจกลางเมือง วินซ์เอนกายบนเก้าอี้นวมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้หน้าต่างกระจกสูง ดวงตาคมกริบของเขากวาดสายตาไล่ไปตามบรรทัดในรายงานลับที่บรรจุข้อมูลของพนักงานหญิงในบริษัทและบริษัทในเครือรายงานแต่ละแผ่นมีรายละเอียดและภาพถ่ายแนบไว้ครบถ้วน โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาวที่มีเบาะแสเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนที่ทำให้แก๊งแบล็ควอร์คสูญเสียครั้งใหญ่นิ้วของเขาหยุดอยู่บนโปรไฟล์ของ ‘อมลวัทน์’ หญิงสาวรูปร่างเพรียว ดวงตาคมสวยที่แฝงเสน่ห์ลึกลับที่ชวนให้ค้นหา ดูโดดเด่นและต่างจากพนักงานทั่วไปที่เขาเคยเจอมาก่อน เขาเผลอยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงดวงหน้าสวยหวานที่ได้พบด้วยตัวเองในวันนี้ ราวกับภาพถ่ายเหล่านี้ยังไม่อาจถ่ายทอดเสน่ห์ตัวจริงของเธอได้“ตัวจริง..สวยกว่าในรูปอีกแฮะ” วินซ์พึมพำเบาๆ พลางจ้องมองภาพถ่ายในมืออีกครั้งเสียงฝีเท้าค่อยๆ ดังขึ้น เซล เลขาคนสนิทของเขาก้าวเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ วางเอกสารเพิ่มเติมลงบนโต๊ะแล้วปรายตามองเอกสารที่อยู่ในมือวินซ์ สายตาของเธอจับอยู่ที่รูปถ่ายของเนยครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาอย่างมีเลศนัย“เธอคิดว่าไง?” วินซ์ถามขึ้น พลางเลิกคิ้ว สายตาจับจ้อ
ภายในห้องทำงานของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด เนยได้รับข้อความแจ้งจากพี่เหมยว่า ผู้บริหารคนใหม่อย่างวินซ์ เกรย์ ขอให้เธอเข้าพบเพื่อปรึกษาเรื่องแผนการตลาดเพิ่มเติม เนยรู้สึกตะหงิดใจเล็กน้อยกับคำขอ แต่ก็ปรับท่าทางตัวเองให้เป็นปกติ และเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องของเขาเมื่อเปิดประตูเข้าไป เนยเห็นวินซ์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ใบหน้าเรียบขรึมและดวงตาคมลึกของเขาที่มองมา ทำให้เธอเหยียดยิ้มร้ายกาจออกมา“เชิญนั่งครับ คุณอมลวัทน์” วินซ์เอ่ยขึ้นพลางผายมือไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เธอนั่งลงอย่างระมัดระวัง สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เธออย่างไม่ลดละ“ฉันทำอะไรผิดรึเปล่าคะ?” เนยเลิกคิ้วสวย ถามเขาทันทีวินซ์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนเอ่ย“ผมแค่อยากรู้แนวคิดและวิธีการที่คุณใช้ในการเข้าถึงลูกค้า”เนยยิ้มเล็กน้อย ก่อนตอบคำถาม“ฉันแค่ทำเข้าใจความต้องการของลูกค้า แล้วก็นำเสนอให้ตรงกับความต้องการ ก็เท่านั้นเองค่ะ”“งั้นเหรอ?” เขาพยักหน้าแล้วลุกขึ้น เดินอ้อมโต๊ะมายืนใกล้กับเธอ ขณะเดียวกันเนยก็รู้สึกได้ถึงความร้อนจากตัวเขาที่ใกล้เข้ามา ดวงตาสีฟ้าของเขามองตรงมาที่เธออย่างแน่วแน่และเต็มไปด้วยความลึกซึ้
เนยที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยยืนสำรวจตัวเองหน้ากระจก สักพักเบียร์ก็เดินเข้ามาด้านหลังโอบกอดเธอไว้ พร้อมใช้จมูกซุกไซ้เบาๆ ที่ลำคอขาวของเธอ“ฮื้อ...นายนี่...อย่าลามกสิ...” เนยต่อว่าไม่จริงจังนัก และไม่ได้ขัดขืน แถมยังหันกลับมาโอบรอบคอเขาไว้ ดวงตาพราวระยับ ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“แต่งตัวแบบนี้ ไม่อยากให้เธอไปไหนเลย” เบียร์ยิ้มมุมปาก ดวงตาคมจับจ้องเธออย่างหลงใหล“คืนนี้ก็อดทนหน่อยนะ มันเป็นงานนี่นา” เนยยิ้มเย้ายวน ก่อนจรดริมฝีปากบางที่ปากของเขา“...จะพยายาม” เบียร์กระซิบเสียงพร่า ก่อนจูบตอบเธออย่างเร่าร้อน สอดแทรกลิ้นสัมผัสความหวานจากเธอ จูบลึกจนเนยหายใจสะดุด“ใจเย็น...จบงานก่อนสิ” เนยพูดเสียงพร่า พลางดันอกเขาออกเบาๆ หลังจากเบียร์ยอมถอนจูบอย่างอิดออด“จบเรื่องแล้ว ไปมัลดีฟกันนะ” เบียร์กระซิบที่ข้างหู“หืม? เอางั้นเหรอ?” เนยมองเขาด้วยแววตาวิบวับ“อื้ม...เดี๋ยวรางวัลมัลดีฟจะหมดอายุซะก่อน” เบียร์ยิ้มเจ้าเล่ห์“ยังไม่ครบปีเลย จะหมดได้ไง” เนยหัวเราะ แต่เบียร์ดึงตัวเธอเข้ามาจูบอีกครั้งกว่าที่ทั้งคู่จะถอนจูบออกจากกันได้ ก็ผ่านไปหลายนาที ในที่สุดเบียร์ก็ยอมปล่อยตัวเธอและพากันออกจากห้อง เพื่อไ
ทันทีที่กลับเข้ามาในห้อง เบียร์ดึงร่างของเนยเข้ามาประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม ทั้งสองจูบกันอย่างร้อนแรง ท่ามกลางความรู้สึกหึงหวงที่คุกรุ่นอยู่ในใจของเขา เบียร์กระชากชุดเดรสของเนยอย่างแรงจนเกิดเสียงแควก แควก!“เฮ้ย! นาย!” เนยอุทานด้วยความตกใจเบียร์ไม่สนใจฟัง เขาอุ้มร่างของเนยขึ้น ขาก้าวยาว ๆ ตรงไปที่เตียงนอน ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว“ใจเย็นสิ...ชุดนั้นแพงอยู่นะ...อื๊อ...”เนยพึมพำเสียงแผ่ว แต่ไม่ทันไรเสียงครางเบา ๆ ก็หลุดออกมาเมื่อเบียร์โน้มตัวลง ริมฝีปากประกบกับเธออย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นของเขากวาดต้อนความหวานในโพรงปากของเธอ จนทำให้เนยแทบจะหายใจไม่ทัน“ช่างมันสิ...เดี๋ยวซื้อให้ใหม่...” เบียร์กระซิบเสียงทุ้มกระเส่า“นายนี่...ขี้หวงไปมั้ย...” เนยยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นนุ่มไล้เบา ๆ ไปตามริมฝีปากล่างของเขา“ฮื้ม...เธอนี่มัน...” เบียร์ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ราวกับหลงใหลในความท้าทายและเย้ายวนของเธอ“ยั่วเก่งจริงๆ นะ...” เบียร์หรี่ตามองเธอเล็กน้อย ก่อนโน้มตัวลงไล้ปลายลิ้นไปตามเนินอกเนียนขาวของเธอ สัมผัสนั้นทำให้เนยสะท้าน เขาค่อย ๆ วนลิ้นที่ยอดอก ก่อนจะเม้มดูดเบา
อเล็กซ์ยืนสูบบุหรี่อยู่ริมระเบียงของโรงแรม มองออกไปในความมืดพลางครุ่นคิดถึงเป้าหมายทั้งห้าคนที่ดูเป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดา ๆ แต่กลับเหมือนมีบางอย่างที่เขารู้สึกได้ และท่ามกลางความสงสัยนั้น มีเพียงคนเดียวที่ดึงความคิดของเขากลับมาซ้ำ ๆ — อมลวัทน์เขายิ้มมุมปากพลางพ่นควันบุหรี่ออกมา แววตาฉายแววท้าทายตัวเอง ไม่รู้แน่ชัดนักว่าทำไมเธอถึงทำให้ใจเขาเต้นแรงได้อย่างไม่เคยมีใครทำมาก่อน เป็นเพราะความฉลาดที่ทันคน ความน่าค้นหาที่เธอเผยเพียงครึ่งเดียว หรือเสน่ห์ที่ดูลึกลับอย่างเหลือเกินกันแน่?“หึ...ฉันคนนี้เนี่ยนะ? หลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนั้น?” เขาพึมพำกับตัวเอง พลางอัดบุหรี่เข้าปอดและยิ้มเล็กน้อย ยิ่งนึกถึงความเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนในแววตาของเธอ อเล็กซ์ก็ยิ่งรู้สึกอยากค้นหามากขึ้น“นายคิดถึงใครอยู่?” เสียงหวานดังขึ้นด้านหลัง อเล็กซ์เหลือบตามองเพียงแวบเดียว เมื่อวาเลนไทน์ในชุดนอนบางเบาก้าวมายืนเคียงข้าง พลางทอดสายตามองวิวเมืองยามค่ำคืน“คุณอมลวัทน์รึ?” เธอถามอย่างรู้ทัน อเล็กซ์ไม่ได้ตอบ แต่ยังคงมองไปไกลด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ถ้าเธอเป็นคนที่เราตามหา…ก็หมายความว่าเธอจะต้องเป็นของไมเคิล นายยังคิดจะยุ่งกับเธออยู
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ