อเล็กซ์ยืนสูบบุหรี่อยู่ริมระเบียงของโรงแรม มองออกไปในความมืดพลางครุ่นคิดถึงเป้าหมายทั้งห้าคนที่ดูเป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดา ๆ แต่กลับเหมือนมีบางอย่างที่เขารู้สึกได้ และท่ามกลางความสงสัยนั้น มีเพียงคนเดียวที่ดึงความคิดของเขากลับมาซ้ำ ๆ — อมลวัทน์เขายิ้มมุมปากพลางพ่นควันบุหรี่ออกมา แววตาฉายแววท้าทายตัวเอง ไม่รู้แน่ชัดนักว่าทำไมเธอถึงทำให้ใจเขาเต้นแรงได้อย่างไม่เคยมีใครทำมาก่อน เป็นเพราะความฉลาดที่ทันคน ความน่าค้นหาที่เธอเผยเพียงครึ่งเดียว หรือเสน่ห์ที่ดูลึกลับอย่างเหลือเกินกันแน่?“หึ...ฉันคนนี้เนี่ยนะ? หลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนั้น?” เขาพึมพำกับตัวเอง พลางอัดบุหรี่เข้าปอดและยิ้มเล็กน้อย ยิ่งนึกถึงความเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนในแววตาของเธอ อเล็กซ์ก็ยิ่งรู้สึกอยากค้นหามากขึ้น“นายคิดถึงใครอยู่?” เสียงหวานดังขึ้นด้านหลัง อเล็กซ์เหลือบตามองเพียงแวบเดียว เมื่อวาเลนไทน์ในชุดนอนบางเบาก้าวมายืนเคียงข้าง พลางทอดสายตามองวิวเมืองยามค่ำคืน“คุณอมลวัทน์รึ?” เธอถามอย่างรู้ทัน อเล็กซ์ไม่ได้ตอบ แต่ยังคงมองไปไกลด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ถ้าเธอเป็นคนที่เราตามหา…ก็หมายความว่าเธอจะต้องเป็นของไมเคิล นายยังคิดจะยุ่งกับเธออยู
“เห...ฝีมือดีกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะ” เอมิยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีทันที“เจ้ ก็เหมือนกัน” เนยสวนกลับ พลางเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของเอมิอย่างคล่องแคล่ว แล้วสวนหมัดกลับด้วยความรวดเร็ว“ว่าแต่...ผู้ชายของเราก็ใช่ย่อยนะ คุณน้าถึงกับลงมาสอนเองกับมือเนี่ย” เอมิหัวเราะเบาๆ พลางปัดมือของเนยออก แล้วหมุนตัวพริ้วหลบการโจมตีระลอกสองอย่างสวยงาม“แน่อยู่แล้ว หนูเลือกมาเองนี่” เนยยิ้มร้าย พลางปัดมือของเอมิไปด้านข้าง และหมุนตัวฟาดแขนไปที่ข้างลำตัวของเอมิอย่างไม่ให้ตั้งตัว“ที่สำคัญหล่อเสียด้วย ขอลองชิมซักคำได้ปะ” เอมิยิ้มเจ้าเล่ห์พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างยั่วเย้า พร้อมเบี่ยงตัวหลบแขนของเนยที่พุ่งเข้ามา“ห้ามยุ่งเลย ของหนู!” เนยจิ๊ปากใส่อย่างหงุดหงิด ดวงตาคมมองเอมิอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะใช้เท้าเกี่ยวข้อเท้าของเอมิ หวังให้อีกฝ่ายเสียหลักเอมิหัวเราะร่วน ก่อนจะกระโดดหลบออกมาอย่างคล่องแคล่ว เธอหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมส่งสายตาท้าทาย“ฮะๆ ขี้หวงพอๆ กับน้องชายเลยนะ เราน่ะ”เนยยักคิ้วด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“แน่นอน หนู...ไม่แบ่งใครทั้งนั้น”“หืม เอาใหญ่เลยนะ เอาซิ มาดูกันว่าใครจะถึงพื้นก่อน!” เอมิท้าทาย
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมกับลูกค้าในช่วงบ่าย วินซ์ก็พาเนยขึ้นรถกลับบริษัท แต่จู่ ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นกับคนขับ“เดี๋ยวพาฉันกับคุณอมลวัทน์ไปที่โรงแรมเซนทรัลพาเลซหน่อย”เนยเหลือบมองเขาด้วยความสงสัยและอดถามไม่ได้“มีอะไรที่โรงแรมหรือคะ?”“ผมมีประชุมทางไกลกับบริษัทแม่ที่มอสโกตอนหนึ่งทุ่ม” วินซ์หันมายิ้มแบบมีเลศนัย ก่อนจะพูดต่อ“ผมอยากให้คุณเข้าร่วมด้วย ความเข้าใจในตลาดและข้อมูลจากคุณน่าจะช่วยให้การประชุมนี้มีประสิทธิภาพขึ้น”เนยนิ่งไปชั่วครู่ ดวงตาจ้องมองเขาอย่างรู้ทัน เธอยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้า“ได้ค่ะ ถ้าเป็นการช่วยบริษัท”เมื่อไปถึงโรงแรมเซนทรัลพาเลซ ห้องสวีทของวินซ์ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรม การตกแต่งภายในหรูหราด้วยสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก ตัดด้วยสีทองและสีเอิร์ธโทนที่เรียบหรู โคมไฟระย้าส่องแสงอบอุ่น แสงธรรมชาติจากหน้าต่างกระจกใสที่มองเห็นวิวเมืองยามเย็นวินซ์เชิญเนยไปนั่งที่โต๊ะประชุมเล็ก ๆ ซึ่งจัดไว้ในห้องพัก แล้วกดเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อเตรียมการประชุม เขาหันไปส่งยิ้มให้เนย ขณะที่เธอนั่งลงบนเก้าอี้ มีแฟ้มเอกสารเรียงอยู่ตรงหน้า“ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในแฟ้มแล้วครับ ต้องขอแรงคุณจริงๆ” วินซ์กล่าวพร้อมรอ
เนยนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย มือหยิบหูฟังแอร์พอดใส่เข้าที่หู ทำทีเหมือนกำลังฟังเพลง“เก่งมาก ยัยหนู ได้ภาพครบถ้วนเลย” เสียงเคนดังขึ้นในหูฟัง พร้อมกับคำชม“แต่ฉันไม่ได้ออกโรงเลย” เอมิบ่นอย่างไม่จริงจังนัก“เจ้ ดูเขาอยู่ปะ? เขาทำไร?” เนยถามเอมิ พลางปรายตาลงมองนาฬิกาบนข้อมือ“มีผู้หญิงอยู่กับเขาในห้อง...ดูท่าจะอารมณ์เสียใส่เขาซะด้วย” เอมิตอบกลับด้วยน้ำเสียงขบขัน“น่าจะเป็นวาเลนไทน์” เนยพึมพำเบาๆ“ผู้บริหารที่ร่วมประชุมกับบริษัทแม่จากมอสโก มีไมเคิล เวสท์อยู่ด้วย” เสียงของเบียร์ที่ฟังแล้วแฝงความขุ่นเคืองเล็กน้อยดังขึ้น“นายแน่ใจเหรอ?” เสียงเคนถาม“แน่ ผมเช็คจากภาพในกล้องของเนยแล้วใช้ระบบตรวจจับใบหน้าเทียบแล้ว เป็นเขาไม่ผิดแน่” เบียร์พูดเสียงเรียบ ข่มความรู้สึกหึงหวงไว้ภายในใจ“หุหุ วันนี้นายทำได้ดีเลยนะ” เนยหัวเราะเบาๆ พลางแหย่เบียร์ จับได้คนหึงหนึ่งอัตรา“นี่เธอ...อย่าพูดมาก” เบียร์ตอบกลับเสียงขุ่น“นายจะทำไรล่ะ?” เนยกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเบียร์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนกระตุกยิ้มร้ายกาจที่มุมปาก“เดี๋ยวเธอก็รู้” เขาพูดเสียงเย็น พลางคิดในใจ‘รอก่อนเถอะยัยตัวแสบ พ่
ในยามค่ำคืนที่ผับ อีคลิปส์ ลักซ์ เล้าจน์ ซึ่งครึกครื้นด้วยแสงสีและเสียงดนตรี วาเลนไทน์ก้าวเข้ามาพร้อมท่าทีเยือกเย็น แต่ภายในใจกลับร้อนรุ่มไปด้วยความเจ็บปวดและแค้นเคือง เธอสั่งวิสกี้แก้วแล้วแก้วเล่า บรรจงดื่มมันอย่างเงียบงัน พลางจ้องมองเครื่องดื่มในแก้วแกว่งวนอย่างไร้จุดหมาย“หึ...” เธอแค่นยิ้มกับตัวเอง“ผู้ชายที่ฉันอยู่ข้างกาย...ในหัวใจเขาไม่เคยมีฉันเลย” ความขมขื่นผุดขึ้นในใจจนเธอต้องกระดกวิสกี้เข้าปากเพื่อดับความเสียใจ แม้จะเคยบอกตัวเองว่าความสัมพันธ์นี้เป็นเพียงแค่ผลประโยชน์และความต้องการ แต่เธอกลับไม่อาจหลอกตัวเองได้อีก“หืม? นั่นมัน...” เคนมองเห็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งนั่งดื่มวิสกี้อยู่ลำพังในโซนบาร์จากห้องวีไอพี สีหน้าเขาครุ่นคิด ก่อนจะหันไปบอกฮิโร่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ฮิโร่ รอบนี้ตานาย”ฮิโร่เลิกคิ้ว พลางมองตามสายตาเคนลงไปด้านล่าง ก็พบหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาคมและท่าทางที่ดูสุขุม นั่งอยู่เพียงลำพัง“ทำไม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแฝงความสงสัย“นั่น วาเลนไทน์ ริคคาร์ดี้ มือสังหารของไมเคิล เวสท์” เคนตอบเสียงเรียบ สายตายังไม่ละจากด้านล่าง“ตัวจริง?” ฮิโร่ถามน้ำเสียงเยือกเย็น ขณะที่เค
ฮิโร่ตัดสินใจพาวาเลนไทน์ยังโรงแรมหรูแถบชานเมืองที่ชื่อ ‘ลา คาสคาตา’ โรงแรมโอเอซิสท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศสงบ หรูหรา โดดเด่นเรื่องการบริการระดับห้าดาวและห้องพักที่ผ่อนคลายเมื่อไปถึงหน้าเคาน์เตอร์ ฮิโร่ก็สั่งพนักงานฟร้อนต์เสียงเรียบ“เตรียมน้ำแข็งใส่ถังใหญ่ซักห้าถัง ขึ้นไปส่งที่ห้องด้วย” พนักงานรีบพยักหน้าและจัดการตามคำสั่งทันทีฮิโร่อุ้มวาเลนไทน์ที่ตอนนี้ทั้งซุกไซร้ใบหน้ากับซอกคอและไล้ปลายนิ้วไปตามแผ่นหลังและลำตัวของเขา เรียกได้ว่าทุกสัมผัสของเธอชวนให้เขาหายใจติดขัด เธอเริ่มขยับใกล้จนเกินพอดีด้วยฤทธิ์ยาที่กระตุ้นอารมณ์อย่างเต็มที่“อยู่นิ่งๆ ได้มั้ยเนี่ย” ฮิโร่พึมพำเสียงเข้มอย่างพยายามข่มอารมณ์ในใจ สายตาคมจ้องประตูลิฟต์ที่ดูเหมือนจะปิดช้าเหลือเกิน เมื่อประตูปิดลง เขารวบตัวเธอให้ชิดอกเพื่อคุมท่าทางวุ่นวายของเธอเมื่อมาถึงห้องพัก ฮิโร่วางเธอลงบนโซฟาเบา ๆ เขาพ่นลมหายใจออกอย่างพยายามตั้งสติ ก่อนจะโทรศัพท์สั่งการไปที่ฟรอนต์ให้ส่งน้ำแข็งขึ้นมาโดยเร็วที่สุดเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำเย็นจัดใส่ลงอ่างจากุซซี่ หวังจะใช้วิธีนี้ช่วยลดฤทธิ์ยาที่ทำให้เธอร้อนรุ่ม“แค่คูปองราเมง คงไม่คุ้มละมั้ง”
ภายในห้องวีไอพีของผับอีคลิปส์ เอมิเปิดประตูเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอยกมือเรียกบริกรเข้ามา ก่อนจะสั่งเครื่องดื่ม“ขอเวสเปอร์ มาร์ตินี่” เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบางๆ ค็อกเทลแก้วโปรดของเธอ ส่วนผสมของวอดก้า จิน และลิเบร์ บลังก์ ให้รสขมละมุนที่แฝงความหวานเล็กๆ ให้ความรู้สึกสดชื่นแต่ก็หนักแน่นในที“มาแบบนี้ มีเรื่องไร?” เคนที่นั่งจิบบรั่นดีอยู่เอ่ยถามด้วยสายตารู้ทันบริกรนำค็อกเทลมาเสิร์ฟ เอมิรับแก้วมาแล้วจิบเบาๆ พลางขมวดคิ้ว“ฉันติดต่อฮิโร่ไม่ได้” เธอบ่นอย่างหงุดหงิดเคนหัวเราะเบา ๆ“ฮิโร่ติดงาน คืนนี้คงไม่โผล่มานี่หรอก” เขาพูดพร้อมส่งยิ้มมีเลศนัย“กับใคร?” เอมิหรี่ตามองอย่างสงสัย“วาเลนไทน์ ริคคาร์ดี้” เคนตอบเสียงเรียบ“มือสังหารของไมเคิล เวสท์เหรอ?” เอมิเบิกตากว้าง ก่อนจะยิ้มร้าย“ฉันอยากเจอเธอเหมือนกัน”“เฮ้ๆ เจอฮิโร่กับเจอเธอ ไม่เหมือนกันนะ” เคนปรามเสียงจริงจัง เขารู้ดีว่าความบ้าดีเดือดของเอมิทำให้เธออยากลองประมือกับวาเลนไทน์มานานเพื่อทดสอบฝีมือเอมิเพียงยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ยกแก้วเวสเปอร์ มาร์ตินี่ขึ้นจิบตาเป็นประกาย“แล้วฮิโร่ต้องทำไรอะ?” เอมิเลิกคิ้วถามต่อ
ยามเย็นของอีกวัน ที่หน้าบ้านใหญ่ของตระกูลไทระ ฮิโร่กำลังจะเข้าไปเพื่อรายงานเคนเกี่ยวกับข้อมูลที่สืบมาได้ แต่แล้วสายตาก็สะดุดกับร่างของเอมิที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ข้างประตูเหมือนตั้งใจรอเขาโดยเฉพาะ“มาซะเย็นเลยนะ” เอมิถามขึ้นทันทีที่เห็นเขา แววตาไม่พอใจฉายชัดฮิโร่เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนถามกลับเสียงเรียบ“เธอมาทำไม?”“ฉันก็อยากรู้ว่า ‘พี่ชาย’ ไปทำอะไรที่ไหนมาทั้งคืน” เอมิแค่นยิ้ม พลางขยับเข้าใกล้เขาฮิโร่ถอนหายใจด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย“ฉันไม่ยุ่งเรื่องของเธอ เธอก็ไม่ควรยุ่งเรื่องของฉันนะ” เขาพูดพลางเดินผ่านเอมิเข้าบ้านไป“เดี๋ยวสิ!” เอมิรีบตามติด พลางคว้าแขนเขา“นายนอนกับวาเลนไทน์เหรอ?” เอมิถามตรงประเด็นทันทีฮิโร่หยุดชั่วครู่ก่อนตอบเสียงเย็น“ถ้ามันทำให้ได้ข้อมูล ฉันก็ทำหมดล่ะ” ว่าแล้วก็เดินตรงไปยังห้องรับแขก ปล่อยให้เอมิมองตามด้วยความขัดใจ“ไง มาละเหรอ ได้ไรบ้าง?” เคนถามทันทีที่เห็นฮิโร่ ขณะกำลังดูข้อมูลจากมิสเตอร์พี“วาเลนไทน์กับอเล็กซ์มาที่นี่เพื่อฆ่าไอ้หมอนั่น และจับตัวยัยหนูไปส่งให้ไมเคิล” ฮิโร่สรุปสั้นๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางหงุดหงิด แม้สีหน้าจะยังคงนิ่งอยู่ก็ตาม“แล้
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ