ตอนที่[56]ไม่มีความลับต่อกัน “ที่นี่คือ…. ที่ใดหรือหยวนหยวน” หานจื่อหลันไม่รู้ว่าเขาควรจะรู้สึกอย่างไร เพราะเมื่อครู่เขายืนอยู่อีกที่หนึ่งแต่ยามนี้กลับมายืนอยู่อีกสถานที่หนึ่งที่ดูพิศวงเป็นอย่างมาก หรือจะว่านี่…. จะเป็นแดนเซียน! “ที่นี่คือเบื้องหลังของข้า กล่าวคือเป็นความลับของข้าเจ้าค่ะ” หานจื่อหลันที่ได้ยินเช่นนั้นยิ่งมั่นใจในความคิดของตนเอง “หยวนหยวนเจ้าเป็นเซียนจริง ๆ ด้วย” ฉินกุ้ยหยวนที่กำลังจะกล่าวต่อเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปทันที ก่อนจะหัวเราะออกมา “ข้าไม่ใช่เซียนหรอกเจ้าค่ะ แต่ก็อาจจะแตกต่างกับคนทั่วไปอยู่บ้าง” เมื่อครู่นางพาเขาเดินมาจนมาถึงช่วงระยะห่างบ้านเรือนของชาวบ้าน จึงได้ตัดสินใจพาเขาเข้ามาในมิติ ในเมื่อนางตัดสินใจจะหมั้นหมายกับเขาแล้ว นั่นหมายถึงต่อไปเขาก็คือสามีของนาง และหานจื่อหลันทำให้นางรู้สึกได้ว่าเขาจริงใจกับนาง ที่สำคัญคือเสี่ยวหลงก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ดังนั้น ในเมื่อจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน นางก็จะไม่ปิดบังอันใดกับเขาอีก หานจื่อหลันยังไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดจึงเอียงคออย่างสงสัย ปฏิกิริยานั้นทำให้ฉินกุ้ยหยวนต้องสูดหายใจเข้ายาว ๆ เลยทีนี้ ยุบหนอ พ
ตอนที่[56]ไม่มีความลับต่อกันจากนั้นนางก็พาเขาเดินไปดูโซนต่าง ๆ ทั้งบ้านจำนอง โซนซูเปอร์มาร์เก็ต วันนี้ได้เห็นใบหน้าของอีกคนที่ดูมีหลากอารมณ์มากขึ้น ก็ดูแปลกตาไม่น้อย เมื่อดูไปหลายส่วนแล้ว นางคิดว่ายังมีเวลาอีกมากที่จะได้พาเข้ามาท่องเที่ยวใหม่ จึงได้พาเขากลับไปบริเวณหน้าสวนท้ออีกครั้ง “วันนี้เรามาเปิดใจพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ กันดีหรือไม่เจ้าคะ กินหมูกระทะไปด้วย พูดคุยกันไปด้วย และต่อไปเราก็จะพูดคุยกันเช่นนี้ ไม่มีความลับอันใดต่อกัน” “อื้ม พี่จะไม่มีความลับอันใดต่อเจ้า พี่สัญญา” การกินหมูกระทะมื้อนี้คล้ายเป็นการทำความรู้จักกันให้มากขึ้น และนี่เป็นการพูดคุยมากที่สุดตั้งแต่ที่นางได้พูดคุยกับเขา และยิ่งพูดคุยนางก็รู้ว่าในใจชื่นชอบเขาไม่น้อย สองวันผันผ่านพิธีงานหมั้นก็ถูกจัดขึ้นที่อาณาจักรตระกูลฉินอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีบุคคลสำคัญของแคว้นเป็นคนสำคัญในพิธี และแขกในงานหลายคนก็ล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญแทบทั้งนั้น ฉินกุ้ยหยวนไม่พลาดที่จะเชิญโหวสุ่นและคณะ หลิวหลี่จิ้งและจงเข่อ ไหนจะคนอื่น ๆ อย่างฉือโจวนางก็เชิญมา และยังมีอีกหลายคน จากคราแรกว่าจะจัดพอเป็นพิธี แต่ยามนี้พอเป็นพิธีไม่ได้แล้ว หากมัน
ตอนที่[57]เตรียมการเข้าเมืองหลวง เมื่อขบวนผู้สูงศักดิ์กลับไป รวมถึงยามนี้แขกที่พักที่เรือนรับรองก็น้อยลงแล้ว ในใจก็รู้สึกใจหายไม่น้อย เมื่อไม่กี่วันก่อนที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ยามนี้กลับบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่นางเชื่อว่าอีกไม่นานมันก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ที่สำคัญนางยังมีอาหารรสเด็ดที่ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนแต่อยากจะลิ้มลอง ผู้ที่ได้ลิ้มลองแล้วก็อยากจะมาซ้ำอีก นางจึงสลัดหัวให้กับความคิดหวิว ๆ ในใจเมื่อครู่ออกไป ยามนี้นางมีสิ่งใหญ่ที่รออยู่ นั่นคือการเปิดกิจการร้านหมูกระทะที่เมืองหลวง รูปแบบมันต้องใหญ่กว่าที่นี่มากแน่ ดังนั้น จะต้องเตรียมการให้รอบคอบ สิ่งที่นางจะต้องจัดการเลยคือการมอบหมายงานให้เสี่ยวจวนและเจียวหวงให้ดูแลงานที่นี่แทนนางชั่วคราว ยามนี้ทั้งคู่อ่านเขียนได้แล้ว เพราะนางได้แบ่งเวลาสอนหนังสือให้พวกนางในยามว่าง และกังมู่ที่ยามนี้ไปได้ดีเป็นอย่างมากในการเป็นเสมียนร้านผักดอง รวมถึงการได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาในอำเภอจากการแนะนำของท่านลุงหลิว ที่จริงแล้วมีหานจื่อหลันอยู่เบื้องหลังอีก ท่านลุงกังกับท่านป้าฟางร่ำไห้จนน้ำตาไหลราวจะสร้างเขื่อนได้ด้วยความดีใจ ไม่พ
ตอนที่[57]เตรียมการเข้าเมืองหลวง ท่านลุงโหวเมื่อรู้ว่าเขาจะได้รับงานใหญ่ เขาก็เตรียมตัวเป็นอย่างดีและจะเดินทางไปส่งเนื้อหมูที่เมืองหลวงไล่เลี่ยกับนาง นอกจากนั้นยังจะทำสัญญากับนางอีกว่าจะไม่ขายเนื้อหมูให้กับผู้ใดก็ตามที่จะซื้อไปเพื่อเปิดกิจการร้านหมูกระทะอีก แน่นอนว่าในอนาคตเมื่อกิจการของนางขายดีย่อมมีคนอยากกระทำการลอกเลียนแบบ ดังนั้น เขาที่เป็นคู่ค้ากับนางจึงอยากแสดงจุดยืนในส่วนนี้ ซึ่งนางก็ไม่ได้ขัดข้องอันใด เมื่อจัดการทุกอย่างจนเสร็จสิ้นก็พบว่าใช้เวลาถึงเจ็ดวัน หากเป็นโดยทั่วไปนางก็คงจะไม่ได้รู้สึกยาวนานอันใด แต่ยามนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะนางก็รอที่จะได้พบกับเขาเช่นกัน“เสี่ยวจวน หวงเออร์ ข้าฝากที่นี่ด้วย ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะดูแลมันได้ดี” “อาหยวนอย่าห่วงเลย ข้าจะดูแลให้ดี เจ้าไปดูทางนั้นก็อย่าลืมดูแลตนเองให้ดีด้วย” เสี่ยวจวนนั้นเป็นห่วงสหาย เพราะแค่อาณาจักรตระกูลฉินที่ดูแลอยู่นี้ก็มีความยุ่งยากไม่น้อย แต่นั่นคงเทียบไม่ได้กับที่เมืองหลวง ที่นั่นมีคนมากมาย ที่สำคัญหลายคนล้วนแต่เป็นคนมีอำนาจ การจัดการคงไม่เหมือนกับชาวบ้านทั่วไป ฉินกุ้ยหยวนที่รู้ว่าสหายกำลังคิดสิ่งใด จึงได้จับมือของ
ตอนที่[57]เตรียมการเข้าเมืองหลวงงดงามเป็นหนึ่ง!เครื่องหน้านั้นดูไร้ที่ติ ผิวพรรณขาวกระจ่างทั้งยั้งเนียนละเอียด รูปร่างอรชร ไม่ดูอ่อนแอแต่ก็ไม่ดูแข็งกร้าว ยามยืนอยู่กับท่านชายหาน ก็เหมาะสมกันราวกับเทพเซียน หานจื่อหลันคราแรกก็รู้สึกภูมิใจที่คู่หมายของตนทั้งงดงามและเก่งกาจ แต่ยามนี้เริ่มจะไม่พอใจเสียแล้ว พวกเขามีสิทธิ์อันใดมาจ้องมองหยวนหยวนของเขาถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะเหล่าบุรุษพวกนั้น!!กลุ่มคนยามนี้ต่างก็เริ่มได้รู้ถึงสายตาอันตรายของผู้สูงศักดิ์แล้วจึงได้รีบพากันกระจายตัวออกไปราวกับผึ้งแตกรังก็ไม่ปาน“เหตุใดต้องทำสายตาดุร้ายเช่นนั้นด้วยเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนเอ่ยถามอย่างขบขัน “พี่ไม่ชอบให้พวกเขาจ้องมองเจ้ามากเกินไป”“พวกเขาเพียงแค่สงสัยเจ้าค่ะ” “ไม่รู้ล่ะ ไม่ว่าอย่างไรพี่ก็ไม่ชอบ เช่นนั้น พวกเรารีบไปที่จวนก่อนเถิด แล้วช่วงบ่ายค่อยไปดูโรงเตี๊ยมที่ฝ่าบาทจัดเตรียมไว้ให้เจ้า”จวนที่ว่าคือจวนที่เขาซื้อไว้ให้นาง ยามอยู่ที่เมืองหลวง จวนนั้นมีขนาดใหญ่โตจนดูเหมือนกับจวนขุนนางใหญ่ก็ไม่ปาน และที่สำคัญยังอยู่ติดกับจวนตระกูลหานอีกด้วย “ท่านแม่กล่าวว่าจะได้มาหาฉินฮูหยินบ่อย ๆ ฉินฮูหยินจะได้ไม่เหงาย
ตอนที่[58]ร้านหมูกระทะตระกูลฉินสาขาเมืองหลวง เมื่อได้พักผ่อนจนเต็มที่กอรปกับการได้กินอาหารเติมพลังกันจนเรียบร้อยแล้ว ในช่วงบ่ายจึงเป็นเวลาที่นางจะได้เดินทางไปดูร้านใหม่เสียที “ร้านนี้อยู่ในทำเลที่เรียกว่า ทำเลทองคำ ยากนักที่จะมีผู้ได้ครอบครองเพราะว่าเป็นพื้นที่ที่กล่าวว่าผู้เป็นเจ้าของไม่เคยเปิดให้ผู้ใดจับจองซื้อขายหรือเช่ามาก่อน” หานจื่อหลันอธิบายขณะที่รถม้ากำลังเคลื่อนไป แท้จริงแล้วที่มันครอบครองยากนั้นก็เพราะผู้เป็นเจ้าของก็คือหยางซวนฮ่องเต้อย่างไรเล่า ยามที่มาถึงสถานที่แห่งนั้น ฉินกุ้ยหยวนได้แต่เบิกตากว้างขึ้น ใหญ่ถึงเพียงนี้! นี่มันใหญ่กว่าโรงเตี๊ยมไท่เฉิงสาขาในเมืองหลวงที่นางเพิ่งผ่านมาเมื่อครู่เสียอีก อีกทั้งที่ตั้งร้านนี้ล้วนอยู่ในชัยภูมิที่เหมาะสม มีพื้นที่กว้างขวาง สะดวกในการสัญจรและที่สำคัญผู้คนพลุกพล่าน นี่ช่างเหมาะกับการเปิดร้านหมูกระทะของนางเป็นอย่างยิ่ง หานจื่อหลันที่เห็นหญิงสาวดวงตาเป็นประกายก็แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน “เจ้าชอบหรือไม่” “ชอบเจ้าค่ะ ชอบมาก” เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนั้นเขาก็ยิ่งดีใจ ร้านแห่งนี้ล้วนเป็นเขาที่เป็นคนเลือกแล้วบอกกล่าวแก่ฝ่าบาท เห็นนาง
ตอนที่[58]ร้านหมูกระทะตระกูลฉินสาขาเมืองหลวง ยามนี้จึงได้เห็นทั้งชาวเมืองธรรมดาและผู้สูงศักดิ์ต่างก็คีบหมูกระทะเข้าปากอย่างเมามัน แม้สั่งชุดใหญ่แต่กินหมดอย่างรวดเร็ว และให้คนของตนสั่งมาอย่างต่อเนื่อง คนตระกูลฉินรวมถึงหานจื่อหลันและหานจื่ออี้ต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ที่ตนถนัด เพื่อที่จะได้แบ่งเบาภาระจากเถ้าแก่เนี้ยอย่างฉินกุ้ยหยวน ทุกคนต่างก็รักนางจึงไม่อยากให้นางเหนื่อยมาก เมื่อวันแรกจบลง เงินตำลึงทองก็กองอยู่ในห้องทำงานของนางมากมาย คนตระกูลฉินต่างก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเพราะผลตอบรับในวันนี้ช่างเกินคาด “หากขายเช่นนี้ได้ทุกวัน เห็นทีหยวนหยวนต้องร่ำรวยที่สุดในแคว้นเซี่ยแน่ขอรับ” หานจื่อหลันเอ่ยเย้าแหย่คนรัก “หากข้ารวย พี่จื่อหลันก็ไม่ต้องทำงานแล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะเลี้ยงท่านเอง” ฉินกุ้ยหยวนก็เอ่ยเย้ากลับไปเช่นกัน “จริงหรือ พี่กินเก่งนะ” “เก่งเท่าเสี่ยวหลงหรือไม่เจ้าคะ” จากนั้นก็เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้น หานจื่ออี้แม้จะสงสัยว่าเสี่ยวหลงคือผู้ใด แต่บรรยากาศชวนหัวเราะนางก็หัวเราะตามไปด้วย ฉินกุ้ยหยางที่มองภาพนี้อยู่ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ พลางคิดบางอย่าง ท่านหญิง ช่างน่ารัก? นาง
ตอนที่[59]ถึงเวลาแล้ว“ท่านตาดูตื่นเต้นกว่าคนที่ไปสอบเสียอีกนะเจ้าคะ” “โถ่ หยวนเออร์ นี่มันเรื่องใหญ่นะ คนตั้งมากมายมาสอบ พี่ของเจ้าจะกดดันเพียงใด”“ท่านตา ข้าไม่ได้กดดันมากเพียงนั้นขอรับ หากไม่ได้ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์” ฉินกุ้ยหยางเอ่ยอย่างสบาย ๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอันใดในใจเขารู้สึกตื่นเต้นแต่ทว่าไม่กดดัน แม้ว่าเขาจะอยากเป็นเสาหลักให้ครอบครัว แต่การเคร่งเครียดมากเกินไปคงไม่ใช่เรื่องดี การสอบจะต้องทำสมองให้โล่งโปร่งสบายและหมั่นทบทวนความรู้ในหัวบ้างแต่ทว่านอกจากเรื่องครอบครัว เขาก็มีความมุ่งมาดในใจอีกหนึ่งอย่าง“พี่ใหญ่ ท่านทำให้เต็มที่ก็พอแบบที่จะไม่เสียดายมันในภายหลัง แต่ถึงอย่างไรก็มีกิจการของพวกเราอยู่ อย่าลืมเสียล่ะ”“ขอบใจนะหยวนเออร์ พี่จะทำให้ดีที่สุด”หลังจากพูดคุยกันอีกครู่ใหญ่ก็ได้เวลาส่งบัณฑิตสู่สนามสอบ แต่ก่อนที่ฉินกุ้ยหยางจะจากไป หานจื่ออี้ก็ได้มอบบางอย่างให้กับเขา “พี่กุ้ยหยางนี่เป็นถุงหอมที่ว่าช่วยในเรื่องของความโชคดี ท่านนำไปห้อยติดตัวไว้นะเจ้าคะ อี้เออร์ไปขอพรมาจากวัดแล้วได้มา” “ขอบใจเจ้า พี่จะใช้อย่างดีเลย” หานจื่อหลันคิ้วกระตุกไม่น้อยกับภาพตรงหน้า จนว่านเสิ
ตอนพิเศษ[2]เสี่ยวหลงขอร้องเทพชะตา “หมั้นหมาย ๆ เสด็จพ่อกล่าวคำอื่นไม่เป็นแล้วหรือ!” เสี่ยวหลงได้แต่ฟึดฟัดไปมาในใจหงุดหงิดอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเป็นเด็กน้อยของนายหญิงจะรีบให้หมั้นหมายไปอันใด ได้ข่าวว่าสตรีผู้นั้นอายุมากกว่าเขาเป็นหมื่นปี นี่ไม่เท่ากับว่าเขากำลังถูกล่อลวงหรือ ไม่ได้! จะให้ร่างกายบริสุทธิ์ของเขาถูกฉกชิงไปไม่ได้! ยามนี้เขานอนอยู่ในสวนท้อบนแดนสวรรค์ เห็นว่าปีนี้มันมีรสชาติที่อร่อยขึ้น จึงอยากมาลองชิมดูว่าจะอร่อยกว่าในมิติหรือไม่ ปรากฏว่าสู้ในมิติไม่ได้สักนิด จึงเตรียมที่จะกลับไปในมิติ ซึ่งก่อนจะไปหางตาของเขาก็เห็นหลังไว ๆ ของใครบางคน นั่นมันตาเฒ่านี่ ใช่แล้ว! เรื่องที่เขากลุ้มใจตาเฒ่าอาจจะช่วยได้ “นี่ ท่านเทพชะตา” “เว้ยยยยย” เทพชะตาตกใจทันทีเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของตนเอง “องค์ชายห้า ข้าตกใจหมด” “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อเทพชราได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขอโทษก็เกิดความระแวดระวังโดยทันที เหตุใดองค์ชายห้าดูเป็นมิตรขึ้น “ไม่ต้องระวังข้าถึงเพียงนั้น วันนี้ข้าเพียงอารมณ์ดีเท่านั้น” “อะ…อ้อ แล้วองค์ชายมีอันใดให้ข้ารับใช้หรือ” “รับใช้อันใด
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหมู่บ้านหวงหลิงนั้นยามนี้เปลี่ยนไปมากจากหมู่บ้านห่างไกลกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่ของหมู่บ้านขยายของไปอย่างมากแต่หากเป็นการขยายไปทางอำเภอจางเย่ หมู่บ้านเฮยจูโหยว มิใช่ทางหมู่บ้านเถียนเกา คิดแล้วก็ขำขันยิ่ง บริเวณแถบนี้ล้วนแต่ร่ำรวยและเจริญขึ้น มีเพียงหมู่บ้านเถียนเกาที่ดิ่งลง เปลี่ยนผู้นำหมู่บ้านมาหลายคน สุดท้ายก็ไม่รอด จนนางได้ข่าวว่าพวกเขาเริ่มขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น แน่นอนผู้ที่รอจังหวะนั้นอยู่คือท่านน้าเจิงซื่อและเสี่ยวจวน ทั้งคู่เริ่มกว้านซื้อที่ดินได้มากมาย อดีตเคยถูกขับไล่ ปัจจุบันกว้านซื้อมาให้หมด!หากได้มาแล้วค่อยขยายพื้นที่มาทางนี้ก็ยังไม่สาย เมื่อถึงยามนั้นจะเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านด้วยผ่านไปสองวันเหล่าขบวนผู้สูงศักดิ์ก็เคลื่อนมาถึงอาณาจักรตระกูลฉินกันครบทุกคน “หลินเออร์” เมื่อมาถึงก็พากันวิ่งเข้าหาหลานสาวตัวกลมทันที จากนั้นจึงพากันงัดของขวัญออกมามากมาย มีทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับที่งดงามออกมามากมาย เท่านั้นยังไม่พอยังพากันสวมใส่ให้หานหยวนหลินทันที ยามนี้เด็กน้อยราวกับตุ๊กตาล้มลุกก็ไม่ปาน แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ปลื้มเท่าใดน
ตอนพิเศษ[1]หานฉิน (เซี่ย?) ร่วมใจหานหยวนเหมินในวัยแปดหนาวกำลังนั่งกอดอกมองน้องสาววัยห้าหนาวอย่างหานหยวนหลินด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลินเออร์ พี่บอกให้เจ้าไปขัดขวางท่านพ่อ เหตุใดพอแค่ได้ขนมที่ท่านพ่อไปเอาจากท่านแม่มามอบให้ก็ล้มเลิกแผนการเดิมของเราแล้วเล่า”“พี่ใหญ่ หลินเออร์ว่าท่านปล่อยท่านพ่อท่านแม่ไปเถิด ของอร่อยจะเยียวยาทุกสิ่งนะเจ้าคะ” “ปล่อยอันใดกัน นี่เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราไม่เห็นหน้าท่านแม่มากี่วันแล้ว เพราะท่านพ่อมัวแต่กักขังท่านแม่เอาไว้คนเดียวในมิติ เจ้าไม่คิดถึงท่านแม่หรือ” “คิดถึง…...” ใบหน้ากลมของหานหยวนหลินเศร้าลงเมื่อนึกได้ว่าตนคิดถึงท่านแม่ไม่น้อย ท่านแม่มักถูกท่านพ่อนำตัวไปใช้เวลากันสองคนในมิติ ยามออกมาท่านพ่อก็จะใบหน้าสดใส ในขณะที่ท่านแม่ราวกับคนป่วยอ่อนแรง หรือว่าท่านแม่จะโดนบังคับนะ หานหยวนเหมินเมื่อรู้ตัวว่าสามารถกล่อมน้องสาวได้สำเร็จแล้ว จึงได้กล่าวต่อ“หลินเออร์ พวกเราต้องทวงท่านแม่คืนมานะ”ด้านในมิติ“ท่านพี่ พอได้แล้ว ข้าช้ำหมดแล้ว”“หยวนหยวนเจ้าไม่คิดถึงพี่หรือ พี่ทำงานติดกันเป็นเดือนกว่าจะเวลาว่างได้ หรือเจ้าไม่รักพี่แล้ว….” “ท่านไม่ต้องมากล่าวเช่นนี้ หากข
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “ท่านตา ท่านยาย พี่ใหญ่ หยวนหยวนตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วขอรับ พวกเรากำลังจะมีสมาชิกใหม่แล้วขอรับ” !!!ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง แต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความยินดี “ข้ากำลังจะมีเหลนแล้วหรือ หยวนเออร์ดีนัก” นางเฉาซื่อเอ่ยขึ้นก่อนใคร ก่อนจะตามด้วยผู้เฒ่าฉิน ผู้เฒ่าเจียวก็รีบเข้ามาแสดงความยินดีกับสหาย “ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะตาเฒ่า เจ้าจะได้มีเหลนแล้ว ปีใหม่ปีนี้ช่างดีนัก มีข่าวดีให้ชื่นใจด้วย” จากนั้นผู้คนจึงสลับกันมาอวยพรสองสามีภรรยาอย่างคับคั่ง ฉินกุ้ยหยวนเลิกร้องไห้แล้ว นางขำขันตนเองไม่น้อย ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ในท้องคงแสบไม่น้อยสินะ ถึงทำให้มารดาเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “พี่สะใภ้ข้าอยากเห็นหน้าหลานแล้ว ต้องน่ารักมากแน่ ข้าจะเลี้ยงลูกของพวกท่านจนเติบใหญ่เลย” หานจื่ออี้พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แล้วเจ้าไม่เลี้ยงบุตรของเจ้าหรืออย่างไร” “จะยากอันใดก็เอามาเลี้ยงด้วยกันอย่างไรเล่า” หานจื่ออี้กล่าวอย่างไหลลื่น แต่เมื่อคิดว่าตนเพิ่งกล่าวอันใดไปก็มีใบหน้าขึ้นสีพลางมองไปที่คู่หมายแวบหนึ่งนางกล่าวว่าจะมีลูกกับเขาหรือฉินกุ้ยหย
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ “พี่ไม่ อุ๊บ” หานจื่อหลันยังกล่าวไม่จบ เขาก็มีอาการพะอืดพะอมเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันที ฉินกุ้ยหยวนเห็นเช่นนั้นจึงตื่นตระหนกยิ่ง รีบหันมาบอกทุกคน ที่ยามนี้ล้วนแต่หยุดปฏิกิริยาของตนแล้วส่งสายตากังวลไปที่หานจื่อหลัน “เดี๋ยวจะจะจัดการเอง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” ฉินกุ้ยหยวนหันมากล่าวกับทุกคนก่อนที่รีบวิ่งเข้าบ้านไป นางเดินไปด้วยความเร่งร้อน เมื่อไปถึงก็พบว่าหานจื่อหลันอาเจียนออกมาและนั่งล้มพักอยู่ข้างอ่างน้ำในห้องครัวอย่างหมดสภาพ “พี่จื่อหลัน พี่เป็นอันใดกัน ท่านป่วยหรือเจ้าคะ เป็นข้าที่ดูแลท่านไม่ดี” “หยวนหยวน พี่รู้สึก…พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนตลอดเวลา พี่…อุ๊บ” เขาลุกขึ้นไปเกาะที่อ่างน้ำนั่นอีกครั้งก่อนจะอาเจียนออกมา “รีบไปที่เครื่องรักษาตนเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากรั้งรออันใด รีบคว้าแขนเขาแล้วพาเข้ามิติทันที เมื่อถึงเครื่องรักษาก็รีบประคองเข้าไปนั่งแล้วเริ่มทำการรักษาอย่างด่วนที่สุด หานจื่อหลันที่ได้เข้าเครื่องรักษาไม่นานอาการพะอืดพะอมก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง แต่ฉินกุ้ยหยวนนั้นสงสัยนัก ที่หน้าจอแสดงผลของเครื่องรักษาตนที่อัปเกรดใหม่นั้น บ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่ กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันนางมองอาณาจักรตระกูลฉินของนางยามนี้ที่คึกคักไม่น้อย ทั้งร้านหมูกระทะและเรือนรับรอง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาที่นี่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง และที่นี่เหมือนว่าเป็นที่ที่หลายคนตั้งเป้าว่าจะมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ‘สถานที่ที่แสนอบอุ่น’ ทำให้หลายคนกล้าฉีกกรอบวัฒนธรรมเดิม ๆ ที่ปีใหม่ต้องฉลองกันที่บ้านของตนเอง ท่านลุงโหว ท่านลุงหลิว แม้กระทั่งนายช่างฉือยังพาครอบครัวมาฉลองปีใหม่ที่นี่ ก่อนวันขึ้นปีใหม่หนึ่งวันในที่สุดมิติของนางก็มีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านท่ามกลางการห้ามปรามของสามีที่กลับว่านางจะล้มเอาได้ “ท่านพี่เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ” เมื่อเข้าไปในห้องของตนเองนางก็รีบเข้าไปในมิติ “เสี่ยวหลง” “นายหญิง” “เสี่ยวหลงเจ้า….” “นายหญิงเสี่ยวหลงกลับมาแล้ว” หนึ่งคนหนึ่งหมีต่างก็สบตากันกก่อนจะโผกอดกันด้วยความคิดถึง “ข้ารอเจ้าอยู่กลัวว่าเจ้าจะไม่กลับมา” “เสี่ยวหลงจะไม่มาได้อย่างไร ในเมื่อนายหญิงอยู่ที่นี่ ท่านตาผู้เฒ่า ท่านยายผู้เฒ่า ฮูหยินท่านแม่ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก เสี่ยวหลงต้องกลับมาอยู่แล้ว” ที่จริงแล้วหน้าที่บนโลกมนุษย์ของ
ตอนที่[61]วันขึ้นปีใหม่เสี่ยวหลงกลับไปแดนสวรรค์นานแล้ว เขาส่งข่าวคราวมาแค่ช่วงแรกแล้วหลังจากนั้นบอกว่าต้องเข้าถ้ำเพื่อไปบำเพ็ญตบะคงไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกจนกว่าการบำเพ็ญตบะจะเสร็จสิ้น เวลาผันไปกว่าแปดเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันก็เข้าถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่ ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาทันได้ฉลองร่วมกันหรือไม่ “คิดถึงเสี่ยวหลงอยู่หรือ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมอ้อมกอดที่อบอุ่นที่กอดกระชับมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นสามีสุดที่รักของนางรอยยิ้มก็เปิดกว้างขึ้น“เจ้าค่ะ เขาหายไปนานแล้ว คิดถึงเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาทันปีใหม่หรือไม่” ยามนี้นางอยู่ที่อาณาจักรตระกูลฉิน อย่างไรนางก็อยากกลับมาเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่ที่นี่ พี่ใหญ่ก็กลับมาด้วยเนื่องจากข้าราชการก็มีวันหยุดเพื่อจะได้กลับบ้านมาฉลองปีใหม่เช่นกัน แต่ทว่าเขาเกือบจะไม่ได้กลับมาพร้อมนางแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาพาครอบครัวมาที่จวนตระกูลหานพร้อมกล่าวบางอย่างที่ชวนหยุดหายใจ “องค์หญิง ท่านเสนา ท่านชาย ข้าฉินกุ้ยหยางอยากจะมาสู่ขอท่านหญิงหานจื่ออี้มาเป็นฮูหยินของข้าขอรับ” “……”อย่าว่าแต่ครอบครัวหานตกใจเลย ครอบครัวของนางก็เช่นกัน เพราะพี่ใหญ่ไม่มีสัญญาณว่า
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลงในช่วงก่อนที่เขาจะจัดการกับคนที่สวีหุ่ยส่งมา นั่นคือเป็นช่วงที่พลังของเขากลับมาเรื่อย ๆ จนสามารถกลายเป็นร่างมังกรดำได้ และในที่สุดสามปีผ่านไปในตอนที่นายหญิงมั่งคั่งและมีความสุขมากที่สุดเขาก็ได้ร่างเดิมกลับ ไม่สิ ร่างใหม่เพราะยามนี้เขาได้ผ่านเคราะห์และเลื่อนระดับพลังเป็นที่เรียบร้อยฉินกุ้ยหยวนเป็นห่วงเสี่ยวหลงมากเพราะยามนี้เขาหายไปเหลือแต่เจ้ามังกรยักษ์ที่น่าเกรงขามแทน แต่ทว่าเมื่อมองสบตาของเจ้ามังกรตัวนั้นมันช่างคุ้นเคยเหลือ จนกระทั่งที่เขาได้ยินเสียงของมัน “นายหญิง” “เสี่ยวหลง!!”เหตุใดเสี่ยวหลงของนางจึงกลายเป็นมังกรทองไปได้ หรือว่าเป็นดังเช่นคราวก่อนที่เขาแกล้งแปลงร่างเป็นมังกรดำเพื่อไปจัดการกับคนของสวีหุ่ยหานจื่อหลันนั่นพบว่าแม้ว่าจะผ่านไปสามปีแต่ก็มีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอยู่ตลอด ในมิติแห่งนี้เขาได้เข้ามาบ่อยครั้ง จนรู้สึกสนิทใจกับเจ้าหมีขาวตัวยักษ์นี่แล้ว แต่วันนี้กลับพบเขาในรูปลักษณ์ที่แปลกตาออกไป ยิ่งยามนี้ที่เขากล่าวเพื่อยืนยันบางอย่างกับพวกเขา“นายหญิง นายท่านสามี เสี่ยวหลงเดิมที่มิใช่หมีขาวแต่เป็นมังกรทองขอรับ” “…..”จากนั้นเจ้ามังกรทอง ก
ตอนที่[60]ความจริงของเสี่ยวหลง ร่างของมังกรทองตัวเขื่องนอนหายใจรวยรินหลังจากผ่านการระเบิดเลื่อนขั้นพลังขั้นใหญ่มาย้อนไปก่อนที่หยกจะมาเป็นฉินกุ้ยหยวน ดินแดนสวรรค์ เกิดเรื่องใหญ่เกิดขึ้นกับเทพชราผู้หนึ่ง ‘เทพชะตา’ เขาเดินงุ่นง่าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก คิดอย่างปลงไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี เขาทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ “ท่านเทพชะตาหาอันใดอยู่หรือ” จ้าวหนิงหลงหรือเสี่ยวหลง มังกรทองตัวน้อยบุตรชายคนเล็กของราชามังกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเทพชราของดินแดนสวรรค์เอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาวนรอบบริเวณเดิมคล้ายกับหาของบางอย่าง ในขณะนั้นเองที่ดวงตาของเทพชะตาก็เปล่งประกาย เขารอดแล้ว! ที่จริงแล้วเทพชะตานั้นทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงคือการไปดึงดวงวิญญาณที่อนาคตต่อไปจะรุ่งเรืองและเติบโตอย่างมากในภายภาคหน้า แต่เขากลับไปทำให้นางต้องจบชีวิตลงจากการทำงานผิดพลาด หากเป็นคนทั่วไปก็ว่าไปเถิด แต่นี่เป็นคนที่แต้มบุญกำลังจะทำงาน แต่เขาดันไปขัดขวางทำให้นางหมดโอกาสที่จะใช้ชีวิตในชาตินั้น จะแก้ไขอันใดก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่มีพลังมากพอ สิ่งที่พอจะทำได้คือการดึงวิญญาณของนางส่งไปใช้ชีวิตที่โลกอื่นแต่อย่างที่บอกหลังจากใช้พลังในการ