“อ๊ะ..อ๊าย..เดี๋ยว..แฮ่กๆๆ ...พะ..พอแล้ว..อื๊อ..อ๊าย!”เนยครางเสียงหวานกระเส่าขณะหายใจหอบ เมื่อเบียร์ไม่หยุดแม้ว่าเธอจะถึงจุดสุดยอดไปแล้ว ร่างกายของเธอยังไม่ทันได้พักหายใจ แต่เขากลับไม่ปล่อยให้เธอได้พัก ลิ้นของเขากดลงลึกอีกครั้ง ทำให้ร่างกายของเธอสะดุ้งขึ้นมาอย่างแรงเธอครางออกมาอย่างหนักหน่วง เมื่อเขายังคงเคลื่อนไหวลิ้นของเขาอย่างต่อเนื่อง จนร่างกายของเธอตอบสนองอย่างแรงกล้าอีกครั้ง เบียร์เลื่อนมือขึ้นจับสะโพกของเธอแน่น ไม่ยอมให้เธอขยับหนี ลิ้นของเขายังคงไล้ผ่านทุกจุดอ่อนไหวของเธออย่างชำนาญเนยสั่นสะท้าน เมื่อเขากดลิ้นลึกขึ้นในจังหวะที่เร่งเร้า ความเสียวซ่านที่เพิ่งจางหายกลับพุ่งขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอแทบจะทนไม่ไหว“ฉันยังไม่พอ...” เบียร์กระซิบเสียงกระเส่า ก่อนจะกดลิ้นลงไปอีกครั้ง สัมผัสนั้นทำให้ร่างกายของเธอเกร็งแน่นอย่างไม่อาจต้านทานได้ เขาลากลิ้นผ่านจุดอ่อนไหวของเธออย่างลื่นไหล ไม่หยุดแม้ว่าเธอจะเกร็งสะท้านจากความสุขที่ท่วมท้น ทุกการเคลื่อนไหวของเขาทำให้เธอไม่อาจกลั้นเสียงครางที่หลุดออกมา ร่างกายของเธอถูกปลุกเร้าอย่างต่อเนื่อง จนแทบหยุดตัวเองไม่ได้เบียร์ยังคงเคลื่อนไหวอ
เนยหอบหายใจแรง ร่างกายยังคงสั่นสะท้าน เมื่อเบียร์ถอนตัวออกมา แต่ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยแรงปรารถนา ราวกับว่าครั้งเดียวไม่เพียงพอสำหรับเขา“อื้อ...” เนยหายใจหนักหน่วง ขณะที่เบียร์ก้มลงจูบเธออีกครั้ง จูบที่เร่าร้อนและลึกซึ้ง ราวกับว่าเขายังไม่รู้สึกพอ“ฉันต้องการเธออีก...” เขากระซิบเสียงแหบพร่า มือของเขาลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเธอ ความร้อนในตัวเขายังคงลุกโชน ไม่ลดลงแม้แต่น้อยเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเขาค่อยๆ เลื่อนมือลงสัมผัสต้นขาของเธออีกครั้ง ความรู้สึกที่เพิ่งจะสงบลงกลับทวีความร้อนแรงขึ้นมาอีก“ดะ...เดี๋ยว...พะ..พอแล้ว” เนยพยายามยกมือขึ้นห้าม แต่เบียร์รวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอ ยึดขึ้นเหนือหัวด้วยมือข้างเดียว“อ๊ะ..อ๊า..” เนยครางออกมาอย่างเสียวสะท้าน เมื่อริมฝีปากของเขาไล้ผ่านยอดอกของเธออย่างเร่าร้อน ร่างกายของเธอเกร็งขึ้น เมื่อเขาใช้ลิ้นหมุนวนเบาๆ บนยอดอก ทำให้เธอรู้สึกเสียวซ่านในทันที ไม่อาจต้านทานได้“ยังไม่พอสำหรับฉัน...” เขากระซิบเบาๆ ข้างหูเธอ ก่อนที่ริมฝีปากจะค่อยๆ ลากลงไปตามลำคอ ทำให้เธอสั่นสะท้านอีกครั้ง“อึ๊..อื๊อ..” เนยบิดตัวด้วยความเสียว เมื่อเบียร์กดลิ้นลงบนยอดอก แล้วลา
กว่าที่ทั้งคู่จะออกจากห้องน้ำได้ก็ล่วงไปถึงสองชั่วโมงเต็ม เนยแทบหมดแรงเพราะเบียร์ไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดพักให้เธอเลย ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมาที่ห้องนอนแล้ว โดยเนยกำลังเลือกเสื้อผ้าในตู้ของเบียร์เพื่อใส่แทนชุดเดิม สายตาของเธอไล่มองเสื้อผ้าผู้ชายที่แขวนเรียงรายอยู่“กินอาหารญี่ปุ่นมั้ย?” เบียร์ถามขณะเลื่อนดูเมนูในแอปพลิเคชันเดลิเวอรี่“อื้อ อยากกินทาโกะยากิ” เนยตอบสั้น ๆ พลางหยิบเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ของเบียร์ขึ้นมาทาบตัว ก่อนจะสวมมันคลุมทับร่างกาย ปลดกระดุมเม็ดบนออกสองเม็ดเพื่อให้ดูผ่อนคลายและเซ็กซี่เล็ก ๆ“เอาซาชิมิรวมด้วยไหม? ชอบแซลมอนใช่ป่ะ?” เบียร์หันมาถามพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“อื้ม สด ๆ นะ” เนยตอบพลางพยักหน้าเล็กน้อย ขณะเลือกกางเกงต่อ“ข้าวปั้นหน้าปลาไหล ข้าวหน้าหมูทงคัตสึล่ะ เอาด้วยมั้ย?”“ดีเลย เรากินด้วยกันนะ” เนยยิ้มให้ พลางหยิบกางเกงขาสั้นผ้าลินินสีเทาของเบียร์มาสวม แม้จะหลวมไปบ้าง แต่เธอใช้เข็มขัดของเขาคาดไว้ให้กระชับ กางเกงทำให้เธอดูทะมัดทะแมงขึ้น แต่ยังคงความสบายในการสวมใส่“ข้าวแกงกะหรี่ไก่ทอดกับราเมนทะเลเผื่อไว้ด้วยละกัน เผื่อเธอหิวทีหลัง” เบียร์พูดขณะกดสั่งอาหารเนยยืนมองต
เมื่อเนยเห็นเบียร์ขับรถออกไปจนลับสายตา น้ำเสียงเธอเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที แววตาเย็นเยียบ“เฮียล่ะ?”“รออยู่ข้างใน” เนตอบสั้น ๆ“งั้นไปกัน” เนยบอกพลางเดินนำน้องชายเข้าบ้านทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน เสียงเคนก็ดังขึ้นจากโซฟา“ยัยหนู!” เคนลุกพรวดขึ้นแล้วตรงเข้ามากอดเธอทันที“ไม่เป็นไรใช่มั้ย? เจ็บตรงไหนรึเปล่า? เกิดอะไรขึ้นบ้าง?” เขายิงคำถามรัว ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล“ใจเย็นเฮีย” เนยยิ้มเย็น มือยกขึ้นตบไหล่เคนเบา ๆ“โอเค เล่ามา” เคนถอนหายใจยาว แล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟา ขณะที่เนเดินไปหยิบน้ำเย็นมาส่งให้พี่สาวเนยเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เคนฟัง ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เจี๊ยบดันไปดื่มเครื่องดื่มที่มียาแทนเธอ จนถึงตอนที่เธอพลาดโดนยายูโฟเรีย-เอ็กซ์จากขอบแก้วเข้า โชคดีที่เบียร์อยู่ด้วย เขาจึงช่วยพาเธอออกจากผับได้ทันก่อนจะเกิดเรื่องร้ายแรงไปมากกว่านี้“เบียร์? คนที่เป็นโปรแกรมเมอร์วันนั้น? เพื่อนไอ้เนน่ะเหรอ?” เคนเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ“อื้อ” เนยพยักหน้าตอบสั้น ๆ ขณะที่เนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ“แล้วข้อมูลที่เราส่งมาให้เฮีย…เอามาจากไหน?” เคนถามด้วยความสงสัย น้ำเสียงเริ่มจริ
ตอนเย็น เนยที่กำลังเลือกซื้อของอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างเพลินๆ เธอเดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ชั้นวางของเครื่องปรุง ขณะที่เนยกำลังเอื้อมมือหยิบซอสเครื่องปรุงจากชั้นบนสุด เธอขยับตัวขึ้นไปยืนเขย่งปลายเท้า แต่ยังเอื้อมไปไม่ถึงซอสปรุงรสที่เธอต้องการ จู่ๆ มือใหญ่ของใครบางคนก็หยิบขวดซอสที่เธอต้องการลงมาให้“ต้องการตัวช่วยล่ะสิ?” เสียงทุ้มต่ำที่เธอคุ้นเคยดังขึ้นข้างๆ“นาย...มาได้ไงเนี่ย?” เธอถามด้วยความเซอร์ไพรส์“ก็แค่...มาช้อปปิ้งเหมือนกัน” เบียร์ตอบพร้อมยักไหล่“บังเอิญอะไรขนาดนั้น?” เนยหรี่ตามองเขาอย่างสงสัยเบียร์หัวเราะเบาๆ“บังเอิญน่ะสิ ก็ที่นี่ของเยอะดีเลยแวะมา แถมเธอก็มาช้อปปิ้งอยู่ที่นี่บ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ?” เบียร์ตอบด้วยท่าทางสบาย ๆ ขณะวางขวดซอสลงในตะกร้าเนยมองเขานิ่งๆ ก่อนจะพึมพำเบาๆ“ก็จริง แต่...ทำไมมันดูแปลกๆ?”“เธอคิดไปเองน่ะสิ” เบียร์หัวเราะเบา ๆ พลางยื่นมือไปหยิบตะกร้าจากมือเธอ“เดี๋ยวฉันช่วยถือของให้ จะได้ไม่เมื่อยมือไง” เขาพูดพร้อมยิ้มกวน ๆ“อืม...ก็ดี” เนยยอมให้เขาช่วยถือของแบบไม่ทันตั้งตัว“ซื้ออะไรอีกล่ะ?” เบียร์ถาม ดวงตาคมพราวระยับมองเธอด้วยความสนใจ“เอ้อ...ก็ว่าจะซื้
เบียร์ค่อยๆ หยุดการเคลื่อนไหวของนิ้ว และละริมฝีปากออกจากหน้าอกของเธอ ปล่อยให้เธอหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า“นะ..นาย..แฮ่กๆ ...” เนยพยายามเปล่งเสียง ขาของเธอสั่นสะท้าน“หืม? ...นี่แค่ออเดิฟเอง” เบียร์ยิ้มเจ้าเล่ห์“ดะ..เดี๋ยว..อื๊อ..”ริมฝีปากของเขาประกบลงบนริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่น ลิ้นของเขาไล้ผ่านอย่างช้าๆ ก่อนจะสอดกลับเข้าไปในปากของเธออย่างชำนาญ ลิ้นของเขาเคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อน ตักตวงความหวานจากเธออย่างต่อเนื่องเขาค่อยๆ ถอนจูบออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลากริมฝีปากลงมาตามลำคอของเธอ ความเสียวซ่านเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเนย ขณะที่ริมฝีปากของเขาเลื่อนไปถึงเนินอกของเธอ ปลุกความรู้สึกให้ยิ่งรุนแรงขึ้นริมฝีปากของเขาประทับจูบลงบนหน้าอกของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนที่ลิ้นจะลากผ่านผิวเนียนละเอียดของเธออย่างช้าๆ เนยสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อปลายลิ้นของเขาสัมผัสที่ยอดอก ส่งความรู้สึกเสียวซ่านผ่านร่างกายของเธอ“อ๊ะ…อ๊า…” เนยครางเสียงหวานระคนกระเส่า ลมหายใจของเธอเริ่มถี่ขึ้นเมื่อเขาใช้ลิ้นค่อยๆ วนรอบยอดอกอย่างชำนาญ ก่อนจะกดลิ้นลงไปอีกครั้ง ร่างกายของเธอเกร็งขึ้นเมื่อเขาดูดยอดอกแรงขึ้น ปลุกเร้าความรู้สึกในตัวเธออ
เช้าวันเสาร์ ที่เรือนซ้อม เนยกับเคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหมัดปะทะและการเคลื่อนไหวอันรวดเร็ว เนที่นั่งอยู่ข้างสนามมองดูทั้งคู่ พลางกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกหวั่นเกรง เขารู้ตัวดีว่าตัวเองไม่สามารถต่อกรกับทั้งสองคนได้เลย"พี่เนยกับเฮียน่ากลัวเกินไปแล้ว..." เนพึมพำเบา ๆ กับตัวเองในที่สุด เคนก็โดนเนยซัดด้วยท่าต่อสู้หนักหน่วง เขาล้มลงไปนอนบนพื้นด้วยรอยยิ้มพลางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี แม้จะเพิ่งพ่ายแพ้ เขาก็ไม่รู้สึกเสียหน้าแต่อย่างใด“โอ๊ย ยอมแล้ว ยอมแล้ว! เราเก่งขึ้นเยอะเลยนะ” เคนพูดพลางยกมือขึ้นยอมแพ้เนยยืนหอบเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ“ก็ต้องพัฒนาให้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ล่ะ ไม่งั้นเฮียก็ต้อนหนูได้ทุกที”“ใช่ แต่รอบนี้เฮียโดนจัดหนักเลยนะ” เคนหัวเราะเสียงดังพลางลุกขึ้นยืน เขายกมือขึ้นตบไหล่น้องสาวเบา ๆ ด้วยความภาคภูมิใจ“มิน่า ถึงไม่มีใครกล้าสู้กับพี่เนยเลย” เนพูดแทรกขึ้น ขณะนั่งมองทั้งสองคนอย่างหวาด ๆ“แล้วทำไมไม่ลงมาลองดูบ้างล่ะ? ไหนบอกอยากเก่งไง” เนยแหย่น้องชายพร้อมกับยิ้มมุมปากเนสะดุ้งเล็กน้อย“เอ่อ...พี่สองคนมันเก่งเกินไป ผมยังไม่พร้อม...” เขาหันหน้า
คาร์ลนั่งหายใจหอบแรงอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อและความเหนื่อยล้าจากการถูกทรมานอย่างต่อเนื่อง แม้จะเจ็บปวดสักแค่ไหน แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา ดวงตาของเขายังแข็งกร้าวและท้าทาย“ถึงไหนละ เฮีย” เสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านหลังของเคนเคนยิ้มเล็กน้อยเมื่อหันไปเห็นเนยเดินเข้ามา “มาแล้วเหรอ”“มันไม่พูดเหรอ?” เนยถามพลางเลิกคิ้ว ขณะมองผ่านกระจกไปยังคาร์ลที่นั่งนิ่งอยู่"ใช่ ปากแข็งมาก” เคนถอนหายใจยาว แววตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด“หืม?” เนยยิ้มเย็น“ถ้างั้น...ให้หนูลองมั้ย” เธอถามขณะปรายตาสบตาเคน แววตาของเธอฉายแววเจ้าเล่ห์และเยือกเย็นเคนจ้องกลับไปอย่างสนใจ “แล้วเราจะทำอะไร?”เนยเหลือบสายตาไปมองที่หลอดยายูโฟเรีย-เอ็กซ์ที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะ ข้างๆ เครื่องมือทรมานที่เคนใช้ยึดมาได้จากผับมีสทิค เฮเว่น ริมฝีปากบางของเธอยกยิ้มร้ายกาจ“มันวางยาหนู...แล้วคิดว่าหนูควรทำอะไรกะมันล่ะ”เคนมองเธอครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม“ถ้างั้น...จัดไปเลย”เนยหยิบหลอดยายูโฟเรีย-เอ็กซ์ขึ้นมา ก่อนจะยื่นส่งไปให้ฮิโร่ มือขวาคนสนิทของเคน“เฮียโร่ จัดการให้หนูหน่อย” เธอพูดเสียงเรียบ ดวงตา
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ