ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 31 การตะโบมจูบแบบรุนแรงส่งผลให้ฉันตั้งรับไม่ทันพยายามจะขืนตัวออก แต่เก๋ากลับกอดรัดเอวกันไว้แน่น ทั้งยังอุ้มกันจนเท้าแทบจะไม่แตะพื้นมาทรุดลงที่เตียงแม้พยายามจะส่งสัญญาณขออากาศหายใจแต่คนด้านบนกลับยิ่งจูบแรงขึ้น เดาได้เลยว่าถ้ายังจูบแรงขนาดนี้กลีบปากจะต้องบวมฉึ่งเป็นแน่ “หยุดก่อน” พอได้จังหวะฉันก็รีบเบี่ยงหน้าหนี ทว่าไม่ได้ผลักตัวคนที่โถมทับอยู่ให้ห่างออกไป ไอ้อยากโดนมันก็ต้องอยากอยู่แล้วไม่งั้นจะอ่อยทำไม แต่อีกฝ่ายดูจะจูบแบบโมโหมากไปหน่อยเลยต้องขอเบรกสักนิด “จูบเบา ๆ หน่อยสิ…” น้ำเสียงที่เอ่ยตะกุกตะกักฟังดูช่างน่าขันเราสบตากันเงียบเชียบโดยที่เก๋าก็ไม่คิดจะผละไป และฉันเองก็ไม่ได้ผลักไส แต่อาการของฉันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ การที่ได้เห็นแววแปลกใจฉายในสีหน้าของคนกระทำเลยไม่น่าประหลาดใจนักเก๋าคงคิดว่าตัวเองคงโดนตบสักฉาด หรือโดนผลักจนกระเด็นไปทาง แต่ฉันกลับนอนนิ่ง และให้เดาตอนนี้พวงแก้มทั้งสองข้างคงจะแดงมากด้วย…“พี่ดื้อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?” คนที่เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อนคือคนด้านบน แน่นอนว่าฉันเถียง แต่ก็เถียงได้ไม
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 32 หนึ่งชั่วโมงต่อมา เก๋าเดินหายออกไปข้างนอกกับช้าง เดาว่าคงจะพากันออกไปสูบบุหรี่ และหลังจากกานต์ โต้ง และพายุ แหกปากร้องเพลงกันอยู่นานก็ดูจะเหนื่อยกันจนไม่มีแรงจะร้อง ไมค์โครโฟนเลยถูกส่งต่อมาให้ฉันซึ่งนั่งเสพบรรยากาศอยู่นานแทน เพราะทุกคนไม่มีใครทำทีท่าว่าจะล่วงเกิน หรือใช้คำพูดประเภทแทะโลมทำให้ฉันไม่เขินอายนักตอนที่จับไมค์ร้องเพลงดูบ้างระหว่างที่คนอื่นพักเหนื่อยเอาแรง ตอนแรกก็ว่าไม่อาย… แต่พอประตูห้องเปิดออก และสองคนที่หายไปนานกว่าสิบนาทีเดินกลับเข้ามาเท่านั้นแหละ เสียงร้องของฉันก็เกิดจะผิดคีย์ขึ้นมาทั้งอย่างนั้น ซ้ำยังร้องผิด ๆ ถูก ๆ อย่างน่าขัน จนชาวบ้านหนึ่งสองสามสี่ถึงกับขมวดคิ้วมอง “ไรเนี่ยเจ๊กานดา? ตอนแรกยังร้องเพราะ ๆ อยู่เลย” “จู่ ๆ ก็ผิดคีย์เฉย…” “แก้มือสักเพลงไหมพี่?” “…” ไม่ต้องสังเกตสังกากันให้มากนักได้ไหมไอ้เด็กพวกนี้! “กินข้าวกันที่นี่เลยไหม? กูจะได้สั่ง” ช้างเดินกลับมาเบียดตัวนั่งลงข้างกันพร้อมเอื้อ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 33 ฉันไม่กล้าที่จะตอบ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยแม้สักครั้งที่จะเป็นฝ่ายเริ่มทำอะไรแบบนี้ก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่ต้องรอฟังคำตอบเก๋าก็ตัดสินใจให้เอง ชั่วเสี้ยววินาทีริมฝีปากผ่าวร้อนก็ประกบเข้าหากลีบปากฉันแผ่วเบา ก่อนจะขยับเชื่องช้าสอดลิ้นเข้ามาทีละน้อยถึงจะไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ฉันก็ไม่คิดจะปฏิเสธ… เราจูบกันอยู่หลายนาทีท่ามกลางความเงียบ ไม่รู้ตอนไหนที่ฉันสอดแขนเข้ากอดท่อนบนเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย การแลกเปลี่ยนลมหายใจในครั้งนี้สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ อาจด้วยเพราะฉันปลุกคนที่หลับไปแล้วขึ้นมาจูบกลางดึกกลางดื่น ตัวเก๋าอาจจะจูบทั้งที่ยังรู้สึกง่วง ถึงกระนั้นก็รับบทลูกจ้างทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมสัมผัสเยียบเย็นเลื่อนเข้าสู่ใต้กางเกงนอน ฝ่ามือสากเลื่อนต่ำลงจนสัมผัสถึงบริเวณความอ่อนนุ่ม จูบถูกถอนออกในจังหวะเดียวกัน ทว่าดวงหน้าคมคายยังไม่ผละออกห่าง ยังคงนอนมองกันอยู่อย่างนั้น มันก็นานมากแล้วหลังจากครั้งแรก ครั้งเดียว และเป็นครั้งสุดท้ายจากครั้งกระโน้นที่เราไม่ได้อยู่ในสภาวะนี้ ฉ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 34 หลายวันต่อมา “ซื้ออะไรเยอะขนาดนี้?” “นาน ๆ ได้มาตลาดทีก็ต้องซื้อเยอะเป็นธรรมดา” “ค่อยมาซื้อเพิ่มวันหลังก็ได้ ตลาดมันก็อยู่ที่เดิม” “อันนี้เท่าไรคะ?” ฉันทำเป็นเมินเสียงบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุดของคนด้านหลังแล้วหันมาสอบถามราคาเสื้อผ้าน่ารักราคาย่อมเยาจากร้านรวงที่ตั้งแผงอยู่ระหว่างทางของซอยที่เรากำลังเดินอยู่ “สามร้อยบาทจ้ะหนู” “โป๊” นอกจากเสียงแม่ค้าที่บอกราคาสินค้าซึ่งเป็นเสื้อเอวลอยแบบผูกคอแล้ว ยังมีเสียงนกเสียงกาดังแทรกมาจากด้านหลังไม่หยุดอีกด้วย แต่เก๋าบ่นก็เท่านั้นเพราะยิ่งเห็นเจ้าตัวบ่นฉันก็ยิ่งอยากจะทำอะไรที่สวนทางกัน จะว่าเอาคืนก็ว่าได้ ไอ้นิสัยที่ชอบขัดมันทุกอย่างยิ่งกว่าสก็อตช์ไบร์ทแบบนั้น นานทีปีหนเท่านั้นแหละกานดาคนนี้ถึงจะได้เป็นผู้กำชัยชนะสักที หลังจากจ่ายเงินซื้อเสื้อตัวที่ว่าเรียบร้อย ถึงจะบ่นไม่หยุดปากแต่เก๋าก็ต้องเป็นคนหิ้วถุงพลาสติกพวกนั้นอยู่ดี “ตั้งแต่ผอมนี่ชักจะเอาใหญ่”คำพูดถากถางชนิดนี้ฉันได้
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 35 หนึ่งชั่วโมงต่อมา “ว้าย!” “…” “มายัง ๆ” “…” “น่ากลัวอะ เปลี่ยนเรื่องทันไหม?” “ก็ใครให้พี่เปิดหนังผีแบบนี้?” “ก็เขาว่ามันสนุก” “ถ้าสนุกจริงคงไม่ปิดตาแทบจะตลอดทั้งเรื่องงี้หรอก และกอดผมขนาดนี้มีจุดประสงค์แอบแฝงรึเปล่า?” เวร… ทำมารู้ทันอีก… เพราะโดนทักแบบตรงไปตรงมาทำให้ฉันต้องค่อย ๆ เลื่อนตัวออกห่างอย่างเนียน ๆ แม้ว่าเมื่อกี้แทบจะกอดแทบจะก่ายคนข้าง ๆ แบบที่เจ้าตัวว่าจริง ๆ แต่พอทำทีถอยห่างไอ้คนขี้จับผิดกลับหัวเราะเบา ๆ แล้วดึงเอวฉันกลับไปนอนซบเหมือนเดิม แขนที่กล้า ๆ กลัว ๆ จะกอดก็โดนคว้าไปพาดบนเอวแกร่งเหมือนเดิมอีกครั้ง ช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าตัวกลับพยักพเยิดให้หันไปมองภาพยนตร์ที่กำลังฉายอยู่บนจอทีวีห่างออกไปตรงปลายเตียง ท่ามกลางความมืดมีเพียงแสงจากหน้าจอโทรทัศน์เท่านั้นที่กำลังให้ความสว่าง เพราะฉันซบอยู่บริเวณแผ่นอกอบอุ่นทำให้กล้าที่จะลอบยิ้มออกมาคนเดียวแบบที่อีกคนคงจะไม่รู้ตัว แม้ผีกำลังโผล่ม
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 36 ฉันรู้สึกหน้าชา… สิ่งที่เฝ้าวนเวียนหาคำตอบอยู่ในหัวจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอนมาตลอดหลายวัน เฉลยชัดเอาตอนนี้เอง นอกจากเก๋าจะไม่ได้คิดอะไรแบบเดียวกัน มีแค่ฉันเท่านั้นที่ละเมอเพ้อพกไปเอง แต่การพูดแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากการบอกว่าทุกเรื่องระหว่างเราที่ผ่านมามันเป็นแค่เรื่องของสัญญา ไม่มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเราจะสนุกด้วยกันแค่ไหน ไม่ว่าจะเหมือนมีความสุขแค่ไหน แต่มันก็เป็นฉันที่คิดเอาเองฝ่ายเดียวว่าสิ่งที่ได้รับมันคือเรื่องจริง มีแค่เสี้ยวเล็ก ๆ ในความคิดเท่านั้นที่คิดไปว่าเป็นเพราะงานมันก็แย่ที่ดันคิดเข้าข้างตัวเองมากขนาดนี้ เป็นฉันเองที่คำนวณตาชั่งสองฝั่งในใจผิดพลาดไป ห้วงคิดพลันย้อนนึกกลับไปยังค่ำคืนหนึ่งที่เราสองคนเอ่ยปากท้าทายกัน… ‘ผมใจดีด้วยแบบนี้ พี่อย่ามาตกหลุมรักก็แล้วกัน’ ถึงตอนนี้ก็ได้ผลสรุปออกมาแล้ว ว่ากานดาคนนี้พ่ายแพ้หมดรูปจริง ๆ ความสงัดเงียบระหว่างเราต่างไปจากทุกที เก๋าเงียบไปแล้ว และเบนสายตามองไปทางอื่นด้วยสีหน้าลำบากใจ ฉันเองก็เงียบเหมื
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 37 เก๋าวันนี้เป็นวันที่ 3 ที่ผู้ว่าจ้างบอกให้ผมหยุดงาน…หลังจากคืนแรกที่ผมทำหน้าด้านแวะไปดูกานดาเพราะความเป็นห่วง พูดอยู่ได้ไม่กี่คำก็ถูกปิดประตูกระแทกหน้า คืนที่สองก็ไม่ได้ต่างกัน ซ้ำคืนหลังนี้ยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำกานดาก็ปิดประตูไล่ทันทีแต่คืนนี้มันจะไม่เป็นแบบนั้น ผมคิดมาแล้วว่าจะแวะเข้าไปตอนดึก ๆ หน่อย เจ้าของห้องเป็นคนนอนไว ซ้ำถ้าได้นอนหลับลึกแล้วจะไม่ค่อยตื่น และจากตรงนี้ผมก็คิดว่าเจ้าตัวคงไม่มีอารมณ์ลุกมาไล่แขกกลางดึกกลางดื่นแน่อีกอย่าง… ผมมีทั้งคีย์การ์ด ทั้งกุญแจห้อง จะต้องกลัวอะไร เข้านอกออกในได้สบายอยู่แล้วการสนทนากันอย่างจริงจังครั้งสุดท้ายของเรามันจบไม่สวยเท่าไรตอนที่ผมพูดไปว่าระหว่างเรามันก็แค่งานก็ถ้าบอกว่า เดาไม่ได้ว่ากานดากำลังคิดอะไร คงจะเป็นการตอแหลหน้าด้าน ๆแต่เพราะรู้ ผมถึงหลุดพูดออกไป…แรกเริ่มที่เราต่างฝ่ายต่างรู้จักกัน วันที่นั่งร่างสัญญาด้วยกันในคืนนั้นผมยังจำได้ดีทุกอย่าง ข้อสัญญาของเรามันค่อนข้างชัดว่าหลักแล้วเป็นเรื่องของผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายผมทำเพื่อเงิน ส่วนกานดาทำเพื่อจุดประสงค์ส่วนตัวอย่างการหาค
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 38 วันต่อมา ตลอดเช้าที่ผ่านมาช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัด ฉันต้องฝืนทำตัวเป็นปกติทั้งที่ในใจนั้นไม่ใช่เลย สามวันที่ผ่านมาแม้จะบอกให้เก๋าหยุดงานเพื่อที่ฉันจะได้ลองอยู่กับตัวเองดูบ้าง แต่คนที่ขีดเส้นความสัมพันธ์ของเรากลับเป็นฝ่ายมาเคาะประตูห้องทุกคืน ซ้ำยังทำหน้ามึนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่ว่ายังคงทำตัวเหมือนปกติทั้งที่สถานการณ์ระหว่างเรามันไม่ปกติเลยแม้แต่น้อย มีบ้างที่ดูจะปั้นหน้าไม่ถูกเวลาโดนพูดดักคอ แต่สุดท้ายเก๋าก็เต๊ะท่าทำนิ่งเฉยได้อยู่ดี วันนี้เป็นวันที่เราจะไปยังเกาะที่อยู่ห่างออกไปจากชายฝั่งของทะเลจังหวัดชลบุรี และรอบนี้ไม่ได้มีแค่ฉันกับเก๋า แต่เมื่อหลายวันก่อนฉันเองเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนเพื่อนของเก๋าไปด้วยกันเพราะทุกคนว่างและยังไม่ได้กลับไปเรียน มหา’ลัยยังไม่เปิดพวกนักศึกษาคงจะว่างอยากหาอะไรทำ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตอนนี้บนเรือสปีดโบตที่เราเหมาลำส่วนตัวถึงได้เห็นหน้าคนคุ้นเคยอย่าง ช้าง กานต์ และพายุ ซึ่งเป็นสามคนที่ว่างไปด้วยกันกับเรา ทุกอย่างมันก็ควรจะเป็นไป
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 3 หลายปีต่อมา เพราะมีบ้านแล้วและเพราะฉันว่างมากจากอาชีพเดิมคือการเป็นเทรดเดอร์ นอกจากวัน ๆ จะต้องนั่งเฝ้าจอดูราคาหุ้น ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดแทบจะตลอดเวลา ฉันก็ว่างแหละ ไม่ก็พยายามจะว่าง…ช่วงนี้ฉันตื่นแต่เช้าตรู่ทุกวัน จัดการทำข้าวกล่องส่งขายตามตลาดเช้าเพื่อหารายได้เพิ่มเติมจากรายได้เดิมที่มันก็ไม่ได้แย่อะไร และกว่าข้าวกล่องพวกนี้จะเสร็จก็กินเวลาเกือบเจ็ดโมงหากเป็นวันธรรมดาในเวลาเดียวกันนี้ จะได้เห็นร่างสูงของเก๋าในเชิ้ตกับสแล็กส์เรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะออกไปทำงาน แต่เพราะวันนี้เป็นวันหยุดจึงไม่ได้เห็นคนที่ว่าอยู่ในสภาพดังกล่าวฉันอาจจะลืมเล่าไปถึงเรื่องที่ว่า คนเป็นสามีเรียนจบวิศวะเครื่องกลมา และตอนนี้กำลังทำงานควบคุมออกแบบ ติดตั้งเครื่องจักรกลที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ถึงหน้าตาเก๋าเหมือนไม่ได้เรื่องสักเท่าไร แต่อย่างที่เห็นว่าพอจะได้เรื่องอยู่บ้าง วันนี้เป็นวันหยุดของเก๋า แต่กลับได้ยินเสียงคนที่ว่าดังมาจากทางห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่บริเวณส่วนหน้าของตัวบ้านตั้งแต่เวลาย่ำรุ่ง และไม่ใช่เสียงเก๋าคนเดียว… แต่ม
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 2 “คุณเป็นยังไงบ้าง?” น้ำเสียงติดขัดเอ่ยถามขึ้นก่อน สายตาจะเลื่อนขึ้นสบในวินาทีต่อมา “ชีวิตฉันตอนนี้ดีมาก ดียิ่งกว่าปีไหน ๆ”ฉันเอ่ยตอบในทันทีด้วยรอยยิ้ม แม้จะแฝงไปด้วยอารมณ์เกลียดขี้หน้าเหลือประมาณก็ตามที “ผมคิดถึงคุณนะ” คงเพราะสายตาสื่อความนัยแบบที่แค่มองก็รู้ว่าคิดอะไร ส่งผลให้รอยยิ้มของฉันคลายลงโดยอัตโนมัติ พึมพำตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะเค้นขู่ลอดไรฟัน “เกิดจะคิดถึงขึ้นมาได้เชียว” “เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไว้ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันไหม? ผมเป็นเจ้ามือเอง ยังไงก็คนคุ้นเคย…” คำว่า ‘คนคุ้นเคย’ กับการแสดงออกผ่านสายตาน่ารังเกียจ ทำเอาฉันรู้สึกอยากจะขย้อนอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ธนาก้าวเข้ามาอีกก้าวแล้วควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเข้าสู่หน้าแอปพลิเคชันสำหรับใช้ติดต่อ “พลอยคงจะเสียใจถ้ารู้ว่าคุณทำตัวแบบนี้” คนฟังระบายรอยยิ้มน่ารังเกียจอีกครั้ง แล้วกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงที่ยิ่งฟังยิ่งทุเรศหู “พลอยไม่รู้หรอก” แล้วก็ยื่นโทรศัพท์มา
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนพิเศษ 1 เขาว่ากันว่าเวรกรรมมีจริง ใครทำอะไรมักจะได้อย่างนั้น ผลของการกระทำมักจะเข้าเล่นงานแบบไม่ทันให้ตั้งตัว… ห้างสรรพสินค้า S ฉันกับเก๋าเราออกมาซื้อข้าวของเครื่องใช้เตรียมตัวย้ายเข้าสู่เรือนหอของเราทั้งคู่ หลังจากงานแต่งผ่านพ้นไปได้ร่วมสองเดือน และแน่นอนว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายที่เมื่อแรกเจอเราทั้งคู่กัดกันยิ่งกว่าอะไร… “ที่รัก” “…” “ที่รัก” “…” “กานดา” “ฮะ?” เพราะฉันกำลังให้ความสนใจกับของตกแต่งบ้านชิ้นหนึ่งที่ดูแล้วเหมาะน่าจะเอาไปตั้งในห้องนอนของเรา เลยไม่ทันได้ยินเสียงของคนด้านหลัง หันไปมองก็พบว่าคนเรียกกำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกง สีหน้าเบื่อหน่ายฉายชัด “ทำไมจะต้องสรรหาสรรพนามอื่นมาเรียกกันด้วย? ผมเรียก พี่ก็ไม่หันอยู่ดี” “เมื่อกี้ไม่ได้ยิน เรียกอีกที ๆ” “…” ฉันที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำผิดข้อตกลงเรื่องล่าสุดระหว่างเราจำต้องรีบหมุนตัวกลับอีกครั้ง แสร้งทำเป็นดูของตกแต่งชิ้
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 52 สามปีต่อมา ฉันหมดแรงทิ้งเข่าทรุดกายลงตรงจุดซึ่งมีธงปักอยู่บ่งบอกว่าเราได้มาถึงจุดสูงสุดของยอดเขาซึ่งอยู่ทางแถบภาคตะวันตกของประเทศเป็นที่เรียบร้อย ด้านบนนี้ลมพัดแรงจนผมเผ้าที่รวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลังสะบัดปลิวพลิ้วไหว ขายาวของคนที่มาด้วยกัน หยุดยืนลงที่ด้านข้าง เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเก๋านั้นไม่ได้ดูหมดสิ้นเรี่ยวแรง กระทั่งแสดงออกว่าเหนื่อยสักนิดก็ยังไม่มี คนเป็นแฟนยืนทิ้งเข่า ยกขวดน้ำขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสบาย ๆ สายตาทอดมองไปยังเบื้องหน้าซึ่งเป็นภาพของเหล่าภูเขาสลับซับซ้อนเรียงรายมองไปไกลสุดลูกหูลูกตา ก่อนนัยน์ตาซึ่งหรี่เล็กน้อยเพราะแรงลมจะเลื่อนต่ำลงมองสภาพของฉันด้วยสายตาที่บ่งชัดว่ากำลังสมน้ำหน้ากัน โอเค…ฉันมันบ้าเองที่อยากจะเดินป่าขึ้นเขาขึ้นดอยให้ได้ และตอนแรกเก๋าก็ไม่เห็นด้วยกับการทำอะไรประเภทนี้ถึงแม้ฉันจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำก็จริง แต่เพราะยังไม่เคยทำกิจกรรมอย่างนี้มาก่อนเลยทำให้คนเป็นแฟนมีทีท่าไม่เห็นด้วยอย่างที่บอกเก๋าค้านว่า อย่างน้อยเราก็ต้องมีประสบการณ์เดินทางไกล หรือไม่ก็ต้อ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 51 หนึ่งเดือนต่อมา ร่างกายร้อนผ่าวของฉันนอนทาบทับคร่อมเรียวขาอยู่เหนือเรือนร่างเปลือยเปล่าของเก๋า ก้นสองข้างกำลังถูกฝ่ามือหนาจับสับโยกเข้าหาความแข็งขืนของตัวตนที่ผงาดกร้าวตั้งเป็นลำตอนนี้เป็นเวลาตีห้าเกือบจะหกโมงเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น แต่แค่เรานอนกอดนอนเกยกันนิดเดียวก็เกิดจะปลุกเปลวเพลิงให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาได้ เสียงร่องเนื้อรูดขึ้นลงตามจังหวะการทิ้งสะโพกเป็นเสียงเดียวที่ดังอยู่ในขณะนี้ คนที่นอนอยู่ด้านล่างคลอเคลียจูบเข้าที่ซอกคอ หอมเข้าที่ข้างแก้มไม่หยุดมาตั้งแต่เราเริ่มบรรเลงบทรักเมื่อชั่วโมงก่อน “เสียวไหม?”เสียงห้าวแหบเอ่ยถาม ทั้งมือยังคงควบคุมจังหวะความเร็วอยู่อย่างนั้น ฉันเลื่อนริมฝีปากกระซิบเข้าที่ข้างหูของคนเป็นแฟนก่อนจะเอ่ยบอกเสียงพร่า“เสียวจนจะแตกอีกแล้ว”“ชอบของผมไหม?”เก๋าหยักยิ้มเอ่ยขอคำชมที่ก็มักจะขอเสมอ และฉันก็ให้คำตอบด้วยการออกแรงขย่มสับรัวเร็วอย่างเอาใจ พลางกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่พร่าสั่นหนักกว่าเดิม“ขึ้นให้ทุกเช้าแบบนี้ เธอคิดว่าชอบไหม?”“ชอบตรงไหน?”“ชอบทุกตรง”“ผมก็ชอ
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 50 หลายวันต่อมา หลายวันที่ผ่านไปคนที่บอกว่าจะจีบก็มาจีบทุกวัน เช้ารอบ เย็นอีกรอบ แต่ถ้าวันไหนติดงานแล้วมาไม่ได้ก็จะส่งกลอนหวานเลี่ยนมาทางแชตแทน แม้เป็นการจีบที่ไม่ได้เรื่อง แต่เก๋าก็ทำให้ฉันยิ้มได้ไม่หยุดและตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาค่ำแล้ว การได้เห็นเจ้าตัวปรากฏตัวจึงไม่ได้น่าแปลกใจเพราะก็มาอยู่ทุกวัน แต่วันนี้ต่างไปจากวันอื่นตรงที่เก๋าแบกเอากีตาร์มาด้วยร่างสูงอยู่ในชุดนิสิตเหมือนหลายวันที่ผ่านมาเพราะมหา’ลัยเปิดเรียนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ว่าก็ยังมีความพยายามที่จะขับมอเตอร์ไซค์มาหา“มาจีบ”ไม่ต้องรอให้ถามเจ้าตัวก็รีบชิงพูดขึ้นทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็เหมือนจะแกล้งกันเล่น เก๋าปลดกระเป๋ากีตาร์ออกจากหลัง ก่อนจะเริ่มทำการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด สายตาร้อนแรงจับจ้องมองกันแบบไม่วางตา“ถอดเสื้อถอดผ้าทำไม?”“ร้อน”“โกหก”“ใช่”“ถอดกางเกงทำไม?”“ร้อน”“เก๋า”“ใช่ ผมโกหก”ฉันหลุบตาลงมองนิยายในมือที่กำลังอ่านอยู่ขี้คร้านจะต่อล้อต่อเถียงด้วย กระทั่งพื้นที่ว่างบนเตียงยุบลงก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกทีเก๋าในสภาพกึ่งเปลือยมีกีตาร์วางพาดอยู่
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 49 ความเงียบ สายลม รวมถึงสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินได้ฟัง มันควรจะเป็นโมเมนต์สุดแสนโรแมนติก ทว่าฉันกลับไม่ได้รู้สึกดีใจอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อรู้ว่าเราสองคนใจตรงกัน ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะเอ่ยถามต่อ “แล้วหมวยจะไม่เป็นไรเหรอ?” “ไม่ต้องห่วง มีคนที่ดูแลหมวยได้ดีพอกับที่ผมทำช่วยรับหน้าที่ต่อแล้ว ถึงผมจะยังคงรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้น้องมัน แต่เรื่องอื่น ๆ น้องชายผมจะเป็นคนจัดการแทน” “เธอเคลียร์กับหมวยแล้วเหรอ?” “ผมบอกไปตรง ๆ ว่าผมชอบพี่ และเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ อันที่จริงก็ไม่ได้พูดครั้งแรกแต่พูดมาหลายครั้งแล้ว” “…” “และการตัดสินใจให้น้องผมเป็นคนดูแลหมวยต่อก็มีข้อดี หมวยจะได้ตัดใจจากผมได้สักที” “…” “และเพราะพี่เป็นแบบนี้ไง… ผมถึงได้ชอบ” เก๋าระบายรอยยิ้มอีกครั้งพลางก็ถอนหายใจเบา ๆ “ใครจะเห็นอกเห็นใจคนอื่นทั้งที่ไม่รู้จักกัน ใครจะปากแว้ด ๆ ๆ แต่จริงแล้วเป็นคนใจดี” “นี่ชมหรือด่า?” “
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 48 หลายวันต่อมา วันนี้ วันที่ยี่สิบพฤศจิกายน… ฉันในชุดเดรสสีชมพูอ่อน รวบผมเป็นหางม้า ใส่รองเท้าส้นสูงคู่ที่เพิ่งซื้อมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้ กำลังหมุนตัวซ้ายขวาตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องในช่วงเวลาเช้าตรู่ของวัน เพื่อไปงานแต่งงานของคนสองคนที่ครั้งหนึ่งเคยมีบทบาทมากมายในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของฉันตั้งแต่สมัยมัธยม มหา’ลัย กระทั่งเริ่มต้นทำงานอย่างจริงจัง งานแต่งของสองคนที่ว่าจัดขึ้นที่จังหวัดระยองซึ่งเป็นบ้านเกิดของธนาอดีตแฟนของฉันเอง พลอยส่งโลเคชันที่จัดงานมาให้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนแล้ว และถึงฉันจะไม่ได้ตอบรับว่าจะไป แต่ก็มีเก๋าเสนอหน้าช่วยตอบให้ ทั้งยังแนบรูปที่เป็นของเราสองคนส่งไปด้วย เก๋าบอกว่าเราเป็นแฟนกันทั้งที่ตอนนั้นเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่กี่วันเท่านั้น และถึงตอนนี้ไอ้คำว่าแฟนที่ว่าก็ยังไม่ได้เป็น ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพฯ มาถึงระยองกินเวลากว่าสามชั่วโมง มาถึงสถานที่จัดงานก็เป็นเวลาที่พิธีการเริ่มต้นขึ้นพอดิบพอดี งานแต่งงาน
ระหว่างนั้น ฉันตกหลุมรักตอนที่ 47 ยี่สิบนาทีต่อมา แน่นอนว่าผมรถล้ม… และเกือบจะได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาล แต่โชคยังดีที่ไม่ได้บาดเจ็บมากเท่าไรนัก ถึงแขนจะถลอก หน้าจะเกือบแหก แต่ก็ยังพอไหว… ความเร่งรีบทำให้ผมลืมแม้กระทั่งสิ่งสำคัญอย่างหมวกนิรภัยที่ปกติแล้วจะต้องใส่เสมอเพื่อความปลอดภัยของชีวิต แต่เพราะวันนี้จิตใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เรื่องที่ว่าไม่ควรจะลืมก็ดันมาลืมซะได้ แม้จะบาดเจ็บเล็กน้อย แม้ผิวเนื้อตรงจุดที่เลือดผุดซึมจะแสบ ๆ คัน ๆ แต่ก็ไม่มีเวลาให้สนใจ มาถึงคอนโดของกานดาได้ผมก็รีบวิ่งเข้าไปกระหน่ำกดลิฟต์ทันที มีลุงแช่ม รปภ. ประจำคอนโดรีบวิ่งตามเข้ามาด้วยอาการร้อนใจแทน ผมพยายามจะใจเย็นตอนที่บอกว่าไม่เป็นไรผมจะขึ้นไปดูเอง แต่ใจผมในตอนนี้มันเย็นแทบไม่ไหวแล้ว และทันทีที่กระหืดกระหอบวิ่งมาถึงหน้าห้องที่แสนจะคุ้นเคยก็รีบใช้กุญแจที่ตัวผมเองยังไม่ได้คืนให้เจ้าของห้องไขเข้าที่ลูกบิดทันทีพร้อมทั้งส่งเสียงเรียกไปด้วย “กานดา!” “…” “กานดา!” “…”