การพบปะครั้งนี้ดูเหมือนจะราบรื่นเกินกว่าที่คิดไว้ ครอบครัวคนไข้เข้าใจดีถึงความเสี่ยงของการผ่าตัดที่เธอพูดถึง พวกเขาขอร้องให้ฉินอันอันช่วยทำการรักษา ถึงแม้การผ่าตัดจะล้มเหลวก็ยอมรับได้ หลังจากการพูดคุยจบลง ฉินอันอันก็ออกมาจากบ้านของคนไข้ เธอหันไปมองวิลล่าที่อยู่ด้านหลังเธอแล้วขึ้นรถด้วยอารมณ์ที่จริงจังและหนักอึ้ง หลังจากบอดี้การ์ดเตือนให้เธอคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว เขาก็ขับรถไปบนถนนกว้าง เธออดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณเคยเห็นคนแปลกหน้าสองคนอยู่คนละประเทศแต่หน้าตาคล้ายกันมากหรือเปล่า?” บอดี้การ์ด “เจ้านาย ผมไม่ค่อยได้ไปเมืองนอก เลยแทบไม่รู้จักชาวต่างชาติเลยครับ” “งั้นคุณเคยเห็นคนแปลกหน้าที่มาจากประเทศเดียวกันแต่หน้าคล้ายกันมากไหม?” เธอเปลี่ยนคำพูด บอดี้การ์ดคิดอย่างละเอียดรอบคอบ “ผมรู้จักคนไม่มากนัก… แต่ผมคิดว่าสถานการณ์แบบนี้น่าจะมีอยู่ เพียงแต่มีน้อย คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นเรื่องแบบนี้ในข่าว... เจ้านาย ทำไมจู่ ๆ คุณถึงถามแบบนี้ล่ะครับ?” ฉินอันอันนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ส่ายหัว “ไม่มีอะไร พวกเราไปซื้อของที่ห้างกันเถอะ” บอดี้การ์ด “คุณต้องการซื้ออะไรเหรอครับ? ผมไปส่
“แต่ฉันรอเข้าไปดูแทบไม่ไหวแล้วค่ะ!” นั่วนั่วอ้อนวอน “พี่สือถิง พี่พาฉันเข้าไปดูได้ไหมคะ? ฉันสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาให้พี่ อีกอย่างฉันในฐานะที่เป็นแฟนตัวยงของดรีมซิตี้ พอฉันเข้าไปดูแล้วก็สามารถเสนอแนะและแบ่งปันความรู้สึกได้นะคะ!” ฟู่สือถิงคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ตอบตกลง ทุกคนสวมหมวกนิรภัยแล้วก็ตามผู้จัดการโครงการเข้าไปในสถานที่ก่อสร้าง ผู้จัดการโครงการแนะนำความคืบหน้าของการก่อสร้างแต่ละจุด ตลอดจนปริมาณงานที่ยังเหลืออยู่และระยะเวลาก่อสร้าง นั่วนั่วตั้งใจฟังอย่างละเอียดและตอบกลับเป็นครั้งคราว เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นแฟนตัวยงของดรีมซิดี้จริง ๆ “นั่วนั่ว หลังจากดรีมซิตี้สร้างเสร็จแล้ว ฉันย้ายเธอมาทำงานที่นี่ได้นะ” ฟู่สือถิงคิดว่าการตัดสินใจนี้จะทำให้เธอมีความสุขมาก แต่กลับไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเธอ “แบบนี้จะไม่ไกลจากลูกพี่ลูกน้องของฉันเหรอคะ?” เธอพึมพำ “พี่สือถิง ฉันมาเที่ยวที่นี่ได้ทุกอาทิตย์ แต่พี่ไม่ต้องย้ายฉันมาทำงานที่นี่ได้ไหมคะ?” ฟู่สือถิงเห็นเธอขมวดคิ้วและพูดออดอ้อนเสียงเบาแบบนี้แล้ว ใบหน้าของฉินอันอันปรากฏขึ้นในใจอีกครั้ง ! น้อยครั้งมากที่ฉินอันอันจะอ้อนเขาแบบนี้
เวลาสองทุ่ม รถโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่งค่อย ๆ ขับเข้าไปในคฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ไมค์ได้ยินเสียงจึงเดินออกมาจากคฤหาสน์ “ฟู่สือถิง คุณมาทำอะไรดึกดื่น?” ไมค์ล้อเลียนเสียงเย็นชา “คุณบอกว่าจะมาตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ? ฟ้ามืดขนาดนี้แล้ว บ่ายของคุณนี่ไม่เหมือนบ่ายของคนอื่นสินะ?” ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาเข้มขรึม “ผมมาตอนบ่ายกับมาตอนนี้มันต่างกันตรงไหน?” “ต่างกันอยู่แล้ว ถ้าคุณมาตอนบ่าย ฉินอันอันจะอยู่บ้าน แต่ถ้าคุณมาตอนนี้ ฉินอันอันไม่อยู่บ้านหรอก” ไมค์ยืนอยู่ในลานบ้านโดยไม่คิดที่จะเปิดประตู “งั้นผมไม่เชิญคุณเข้ามาก็แล้วกัน” ฟู่สือถิงตึงเครียด “เธอไปไหน?” “คุณบอกผมมาก่อนสิว่าตอนบ่ายคุณไปทำอะไรมา? ตอนแรกบอกว่าจะมาตอนบ่าย แล้วทำไมไม่มา?” ไมค์ถามอย่างมั่นใจ ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงกลิ้งขึ้นลงและเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เมื่อตอนบ่ายนั่วนั่วออกจากโรงพยาบาล ผมก็เลยไปรับเธอไปส่งที่บ้าน ครอบครัวของเธอยืนกรานที่จะรั้งผมให้ทานมื้อเย็นด้วยกัน ผมจึงปฏิเสธไม่ได้” ไมค์หัวเราะเยาะ “ถ้าครอบครัวของเธอสั่งให้คุณค้างคืน คุณก็คงปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันใช่ไหม?” ฟู่สือถิง “ค้างคืนแล้วไงล่ะ? คุณไม่มีสิทธิ
“งั้นเราอย่าไปพูดถึงเขาเลย” เว่ยเจินยิ้ม “วันนี้ดึกแล้ว ฉันต้องส่งอิ๋นอิ๋นกลับบ้านก่อน ไว้เราค่อยนัดกันใหม่นะ!” ฉินอันอันดูนาฬิกาแล้วพยักหน้า “พี่ไปก่อนเถอะ! ฉันจะนั่งสักพักแล้วคอยกลับ” เมื่อตอนบ่ายเธองีบหลับค่อนข้างนาน ตอนนี้จึงรู้สึกดีขึ้นแล้ว ลูกทั้งสองคนไม่อยู่บ้าน เธอกลับบ้านไปก็รู้สึกเบื่อ ดังนั้นเธอจึงอยากอยู่ข้างนอกสักพักหนึ่ง เธอเป็นคนนัดทานอาหารเย็นในคืนนี้ เธอเอาของฝากจากประเทศบีมาให้เขาทั้งสอง หลังจากที่พวกเขาออกไป เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและเห็นข้อความจากไมค์ : เขาไปแล้ว! เธอกลับมาได้แล้ว! ฉินอันอันตอบกลับ : ฉันไม่ได้ออกมากินข้าวนอกบ้านเพียงแค่จะหลีกเลี่ยงเขา นายช่วยหยุดคิดว่าฉันขี้ขลาดขนาดนั้นได้ไหม? ไมค์ : ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น! ฉันอยากให้เธอรีบกลับ ดึกแล้ว ข้างนอกไม่ปลอดภัย! ฉินอันอัน : ความปลอดภัยในที่สาธารณะของประเทศเราดีมากเลยนะ นายว่างขนาดนี้ทำไมไม่ไปเดทล่ะ? ไมค์ : ไม่ได้เจอเธอตั้งหลายวัน ฉันอยากใช้เวลาอยู่กับเธอบ้าง! ฉินอันอัน : งั้นฉันจะกลับเดี๋ยวนี้แหละ หลังจากส่งข้อความเสร็จ เธอก็หยิบกระเป๋าแล้วออกจากร้านอาหาร บ้านตระกูลฟู่
ไมค์เหลือบมองฉินอันอันแล้วถาม “เธออยากลงไปคุยกับเขาไหม?” ดูเหมือนว่าฉินอันอันจะไม่ได้ยินที่เขาพูด สายตาของเธอมองไปนอกหน้าต่างรถ วิญญาณของเธอถูกชายข้างนอกพาไปแล้ว ไมค์หยุดรถแล้วเปล่งเสียง “อันอัน ลงไปคุยกับเขาสิ” ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกตัวพลันเปิดประตูแล้วลงจากรถ ตอนที่เธอนั่งอยู่ในรถมีเครื่องปรับอากาศอยู่ เธอจึงไม่รู้สึกถึงความร้อนของภายนอก เมื่อเธอลงจากรถ คลื่นความร้อนก็ปะทะใบหน้าของเธอ ทำให้มีเหงื่อบาง ๆ ไหลออกมาบนหน้าผากเธออย่างรวดเร็ว เธอเห็นว่าผิวหน้าของฟู่สือถิงขึ้นสีแดงจากการถูกแสงแดดดา หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ และเสื้อเปียกโชกจนเกาะติดกับผิวหนัง เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาต้องท่ามกลางความร้อนที่แผดเผาแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว “คุณฉิน ในที่สุดคุณก็กลับมา ถ้าคุณไม่กลับ วันนี้ชีวิตเจ้านายของผมคงจบสิ้นที่นี่แล้ว” บอดี้การ์ดของฟู่สือถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เรามาที่นี่ตั้งแต่แปดโมงเช้าและรอจนกระทั่งตอนนี้เลยนะครับ!” ฉินอันอันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ และร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อย! เมื่อนึกถึงว่าเขาใช้เวลาทั้งวันอยู่กลางแสงแดด ทำให้เธอไม่สามารถระงับความโ
หลังจากที่เธอพูดจบก็เดินขึ้นไปชั้นบน วันนี้วิ่งเต้นแยู่ข้างนอกทั้งวัน ตอนนี้ร่างกายจึงอ่อนเพลียมาก หลังจากที่ไมค์มองเธอขึ้นไปชั้นบน เขาก็อุ้มรุ่ยลาแล้วเดินออกไป ทั้งสองมาที่ตู้เอทีเอ็ม ไมค์ค่อย ๆ สอดบัตร รหัสผ่านเขียนไว้ด้านหลังการ์ด เป็นวันเกิดของฉินอันอัน ดังนั้นจึงง่ายต่อการจดจำ หลังจากป้อนรหัสผ่าน ไมค์ก็กดปุ่มตรวจสอบ จู่ ๆ เลขศูนย์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ “...” ไมค์ถึงกับตาลาย! รุ่ยลาอุทาน “ลุงไมค์! มีเงินเท่าไหร่คะ?! เลขศูนย์เยอะจนนับไม่ถ้วนเลย! อุ๊ย!” ตัวเลขพวกนี้เกินกว่าความรู้ของรุ่ยลา ไมค์กระแอมแล้วปล่อยมือและนับเลขบนหน้าจอ จู่ ๆ รุ่ยลาก็ชี้ไปที่หมายเลขแรกบนหน้าจอแล้วพูดเสียงดังว่า “อันนี้เลขเจ็ดค่ะ” ไมค์ “...ที่รัก เธอขัดจังหวะลุงนะ! ลุงนับถึงไหนแล้วเนี่ย? โธ่!” “ลุงไมค์งี่เง่า! ถ่ายรูปแล้วเอาไปกลับไปถามแม่สิคะ! แม่หนูเห็นแวบแรกก็รู้แล้วค่ะ! ไม่ต้องนับนานเหมือนลุงหรอก!” รุ่ยลาทำหน้ามุ่ย “หรือไปถามแฟนของลุงก็ได้! เขาต้องฉลาดกว่าลุงแน่ ๆ!” ไมค์หน้าแดงเมื่อถูกยั่วยุ “รุ่ยลา ลุงรู้ว่าเท่าไหร่ ไม่ต้องนับหรอก เจ็ดพันล้าน” เนื่องจากฉินอันอันยั
เธอลุกขึ้นจากเตียงและจ้องไปที่หมายเลขโทรเข้าสักครู่ก่อนที่จะเผลอรับสาย คิดไม่ถึง หลังจากเชื่อมต่อสายแล้ว หน้าต่างวิดีโอก็ปรากฏขึ้น “แม่!” เสียงของเสี่ยวหานดังชัดเจน ฉินอันอันเห็นใบหน้าของเสี่ยวหานและพูดอย่างตื่นเต้น “เสี่ยวหาน! ลูกวิดีโอคอลหาแม่ได้ยังไง?” “ผมพิชิตเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้แล้วครับ แล้วโทรด้วยบัญชีเสมือน” เสี่ยวหานแสดงรอยยิ้มแบบที่หาได้ยาก “แม่ รุ่ยลากลับมาแล้วรึยังครับ?” “กลับมาแล้ว แต่เธอเพิ่งออกไปกับลุงไมค์ ยังไม่กลับเข้ามาเลย” ฉินอันอันยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวหาน ลูกชินกับการอยู่ที่นั่นหรือยัง? เมื่อวานครูโทรหาแม่และบอกว่าลูกรู้จักเด็กต่างชาติสองสามคน” “แม่ครับ ผมโตแล้ว แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” น้ำเสียงของเสี่ยวหานฟังดูเป็นลูกผู้ชาย “แม่จะไม่เป็นห่วงลูกได้ยังไงล่ะ? ถึงลูกจะโตแล้ว แม่ก็ยังเป็นห่วงลูกอยู่ดี” ฉินอันอันมองหน้าลูกชายของเธอ มองเท่าไหร่ก็ไม่พอ “อีกตั้งสิบวันกว่าจะได้เจอลูก!” “แม่ ผมจะโทรหาแม่ทุกคืนเลย ตกลงไหม?” “แบบนี้ผิดกฏหรือเปล่า?” ฉินอันอันถามอย่างกังวล “ถ้าคุณครูรู้จะโดนดุไหม?” “ไม่เป็นไรครับ ครูรู้ว่าผมวิดีโอคอลหาแม่ ผมวิดีโอคอลหาแม่
เสี่ยวหานวางสายวิดีโอ ไมค์อยากจะหัวเราะ แต่เมื่อเห็นสีหน้าสับสนอย่างน่ารักของรุ่ยลา เขาก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ เมื่อพวกเขาถึงกลับบ้าน ฉินอันอันจับมือเล็ก ๆ ของรุ่ยลา ก่อนที่เธอจะพูดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูด รุ่ยลาก็ชิงพูดก่อน “แม่คะ แม่ว่าหนูน่ารักไหมคะ?” “น่ารักสิ! รุ่ยลาของแม่เป็นเด็กน้อยที่น่ารักที่สุดในโลกเลย” “งั้นรอหนูเป็นดาราดัง หนูจะเอาเงินทั้งหมดที่หามาได้ให้แม่ดีไหมคะ? หนูเพิ่งบอกพี่ว่าจะให้เขาครึ่งหนึ่ง แต่เขาไม่เอา” ดวงตาของรุ่ยลาเป็นประกายราวกับดวงดาวและเต็มไปด้วยความหวัง จิตใจของฉินอันอันว่างเปล่าไปชั่วขณะ ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางคุยกับลูกสาวของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงพูดกับจิ้นซือเหนียน เธอส่งข้อความถึงจิ้นซือเหนียน เพื่ออธิบายเรื่องที่เธอคัดค้านไม่ให้รุ่ยลาเข้าวงการบันเทิง ครึ่งชั่วโมงต่อมาจิ้นซือเหนียนจึงตอบเธอ : แม้ว่ารุ่ยลาจะยังเด็ก แต่เราควรเคารพการตัดสินใจของเธอสิ วงการบันเทิงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ผมจะปกป้องเธอและจะไม่ปล่อยให้เธอเสียใจแน่ เชื่อผมสิ การเจรจาล้มเหลว เธอได้แต่ครุ่นคิดอย่างหนัก หากเคารพการตัดสินใจของรุ่ยลา และปล่อยให้เธอทำงานในว
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง