“ออกหนึ่งทุ่มเราจะไม่ทัน ว่าแต่แต่งตัวสวยๆ นะครับ” จบคำเขาก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะสูดดมความหอมอย่างถือสิทธิ์โดยไม่ได้เอาจมูกแตะเพราะเขายังมีมารยาทพอ อีกอย่างมันยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะทำ“ปล่อยได้แล้ว” เธอสั่งเสียงต่ำและดุเข้มจากนั้นจึงผลักเขาออกแรงๆ กระทั่งหลุด นิโคไลยักคิ้วใส่เธออย่างคนเจ้าเล่ห์แต่ไร้รอยยิ้ม เมื่อพอใจแล้วเขาจึงเดินไปที่ห้องแต่งตัว เลือกชุดที่ตัวเองต้องการอยู่สักพักแล้วจึงออกไปทันที เพื่อว่าเขาเองจะได้อาบน้ำแต่งตัวในอีกห้องนอนหนึ่งแต่เล็กกว่ามาก ซึ่งห้องนั้นเอาไว้รับรองแขกนั่นเอง ส่วนไอลดาเมื่อเห็นว่าเขาออกไปแล้ว จึงได้รีบเข้าไปอาบน้ำด้วยความรวดเร็ว แล้วออกมาแต่งตัวตามที่ตามที่เขาต้องการ เวลาผ่านไปนานพอสมควรสำหรับสุภาพสตรีในการแต่งองค์ทรงเครื่อง ไม่ว่าหน้าตาหรือผมเผ้าก็ต้องสวยเป๊ะ นิโคไลอดคิดไม่ได้ว่าหากไอลดาสวมใส่ชุดที่เขานำมาให้แล้วจะสวยแค่ไหน ต้องยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงไทยที่สวยมาก คิดว่าใส่ชุดอะไรก็คงสวยทั้งนั้น เขานั่งคิดไปพลางยิ้มไปพลางหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ เผลอลืมความกริ้วโกรธไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สำหรับนิโคไลนั้นเลือกชุดสูทสีดำเข้ารูปมาสวมใส่ พิเศษ
นิโคไลล็อกประตูเรียบร้อย แล้วจึงพาไอลดาเดินไปตามเส้นทางที่ส่งไปจนถึงส่วนที่เรือจอดอยู่ ระหว่างนี้บรรดาลูกค้าที่อยากจะมาดื่มด่ำกับอาหารสุดหรู พร้อมกับการล่องเรือชมแม่น้ำโปโตแมคเริ่มทยอยกันขึ้นเรือบ้างแล้ว เพราะเวลาหนึ่งทุ่มตรงเรือจะแล่น“เรือ Odyssey Washington” ไอลดากล่าวด้วยความทึ่งเมื่อเดินเข้ามาใกล้ๆ เรือ เพราะมันลำใหญ่มาก“เคยมาหรือเปล่า” นิโคไลถามเสียงเรียบ “ยังค่ะ ฉันไม่รู้ว่าจะมาทำไมและมากับใคร เพื่อนๆ ฉันก็ไม่มีรสนิยมแบบนี้” “ท่าทางคุณก็มีฐานะคนหนึ่ง ผมนึกว่าชอบอะไรหรูหราซะอีก” “ก็ชอบค่ะ แต่อย่างที่บอกไม่รู้จะมากับใครเหมือนกัน มาคนเดียวก็คงจะไม่สนุก” “คุณก็ได้มากับผมแล้วนี่ไง หวังว่าจะสนุกนะครับ” คงจะสนุกอยู่หรอกมากับผู้ชายที่รู้จักกันเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืน“เอ่อ จะพยายามค่ะ” ไอลดาตอบเสียงเรียบพลางมองไปเบื้องหน้า ขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นเรือโดยมีพนักงานต้อนรับผายมือเชิญ“ถึงกับต้องพยายามเลยเหรอ” นิโคไลอดถามไม่ได้“คุณก็รู้ว่าเรามาด้วยกันเพราะอะไร” นั่นสินะมันไม่ได้มีความหมายอะไรต่อกันเลย แต่ให้ตายสิ เขาไม่อยากให้คืนนี้ผ่านไปเร็วเลย อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะเขายังไม่ได้สอยเธอมานอ
“อยากทานอะไรอีกไหมครับ ผมจะสั่งให้” นิโคไลชวนเธอคุยเพื่อทำลายความเงียบเมื่อเห็นว่านิ่งไป “ไม่ล่ะค่ะ ฉันอิ่มแล้ว ถ้าไม่ว่าอะไรฉันจะดื่มไวน์” จะว่าไปแล้วมันเป็นเครื่องดื่มที่เธอชอบ แต่หากดื่มเข้าไปมากมีหวังเสียการควบคุมตัวเองเหมือนคราวที่ดื่มเตกีล่าเข้าไปแน่ๆ“เดี๋ยวผมดื่มเป็นเพื่อน” จบคำเขาก็รินไวน์ให้กับเธออีกครั้ง คราวนี้ภายในร่างกายเริ่มมีแอลกอฮอลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นิโคไลคอแข็งสำหรับเครื่องดื่มแบบนี้ ทว่ากับไอลดาเมื่อดื่มไปมากหน่อยก็ทำให้มึนได้เหมือนกัน แต่เกรงว่าจะเป็นเหมือนเมื่อคืนจึงต้องหยุดดื่มเสียก่อน เมื่อนิโคไลเห็นว่าเธอกำลังเมาได้ที่ เขาจึงลุกเดินเข้าไปหา พร้อมกับโน้มตัวลงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู“เต้นรำกับผมสักเพลงนะไอซ์” นิโคไลเอ่ยขอด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มและเรียกชื่อเล่นเธออย่างสนิทปาก ความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอตอบรับการขอเต้นรำด้วยความเต็มใจ มันเป็นอารมณ์อยากรู้อยากลองของคนที่มีแอลกอฮอลอยู่ในเส้นเลือดนั่นเอง“ค่ะ” ไอลดาตอบรับก่อนจะลุกขึ้น จากนั้นเขาจึงพยุงให้เธอเดินมาที่กลางโซน โดยที่เพลงบรรเลงไปเรื่อยๆ ขับกล่อมให้อารมณ์ของทั้งคู่โลดแล่นไปกับความโรแมนติก ไม่มีการถกเถียงหรือต่
“ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้คุณทำ ถือเสียว่าแกล้งออกเดตกับผม”“เราเพิ่งรู้จักกันและเริ่มต้นกันได้ไม่ดีเท่าไหร่”“งั้นเรามาเริ่มต้นกันใหม่ เดตกันตอนนี้เลย”“คุณไวไฟเกินไปหน่อยแล้ว”“ผมเชื่อว่าคุณก็ไม่ต่างกับผมสักเท่าไหร่”“ฉันไม่... ไม่... เอ่อ” ไอลดาจะบอกเขาอย่างไรดีล่ะว่าไม่ได้ไวไฟขนาดนั้น ทุกอย่างมันก็แค่การเสแสร้งเอาตัวรอด หัวดื้อหัวแข็งเพื่อผู้ชายจะได้ไม่ต้องเข้าใกล้เธอ ซึ่งอันที่จริงแล้วเธอก็อยากจะมีใครสักคน เพราะอายุขนาดนี้แล้วบางทีก็อดนึกถึงเรื่องเซ็กส์ด้วยความก๋ากั๋นไม่ได้ แต่เธอเองก็กล้าคิดเกินไปแล้ว“ไอซ์ ถ้าคิดว่าผมไวไฟ ก็ช่วยดับไฟให้ผมสิ” นิโคไลกระซิบเสียงนุ่ม ซึ่งเธอเข้าใจความหมายเป็นอย่างดี และเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รีบเงยหน้ามองเขาทันทีหวังจะสบตา เพื่อค้นหาความหมายในสิ่งที่เขาพูด แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดสนิทแน่นด้วยเรียวปากร้อนๆ ประทับจูบลงมาอย่างถือสิทธิ์ไอลดายืนนิ่งเหมือนช็อก ขณะที่เขากดจูบหน
มันอวบอิ่มสมกับรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของเธอ เขาไม่รอช้าก้มหน้าลงแล้วใช้ริมฝีปากพรมจูบอกอวบทั้งสองข้างสลับกัน ซุกไซ้จมูกสูดดมด้วยความพอใจ ความเสียวซ่านทำให้เธอดิ้นพล่านและกดศีรษะเขาเอาไว้อีกครั้ง พร้อมกันกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อกดกลั้นเสียงครางไม่ให้เล็ดลอดออกมา“อืม” ทว่าเสียงครางเล็ดลอดออกมาให้เขาได้ยินเพียงเล็กน้อย ขณะที่เธอหลับตาพริ้ม แอ่นกายขึ้นลงเป็นจังหวะ ระคนกับเสียงหายใจหอบพร่า ทุกอย่างแทบจะหมุนติ้วพาเธอทะยานไปสู่ห้วงอวกาศเมื่อปลายลิ้นร้อนส่งออกมาแตะที่บัวคู่งาม แล้วลากโลมเลียสลับกัน ทั้งขบเม้มและกัดเบาๆ มือหนาก็กุมขยำหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะสิ้นสุดลงด้วยการอ้าปากครอบครองเมล็ดทับทิมสีหวาน“อื้อ!” ไอลดาครางออกมาด้วยความเสียวซ่านที่เกินจะเก็บกด เพราะไม่เคยได้สัมผัสกับเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต เธอสะดุ้งเมื่อเรียวปากร้อนครอบครองและดูดเม้มหนักหน่วง ราวกับผีเสื้ออยากจะดื่มด่ำกับดอกบัวที่กำลังชูช่อล่อแมลงหนุ่ม“นิคกี้ อืม” เธอกดกลั้นเสียงครางไม่ได้อีกแล้วได้แต่ปลดปล่อยอารมณ์ไปตามใจปรารถนาและฤทธิ์แอลกอฮอล
แต่ยังไม่ทันให้ร่างกายเธอกลับเข้าที่ เขาก็ขยับริมฝีปากออกแล้วเคลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับเธอเอาไว้ ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองใบหน้าสวยหวานที่เต็มไปเม็ดเหงื่อซึมออกมา แล้วกดจูบที่ปากอิ่มเร่าร้อน ขณะที่มืออีกข้างซึ่งกอบกุมกายแกร่งเอาไว้ ก็จับมันถูไถกับเนินเนื้อนุ่ม บดเบียดกระตุ้นให้เธอมีความปรารถนาอีกครั้งกระทั่งเสียวซ่าน เขาจะไม่รั้งรออะไรอีกต่อไปแล้ว จึงตัดสินใจกดส่วนปลายของแท่งร้อนเข้าไปอย่างช้าๆ ทว่ากลับทำให้เธอสะดุ้งจนต้องยกมือขึ้นดันเขาออก“อื้อ!” ไอลดาร้องอื้ออึงเพราะความเจ็บ และทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระก็รีบทัดทาน“หยุด หยุดได้ไหมคะ พอก่อน” เธอบอกและหายใจหอบ พยายามกดกลั้นความเจ็บเอาไว้“ได้โปรด ผมหยุดไม่ได้ ให้ผมเถอะนะที่รัก” เขากระซิบเสียงหอบพร่าพร้อมกับกดสะโพกนำพากายแกร่งสอดแทรกเข้าไปอย่างช้าๆ“มะ ไม่... นิคคะเจ็บมาก” ใจหนึ่งก็ปรารถนา ทว่าไม่เคยถูกสัมผัสแตะต้องเช่นนี้ มันเจ็บแสบจนสุดจะบรรยาย“นะครับ นิดเดียวเจ็บแค่นิดเดียวเท่านั้น” เขาปลอบใจแ
“ฮ่าๆ คุณเป็นเลขาส่วนตัวของเขา หรือว่าเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจของเขากันแน่” ไอลดาหัวเราะร่าอย่างชอบใจ ทำให้เจอร์รี่นึกแปลกใจมากเลยทีเดียว เพราะปกติแล้วเธอมักวางตัวเคร่งขรึมไม่ยิ้มแย้ม“ก็ทำทุกอย่างครับ รวมถึงเก็บขยะบนเตียงด้วยในบางครั้ง” คำว่าขยะคงไม่ได้ประชดเธอหรอกมั้ง“ไม่ได้หมายถึงฉันใช่ไหมคะ” เธอถามตรงๆ เสียเลย“ผมบอกแล้วคุณสำคัญ เอาจริงนะจะเป็นไปได้ไหมครับ ถ้าคุณสองคนจะ...”“เจอร์รี่คะ มัน... ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ความรู้สึกของฉันบอกว่าเขาอยากเอาชนะฉันเท่านั้น เขาอยากให้ฉันขอโทษเพราะคิดว่าฉันผิด” “ผมก็คิดว่าคุณผิดที่หนีเขามา น่าจะบอกเขาสักนิด ว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี ทำแบบนี้เหมือนทิ้งให้เขาสับสนอยู่คนเดียว” ให้ตายสิ ยิ่งฟังก็ยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าเธอผิดหนักหนา เหมือนหักอกผู้ชายดีๆ สักคนหนึ่งอย่างนั้นแหละ นี่หมายความว่าเธอคิดเองเออเอง ว่าเรื่องคืนนั้นมันเป็นความสนุกของเขาสินะ ซึ่งนิโคไลมองว่ามันสำคัญอย่างนั้นหรือ
นิโคไลหลับตาครุ่นคิดว่าจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้เป็นทางผ่าน หรือเพียงเพราะอุบัติเหตุทางอารมณ์ แต่อยากจะใช้เวลาศึกษาไอลดาเพื่อว่าเขาจะได้เลิกใช้ชีวิตแบดบอย พร้อมกับลงหลักปักฐานที่ใครสักคน และอยากให้เธอเป็นคนพิเศษ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไรแต่ไม่อยากเสียเธอไป อีกทั้งอยากจะจริงจังขึ้นมา ถามใจตัวเองว่าแท้ที่จริงแล้วที่วางแผนพาเธอมาที่นี่ เพราะว่าแอบชอบเธอตั้งแต่วินาทีแรกแล้วระหว่างที่นิโคไลกำลังใคร่ครวญเรื่องที่เกิดขึ้น ไอลดาก็ยังคงเงียบกริบ แสร้งหลับตาประหนึ่งว่าอ่อนเพลียไม่อยากจะคุยด้วย เขาจึงเงยหน้าขึ้นแล้วยื่นหน้าไปจูบตรงปลายคางเบา ๆ ทว่าเธอยังนอนนิ่ง จึงเปลี่ยนเป็นก้มจูบตรงเนินอก พลางลูบไล้ฝ่ามือไปตามเรือนร่างเปลือยเปล่า“อืม” ไอลดาครางงึมงำเหมือนถูกรบกวน เขาจึงใช้ไม้ตายด้วยการถูไถกายแกร่งกับร่องรักอันอ่อนนุ่มอีกครั้ง“อื้อ ยังเจ็บอยู่เลยค่ะ พักก่อนนะคะ” เธอตอบเสียงหวานแผ่วเบา ทว่ายังไม่ได้ลืมตา“เหนื่อยเหรอครับ หืม” เขาถามเสียงนุ่ม เธอจึงพยักหน้าเท่านั้น
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ ภายในห้องพักระดับวีไอพีสนนราคาอยู่ที่คืนละหนึ่งแสนบาทบนชั้นสูงสุดที่ชั้น 22 ถูกเปิดออกเพื่อต้อนรับบอสรูปหล่อของเจอร์รี่ ซึ่งเจอร์รี่ได้ขึ้นมาต้อนรับที่บนห้อง พร้อมกับให้กุญแจห้องเอาไว้กับเจ้านายเรียบร้อย กระเป๋าถูกนำมาเก็บในตู้เสื้อผ้า แต่เจ้าของห้องกลับเดินไปยังระเบียง ซึ่งมีกระจกใสบานสไลด์ขนาดใหญ่ เขาเปิดผ้าม่านออก แล้วแสร้งมองวิวเมืองกรุงเทพ ฯ อย่างไร้จุดหมาย“เจ้านายครับ ผมนัดคุณกันตพงษ์และเจ้าของโรงแรมมาดินเนอร์กับเราคืนนี้นะครับ” เจอร์รี่เอ่ยพลางสังเกตอาการของเจ้านายหนุ่มจากทางด้านหลัง“คุณกันตพงษ์กับเจ้าของโรงแรมอย่างนั้นเหรอ” นิโคไลถามกลับ ทว่าไม่ได้หันหน้ามาแต่อย่างใด“ครับผม อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ” เจอร์รี่ตอบและถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ แล้วเจ้าของโรงแรมเป็นใคร” นิโคไลถามด้วยความอยากรู้“จริงสิเจ้านายยังไม่ทราบ เดี๋ยวคงจะได้เจอเธอในตอนเย็นนี้ล่ะครับ เธอชื่อ... คุณไอลดาเป็น...”ก
ทำไมเขาต้องเกิดมาเป็นผู้ให้ด้วยวะ เขาคิดแต่ยังคงมีความสุขดี แม้จะเป็นเพียงฉากหน้าที่ฉาบเอาไว้ให้คนภายนอกเห็น และมองว่าเขากับไอลดาเป็นคู่หมั้นที่เหมาะสมสำหรับการแต่งงานมากที่สุดก็ตาม แต่เบื้องหลังนี่สิที่ภายในครอบครัวเท่านั้นที่รู้สามปีมาแล้วที่กันตพงษ์กับไอลดาอยู่ในฐานะคู่หมั้น ภายใต้สัญญาที่ว่ากันด้วยเรื่องธุรกิจ เธอกลับมาเมืองไทยได้ถูกเวลาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทางครอบครัวประสบปัญหาเรื่องการบริหารโรงแรม จนขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงต้องขอความช่วยเหลือให้ฝ่ายของกันตพงษ์ซึ่งเป็นเครือญาติเข้ามาช่วยอีกแรง โดยการให้กันตพงษ์เข้ามาถือหุ้นในโรงแรมเกินกว่าครึ่งหนึ่ง พร้อมทั้งเม็ดเงินมหาศาลที่โอบอุ้มต่อลมหายใจของโรงแรมต่อไปแต่กันตพงษ์ไม่อยากขึ้นชื่อว่าฮุบโรงแรมที่สร้างจากครอบครัวไอลดามาเป็นของตัวเอง และไม่ได้ต้องการให้ใช้หนี้คืนแต่อย่างใด เขาจึงยื่นข้อเสนอเนียนๆ ให้ไอลดาแต่งงานด้วย หรือเรียกว่าเอาตัวมาแลกกับเงินก็ยังได้ และเพื่อเขาจะได้เข้ามาช่วยบริหารงานแบบไม่ต้องรู้สึกผิดนักครั้งแรกไอลดาไม่ยอมเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะรักและเคารพกัน
เวลาต่อมา ห้าโมงเย็นได้เวลาที่ไอลดาต้องกลับบ้าน โดยมีกันตพงษ์มารับ เรียกได้ว่าทำหน้าที่คู่หมั้นได้อย่างสมบูรณ์เลยทีเดียว ปิ๊น! ปิ๊น! ปิ๊น! คนขับรถบีบแตรเมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้า ประตูบานคู่จึงถูกเปิดออกอัตโนมัติขณะที่รถแล่นเข้าบ้านอยู่นั้น เด็กน้อยวัยสองขวบรูปร่างหน้าตาราวกับตุ๊กตาฝรั่งวิ่งออกมายืนอยู่ตรงบันได โดยมีหญิงวัยล่วงเลยกว่าหกสิบปีเดินตามออกมา พร้อมกับจับมือของเด็กน้อยเอาไว้ ท่าทางของเด็กน้อยดีอกดีใจแต่พูดออกมาไม่เป็นความ ได้แต่กระโดดโลดเต้นตามประสา ก่อนจะเอ่ยออกมาเพียงคำเดียว“มะ มะ” คำว่าแม่ถูกเปล่งออกมาจากปากเด็กน้อยแบบไม่ชัดเจนนัก แต่ก็รู้ได้ว่ากำลังเรียกผู้ที่กำลังมาเยือน เมื่อรถจอดสนิทประตูเปิดออก ไอลดาก็รีบลงจากรถทันที เด็กน้อยแสนน่ารักก็วิ่งเข้าไปกระโดดกอด“มะ มะ จ๋าๆๆ” ภาษาดอกไม้ของเด็กๆ ที่ไอลดาฟังแทบจะไม่รู้เรื่องแต่รู้ว่าเด็กน้อยเรียกแม่“คิดถึงจังเลย หนูดื้อไหมคะ หืม ทำให้คุณยายเหนื่อยหรือเปล่า” ไอลดาเอ่ยกับเด็กน้อยราวกับฟังรู้เรื่อง แต่เด็กน้อยก็ย
“แต่พี่กันยิ้มแปลกๆ” เกลียดจริงๆ เลยคนรู้ทัน เขาคิด“ฮ่าๆ ยิ้มก็ไม่ได้เลยเหรอ พี่ไม่ใช่คนหน้าเคร่งซะหน่อย” เขาแก้ตัวพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจ ทว่าสายตาของเขานี่แหละที่ปิดไม่มิด แต่เธอจะไม่ถามอีกและปล่อยให้เขาขับรถพาไปจนถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยที่โต๊ะถูกจองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว กระทั่งเขาพาเธอเดินไปนั่งแต่กลับมีผู้ชายอีกคนรออยู่ ซึ่งไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลยแถมยังเป็นฝรั่งอีกต่างหาก“สวัสดีครับ รอนานหรือเปล่า” กันตพงษ์ทักทายและถามชายแปลกหน้าอย่างสุภาพ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่มาก่อนเวลาเสียอีก และเมื่อได้ยินเสียงกันตพงษ์ ชายหนุ่มคนนั้นก็หันมามองทันที“อ้าว สวัสดีครับคุณกัน อย่าห่วงผมเพิ่งมานั่งได้ห้านาที” ชายหนุ่มซึ่งเป็นแขกกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือไปจับทักทายกับกันตพงษ์“เชิญนั่งครับ แล้วสุภาพสตรีท่านนี้คือ” ชายหนุ่มถามกันตพงษ์อีกครั้งและยิ้มอย่างสุภาพ“อ๋อนี่ ไอลดาคู่หมั้นผมครับ ไอซ์จ้ะนี่คุณเจอร์รี่” กันตพงษ์แนะนำโดยที่ย
“ผมต้องการคำนั้นจากปากคุณไม่ใช่เขียนใส่กระดาษ แต่ช่างเถอะ... ช่างเถอะ ลาก่อนไอซ์” เป็นการหักห้ามใจไม่ให้เจ็บปวดเป็นครั้งแรก และมันช่างยากเย็นเหลือเกินบัดนี้ชีวิตของเขาจะดำเนินไปอย่างปกติที่สุด ไอลดาจะไม่มีอิทธิพลอะไรต่อหัวใจของเขาเป็นอันขาด เซ็กส์คืนเดียวมันจบแล้วและมันเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาคือ ไม่ผูกมัดไม่ผูกพัน นี่แหละชีวิตของนิโคไล แอนตัน และเขาต้องอยู่กับความเป็นอิสระไร้บ่วงตราบเท่าที่เขาต้องการช่วงเวลาของความสุข มันเกิดขึ้นเร็วและมันจบลงเร็วเหลือเกิน พร้อมกับสิ่งที่หวงแหนมาตลอดตั้งแต่เติบโตเป็นสาว ต้องสูญเสียไปอย่างง่ายดาย ให้กับผู้ชายแปลกหน้าที่รู้จักเพียงหนึ่งวันกับอีกสองคืน เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลโดยแท้ที่ทำให้สติสัมปชัญญะทั้งหมดดับวูบ และนำพาไปสู่ความอยากลอง อยากรู้ จนทำให้หวั่นไหวไปกับสิ่งแปลกใหม่ ซึ่งในชีวิตวัยสาวไม่เคยได้พบ ไอลดาเรียกมันว่าอุบัติเหตุทางอารมณ์ และเรื่องนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีก เธอสัญญากับตัวเอง ว่าเซ็กส์สำหรับเธอจะยอมให้มันเกิดขึ้นกับนิโคไลเพียงคนเดียวด้วยความเต็มใจ
นิโคไลหลับตาครุ่นคิดว่าจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้เป็นทางผ่าน หรือเพียงเพราะอุบัติเหตุทางอารมณ์ แต่อยากจะใช้เวลาศึกษาไอลดาเพื่อว่าเขาจะได้เลิกใช้ชีวิตแบดบอย พร้อมกับลงหลักปักฐานที่ใครสักคน และอยากให้เธอเป็นคนพิเศษ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไรแต่ไม่อยากเสียเธอไป อีกทั้งอยากจะจริงจังขึ้นมา ถามใจตัวเองว่าแท้ที่จริงแล้วที่วางแผนพาเธอมาที่นี่ เพราะว่าแอบชอบเธอตั้งแต่วินาทีแรกแล้วระหว่างที่นิโคไลกำลังใคร่ครวญเรื่องที่เกิดขึ้น ไอลดาก็ยังคงเงียบกริบ แสร้งหลับตาประหนึ่งว่าอ่อนเพลียไม่อยากจะคุยด้วย เขาจึงเงยหน้าขึ้นแล้วยื่นหน้าไปจูบตรงปลายคางเบา ๆ ทว่าเธอยังนอนนิ่ง จึงเปลี่ยนเป็นก้มจูบตรงเนินอก พลางลูบไล้ฝ่ามือไปตามเรือนร่างเปลือยเปล่า“อืม” ไอลดาครางงึมงำเหมือนถูกรบกวน เขาจึงใช้ไม้ตายด้วยการถูไถกายแกร่งกับร่องรักอันอ่อนนุ่มอีกครั้ง“อื้อ ยังเจ็บอยู่เลยค่ะ พักก่อนนะคะ” เธอตอบเสียงหวานแผ่วเบา ทว่ายังไม่ได้ลืมตา“เหนื่อยเหรอครับ หืม” เขาถามเสียงนุ่ม เธอจึงพยักหน้าเท่านั้น
“ฮ่าๆ คุณเป็นเลขาส่วนตัวของเขา หรือว่าเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจของเขากันแน่” ไอลดาหัวเราะร่าอย่างชอบใจ ทำให้เจอร์รี่นึกแปลกใจมากเลยทีเดียว เพราะปกติแล้วเธอมักวางตัวเคร่งขรึมไม่ยิ้มแย้ม“ก็ทำทุกอย่างครับ รวมถึงเก็บขยะบนเตียงด้วยในบางครั้ง” คำว่าขยะคงไม่ได้ประชดเธอหรอกมั้ง“ไม่ได้หมายถึงฉันใช่ไหมคะ” เธอถามตรงๆ เสียเลย“ผมบอกแล้วคุณสำคัญ เอาจริงนะจะเป็นไปได้ไหมครับ ถ้าคุณสองคนจะ...”“เจอร์รี่คะ มัน... ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ความรู้สึกของฉันบอกว่าเขาอยากเอาชนะฉันเท่านั้น เขาอยากให้ฉันขอโทษเพราะคิดว่าฉันผิด” “ผมก็คิดว่าคุณผิดที่หนีเขามา น่าจะบอกเขาสักนิด ว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี ทำแบบนี้เหมือนทิ้งให้เขาสับสนอยู่คนเดียว” ให้ตายสิ ยิ่งฟังก็ยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าเธอผิดหนักหนา เหมือนหักอกผู้ชายดีๆ สักคนหนึ่งอย่างนั้นแหละ นี่หมายความว่าเธอคิดเองเออเอง ว่าเรื่องคืนนั้นมันเป็นความสนุกของเขาสินะ ซึ่งนิโคไลมองว่ามันสำคัญอย่างนั้นหรือ
แต่ยังไม่ทันให้ร่างกายเธอกลับเข้าที่ เขาก็ขยับริมฝีปากออกแล้วเคลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับเธอเอาไว้ ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองใบหน้าสวยหวานที่เต็มไปเม็ดเหงื่อซึมออกมา แล้วกดจูบที่ปากอิ่มเร่าร้อน ขณะที่มืออีกข้างซึ่งกอบกุมกายแกร่งเอาไว้ ก็จับมันถูไถกับเนินเนื้อนุ่ม บดเบียดกระตุ้นให้เธอมีความปรารถนาอีกครั้งกระทั่งเสียวซ่าน เขาจะไม่รั้งรออะไรอีกต่อไปแล้ว จึงตัดสินใจกดส่วนปลายของแท่งร้อนเข้าไปอย่างช้าๆ ทว่ากลับทำให้เธอสะดุ้งจนต้องยกมือขึ้นดันเขาออก“อื้อ!” ไอลดาร้องอื้ออึงเพราะความเจ็บ และทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระก็รีบทัดทาน“หยุด หยุดได้ไหมคะ พอก่อน” เธอบอกและหายใจหอบ พยายามกดกลั้นความเจ็บเอาไว้“ได้โปรด ผมหยุดไม่ได้ ให้ผมเถอะนะที่รัก” เขากระซิบเสียงหอบพร่าพร้อมกับกดสะโพกนำพากายแกร่งสอดแทรกเข้าไปอย่างช้าๆ“มะ ไม่... นิคคะเจ็บมาก” ใจหนึ่งก็ปรารถนา ทว่าไม่เคยถูกสัมผัสแตะต้องเช่นนี้ มันเจ็บแสบจนสุดจะบรรยาย“นะครับ นิดเดียวเจ็บแค่นิดเดียวเท่านั้น” เขาปลอบใจแ
มันอวบอิ่มสมกับรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของเธอ เขาไม่รอช้าก้มหน้าลงแล้วใช้ริมฝีปากพรมจูบอกอวบทั้งสองข้างสลับกัน ซุกไซ้จมูกสูดดมด้วยความพอใจ ความเสียวซ่านทำให้เธอดิ้นพล่านและกดศีรษะเขาเอาไว้อีกครั้ง พร้อมกันกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อกดกลั้นเสียงครางไม่ให้เล็ดลอดออกมา“อืม” ทว่าเสียงครางเล็ดลอดออกมาให้เขาได้ยินเพียงเล็กน้อย ขณะที่เธอหลับตาพริ้ม แอ่นกายขึ้นลงเป็นจังหวะ ระคนกับเสียงหายใจหอบพร่า ทุกอย่างแทบจะหมุนติ้วพาเธอทะยานไปสู่ห้วงอวกาศเมื่อปลายลิ้นร้อนส่งออกมาแตะที่บัวคู่งาม แล้วลากโลมเลียสลับกัน ทั้งขบเม้มและกัดเบาๆ มือหนาก็กุมขยำหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะสิ้นสุดลงด้วยการอ้าปากครอบครองเมล็ดทับทิมสีหวาน“อื้อ!” ไอลดาครางออกมาด้วยความเสียวซ่านที่เกินจะเก็บกด เพราะไม่เคยได้สัมผัสกับเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต เธอสะดุ้งเมื่อเรียวปากร้อนครอบครองและดูดเม้มหนักหน่วง ราวกับผีเสื้ออยากจะดื่มด่ำกับดอกบัวที่กำลังชูช่อล่อแมลงหนุ่ม“นิคกี้ อืม” เธอกดกลั้นเสียงครางไม่ได้อีกแล้วได้แต่ปลดปล่อยอารมณ์ไปตามใจปรารถนาและฤทธิ์แอลกอฮอล