คำสาปแห่งความแค้นหลังจากวันที่หัวใจของกานต์รวีถูกฉีกกระชากด้วยภาพที่ไม่อาจลืมได้ เธอตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีทางหวนกลับ—เธอจะทำทุกอย่างเพื่อทวงคืนสิ่งที่เธอเชื่อว่าถูกแย่งชิงไป แม้กระทั่งต้องหันหน้าเข้าสู่โลกของมนตร์ดำค่ำคืนนั้น กานต์รวีขับรถไปตามถนนที่มืดสลัว เธอมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก สถานที่ที่เธอได้ยินมาว่ามีหมอผีผู้เชี่ยวชาญในวิชาอาคมดำ ชายผู้มีชื่อเสียงเรื่องการเสกคำสาปที่ร้ายกาจที่สุด—หมอผีคำดำบ้านของหมอผีคำแสนตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน บรรยากาศรอบตัวมืดมิดและเงียบสงบ แต่กลับมีความรู้สึกถึงความไม่ปกติในอากาศ ต้นไม้ใหญ่ที่ล้อมรอบบ้านสูงชะลูดราวกับจะปกปิดสิ่งลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใน กานต์รวีหยุดรถและก้าวลงมา รู้สึกถึงความเย็นเฉียบที่ไล่ลามไปทั่วร่างกายกานต์รวีเดินเข้าไปในป่าทึบที่ปกคลุมด้วยเงาของต้นไม้สูงใหญ่ แสงจันทร์เพียงน้อยนิดที่ส่องผ่านใบไม้ลงมายังพื้นดิน ไม่อาจทำให้ความมืดมิดในใจเธอลดลงได้ แต่ละก้าวที่เดินผ่านทางเดินแคบๆ ในป่านั้น เต็มไปด้วยความโกรธและความแค้นที่ซ่อนอยู่ในหัวใจปลายทางของเธอคือกระท่อมหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ลึกในป่า กระท่อมที่ว่า
ความหวังสุดท้ายหลังจากที่ณัฐรินีย์ถูกนำตัวออกจากห้องฉุกเฉินในสภาพที่อ่อนแรงและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอถูกย้ายไปยังห้องพักฟื้นแบบวีไอพี ธีรเทพเฝ้าอยู่ข้างเตียงด้วยความกังวลใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความวิตกและความสิ้นหวัง เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอจึงรุนแรงถึงเพียงนี้แต่ความหวังหนึ่งยังคงอยู่ในใจของเขา—อาคิราและกฤติน ทั้งสองเป็นผู้ที่เขารู้ว่ามีความรู้และความสามารถทางด้านจิตวิญญาณ และอาจช่วยให้ณัฐรินีย์พ้นจากความทรมานนี้ได้ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้นจากทางเดินหน้าห้องพักฟื้น ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว และอาคิรากับกฤตินก็ก้าวเข้ามาภายในห้อง“นี่มัน...” อาคิราหน้าซีด ผงะถอยหลังไปทันที“....” กฤตินจับตัวอาคิราไว้ สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นมาทันที“ช่วยณัฐที...” ธีรเทพหันมามองพวกเขา ดวงตาแดงก่ำจากการเฝ้าดูแลคนที่เขารัก“เธอยังทรมานอยู่ แพทย์บอกว่าไม่พบสาเหตุทางกายภาพที่ชัดเจน แต่ความเจ็บปวดมันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะทนไหว”กฤตินเดินเข้าไปใกล้เตียงของณัฐรินีย์ มองดูเธอที่นอนหลับอย่างไม่สงบ ร่างกายของเธอสั่นไหวเป็นระยะจากความเจ็บปวดที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้
การลงทัณฑ์ที่ไม่มีวันสิ้นสุดในคืนที่มืดมิดและเงียบสงัด ไม่มีแสงสว่างใด ๆ ส่องเข้ามาในห้องของกานต์รวี ความหนาวเย็นที่ผิดปกติแผ่ซ่านไปทั่วทุกมุมห้อง ราวกับว่ามันเป็นลางบอกเหตุถึงบางสิ่งที่ชั่วร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆกานต์รวีนอนหลับอย่างสบายใจในคอนโดแสนหรูของเธอ หลังจากที่เธอได้สั่งให้หมอผีเสกหนังควายเข้าท้องณัฐรินีย์ ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ เธอฝันหวานถึงอนาคตที่จะกลับไปคืนดีกับธีรเทพอีกครั้งภายนอกหน้าต่างของคอนโด โซระและอาเรียกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ ดวงตาของพวกเขาจับจ้องไปยังร่างของกานต์รวีที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจ“โซระ เจ้าจะเอาไง?” อาเรียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“มนุษย์ผู้นี้ควรได้รับการลงโทษ ข้าจะจัดการเอง” โซระยิ้มชั่วร้าย“ดี งั้นไอ้หมอผีนั่น ข้าจะจัดการเอง” ดวงตาของเธอเปล่งประกายสีแดงเข้ม แฝงไปด้วยความเย็นชาและพึงพอใจในคำตอบของเขาโซระพยักหน้าเบาๆ อาเรียยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของเธอจะหายวับไปในอากาศ ทิ้งให้โซระลอยตัวอยู่เพียงลำพังในความเงียบสงบกานต์รวีที่นอนอยู่บนเตียงหรู รู้สึกถึงความอึดอัดที่เริ่มขึ้นในท้องของเธอ ขณะที่เวลาผ่านไป ความรู้
หนึ่งเดือนต่อมาในเวลาพักเที่ยงของวันทำงาน ห้องอาหารของบริษัทคึกคักไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของพนักงานที่มารวมตัวกันเพื่อพักผ่อนและเติมพลังงานสำหรับช่วงบ่าย หนึ่งในมุมนั้น มีโต๊ะเล็ก ๆ ที่ณัฐรินีย์และอาคิรากำลังนั่งคุยกันอยู่ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเองบนถาดอาหารของณัฐรินีย์ เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายจานที่ดูน่ากิน ทั้งสลัดผักสด ข้าวหน้าปลาแซลมอนซอสเทอริยากิ ซุปมิโซะ และของหวานที่เป็นพุดดิ้งชาเขียว อาหารเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอาหารที่เธอโปรดปรานและบ่งบอกถึงความกระหายที่เธอพยายามเติมเต็มหลังจากช่วงเวลาที่เธอต้องทนทุกข์จากอาการป่วยอาคิรามองดูถาดอาหารของณัฐรินีย์ด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้า“ดูเหมือนเธอจะหิวมากเลยนะ” เธอพูดแซวเบา ๆ“แสดงว่าอาการดีขึ้นมากแล้วใช่มะ?”“อื้อ” ณัฐรินีย์ยิ้มตอบ ขณะที่ตักสลัดผักเข้าปาก“ต้องขอบคุณเธอกับคุณกฤตมากเลยอะ”“ดีแล้วอะ ฉันกลัวเธอจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้วซะอีก” อาคิราพูดด้วยน้ำเสียงที่โล่งใจขณะที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากันอย่างเป็นกันเอง ทันใดนั้น พนักงานรุ่นพี่คนหนึ่งที่ชื่อพิมรดาเดินเข้ามาในห้องอาหาร ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
หลังจากเหตุการณ์อันโหดร้ายที่ผ่านพ้นไป ธีรเทพตัดสินใจพาณัฐรินีย์ไปเยี่ยมกานต์รวีที่โรงพยาบาล แม้จะมีอดีตที่ไม่ค่อยดีต่อกัน แต่ธีรเทพก็รู้สึกว่าเขาควรไปพบกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากได้ยินข่าวจากพลเมืองดีที่พบกานต์รวีในสภาพที่น่าหวาดหวั่นภายในคอนโดของเธอณัฐรินีย์นั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ ธีรเทพในรถ ใจของเธอเต็มไปด้วยความกังวล แม้จะมีความโกรธเคืองต่อกานต์รวีกับสิ่งที่เธอทำ แต่ความเห็นใจต่อความทุกข์ทรมานที่กานต์รวีต้องเผชิญก็ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวยามบ่ายในโรงพยาบาล บรรยากาศเงียบสงัด เสียงเครื่องตรวจจับจังหวะการเต้นของหัวใจดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ท่ามกลางความเงียบของสถานพยาบาล ธีรเทพและณัฐรินีย์กำลังเดินไปยังห้องผู้ป่วยที่กานต์รวีถูกพาตัวมารักษาเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วย ธีรเทพหยุดยืนหน้าประตู เขาหายใจลึกและเปิดประตูอย่างเบามือ ภายในห้องนั้นมืดสลัว มีเพียงแสงจากหน้าต่างที่ส่องเข้ามาเพียงเล็กน้อย เมื่อเขาก้าวเข้าไปใกล้เตียง ความรู้สึกเย็นเยียบก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง เขาเห็นร่างของกานต์รวีที่นอนอยู่บนเตียงในสภาพที่เขาแทบจำไม่ได้กานต์รวีที่เคยเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจและเสน่ห์อันร้อนแร
ยามเย็นที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจากฟ้าใสเป็นสีส้มแดง ญาณวดีซ่อนตัวอยู่ในมุมเงียบแห่งหนึ่งของเมือง สายตาของเธอจับจ้องไปที่ชายคนหนึ่งที่เดินอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาคือก้องเกียรติ ชายที่เธอเคยรัก แต่บัดนี้เขาเป็นเพียงแค่เป้าหมายของความแค้นที่เธอถือไว้ในหัวใจญาณวดีคอยตามติดก้องเกียรติไปทุกที่เธอเฝ้ามองดูเขาจากระยะไกล ราวกับเป็นเงาที่ไม่อาจหนีจากได้ ไม่ว่าก้องเกียรติจะไปที่ไหน ญาณวดีก็จะตามติดเขาไปอย่างเงียบๆ รอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อทำสิ่งที่เธอวางแผนไว้ใจของญาณวดีเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความแค้นที่ไม่มีวันจางหาย ความรู้สึกที่เคยมีต่อก้องเกียรติบัดนี้กลายเป็นไฟแค้นที่ลุกโชนในใจของเธอ เธอรู้สึกถูกทรยศและหักหลังเมื่อรู้ว่าก้องเกียรติไม่ได้รักเธอจริง ๆ เขาแค่ใช้เธอเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายของตัวเองวันหนึ่ง ญาณวดีก็พบว่า ก้องเกียรตินัดพบกับอาคิรา หญิงสาวที่เธอรู้ดีว่าเคยเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ทั้งสองคนดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมเกินกว่าความเป็นเพื่อน ญาณวดีแอบซุ่มดูพวกเขาในมุมหนึ่งของร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ เธอเห็นก้องเกียรติและอาคิรานั่งคุยกันอย่างสนิทสนม สายตาของก้องเกียร
คุกกี้พิษภายในครัวที่เงียบสงบ แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็ก ๆ ทำให้ทุกอย่างในห้องดูอบอุ่นและสบายตา ญาณวดีนั่งอยู่ที่โต๊ะกลางครัว ขณะที่เธอเริ่มเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำคุกกี้ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นและความมุ่งหมายที่ไม่มีวันจางหายการทำคุกกี้เป็นสิ่งที่ญาณวดีทำเป็นประจำ เป็นงานอดิเรกที่เธอใช้เวลาทำเพื่อผ่อนคลายจิตใจ แต่วันนี้การทำคุกกี้ของเธอไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อความเพลิดเพลินเหมือนครั้งก่อน ๆ ในใจของเธอเต็มไปด้วยแผนการที่เธอได้วางไว้แยบยลญาณวดีเริ่มต้นด้วยการผสมแป้ง น้ำตาล เนย และวัตถุดิบต่าง ๆ ลงในชามขนาดใหญ่ ขณะที่เธอตีส่วนผสมเหล่านั้นเข้าด้วยกัน กลิ่นหอมของคุกกี้ที่เริ่มก่อตัวขึ้นในอากาศทำให้บรรยากาศในครัวดูอบอุ่นและเชิญชวน แต่ท่ามกลางกลิ่นหอมที่แสนอบอุ่นนี้ กลับซ่อนสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวไว้เมื่อส่วนผสมถูกตีจนเข้ากันดี ญาณวดีก็หยิบขวดแก้วสีดำทึบออกมาจากกระเป๋าของเธอ ขวดที่หมอผีสุบรรณได้มอบให้กับเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน ยาสั่งที่ถูกเตรียมไว้อย่างรอบคอบเพื่อการล้างแค้นอันเลือดเย็นเธอเปิดฝาขวดอย่างระมัดระวัง หยดของเหลวสีดำที่ดูเหมือนน้ำหมึกไหลลงไปในส่วนผสมของคุ
ภายในห้องนอนที่เงียบสงัด ไฟสีส้มอ่อนจากโคมไฟข้างเตียงส่องแสงอุ่น ๆ ท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องอวลไปด้วยกลิ่นอายของความสัมพันธ์ที่เพิ่งจบลง ท่ามกลางอากาศที่ยังคงอบอุ่นจากการร่วมรักอย่างเร่าร้อนและเข้มข้น ร่างของก้องเกียรติและญาณวดีนอนเคียงข้างกันบนเตียง สายลมเบา ๆ พัดผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้ ทำให้ผ้าม่านปลิวไหวเล็กน้อยญาณวดีนอนหายใจแผ่วเบา ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มที่ยากจะปิดบังได้ ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความพึงพอใจเธอหันมามองก้องเกียรติที่นอนอยู่ข้าง ๆ ความคิดในใจของเธอเต็มไปด้วยความสุขและความมั่นใจว่าในที่สุด ก้องเกียรติก็กลับมาหาเธอ และสิ่งที่เธอทำเพื่อกำจัดอาคิราได้ผลลัพธ์อย่างที่เธอต้องการ ดวงตาของเธอทอประกายแห่งชัยชนะ เธอรู้ดีว่าความพยายามของเธอในการทำให้ก้องเกียรติหันมาหาเธอนั้นไม่สูญเปล่า“ฉันรู้ว่าคุณต้องกลับมาหาฉัน...” ญาณวดีพึมพำเบา ๆ ราวกับพูดกับตัวเอง แต่ก็เหมือนจะพูดให้ก้องเกียรติได้ยินด้วยเช่นกันก้องเกียรติหันมามองเธอ ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาไม่ปฏิเสธว่ามีบางสิ่งกำลังดึงดูดให้เขากลับมาหาเธออีกครั้ง ถึงแม้ว่าความตั้งใจที่เขาจะกลับมาหาเธอ เพราะเป็
หลังจากที่พลังมืดที่เคยปกคลุมทุกชีวิตถูกทำลายลง ความสงบสุขก็กลับคืนมาอีกครั้ง กฤติน อาคิรา ธีรเทพและณัฐรินีย์ต่างหายใจโล่งขึ้น พวกเขาได้ผ่านพ้นความท้าทายและการต่อสู้อันโหดร้ายที่ทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นบรรยากาศในสวนหลังคฤหาสถ์เทวานุรักษ์นั้นชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ยามค่ำคืนที่อบอุ่นเต็มไปด้วยแสงเทียนที่ส่องสว่างรอบๆ พุ่มดอกไม้ เสียงลมพัดเบาๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบ บรรยากาศในวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน ทุกคนอยู่ด้วยกันเพื่อฉลองการเริ่มต้นใหม่ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ดอกไม้บานสะพรั่งรอบๆ สวน มีแสงเทียนนุ่มนวลที่ถูกจุดประดับประดา สร้างบรรยากาศโรแมนติกธีรเทพมองไปที่ณัฐรินีย์อย่างอ่อนโยน ขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขา เธอหัวเราะและพูดคุยกับอาคิราอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับดวงดาวธีรเทพรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความรักและความผูกพันที่เขามีต่อเธอ หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาที่ยากลำบากเขารู้ว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ความรักที่เ
เงาแห่งความสูญหายณัฐภัทรเดินเข้ามาในหอสมุดเทวานุรักษ์ด้วยท่าทางเร่งรีบ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความสับสน ขณะที่ก้าวเข้าไปในโถงทางเดิน หัวของเขาก็หมุนวนไปกับความคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเดินมาถึงห้องประชุมเล็กที่เขามักจะมาพูดคุยกับกฤติน เขาก็หยุดหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมความคิด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง กฤติน อาคิรา ธีรเทพ และณัฐรินีย์ ต่างกำลังนั่งทำงานอยู่ในส่วนของตนเอง บรรยากาศสงบเงียบ มีเสียงแผ่วเบาจากการพลิกกระดาษและพิมพ์แป้นพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ ทุกคนดูเหมือนจะมีสมาธิในงานที่ทำ จนกระทั่งณัฐภัทรก้าวเข้ามาในห้อง“ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” ณัฐภัทรพูดเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความเร่งด่วนในน้ำเสียง ทุกสายตาในห้องหันมามองเขาในทันทีอาคิราส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขา“คุณภัทร เชิญนั่งค่ะ” เธอเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร พร้อมดึงเก้าอี้ให้เขานั่งลงตรงข้ามกับกฤตินกฤตินสังเกตถึงท่าทางที่ไม่ปกติของณัฐภัทร เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่มองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยความสนใจณัฐภัทรนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว ก่อน
ชัญญาเดินวนไปมาภายในห้อง ความเงียบภายในห้องใหญ่ทำให้บรรยากาศโดยรอบยิ่งน่ากังวลมากขึ้น ทุกเสียงฝีเท้าที่เธอเดินสะท้อนกลับมาเหมือนเสียงกระทบจากความว่างเปล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอพยายามติดต่อหมอผียงซานหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย แม้แต่ข้อความหรือตอบกลับก็ไม่มี ทุกอย่างดูเงียบสงัดเหมือนคนที่หายไปในอากาศ ความกังวลเริ่มเกาะกินหัวใจของเธอ ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติเริ่มถาโถมเข้ามาแต่สิ่งที่ทำให้เธอหวาดกลัวมากกว่าการหายตัวไปของยงซาน คือเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เริ่มเกิดขึ้นกับเธอทุกคืน เหตุการณ์ที่เธอไม่อาจอธิบายได้ทุกคืน เมื่อเธอล้มตัวลงนอนในห้องนอนที่กว้างขวางและโดดเดี่ยว เธอกลับรู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ เธอ สัมผัสที่ลึกลับและอ่อนโยนเริ่มเข้ามาลูบไล้ร่างกายของเธอ ค่อยๆ แตะต้องเหมือนลมหายใจเบาๆ ที่คอยกระซิบข้างหู ร่างกายของเธอตอบสนองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความรู้สึกเสียวซ่านและหวานหวามไหลเวียนไปทั่วร่างกาย เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปตามผิวเนื้อของเธอในช่วงแรก ชัญญาพยายามจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ เธอคิดว่ามันอาจเป็นเพียงภาพหลอนจากควา
อาคิรายืนรออย่างกระวนกระวายอยู่ด้านหน้าของหอสมุด ความเงียบของยามค่ำคืนไม่ได้ช่วยให้เธอสงบลงได้แม้แต่น้อยหลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์จากกฤตินว่าเขากำลังจะกลับมาถึงในไม่ช้าหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นด้วยความกังวล เธออดคิดไม่ได้ว่าการต่อสู้ที่เขาเผชิญหน้ามาจะเป็นอย่างไร และเขาบาดเจ็บมากแค่ไหนไไม่นานนัก เธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอเดินตรงเข้ามาจากทางเข้าหอสมุด กฤตินดูเหนื่อยล้าและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลแม้ว่าเขาจะพยายามเดินอย่างมั่นคง แต่ความอ่อนล้าก็ปกคลุมอยู่บนใบหน้า อาคิราไม่รอช้า เธอวิ่งตรงไปหาเขาโดยไม่คิดอะไร โผเข้ากอดเขาแน่นทันที“ฉันกลับมาแล้ว”กฤตินยิ้มบางๆ ก่อนจะทิ้งกระเป๋าลงกับพื้นแล้วรับร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน อ้อมกอดของเธอให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอบโยน แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้าเพียงใด แต่การได้กลับมาหาเธอทำให้ความเจ็บปวดนั้นเบาบางลงไปในทันทีอาคิรากอดเขาแน่น ราวกับไม่ต้องการให้เขาห่างไปไหนอีก“กฤต...” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก แต่ทันใดนั้น กฤตินก็ครางออกมาเบาๆ“โอ๊ย...เบาหน่อยสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดที่พยายามเก็บไว้อาคิรารีบผละออกจากเขาทันที เธอ
หลังจากที่พลังมืดของยงซานถูกทำลายลง เหลือเพียงร่างกายของเขาเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ ยงซานมองไปที่กฤตินด้วยสายตาอาฆาตและความโกรธ แม้พลังมืดที่เคยครอบครองจะหายไปหมด แต่ร่างกายของยงซานยังแข็งแกร่งจากการฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปีกฤตินยกดาบขึ้นพร้อมจะจบการต่อสู้นี้ แต่ยงซานไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขารู้ว่าการใช้เพียงกายภาพอาจเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขารอดได้ ยงซานพุ่งเข้าหากฤตินอย่างรวดเร็ว กฤตินยกดาบขึ้นป้องกัน หมัดของยงซานกระแทกเข้ากับดาบเสียงดังสนั่น แรงนั้นทำให้กฤตินถอยหลังไปเล็กน้อยกฤตินและยงซาน ยืนประจันหน้ากันกลางลานโล่ง บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้งด้วยความเงียบ ราวกับธรรมชาติหยุดนิ่งเพื่อรอคอยผลการต่อสู้ครั้งนี้กฤตินที่ผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอย่างช่ำชอง ไม่ว่าจะเป็นไอคิโด เทควันโด และวิชาการต่อสู้แขนงอื่นๆ ยืนในท่าพร้อมรับมือ เขารู้ดีว่ายงซานเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตราย แม้พลังเวทจะหมดไปแล้ว แต่ร่างกายของเขายังสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงได้ทันใดนั้น ยงซานก็พุ่งเข้าโจมตีกฤตินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ หมัดแรกพุ่งตรงเข้าที่กลางลำตัวของกฤติน แต่กฤตินที่คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวแบบนี้หลบได้อย่างค
หมอผีเขมร ยงซาน ปรากฏตัวออกมาจากเงามืด ราวกับว่าเขาคือส่วนหนึ่งของความมืดนั้นเอง ทุกย่างก้าวของเขาเงียบสงัด แต่กลับสร้างแรงกดดันที่หนักอึ้ง บรรยากาศรอบตัวพลันหนาวเย็นลงเมื่อเขาเข้ามาใกล้ใบหน้าของยงซานที่ซ่อนอยู่ใต้เงาผ้าคลุมเผยออกมาเพียงบางส่วน ผิวของเขาคล้ำจากการใช้ชีวิตอยู่กับมนตร์ดำมาเนิ่นนาน ดวงตาสีดำสนิทของเขามองทะลุความมืด ลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับเป็นช่องว่างแห่งความสิ้นหวังที่ดูดกลืนทุกสิ่งที่มองเห็นดวงตาคู่นั้นไม่ได้สะท้อนแสงใดๆ แต่กลับเหมือนเป็นบ่อน้ำลึกที่เก็บกักความลับและความโหดเหี้ยมของโลกวิญญาณ ราวกับว่าความมืดทั้งหมดในโลกนี้ถูกกักขังอยู่ภายใน เขาสวมผ้าคลุมยาวสีดำที่พริ้วไหวตามการเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่เพราะสายลม ผ้าคลุมของเขาเหมือนมีชีวิต มันโอบรัดร่างของเขาอย่างแน่นหนา ราวกับจะปกป้องนายของมันจากสิ่งใดก็ตามที่พยายามเข้ามาใกล้อักขระโบราณสีเทาหม่นถูกปักลงบนผ้าคลุมนั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งมนตร์ดำที่ยงซานใช้ควบคุมวิญญาณชั่วร้าย และเหนือหัวของเขามีกลุ่มเงามืดหมุนวน วิญญาณร้ายหลายตนซ่อนตัวอยู่ในนั้น รอเพียงคำสั่งจากยงซานเพื่อปลดปล่อยความวินาศออกมา“พวกเจ้าช่างชักช้าจริง” ยงซานเอ่ยเสี
กฤตินยืนอยู่ตรงพรมแดนระหว่างไทยและเขมร สายลมอ่อนๆ พัดผ่านต้นไม้สูงในป่าทึบที่ล้อมรอบเขา เสียงใบไม้เสียดสีกันทำให้บรรยากาศรอบข้างดูเงียบสงัดและเคร่งเครียด สถานที่นี้เงียบเกินกว่าที่เขาคาดไว้ ราวกับธรรมชาติรับรู้ได้ถึงการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าข้างกายของกฤติน โซระวิญญาณเทพเจ้าที่มีรูปร่างเป็นเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน โซระดูนิ่งสงบ แต่เต็มไปด้วยความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู เขามีปีกสีดำที่ใหญ่โอบล้อมรอบตัวเล็กน้อย ราวกับเตรียมปกป้องกฤตินจากอันตรายที่กำลังจะมาถึงอีกด้านหนึ่ง อาเรีย วิญญาณเทพพิทักษ์ของอาคิรา เดินตามติดกฤตินอย่างใกล้ชิด แต่ต่างจากโซระที่เป็นเทพแห่งแสงสว่าง อาเรียคือเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายที่ทรงพลัง เธอมีพลังที่รุนแรงและดุดัน ดวงตาของเธอส่องประกายด้วยความหิวกระหายในการทำลายล้าง ใบหน้าของเธอดูแข็งแกร่งและมุ่งมั่น พร้อมที่จะบวกกับทุกสิ่งที่ขวางหน้าอาเรียไม่ใช่วิญญาณพิทักษ์ธรรมดา เธอคือเทพเจ้าที่มีพลังแห่งความมืดและการทำลายล้างอย่างแท้จริง เธอเป็นส่วนหนึ่งของอาคิรามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยจัดการวิญญาณที่แข็งแกร่ง หรือปกป้องยามเธอมี
กลางคืนที่เงียบสงบในคฤหาสน์ของกฤติน กลับเต็มไปด้วยความกังวลในใจของอาคิรา เธอนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ขณะกำลังแปรงผมยาวสลวยของตัวเอง แสงไฟจากโคมเล็กๆ ส่องแสงอ่อนๆ ให้เห็นเงาสะท้อนของเธอในกระจก จิตใจของเธอกำลังหมุนวนไปกับความคิดที่ไม่อาจสงบลงได้การต่อสู้กับหมอผีเขมรอย่างยงซาน เป็นสิ่งที่เธอกังวล แม้ว่ากฤตินจะบอกให้เธอวางใจว่าเขาสามารถจัดการได้ แต่ในใจของเธอยังคงไม่สามารถปล่อยวางได้ เธอรู้ว่าการต่อสู้นี้เต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้ เธอไม่อยากให้เขาไปเผชิญหน้าเพียงลำพังเสียงน้ำหยดลงจากฝักบัวในห้องน้ำข้างๆ หยุดลง กฤตินเพิ่งอาบน้ำเสร็จและนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมา ท่อนบนของเขาเปล่าเปลือย โชว์กล้ามท้องเป็นลอนสวยงาม เขาเดินเข้าไปโอบกอดเธอจากด้านหลังอย่างอ่อนโยน อ้อมแขนแข็งแรงของเขาสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับอาคิรา แม้ว่าความกังวลยังคงค้างคาอยู่ในใจเธอ“เป็นอะไร?” กฤตินจรดริมฝีปากที่ซอกหูของเธอ เสียงนุ่มนวลของเขาทำให้เธอใจเต้นแรง เธอวางแปรงผมลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วมองเงาสะท้อนของเขาในกระจก“ฉันจะไปด้วย” อาคิราพูดอย่างหนักแน่นกฤตินมองเธอในกระจก รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเ
“อึ๊..อ๊า...”เสียงหอบหายใจสะท้านก้องไปทั่วห้องที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแห่งมนตร์ดำ หมอผียงซานนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีชัญญานั่งคร่อมร่างของเขาอยู่ เธอกำลังโยกร่างกายส่วนล่างของเธอบดเบียดกับเขา“อื้ม..ดี..แรงอีกหน่อย...” หมอผียงซานพึมพำเสียงกระเส่า ใช้ฝ่ามือดันหลังของชัญญาให้แอ่นขึ้น พลางลากเรียวลิ้นไปบนยอดอกที่ชูชันของเธอ มืออีกข้างคลึงเคล้นหน้าอกของเธอ“อื้ม..อ๊ะ..เสียวจัง..” ชัญญาเสียวสะท้าน ครางกระเส่า บั้นท้ายของเธอบดขยี้และขยับเร็วขึ้น“อ๊ะ..อ๊า....”ไม่นานเสียงครางที่สุขสมของทั้งสองคนก็ดังขึ้น ชัญญาเกร็งร่างกระตุกก่อนจะซุกหน้าลงกับซอกคอของเขาอย่างอ่อนแรง สองแขนยังคงโอบคอของเขา“ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการกับเอกวัฒน์” หมอผียงซานกระซิบข้างหูชัญญา“.....” ชัญญาดันตัวขึ้นมองหน้าหมอผีหนุ่ม“ถ้าไม่ทำ ทุกสิ่งที่ทำมาจะสูญเปล่า” หมอผียงซานพูดเสียงเรียบ ใช้มือข้างหนึ่งปัดไรผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของเธอ“เจ้าเสียดายเขารึ?” หมอผียงซานมองนิ่ง ขณะที่มือของเขาเริ่มลูบไล้ไปตามเนินอกของเธอชัญญายิ้มเยือกเย็น สายตาเย็นชาและไร้ความรู้สึกใดๆ ต่อเอกวัฒน์ คนที่เธอเคยหลงใหลและหมายปอง ตอนนี้เหลือเพียงความว่างเป