เจคหายใจหนักขึ้น เขาสบตากับเนยอย่างหวาดหวั่น แต่ยังคงไม่พูดอะไรออกมาเคนจับเข่าเจคเบาๆ พลางหัวเราะเบาๆ“เราไม่ต้องการทำให้นายเจ็บตัวหรอก แต่เราจะทำให้แน่ใจว่านายจะไม่กลับไปหลอกใครได้อีก”มือของเคนถือหลอดฉีดยาใสที่เต็มไปด้วยของเหลวโปร่งใสปนหม่นๆ เข็มฉีดยาส่องแสงเป็นประกายวาววับในมือของเขา ขณะที่เนยมองด้วยสายตาเยือกเย็น“นายรู้ไหมว่านี่คืออะไร?” เคนถามเสียงเย็น ราวกับกำลังพูดเรื่องธรรมดาเจคไม่ตอบ แต่พยายามดิ้นตัวหนี เขากำลังหวาดกลัว สัญชาตญาณเตือนเขาว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกาย เขารู้สึกถึงความหนาวเย็นแล่นไปทั่วร่างกายขณะที่เหงื่อเริ่มไหลลงมาเป็นทาง“ยานี่ชื่อว่า ‘โนคเทอร์น’ ... ผลิตโดยตระกูลของเรา” เนยพูดขึ้น“มันจะทำให้นายเจอสิ่งที่นายกลัวที่สุด...ตลอดชีวิต” เธอยิ้มมุมปากเบาๆ ภายใต้แมสสีดำ แต่ดวงตากลับแฝงไปด้วยความโหดร้ายเจคตาเบิกกว้างเมื่อเห็นเข็มฉีดยา“ไม่! อย่านะ!” เขาดิ้นรนพยายามขัดขืน แต่ถูกมัดไว้แน่นจนไม่สามารถหนีไปได้แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดต่อ เข็มฉีดยาก็ถูกแทงเข้าที่แขนของเขา โดยเคนบีบยาลงในกระแสเลือดของเจคอย่างไม่รีรอ ภายในเวลาไม่ถึงนาที ยาก็เร
“สุดยอดเลย นายทำสำเร็จจริงๆ” เนยพูดขึ้น ขณะที่นอนเหยียดยิ้มอยู่บนโซฟา“ฉันบอกแล้วไง ว่าไม่ยาก” เบียร์ยิ้มพลางเดินมาหาเธอ เนยขยับตัวลุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปโอบรอบคอของเขาอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากของเธอแย้มยิ้มพราวระยับ“เจ๋งสุดเลย แฟนใครเนี่ย” เนยยิ้ม แววตาวิบวับจับจ้องที่เบียร์ รู้สึกถึงความภูมิใจที่มีในตัวเขา“งานนี้ ฉันควรได้รางวัลใหญ่หน่อยนะ” เบียร์พูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ดวงตาของเขายังไม่ละไปจากใบหน้าสวยของเธอ ใบหน้าคมของเขาโน้มเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมจาง ๆ จากผมยาวสลวยของเนย“หืม...นายอยากได้อะไรล่ะ?” เนยกระซิบตอบกลับเสียงอ่อนหวาน แต่ก็มีน้ำเสียงที่แฝงความยั่วเย้า เธอรู้ว่าเบียร์ต้องการอะไร“แค่เธอก็พอ” เบียร์ยิ้มกริ่ม ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของเขาแนบลงบนริมฝีปากของเธอในจูบที่ลึกซึ้งและดูดดื่มเนยหลับตาพริ้มรับสัมผัสนั้น ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านจากการสัมผัสทำให้เธอรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มือของเธอเลื่อนขึ้นลูบไปตามหลังคอของเขา ขณะที่เบียร์ค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาแนบชิดมากขึ้น ลมหายใจของทั้งสองคนสอดคล้องกัน ราวกับเวลาทั้งหมดหยุดลงเพียงชั่วขณะหนึ่งเบียร์ถอนจูบอ
“ว่าไง เอส มันยอมพูดอะไรบ้างหรือยัง?” เสียงชายคนหนึ่งเอ่ยถามจากอีกมุมห้อง ดวงตาแหลมคมจ้องมองไปยังห้องสอบสวนที่อยู่เบื้องหลังบานกระจกหนามิสเตอร์เอสส่ายหัวอย่างหงุดหงิด ดวงตาสีฟ้าของเขามองกลับมา “ไม่เลย… มันเงียบตลอด” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย“ให้ฉันลองมั้ย?” ชายอีกคนเสนออย่างไม่จริงจังนัก พลางยิ้มเจ้าเล่ห์ภายในห้องสอบสวนซึ่งถูกปิดล้อมด้วยความมืดสลัว มีเพียงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ส่องสว่างไปยังชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่กลางห้อง ข้อมือทั้งสองข้างของเขาถูกมัดติดกับเก้าอี้อย่างแน่นหนา ร่องรอยช้ำและบาดแผลจากการถูกซ้อมก่อนหน้านี้ยังคงปรากฏชัดบนใบหน้า แฮ็กเกอร์ที่เคยแฮ็กข้อมูลลับของเอฟบีไอและส่งต่อให้ตระกูลมาเฟียอิตาลีนั่งนิ่งไม่ปริปาก ไม่พูดแม้แต่คำเดียวมิสเตอร์พีเดินวนรอบตัวเขาอย่างช้าๆ สายตาคมกริบจับจ้องไปที่แฮ็กเกอร์ทุกครั้งที่มีการขยับตัว เล็กน้อยแค่ไหนก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาเขาไปได้“ตระกูลคอร์วิโน่” มิสเตอร์พีพูดชื่อนั้นขึ้นมาอย่างเฉยเมย เมื่อแฮ็กเกอร์ได้ยินก็หันไปมองเขาอย่างรวดเร็ว แม้พยายามควบคุมสีหน้าให้ปกติ แต่ดวงตาก็เผยแววกังวลออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน“ไม่ต้องห่วง…
บ่ายวันหนึ่งในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย เบียร์นั่งหน้าแล็ปทอปของตัวเอง จดจ่ออยู่กับการทดสอบโค้ดใหม่ที่เขาคิดขึ้นมา บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบ เสียงเพียงอย่างเดียวที่ได้ยินคือเสียงพลิกหน้าหนังสือและการพิมพ์คีย์บอร์ดเบาๆ จากนักศึกษาที่ตั้งใจอ่านหนังสือ“มึง วันนี้ไปหาไอ้คิงปะ?” เสียงเนดังขึ้นข้างๆ หลังจากที่เขาเพิ่งเลิกเรียนวิชาภาษาอังกฤษเข้ามาทัก เบียร์ยังคงไม่ละสายตาจากหน้าจอ“ไปดิ มีงานน่ะ” เขาตอบโดยไม่เงยหน้ามอง“ใครจ้างมึงทำไรอีกวะ?” เนถามขณะเสยผมแล้วนั่งลงตรงข้ามเบียร์“ไอ้คิงนั่นแหละ พ่อมันโดนแรนซั่มแวร์” เบียร์พูดเสียงเรียบ นิ้วมือยังคงรัวพิมพ์ทดสอบโค้ดบนคีย์บอร์ดอย่างคล่องแคล่ว“เชี่ย โดนได้ไงวะ?” เนอุทานออกมาอย่างตกใจ“ก็น่าจะเพราะพนักงานเปิดอีเมลหลอกลวงนั่นแหละ คงไม่ระวัง” เบียร์หัวเราะเบาๆ อย่างขบขัน ขณะยังคงจดจ่ออยู่กับหน้าจอเย็นวันนั้นเบียร์โดนจ้างจากพ่อของคิงให้ช่วยจัดการเรื่องระบบที่ซับซ้อน แต่ต่างจากครั้งก่อน ๆ เพราะครั้งนี้เขาได้รับการยินยอมอย่างเป็นทางการจากเจ้าของระบบเอง“งานนี้พิเศษหน่อยนะ” คิงบอกเบียร์หลังจากที่โทรคุยกับพ่อเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัทที่โดนแรนซั่
“มึงเอาไง?” คิงกระซิบถามเบียร์ที่สีหน้าเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งเรียบเหมือนเดิม รอยยิ้มที่เคยมีหายไป เบียร์กระตุกมุมปากเล็กน้อย ก่อนตอบกลับเสียงต่ำ“กูยืมห้องทำงานมึงหน่อย” เขาพูดสั้นๆ แววตาจับจ้องไปยังชายคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในผับคิงมองตามสายตาเพื่อนอย่างเข้าใจสถานการณ์“เอ่อ...งั้นคุณพี เชิญทางนี้ครับ” คิงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเชิญมิสเตอร์พีอย่างรู้หน้าที่ แล้วเดินนำไปยังห้องทำงานของตัวเองเนที่นั่งอยู่ข้างๆ เบียร์หันไปกระซิบเบาๆ ขณะที่เขาลุกขึ้น“ระวังตัวด้วยนะมึง”“เออ” เบียร์พ่นลมหายใจออกจากจมูกอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะกระดกแก้วเหล้าจนหมดแล้ววางแก้วลงโต๊ะ จากนั้นลุกขึ้นเดินตามคิงและมิสเตอร์พีออกไปเมื่อเดินเข้าไปในห้องทำงานของคิง บรรยากาศตึงเครียดเบาบางลง แต่แววตาของเบียร์ยังคงมองตรงไปที่มิสเตอร์พีอย่างจับตา เขารู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่ลูกค้าธรรมดาแน่นอนคิงถามตามมารยาทเจ้าของผับ“เอ่อ คุณพี ไม่ทราบว่าคุณดื่มอะไรดีครับ?”“ผมขอสก็อตช์วิสกี้ ซิงเกิลมอลต์ (Single Malt Scotch Whisky) ละกันครับ” มิสเตอร์พีตอบเสียงเรียบพร้อมรอยยิ้มเล็กๆเบียร์คิ้วกระตุกเล็กน้อยทันทีที่ได้ย
เบียร์เดินทางมาถึงสำนักงานใหญ่ของเอฟบีไอที่ตั้งตระหง่านอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นระเบียบและระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาอยู่ในสถานที่แบบนี้—ในฐานะแฮกเกอร์ที่ถูกดึงเข้ามาช่วยงานระดับชาติเมื่อเดินเข้ามาถึงภายในตัวอาคาร เบียร์ก็ผ่านการตรวจสอบเข้มงวดทุกขั้นตอน ทุกอย่างดูเป็นระเบียบจนเบียร์รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาชินกับการทำงานในมุมลับๆ มากกว่า มิสเตอร์พีเดินเคียงข้างเขาไปด้วย ท่ามกลางสายตาของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่มองมาอย่างสงสัย“ไม่ต้องกังวล เรามีทุกอย่างที่นายต้องการที่นี่” มิสเตอร์พีหันมายิ้มให้เบียร์ ขณะที่พวกเขาก้าวเข้าไปในลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึก“นี่คือภารกิจที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา”มิสเตอร์พีกล่าวเมื่อพวกเขาขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปยังห้องประชุมลับ ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทันสมัยมากมาย บนจอขนาดใหญ่ปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายของแก๊งมาเฟียอิตาลี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน การค้าอาวุธ และอาชญากรรมอื่นๆ“ข้อมูลที่ถูกแฮกไปจากเรา คือรายชื่อของสายลับที่แฝงตัวอยู่ในแก๊งมาเฟียอิตาลี ตระกูลคอร์วิโน่
เวสท์บริดจ์ ซิตี้ (Westbridge City) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในยุโรปตะวันตก เมืองนี้มีทั้งความทันสมัยและประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่และวิวแม่น้ำที่สวยงาม เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ การศึกษา และการท่องเที่ยวมีมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง ‘เวสท์บริดจ์ ยูนิเวอร์ซิตี้’ ซึ่งเป็นแหล่งรวมนักศึกษาจากทั่วโลก เมืองนี้มีชีวิตกลางคืนที่คึกคัก แต่ในเงามืดก็ซ่อนเครือข่ายอาชญากรรมอย่างแก๊งเรเวนมอร์ ที่ครอบงำธุรกิจใต้ดินและการค้ายาเสพติดภายในผับเรเวนเนสต์ (Raven’ s Nest) การตกแต่งที่เน้นความมืดสลัว โดดเด่นด้วยแสงไฟสีม่วงและแดงที่ส่องสะท้อนให้บรรยากาศดูเย้ายวนและลึกลับ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นโต๊ะไม้สีเข้มและโซฟาหนังดำที่ล้อมรอบพื้นที่นั่งเล่น สร้างความรู้สึกหรูหราและน่ากลัวไปพร้อมกันบนฟลอร์เต้นรำ ร่างของเนยในชุดเดรสสายเดี่ยวรัดรูปสีดำที่ขับเน้นทุกส่วนโค้งเว้าของร่างกาย ชุดสั้นพอดีตัวทำให้เธอดูโดดเด่นท่ามกลางแสงไฟสีม่วงและแดงที่ส่องสลัวลงมา บนไหล่เปลือยเปล่าของเธอมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมที่เข้ากันกับบรรยากาศน่าหลงใหล ผมยาวสีน้ำตาลเข้มของเธอถูกรวบเป็นหางม้าสูง ดูทะมัดทะแมงและเย้ายวนในเวลา
เนยเดินอยู่บนถนนเงียบสงัดขณะที่กำลังมุ่งหน้ากลับไปยังอพาร์ทเมนต์ของเธอ สัญชาตญาณของเธอเริ่มบอกว่า มีบางอย่างผิดปกติ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงสายตาที่คอยจ้องมองและเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินตามมา หัวใจเธอเต้นแรง แต่เธอเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันตัวอยู่เสมอทันใดนั้น มือของชายคนหนึ่งกระชากตัวเธออย่างแรงเข้าไปในซอกมุมมืดของซอยแคบ ๆ เนยหันไปพบกับสายตาดุดันของริคที่มองเธอด้วยความตั้งใจร้าย เขาบีบแขนของเธอแน่นจนรู้สึกเจ็บ“เธอคงไม่คิดว่าจะออกจากที่นี่ได้ง่าย ๆ หรอกนะ” ริคพูดเสียงต่ำ ขณะยิ้มเยาะอย่างน่ากลัวเนยแสร้งทำเป็นตกใจ กลัว และดิ้นรนเบา ๆ เพื่อแสดงความอ่อนแอ“นี่คุณ...จะทำอะไร?”“ถ้าฉันอยากได้ ฉันก็ต้องได้” ริคคำรามใส่เธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกระหาย“อย่านะ...”“เธอไม่สนใจนาย นายก็ไม่ควรตามตื๊อสิ” เสียงเข้มของชายหนุ่มดังขึ้นกะทันหัน ขณะที่ริคกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อ มือของมันถูกกระชากออกจากเนยและบิดไปด้านหลังอย่างแรงจนมันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“นาย!! อีวาน...” ริคพูดขึ้นทันทีที่หันไปเห็นว่าใครเป็นคนบิดแขนของเขา เขารู้ดีว่าอีวาน ไวเปอร์ ไม่ใช่คนที่เขาจะสามารถต่อกรด้วยได้ง่ายๆ“ข้ามเ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ