เนยเดินอยู่บนถนนเงียบสงัดขณะที่กำลังมุ่งหน้ากลับไปยังอพาร์ทเมนต์ของเธอ สัญชาตญาณของเธอเริ่มบอกว่า มีบางอย่างผิดปกติ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงสายตาที่คอยจ้องมองและเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินตามมา หัวใจเธอเต้นแรง แต่เธอเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันตัวอยู่เสมอทันใดนั้น มือของชายคนหนึ่งกระชากตัวเธออย่างแรงเข้าไปในซอกมุมมืดของซอยแคบ ๆ เนยหันไปพบกับสายตาดุดันของริคที่มองเธอด้วยความตั้งใจร้าย เขาบีบแขนของเธอแน่นจนรู้สึกเจ็บ“เธอคงไม่คิดว่าจะออกจากที่นี่ได้ง่าย ๆ หรอกนะ” ริคพูดเสียงต่ำ ขณะยิ้มเยาะอย่างน่ากลัวเนยแสร้งทำเป็นตกใจ กลัว และดิ้นรนเบา ๆ เพื่อแสดงความอ่อนแอ“นี่คุณ...จะทำอะไร?”“ถ้าฉันอยากได้ ฉันก็ต้องได้” ริคคำรามใส่เธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกระหาย“อย่านะ...”“เธอไม่สนใจนาย นายก็ไม่ควรตามตื๊อสิ” เสียงเข้มของชายหนุ่มดังขึ้นกะทันหัน ขณะที่ริคกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อ มือของมันถูกกระชากออกจากเนยและบิดไปด้านหลังอย่างแรงจนมันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“นาย!! อีวาน...” ริคพูดขึ้นทันทีที่หันไปเห็นว่าใครเป็นคนบิดแขนของเขา เขารู้ดีว่าอีวาน ไวเปอร์ ไม่ใช่คนที่เขาจะสามารถต่อกรด้วยได้ง่ายๆ“ข้ามเ
ทั้งสองคนรีบวิ่งหลบเข้าไปในซอยแคบๆ ที่เงียบสงบ เนยพาอีวานกลับมาที่อพาร์ทเม้นต์ของเธอ โดยไม่รอให้เขาปฏิเสธ ร่างของอีวานเริ่มเซเพราะเสียเลือดมาก แต่เขายังพยายามฝืนตัวเองไม่ให้ล้มลงไป“นายนี่มัน...จริงๆ เลย” เนยพูดอย่างหงุดหงิด ขณะที่พาเขาขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพักเมื่อถึงห้อง เธอจัดการพาเขานั่งลงบนโซฟา แล้วรีบวิ่งไปหากล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้เขาทันที“ฉันไม่ได้ขอให้นายมาช่วยนะ” เธอพูดพลางเริ่มทำแผลให้อีวานด้วยความตั้งใจ เสียงของเธอแม้จะแข็งกระด้าง แต่สายตากลับอ่อนลง“ฉันรู้… แต่ฉันก็ไม่เคยรอฟังคำขอจากใครอยู่แล้ว” อีวานตอบกลับเสียงเบา เขาพยายามยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวดเนยมองเขาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหยิบผ้าพันแผลมาพันแขนของเขา“ครั้งนี้นายต้องขอบคุณฉันบ้างนะ”อีวานหัวเราะเบาๆ พลางพิงตัวลงกับโซฟา“ขอบคุณก็ได้ แต่… ฉันดีใจที่ได้อยู่ใกล้เธอแบบนี้”เนยยิ้มมุมปากนิดๆ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น แต่เธอก็ยังคงทำแผลให้เขาอย่างเงียบๆ และไม่พูดอะไรต่อจากนั้นหลังจากที่เธอทำแผลเสร็จ ทั้งคู่ต่างนั่งเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง อีวานจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ซ่อนความสนใจไม่มิด ดวงตาคมกริบของเขาดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก“เธอไม่เจ็บตรงไหนใช่
ชายชุดสูทสีดำถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะยกมือยอมแพ้ในที่สุด“โอเค โอเค คุณชนะ”“เฮีย อย่าแกล้งเอฟบีไอสิ” เนยหัวเราะเบาๆ หลังจากที่เธอเห็นบัตรประจำตัวที่หลุดออกมาจากกระเป๋าของชายคนหนึ่งที่นอนอยู่บนพื้นเคนหรี่ตามองเล็กน้อยก่อนจะยิ้มมุมปาก“เอฟบีไองั้นเหรอ?ว่ามาซิว่าพวกนายต้องการอะไร”ชายในชุดสูทดำแนะนำตัว“ผมขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อพี...มิสเตอร์พีจากเอฟบีไอ” เขามองเคนกับเนยสลับกัน“ผมคงประเมินพวกคุณต่ำเกินไป ขอโทษด้วย”“เอาล่ะ ว่ามา มาหาพวกเราเพราะอะไร?” เนยถาม พลางพิงกำแพงอย่างสบายใจมิสเตอร์พีถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตอบ“ผมมาที่นี่เพื่อตามหาอีวาน ไวเปอร์ คนสนิทของดาเมี่ยน หัวหน้าแก๊งเรเวนมอร์ แก๊งเครือข่ายที่สำคัญของแบล็ควอล์ค”“แล้วไงต่อ?” เนยเลิกคิ้วถามอย่างไม่ใส่ใจนัก“เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่จากข้อมูลของเราคนสุดท้ายที่เขามาพบก็คือเธอ” มิสเตอร์พีพูดพลางจ้องเนยตรงๆเนยทำเพียงแค่แย้มยิ้มที่มุมปากไม่พูดอะไร“แล้วคุณต้องการอะไรจากเขา?” เคนเลิกคิ้วถามมิสเตอร์พีหยุดนิ่งชั่วครู่ก่อนตอบ“เราต้องการจับอีวานเพื่อใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ เพื่อตามไปจับตัวดาเมี่ยนและหัวหน้าแก๊งแบล็ควอล์ค เพราะ
ปัง! ปัง! ปัง!เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วอาคารประชุมลับ เหล่าลูกน้องและแก๊งมาเฟียต่างพากันวิ่งหนีตายอย่างโกลาหล"ดาเมี่ยนหนีไปทางด้านหลังแล้ว" เสียงรายงานผ่านหูฟังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง"ฉันจัดการเอง" ฮิโร่ตอบรับอย่างราบเรียบ แต่แฝงด้วยความเด็ดขาด"หัวหน้าแก๊งแบล็ควอล์คกำลังจะขึ้นฮอหนี" อีกเสียงหนึ่งรายงานสถานการณ์เข้ามา ขณะที่สถานการณ์เริ่มเดือดขึ้นเรื่อยๆในสนามโคลีเซี่ยมซึ่งใช้เป็นพื้นที่ประชุม เนยกับเคนกำลังเผชิญหน้ากับบรรดาลูกน้องเกือบร้อยคนที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่“เฮีย ที่นี่ปล่อยหนูเอง” เนยพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจภายใต้แมสสีดำ ขณะที่ดวงตาคมของเธอมองไปยังฝูงชนที่เคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทาง“ไหวนะ” เคนถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง“ฮื่อ สบาย” เนยหันมายิ้มภายใต้แมสสีดำ แววตาของเธอเป็นประกายราวกับเจอของเล่นชิ้นโปรดที่เธอเฝ้ารอเคนมองเนยด้วยความเอ็นดูแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย“ระวังตัวด้วยนะ ยัยหนู” เขาพูดพลางรีบผละออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อไปทำภารกิจส่วนของเขาให้สำเร็จเนยยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางลานโคลีเซี่ยม เสียงรองเท้าของลูกน้องมาเฟียหลายสิบคนที่เดินเข้ามาใกล้ สร้างความก
ฮิโร่เป็นคนที่เงียบและเย็นชามาตลอด เขาไม่เคยแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์ออกมาให้ใครเห็นง่ายๆ การทำงานในเครือข่ายของเคน สอนให้เขารู้ว่าการเก็บอารมณ์ให้มั่นคงและมีสติ คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ภารกิจทุกอย่างสำเร็จได้แต่กับเนย...หญิงสาวที่เป็นเหมือนดั่งน้องสาว เธอกลายเป็นข้อยกเว้นในชีวิตของเขาโดยที่เขาเองก็ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมฮิโร่คอยเฝ้ามองเนยตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้าร่วมกับทีม การทำงานของเธอไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง เนยเป็นผู้หญิงที่เก่งกาจ แข็งแกร่ง คล่องตัว และมีความกล้าอย่างไม่ธรรมดาทุกครั้งที่เธอออกไปปฏิบัติการ เนยจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการต่อสู้และความเด็ดขาดที่หาได้ยากในผู้หญิงทั่วไป แต่ถึงแม้จะเก่งกาจเพียงใด ฮิโร่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงเธออยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภารกิจที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตคืนหนึ่งในช่วงที่ทุกคนในทีมต้องออกปฏิบัติการลับ เนยต้องบุกเข้าไปในฐานลับของแก๊งค้ายาที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายของแบล็ควอล์คข้อมูลที่พวกเขาได้รับมาชี้ชัดว่าแก๊งนี้กำลังเคลื่อนย้ายสินค้าออกจากเมือง ซึ่งเป็นการกระทำที่รุกล้ำเข้ามาในเขตของเคนโดยตรง และในคืนที่อันตรายนี้ ฮิโร่ได้รับหน้าที่คอยสน
หลังจากลาพักร้อนไปสามวัน เนยก็กลับมาทำงานอย่างวุ่นวายตามปกติ ช่วงสิ้นเดือนเป็นช่วงที่ทุกอย่างดูเร่งรีบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพบลูกค้าตามตารางที่พี่เหมยจัดไว้ หรือการเร่งปิดยอดขายประจำเดือนให้ทันเวลา ทุกอย่างทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังวิ่งแข่งกับเวลาถึงจะเหนื่อยแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เนยรู้สึกโล่งใจและดีใจมากที่สุดคือ พี่เหมยกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ที่สำคัญ พี่เหมยยังบอกว่าเลิกเล่นแอปหาคู่เด็ดขาด ซึ่งทำให้บรรดาคนที่แอบชอบพี่เหมยเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะพี่พล หัวหน้าช่างวิศวะที่เคยตามจีบพี่เหมยมาตลอด การที่พี่เหมยกลับมาโสดทำให้เขาดูมีความหวังและกระตือรือร้นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเนยยิ้มขำในใจเมื่อเห็นพี่พลพยายามทำคะแนนกับพี่เหมยอย่างจริงจัง ขณะที่ตัวเธอก็ต้องกลับมารับมือกับงานที่กองท่วมตัวอีกครั้ง“เหนื่อยมั้ย?” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับถ้วยเยลลี่ที่ถูกวางลงตรงหน้าเนย“อ๊ะ กำลังต้องการเลย” เนยตาโตด้วยความดีใจ รีบคว้าถ้วยเยลลี่สุดโปรดมาทันที“ต้องการฉันเหรอ?” เบียร์กระซิบข้างหูของเธอเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เนยสะดุ้งเล็กน้อย พลางตวัดสายตาคมหันไปค้อนใส่เขา
“เมื่อไหร่จะย้ายมาอยู่กับฉัน...” เบียร์พึมพำเสียงแหบพร่า ขณะที่ปลายลิ้นของเขาลากผ่านยอดอกของเนยอย่างช้า ๆ ก่อนจะกดลิ้นลงบนยอดอก แล้วเริ่มเลียวนรอบอย่างชำนาญ ทำให้เนยครางออกมาอย่างหนักหน่วง“อ๊ะ...อ๊า...นาย...ถามอะไรตอนนี้...อื๊อ...”เนยพยายามตอบ แต่เสียงครางหวานของเธอกลบทุกคำพูดจนหมด เล็บของเธอข่วนลงบนแผ่นหลังของเขาเป็นรอยแดง เพื่อบรรเทาความเสียวซ่านที่พลุ่งพล่านขึ้นในตัวขณะที่ริมฝีปากของเบียร์ยังคงเล้าโลมยอดอกอย่างต่อเนื่อง ร่างกายส่วนล่างของเขาก็เร่งจังหวะดุดันมากขึ้น ทำให้เนยยิ่งรู้สึกเสียวสะท้านไปทั้งตัว ความเร่าร้อนท่วมท้นในทุกสัมผัสของเขาทำให้เธอไม่อาจต้านทานได้“อยากให้เธอมา ...” เบียร์พึมพำเบา ๆ ขณะที่ลิ้นของเขายังคงไล้วนรอบยอดอกของเนย จากนั้นเขาเม้มดูดยอดอกเบา ๆ ก่อนจะเพิ่มแรงดูด ทำให้ร่างกายของเนยสั่นสะท้าน ความเชี่ยวชาญของเขาในทุกสัมผัสทำให้ความรู้สึกของเธอท่วมท้นขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอครางออกมาอย่างต่อเนื่องยิ่งร่างกายส่วนล่างของเบียร์ดันเข้ามาลึกและหนักแน่นมากขึ้นในทุกจังหวะ ความเสียวซ่านในตัวเนยก็ยิ่งทวีคูณ เธอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ความรู้สึกใกล้ถึงจุดสุดยอดเข้าครอบงำร่างกายข
ขณะที่เนยกำลังนั่งในคาเฟ่ ‘ลาโซล’ (La Sol) ที่ตั้งอยู่กลางใจเมือง รอพบลูกค้าตามตารางงานที่พี่เหมยจัดไว้ ความคิดของเธอก็เริ่มล่องลอยไปถึงบทสนทนากับเบียร์เมื่อคืนที่เขาชวนให้เธอย้ายมาอยู่ด้วยกันเธอนั่งมองไปนอกหน้าต่าง หยิบกาแฟขึ้นจิบเบาๆ พลางคิดถึงเรื่องที่ทำให้เธอต้องคิดวนเวียนอยู่ในหัวตั้งแต่เมื่อคืน‘เมื่อไหร่จะย้ายมาอยู่กับฉัน?’ คำถามของเบียร์ยังคงก้องอยู่ในใจ มันทำให้เธอต้องหยุดคิดทบทวนอีกครั้งทุกครั้งที่เธอหายไปค้างที่คอนโดของเบียร์ เธอจะบอกกับพ่อแม่ว่าไปค้างกับแพร เพื่อนสนิทที่ครอบครัวไว้ใจ แต่เธอรู้ดีว่าพ่อของเธอค่อนข้างหวงเธอมาก และอาจไม่ชอบใจนักหากรู้ว่าเธอไปค้างกับผู้ชายเนยถอนหายใจเบาๆ พลางกวาดสายตามองบรรยากาศในร้านลาโซลที่เงียบสงบ เธอรู้ว่าการย้ายไปอยู่กับเบียร์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต และเธอก็ยังไม่แน่ใจว่าพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นหรือไม่นอกจากเรื่องของครอบครัวที่เธอต้องคิด การอยู่ร่วมกับเบียร์ตลอดเวลาจะเป็นอย่างไร?เขาทั้งเป็นเพื่อนสนิท เป็นคู่รัก และเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีที่พึ่งพิง ถึงบางครั้งเขาจะมีนิสัยที่เจ้าชู้และขี้เ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ