“เย่ๆ แม่กุ๊บกิ๊บมารับอชิแล้ว”แค่เปิดประตูรถออกมาหลังจากนำรถไปจอดหน้าประตูรั้วเตี้ยๆ หน้าบ้านพักครูประจำชั้นของลูกชาย ไปรยาก็ได้ยินเสียงใสๆ ดังขึ้น หัวใจที่เต้นระส่ำมาตลอดทางถูกปลอบประโลมด้วยรอยยิ้มของลูกอชิระกำลังยิ้มแป้น ดวงตาเรียวยิบหยี ก่อนเจ้าตัวน้อยจะหันไปบอกคุณครูที่ออกมาดูด้วยตัวเอง“คุณครูคร้าบ แม่อชิมาแล้วครับ”ท่าทางของเด็กชายนั้นสดใสร่าเริง หากไปรยาไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่หล่อนจะมาถึงนั้น อชิระเป็นอย่างไรบ้าง“สวัสดีค่ะ กิ๊บมารับอชิช้า ต้องรบกวนคุณครูให้ช่วยดูแล ขอโทษด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไรค่ะ อชิบอกครูไว้แล้วว่าสงสัยวันนี้เลโอจะเกเร แม่กุ๊บกิ๊บเลยมารับช้า” คุณครูบอกอย่างเอ็นดู ไปรยาก็อดที่จะยิ้มอย่างภูมิใจในตัวลูกชายไม่ได้ ลูกชายเชื่อมั่นในตัวเธอ อชิระพยายามทำตัวเข้มแข็งเสมอ แต่ไปรยาก็รู้ว่าเจ้าตัวทำได้ดีในระดับที่เด็กสามขวบจะทำได้เท่านั้น หล่อนจึงพยายามไม่ผิดเวลานัด เพราะไม่อยากให้ลูกรู้สึกโดดเดี่ยวจนเกิดเป็นความไม่มั่นคงขึ้นในจิตใจ...ทว่าหลายครั้งก็ยังมีเหตุที่หล่อนไม่อาจควบคุมได้“งั้นอชิเข้าไปเอากระเป๋า แล้วลาคุณครูปุ้ย เราจะกลับบ้านกันค่ะ” เพียงแค่แม่บอก อชิระก็วิ่งปรู
รถยนต์คันสีขาวค่อนข้างเก่าแล่นมาจอดหน้าบ้านหลังสีฟ้าในเวลาหกโมงเย็นไปแล้ว ระยะทางจากบ้านพักครูถึงบ้านหลังนี้ไม่ไกลหรอก ใช้เวลาขับรถไม่กี่นาทีก็ถึง หากวันนี้สองแม่ลูกสมัครใจที่จะขับรถออกนอกเส้นทางไปยังตลาดขายส่งของสดและผลิตผลทางการเกษตรที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก...แม้คนเป็นแม่จะไม่ได้อะไรกลับมาเป็นชิ้นเป็นอัน แต่สำหรับเด็กชายนั้นกำลังปลื้มอย่างหนักกับของที่แม่ยอมซื้อให้เมื่อหญิงสาวนำรถเข้าไปจอดภายในรั้วบ้านอย่างเรียบร้อย หล่อนจึงอนุญาตให้ลูกชายลงจากรถได้ อชิระปีนลงมา ในมือถือถุงพลาสติกใสที่มีถุงน้ำอยู่ข้างใน...และเจ้าตัวก็ลืมข้าวของชิ้นอื่นของตัวเองไปเสียสิ้น“คุณตาคร้าบ อชิมีปลาหางปายูนเยอะแยะเลย อชิจะเลี้ยงให้มันตัวโตๆ เลยครับ” เด็กชายบอกเสียงเจื้อยแจ้ว พลางยกถุงในมือให้คุณตาข้างบ้านดู อชิระจะเรียกทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่วัยเดียวกับคุณตาของตัวเองว่าคุณตาแทบทั้งสิ้น“อชิจะเลี้ยงปลาอะไรนะ ตาฟังไม่ถนัด”“ปลาหางปายูนครับ” เด็กชายบอกเสียงดังฟังชัด แถมท่าทียังมั่นใจเสียด้วย จนคนเป็นแม่ต้องบอกตามหลัง“ปลาหางนกยูงค่ะคุณตา พาไปซื้อที่ตลาดมาเมื่อกี้”“ใช่ครับๆ อชิจะเลี้ยงปลาหางปายูน” อชิระพยักหน้
“คุณมาบ้านฉันทำไม” ไปรยาเปิดฉากถามเมื่อเห็นว่าลูกชายเข้าบ้านไปแล้ว“กุ๊บกิ๊บอยู่บ้านหลังนี้หรือ”“นี่เป็นบ้านของฉัน”คำพูดแสนธรรมดา หากทำให้คนฟังต้องกลั้นลมหายใจ เขาเคยถามคำถามนี้กับเด็กชายเมื่อตอนพบกันครั้งแรก และยังจำได้แม่นยำว่าเจ้าตัวตอบเขาว่าอย่างไร‘ใช่ครับ นี่บ้านของอชิ’ “กุ๊บกิ๊บอยู่กับเจ้าหย็อง...” เผลอหลุดปากไปแล้ว และดวงตาของคนเบื้องหน้าที่อยู่ห่างแค่รั้วโปร่งกั้นก็ทอประกายวาบ หล่อนสาวเท้ามาหาเขาอย่างเอาเรื่อง “อย่าเรียกลูกฉันว่าเจ้าหย็องอีก” เสียงกร้าวราวแม่เสือลูกอ่อนจากคนหน้าหวานที่ยังมีเครื่องสำอางแต่งแต้มอย่างจัดเต็มนั้นทำให้อาณัตินิ่งงันเหมือนถูกตรึง...เขาได้คำตอบโดยที่ยังไม่ได้ถาม“เขาไม่ใช่ลูกพี่ป้องหรือ”ไปรยาถึงกับงงงันเมื่อได้ยินเสียงถามราวกับละเมอของเขา หล่อนนึกไม่ถึงว่าอาณัติจะเข้าใจอย่างนั้น แต่พอนึกถึงเหตุผลว่าคงเป็นเพราะเขาโฟกัสแต่เรื่องของพี่ชายกับเขาที่ยังคาราคาซังกันอยู่ ซึ่งพี่ชายของหล่อนก็เป็นฝ่ายผิดเต็มประตู หญิงสาวจึงต้องเปลี่ยนตัวเองจากการรุกไล่มาเป็นฝ่ายตั้งรับแทนท่าทีที่อ่อนลงของไปรยาอยู่ในสายตาของอาณัติ เขาจึงฉวยโอกาสถามหล่อนต่อ“พี่ป้องไม่อย
เสียงเล็กสั่นเครือเกาะกินหัวใจของคนเป็นแม่ วินาทีนั้นไปรยาไม่คิดอะไรอีก หล่อนเปิดประตูรั้วออกแล้วอ้าแขนรับร่างของลูกชายที่วิ่งเข้ามาโถมใส่เต็มแรงอชิระกอดคอแม่ไว้แน่น เนื้อตัวสั่นระริก ไปรยารู้ว่าตนทำให้ลูกหวาดกลัวอีกแล้ว“อชิไม่อยู่บ้านนะครับ อชิจะอยู่กับแม่ อชิไปกับแม่ด้วย” เด็กชายร้องไห้สะอื้นขณะซุกใบหน้าอยู่กับแม่ หญิงสาวลูบหลังลูบไหล่ของลูกอย่างปลอบประโลม“ไม่ร้องนะครับคนดี อชิอยู่กับแม่แล้ว เราจะไปด้วยกันนะ”หญิงสาวออกแรงยกร่างเล็กอวบของลูกชายวัยสามขวบ น้ำหนักของลูกทำให้หล่อนต้องเกร็งข้อมือ อชิระมีหล่อนแค่คนเดียว การปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพังเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ หล่อนรู้ดี แต่การพาลูกออกไปกับเจ้าหนี้ของพี่ชายในเวลานี้ มันก็เป็นทางเลือกที่หล่อนยังหวั่นๆ “ฉันจะพาลูกไปด้วย” ไปรยาบอกเขาหลังจากล็อกประตูรั้วเสร็จ ดวงตาหวานส่อแววระแวดระวัง หล่อนไม่วางใจ เพราะกลัวเขาจะทำอะไรที่กระทบจิตใจของอชิระ ดูก็รู้ว่าอาณัติไม่ได้เอ็นดูลูกชายของหล่อนสักเท่าไร ที่สำคัญก็คือเด็กชายโตพอจะรู้ความแล้วอาณัติอ่านสายตาของไปรยาออก หากเขาเพียงไหวไหล่แล้วเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารให้หล่อนเข้าไปนั่งกลิ่นหอมอ่
“ชื่อพี่อะไรครับ”“หืม...” อาณัติถามในลำคอ ด้วยไม่มั่นใจว่าเด็กชายถามเขาหรือเปล่า พอเหลือบตาไปมอง เขาก็เห็นเจ้าตัวน้อยจ้องเขม็งอย่างรอคำตอบ “อชิถามถึงใครคะ” ไปรยาถามลูกชายขึ้นมาบ้าง เพราะถือเป็นหน้าที่ของตนที่ต้องเคลียร์ข้อสงสัย อชิระเงยหน้าไปมองแม่แล้วทำปากยู่...ทำไมผู้ใหญ่ไม่เข้าใจคำถามของตน เขาจึงต้องชี้ที่คอนโทรลหน้ารถ แล้วถามคำถามเดิม“ชื่อพี่อะไรครับ”หญิงสาวยิ้มกว้าง เพราะหล่อนเข้าใจลูกชายแล้ว“พี่ไม่มีชื่อค่ะ”“ทำไมพี่ไม่มีชื่อครับ พี่เลโอยังชื่อเลโอเลย”ถึงตอนนี้คนที่พยายามเรียนรู้เด็กชายก็เริ่มเข้าใจตาม เขากระแอมในลำคอเรียกความสนใจ แล้วตอบด้วยชื่อที่นึกขึ้นได้ในวินาทีนั้น“รถของลุงชื่อไทเกอร์”“อ๋อ…พี่ไทเกอร์” อชิระทวนคำพลางพยักหน้าหงึกๆ พอใจที่ตัวเองได้คำตอบ “ชอบพี่ไทเกอร์หรือเปล่าล่ะ”เด็กชายส่ายหน้าหวือแทนคำตอบ ทำให้เจ้าของไทเกอร์เสียหลักไม่น้อย...รถหรูขนาดนี้เจ้าเด็กตัวจิ๋วยังไม่ชอบอีกหรือ นี่มันรถรุ่นใหม่ สมรรถนะดี เงียบสนิท และนุ่มสบาย หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว“อชิไม่ชอบพี่ไทเกอร์หรอก พี่ไทเกอร์เป็นของคุณลุง ไม่ใช่ของแม่กุ๊บกิ๊บสักหน่อย”“แล้วทำไมถึงชอบของของลุงไม่ไ
“กุ๊บกิ๊บอยู่บ้านหลังนั้นกับลูกแค่สองคนใช่ไหม” อาณัติเปิดฉากถามถึงเรื่องที่กวนใจเขา หากความหวังที่มีเพียงริบหรี่ก็มอดดับ“มีคนอื่นด้วยค่ะ เขา เอ่อ...ไปๆ มาๆ” ไปรยาไม่ได้โกหก พ่อของหล่อนมาเยี่ยมทุกเดือน บางทีก็มาสัปดาห์เว้นสัปดาห์ มาแต่ละครั้งก็ขนผักและผลไม้จากบ้านสวนอัมพวามาให้เต็มคันรถ เพราะพ่ออยากให้อชิระได้กินของสดปลอดสารพิษที่พ่อปลูกเอง แต่เมื่อพูดไปแล้ว หญิงสาวก็ต้องกลั้นลมหายใจ ชำเลืองมองเขาอย่างประเมินท่าที “ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ” อาณัติยังคาใจ หากเขาเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงคนคนนั้น “ค่ะ” ไปรยาตอบสั้นๆ หล่อนไม่อยากให้อาณัติรู้ความจริง แต่ไม่อยากทำให้เขาเข้าใจผิดอีก เพราะเท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ตนกับพี่ชายก็กลายเป็นคนเชื่อถือไม่ได้ในสายตาของเขาอยู่แล้ว…หญิงสาวจึงเปลี่ยนไปพูดถึงเรื่องที่คิดว่าสำคัญไม่น้อยกว่ากัน“ฉันอยากคุยเรื่องเงินที่เรายังค้างคุณอยู่ค่ะ”หญิงสาวพูดเกริ่น พลางเหลือบมองเจ้าหนี้ที่ยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีผ่อนคลายอยู่ข้างๆ สายตาของเขาทอดมองไปทางอื่น“ว่าไปสิ”“เราไม่ได้ลืมหนี้ของคุณ แต่พี่ป้องมีเจ้าหนี้หลายคน เราจึงต้องทยอยใช้ค่ะ”“ทยอยใช้ใครไปบ้างแล้วล่ะ”“เกือบหมด
เด็กชายตีสีหน้างงๆ เอียงคอมองคุณลุงตัวโตเหมือนไม่เข้าใจคำถาม หากแค่อึดใจเดียวเจ้าตัวก็เปลี่ยนมายิ้มซุกซน แล้ววิ่งผ่านหน้าเขากลับไปทางเดิมชายหนุ่มได้แต่วิ่งเหยาะๆ ตามหลัง กระทั่งเห็นว่าเจ้าตัวน้อยกลับไปหาแม่ของตัวเองแล้ว เขาจึงเดินทอดฝีเท้าตามอย่างไม่เร่งรีบ ดวงตาคมจับจ้องไปที่แม่ลูกคู่นั้น‘มีคนอื่นด้วยค่ะ เขา เอ่อ...ไปๆ มาๆ’อาณัติกำลังทบทวนคำพูดของหญิงสาว ขณะที่สมองก็ประมวลสิ่งที่เขาได้เห็นและได้สังเกตไปด้วยเพิ่งนึกสบประมาทเด็กชายอชิระไว้ว่าแสนงอน ติดจะอ้อนแม่ คงนุ่มนิ่มตามประสาเด็กติดแม่เพราะห่างพ่อ แต่เกือบครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาทำให้เขารู้ว่าประเมินเด็กชายพลาด“อชิกลับบ้านไหมลูก ค่ำมากแล้ว”“อชิอยากเล่นกับคุณลุงอยู่เลยครับ”ไม่คิดจะถามฉันหน่อยเหรอว่าอยากเล่นกับนายไหม...สีหน้าของอาณัติกึ่งบึ้งกึ่งขำ แต่เจ้าตัวเล็กไม่สนใจหรอก เพราะการได้เล่นกลางสนามหญ้ากับคุณลุงตัวโตและแข็งแรง อีกทั้งยังรับแรงปะทะของอชิระได้ทุกรูปแบบนั้นมันสนุกยิ่งกว่าอะไร…สนุกกว่าเล่นกับคุณตา และไม่อยากบอกให้แม่เสียใจว่าสนุกกว่
ชายหนุ่มยอมส่งลูกชายให้หล่อนแต่โดยดี อชิระรู้สึกตัว งอแงงัวเงียครู่เดียวแล้วหลับคาไหล่บางของแม่ต่ออาณัติถอยออกห่างจากประตูบ้านหลังสีฟ้า หากสายตายังมองไปในทิศทางที่สองแม่ลูกนั้นอยู่ แม้มองไม่เห็นคนทั้งคู่เพราะบานประตูปิดกั้นก็ตามมือหนายกขึ้นมาวางบนแผงอกตัวเอง ยามเด็กชายซบอยู่กับเขามันอุ่นซ่านถึงหัวใจ...สัมผัสจากร่างจิ๋วและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กทำให้เขาไม่อยากส่งเจ้าตัวเล็กคืนให้ไปรยา เขาอยากยื้อไว้เพื่อจะได้อุ้มเด็กชายให้นานที่สุดคนร่างสูงแข็งแรงเดินผ่านประตูรั้วออกมาแล้วหยุดอยู่แค่ตรงนั้น เขายืนปักหลักอยู่หลายนาที จนเห็นไปรยาตามออกมาอาณัติรอให้หญิงสาวล็อกประตูรั้วเสร็จแล้วเดินกลับไป จนเห็นว่าหล่อนเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว เขาจึงตรงไปยังรถที่จอดไว้ จากนั้นรถคันสีดำก็เคลื่อนจากไปผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นพอหมาดๆ บรรจงซับดวงหน้าเล็กกลมของคนที่นอนหลับสนิท ตามด้วยซับซอกคอ ข้อพับแขน และข้อพับขาเพื่อระบายความร้อน จากนั้นจึงเช็ดแขนและขาด้วยต้องการทำความสะอาดไปในตัวอชิระขยับตัว แต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมา เด็กน้อยเพียงพลิกตัวกอดหมอนข้า
เป็นเวลานานกว่าสองสัปดาห์แล้วที่อาณัติรับหน้าที่ไปรับอชิระกลับจากโรงเรียน โดยไปรยาได้แจ้งกับทางโรงเรียนไว้ล่วงหน้าแล้ว เนื่องจากช่วงนี้สถานการณ์ของโรงแรมดีขึ้น ลูกค้าเข้ามาพักมากกว่าเดิม หัวหน้าแผนกจึงขอให้หล่อนยืดเวลาเลิกงานเป็นห้าโมงเย็นเหมือนกับพนักงานคนอื่นหลังจากเลิกเรียน อชิระจึงต้องอยู่กับพ่อ เพื่อรอแม่เลิกงานแล้วกลับบ้านไปพร้อมกัน ระหว่างนั้นเด็กชายจะอยู่ในห้องพักของพ่อในโรงแรม แต่บางวันพ่อก็จะพามาที่บ้านหลังใหม่ที่เพิ่งซื้อได้ไม่นาน ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ในโครงการหรูที่อชิระเคยมาดูพร้อมพ่อและแม่นั่นเอง และตอนนี้บ้านหลังนี้ก็อยู่ในระหว่างการตกแต่ง“พ่อครับ อชิเอาปลาหางปายูนมาอยู่กับปลาคาร์ปได้ไหมครับ”อชิระถามขึ้นเมื่อเกาะผนังกระจกในห้องพักผ่อนแล้วมองออกไปข้างนอก เห็นคนงานกำลังสร้างบ่อปลาคาร์ปภายในพื้นที่สวน เด็กชายเห็นว่าบ่อมีขนาดใหญ่ ถ้าหากจะให้ปลาหางนกยูงของตนมาอยู่ด้วยก็คงน่าสนใจไม่น้อย“ปล่อยให้ปลาหางนกยูงอยู่ในอ่างบัวนั่นแหละดีแล้ว มันอยู่ตรงนั้นสบายแล้วนะ”อาณัติเกรงว่าถ้าปล่อยให้ปลาทั้งสองชนิดมาอยู่ร่วมกัน ปลาหางนกยูงอาจ
ไปรยาออกมาจากห้องนอนหลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้ว เสียงโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นยังคงดังมาให้ได้ยิน หญิงสาวจึงเดินไปดูลูกชายที่นอนปิกนิกที่หล่อนปูไว้ให้นั้นว่างเปล่า แต่มีรอยยับย่นของผ้าปูนอนซึ่งบอกให้ว่าเจ้าตัวคงเพิ่งลุกไปไหนสักที่ และไม่ต้องมองหานาน หญิงสาวก็เห็นร่างเล็กยืนขยุกขยิกข้างโต๊ะไม้ตรงมุมห้อง ซึ่งบนโต๊ะนั้นมีช่อดอกไม้วางอยู่“อชิทำอะไรคะ” ไปรยาถาม หลังจากมองลูกอยู่หลายวินาที แล้วเด็กชายก็หันมาตอบ“อชิดูดอกไม้ครับ”“อชิชอบหรือคะ แม่ยกให้เอาไหม”“ไม่เอาครับ ดอกไม้ของแม่กุ๊บกิ๊บ พ่ออู๋ให้ดอกไม้สวยๆ แม่กุ๊บกิ๊บต้องเก็บไว้ดีๆ นะครับ”“หือ...อะไรเนี่ย ลูกชายของแม่”ไปรยานึกขันคนเจ้ากี้เจ้าการ ตั้งแต่เป็นธุระจัดการนำดอกไม้มาให้หล่อน กระทั่งบอกให้หล่อนเก็บดอกไม้ช่อนี้ไว้ดีๆ“งั้นแม่จะเอาดอกไม้ใส่แจกันไว้ก็แล้วกันนะคะ”ไปรยาตอบสนองคำพูดของลูกชาย เพราะเห็นว่าดอกไม้ช่อนี้คงมีราคาไม่น้อย หากปล่อยให้เหี่ยวเฉาเร็วเกินไปก็น่าเสียดาย
กว่าครอบครัวเล็กซึ่งประกอบด้วยพ่อแม่และลูกชายตามสายตาของพนักงานขายบ้านโครงการหรูจะเสร็จสิ้นจากการดูบ้านและขับรถออกจากโครงการก็เป็นเวลาใกล้หกโมงเย็น หากพวกเธอยินดีให้บริการ เพราะสัมผัสได้ว่าลูกค้ามีกำลังซื้อ อีกทั้งเขาสนใจที่จะซื้อบ้านอย่างจริงจังอาณัติพาไปรยาและอชิระไปรับประทานอาหาร เขาเลือกร้านอาหารที่อยู่ใกล้โครงการบ้านจัดสรรแห่งนั้น เพราะเห็นว่าเลยเวลาอาหารเย็นของเด็กชายไปพอสมควร แต่เจ้าตัวเล็กก็ไม่บ่นว่าหิวสักคำ เพราะได้กินทั้งนมและขนมไปจนอิ่มแปล้แล้วดังนั้นกว่ารถคันสีดำจะแล่นไปจอดหน้าบ้านชั้นเดียวหลังสีฟ้าได้ก็เป็นเวลาหัวค่ำ อาณัติลงจากรถแล้วไปเปิดประตูให้ลูกชายลงมา ขณะที่ไปรยากำลังไขกุญแจประตูรั้วบ้าน“อชิหยิบดอกไม้ของพ่อมาด้วย”ดอกไม้ช่อใหญ่ที่วางบนเบาะหลังข้างเก้าอี้ที่นั่งของอชิระยังคงงดงามดี แม้มันจะไม่สดเหมือนกับตอนที่ร้านมาส่ง เด็กชายหอบดอกไม้ช่อนั้นแทบไม่ไหว จนพ่อต้องยื่นมือไปช่วยอีกแรงไปรยาหันไปมองสองพ่อลูกที่ช่วยกันหอบดอกไม้ทั้งช่ออย่างแปลกใจ พวกเขาเดินผ่านประตูรั้วที่หล่อนเปิดกว้างไว้ให้เข้ามาในเขตบ้าน หล่อนนึกสงสัยว่าทั้งสองคน
“แม่ว่ายังไงครับ หลังนี้เป็นบ้านตัวอย่างนะ แต่จะมีอีกหลังที่คล้ายกัน อยู่ด้านหลังของโครงการ หลังนั้นไม่มีสระว่ายน้ำ อชิน่าจะชอบครับ เพราะรอบบ้านเป็นสนามหญ้าทั้งหมด”อาณัติกำลังวิดีโอคอลกับคุณนายอรอร ไปรยาเห็นเข้าก็ดึงลูกชายออกมาห่างๆ เพราะหล่อนไม่รู้ว่าแม่ของเขาคิดกับอชิระอย่างไร อีกทั้งหล่อนเองก็ยังไม่รู้จักแม่ของเขา รู้แต่ว่าท่านเป็นเศรษฐินีที่มีชื่อในระดับจังหวัด และหล่อนก็รู้เรื่องนี้หลังจากเลิกรากับอาณัติไปแล้ว‘ไอ้อู๋มันทิ้งกุ๊บกิ๊บไปเมืองนอก เพราะเงินไม่กี่แสนเนี่ยนะ ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ เป็นลูกเศรษฐีประสาอะไร...คิดเล็กคิดน้อยไม่เข้าท่า’ปกป้องต่อว่าอาณัติลับหลัง ไปรยาได้ฟังก็น้ำตาตกใน เวลานั้นหล่อนสับสน ทุกข์ใจ และหดหู่ ได้แต่รับรู้การตัดสินใจของพี่ชายว่าเขาจะออกไปจากบ้านด้วย แล้วสุดท้ายก็เหลือเพียงหล่อนคนเดียว กระทั่งพ่อเข้ามาจัดการจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ซึ่งทำให้ไปรยาลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าได้อีกครั้ง“กำลังคิดอะไร หน้าเศร้าอีกแล้ว”เสียงนุ่มทุ้มดังอยู่ใกล้ๆ ไปรยารู้สึกตัวก็ต
จุดหมายปลายทางของอาณัติเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่มีจำนวนบ้านไม่กี่หลัง หากแต่ละหลังนั้นเรียกว่าราคาไม่น้อย จากป้ายหน้าโครงการบอกว่าราคาเริ่มต้นอยู่ที่ยี่สิบล้านแล้วไปรยามุ่นคิ้ว แล้วหันไปถามเขา“คุณมาที่นี่ทำไมคะ”“พี่มีนัดกับอชิว่าจะมาเที่ยวที่นี่ ใช่ไหมครับอชิ”อาณัติตอบหญิงสาว ก่อนจะหาแรงสนับสนุนจากลูกชายซึ่งกำลังมองออกไปนอกรถอย่างสนใจ หากเจ้าตัวเล็กก็ไม่ลืมหันกลับมาพยักพเยิดกับพ่อ“ใช่ครับ พ่อพาอชิมาเที่ยว”ชะรอยว่าคำตอบของสองพ่อลูกจะไม่เป็นที่ถูกใจของคนเป็นแม่ หล่อนปั้นหน้าตูมพลางยกสองมือขึ้นมากอดอก เพราะรู้สึกว่าถูกลูกชายเอาใจออกห่างเรื่อยๆ แล้ว...แถมผู้ชายอีกคนก็เจ้าเล่ห์เหลือเกิน“พี่มาดูบ้าน ตัดสินใจปุบปับไปหน่อย เลยไม่ได้บอกกุ๊บกิ๊บไว้ก่อน เพื่อนพี่แนะนำโครงการนี้ให้ พี่โทร.มานัดกับเซลล์ไว้แล้ว เลยตั้งใจแวะมาดู”“ถ้าคุณจะซื้อบ้าน คุณไม่ต้องบอกฉันก็ได้ค่ะ” ไปรยารีบออกตัว อาการน้อยใจหายไปทันที เหลือแต่สีหน้าเก้อเขิน“พี่ไม่ได้ซื้อเองหรอก แม่เพิ่งบอกให้หาบ้านสักหลั
เมื่อรถคันสีดำแล่นไปถึงโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ไม่ห่างจากโรงแรมนัก ผู้ปกครองของเด็กชายอชิระก็พบว่าพวกเขามาถึงก่อนเวลาและมาถึงก่อนใคร เพราะในบริเวณลานจอดรถสำหรับผู้ปกครองนั้นยังไม่มีรถคันอื่นเลยสักคันอาณัติไม่เดือดร้อน เขากลับชอบเสียอีก เพราะอยากมีเวลาส่วนตัวกับไปรยาอยู่แล้ว หากหญิงสาวกลับรู้สึกตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิงเพียงแค่รถจอดสนิท ไปรยาก็คิดอยากจะออกไปสูดอากาศข้างนอก ช่วงนี้อากาศหนาวเย็น การออกไปสัมผัสสายลมอ่อนๆ ที่พัดรินก็คงดีกว่าอยู่ภายในรถกับเขาหากแค่ยื่นมือไปแตะประตูรถเพื่อจะเปิดออก มืออีกข้างกลับถูกเขายึดไว้ สัมผัสจากมือหนาและร้อนผ่าวนั้นทำให้ไปรยาสะดุ้ง ซึ่งอาณัติก็ปล่อยทันที เพราะไม่อยากให้หล่อนตกใจหรืออึดอัดใจ“พี่อยากเริ่มต้นใหม่กับกุ๊บกิ๊บ”เมื่อได้เริ่มแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่อยากถอย อีกทั้งความห่วงใยในตัวหญิงสาวก็ทำให้เขาตัดสินใจเดินหน้า...หากเหมือนว่าเขารุกหล่อนเร็วเกินไป“ไม่ได้ค่ะ ฉันไม่สะดวก”ไปรยาตอบกลับทันควัน ปากคอสั่นทีเดียว เพราะไม่นึกว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมา หล่อนตั้งตัวไม่ทัน และคำตอบ
อาณัติตัดสินใจบอกแม่ว่าตนยังไม่กลับบ้านในเร็วๆ นี้ โชคดีที่ผู้จัดการแผนกที่เขาทำงานอยู่นั้นส่งงานให้เขาทำทางไกลได้ ชายหนุ่มคิดจะใช้ห้องพักในโรงแรมทำงานไปยาวๆ...เพราะที่แห่งนี้เขาจะได้อยู่ใกล้ไปรยา อีกทั้งยังไปรับไปส่งลูกชายที่โรงเรียนได้ แล้วคำพูดของแม่ที่พ่วงตำแหน่งนายจ้างก็ทำให้หัวใจของชายหนุ่มเบิกบาน...หลังจากหงุดหงิดมาครึ่งค่อนวัน“เงินเดือนของแกทั้งเดือนยังไม่พอจ่ายค่าที่พัก ยังหวังจะดูแลลูกเมียอีกนะ”“งั้นผมพาลูกเมียไปเกาะแม่กินก็แล้วกัน แม่จะว่ายังไงครับ”“อย่าดีแต่ปากพูด พามาให้ได้เถอะ ถึงแกจะมีลูกเป็นโหล ฉันก็มีเงินพอให้แกเลี้ยงลูก...ว่าแต่แน่ใจนะว่าเมียของแกยังไม่มีคนอื่น”“กุ๊บกิ๊บไม่มีใครหรอก นอกจากผม แค่มองตาเขา ผมก็รู้แล้วแม่ แล้วเมื่อเช้าผมก็ไปนั่งกินข้าวในบ้านของเขามาแล้วด้วย ลูกชายของผมจัดการให้ผมเอง”“ดูท่าลูกแกจะฉลาดนะ”จู่ๆ ก็มีก้อนแข็งๆ ตีตื้นถึงลำคอ ไม่คิดว่าชีวิตนี้เขาจะรักใครได้มากขนาดนี้ในระยะเวลาไม่กี่วัน“ผมอยากให้แม่เจออชิ”“พามาบ้าน
เมื่อรถคันสีดำมาจอดหน้าโรงเรียนอนุบาลซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้าน อชิระปีนลงจากเก้าอี้เมื่อแม่เปิดประตูรถให้ แล้วเด็กชายก็จูงมือแม่เดินไปหาคุณครูที่รอรับอยู่หน้าประตูรั้วโรงเรียน“สวัสดีครับคุณครู อชิมาแล้วครับ”“สวัสดีค่ะอชิ สวัสดีค่ะคุณแม่”คุณครูที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีทักทายอชิระและแม่ของเจ้าตัว และดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันพิเศษของเด็กชายอีกด้วย“พ่ออู๋มาส่งอชิด้วยนะครับ”อชิระบอกอย่างมีความสุข ซึ่งไปรยาก็นึกไม่ถึงว่าลูกจะพูดออกมา แถมยังชี้ให้คุณครูดูพ่อของตัวเองที่ยืนอยู่ข้างรถอีกด้วยไปรยายืนส่งลูกอยู่ที่หน้าประตูรั้ว จนเห็นว่าลูกเข้าไปในห้องเรียน หล่อนจึงวางใจแล้วเดินออกมา พลันนึกได้ว่าตัวเองไม่มีรถมาด้วยนี่นะดวงหน้าสวยเงยขึ้นมา แล้วสบตากับคนที่ยืนเอียงคอมองอยู่ก่อนแล้ว“เชิญครับคุณแม่ของอชิ”อาณัติคงได้ยินคำพูดของลูกเมื่อสักครู่ รอยยิ้มกริ่มจึงเกลื่อนทั่วใบหน้า“หมดธุระของคุณแล้ว คุณก็กลับไปได้แล้วค่ะ ฉันจะไปรถรับจ้าง”“พูดเป็นเล่นน่า พี่จะกล
จากที่คิดว่าวันนี้มีเวลาเหลือเฟือ เพราะไม่มีธุระที่อื่น นอกจากไปส่งลูกชายที่โรงเรียนแล้วขับรถไปที่ทำงาน แต่กลับกลายเป็นเช้าของวันที่วุ่นวาย และดูท่าหล่อนจะต้องเร่งรีบเข้างานให้ทันเวลาไม่ต่างจากทุกวันไปรยาถอนหายใจ หลังจากที่หล่อนยอมตามใจผู้ชายต่างวัยทั้งสองคน ยอมแม้กระทั่งจอดรถของตัวเองไว้ที่บ้าน แล้วเข้าไปนั่งในรถของอาณัติเพื่อไปส่งอชิระที่โรงเรียน...แต่เรื่องยังไม่จบเท่านี้ เพราะพวกเขายังสร้างเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก“อชินั่งข้างหลังคนเดียวได้ไหมครับ”ผู้ใหญ่ที่นั่งประจำที่คนขับมานานนับนาที แต่ไม่ยอมเคลื่อนรถออกไป มองสองแม่ลูกที่นั่งข้างกันทางตอนหลัง แล้วถามเด็กชาย“อชิอยากให้แม่กุ๊บกิ๊บนั่งด้วย” อชิระรู้ทัน คว้าหมับที่ต้นแขนของแม่ไว้ แต่พ่อก็ยังต่อรอง“พ่อขอแม่กุ๊บกิ๊บมานั่งข้างๆ พ่อสักวันได้ไหมลูก เดี๋ยวพ่อคืนให้”อชิระมุ่นคิ้วคิด เจ้าตัวเล็กอยากให้แม่นั่งกับตัวเอง แต่พอคิดว่าแลกกับการให้พ่อไปส่งที่โรงเรียนในวันนี้...เด็กชายก็พอจะตัดใจให้แม่ไปนั่งข้างพ่อได้“ก็ได้ครับ แต่อชิให้พ่อยืมนะครับ” บอกให