เสน่ห์ของม่ายสาวอย่างฉันไม่ได้มีแค่เด็กหนุ่มกลัดมันอย่างเอกเท่านั้น แม้แต่ที่บริษัทหนุ่มๆ ที่แอบชอบฉันและอยากมีความสัมพันธ์ด้วยก็มีเข้ามาขายขนมจีบมากมาย
อันดับแรกที่ฉันตัดออกไปคือคนที่มีครอบครัวแล้ว เพราะหลังจากที่ถูกสวมเขา ฉันก็เข้าใจความเจ็บปวดของผู้หญิงดีและไม่คิดจะเล่นชู้กับคนรักของใคร
“นี่ทำงานประสาอะไรกัน ถึงได้ทำให้พลาดลูกค้ารายใหญ่ไปแบบนี้” เสียงตวาดที่ดุดันของผู้จัดการพร้อมกับเสียงทิ้งแฟ้มฟาดลงกับโต๊ะทำให้ทั้งแผนกขายเงียบกริบ
คนที่รับผิดชอบลูกค้ารายใหญ่ก็หน้าเจื่อนแล้วก้มหน้าลง
“คุณฟาง คุณเป็นหัวหน้าแผนก คุณไม่ได้กำชับลูกน้องคุณให้ดูรายงานดีๆ เหรอ” เขาหันมาถามฉันเสียงดุ
“คือว่า..”
“ตามผมเข้าไปที่ห้อง” เขากัดฟันพูดด้วยความขุ่นเคือง แล้วเดินไปรอที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขาที่อยู่สุดทางเดิน
“พี่ฟางหนูขอโทษนะคะ แต่หนูมั่นใจว่าตรวจสอบดีแล้ว เอกสารต่างๆ ก็ระบุตัวเลขถูกต้องหมดทุกอย่าง มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่” พนักงานขายคนที่รับผิดชอบงานนี้โดยตรงพูดขึ้นมาอย่างร้อนใจที่ความผิดพลาดของเธอทำให้ฉันถูกตำหนิจากผู้จัดการสาขา
ฉันรับแฟ้มนั้นขึ้นมาดู ทุกอย่างก็ดูปกติดีแล้วทำไมผู้จัดการต้องหาเรื่องด้วย หรือว่า...
“ไม่เป็นไร ทำงานกันต่อเถอะ เดี๋ยวพี่จะเข้าไปเคลียร์กับผู้จัดการให้” ฉันบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ที่อยู่ดีๆ ก็ต้องโดนผู้จัดการโวยใส่ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไร
“สู้ๆ นะคะพี่ฟาง”
“ฝากด้วยนะครับพี่ฟาง”
พนักงานขายทีมเดียวกันกับเธอบอกด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยและเป็นกำลังใจให้ เพราะทุกคนรู้ดีว่า ผู้จัดการเคโหดและปากจัดแค่ไหน ไม่อย่างนั้นคงไม่หย่ากับภรรยาถึงสองคนแน่
ฉันเดินถือแฟ้มเอกสารไปเคาะที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขาแล้วเข้าไปข้างใน พร้อมกับวางแฟ้มเอกสารลงต่อหน้าเขา
“พี่เคคะ เอกสารก็ถูกต้องหมดนี่ค่ะ ทำไมต้องเอาไปโวยวายน้องเขาด้วย” ฉันแกล้งถามด้วยน้ำเสียงที่งุนงง ทำเป็นไม่รู้จุดประสงค์ของเขาที่ให้ฉันมาห้องนี้
“ถูกต้องหมดทุกอย่าง แต่ว่าลูกค้าชอบปริ๊นต์สีมากกว่าขาวดำ” เขาพูดปัญหาเล็กน้อยนั้นแล้วยิ้มกริ่ม
ผู้จัดการคนนี้เขาเองก็เป็นหนึ่งในคู่ขาที่เราแลกเปลี่ยนความสุขกันเป็นประจำในช่วงนี้
เขาพยักหน้าเรียกให้ฉันเข้าไปหา ฉันเดินไปนั่งที่ตักของเขาแล้วถูสะโพกบกเบียดกับเป้ากางเกงอย่างยั่วยวน
“แหม อยากเรียกฟางเข้ามาหา วันหลังอย่าใช้มุกนี้สิคะ น้องๆ ในแผนกตกใจหมด” ฉันพูดแล้วโน้มตัวลงไปจูบที่แก้ทั้งสองข้างของเขาแล้วเลื่อนมาจูบที่ริมฝีปากที่ใครๆ ก็กลัวกัน
“เย็นนี้เราค่อยไปหาความสุขกันที่บ้านของฟางนะคะ”
“ไม่ ผมไม่ได้แค่อยากกอดอยากหอมอย่างเดียว ผมอยากลองเอาในห้องทำงานแบบนี้มานานแล้ว เอากันเถอะนะ”
“จะดีเหรอคะ” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่กังวลแต่ว่าเลื่อนตัวลงไปคุกเข่าใต้โต๊ะทำงานของเขาแล้วรูดซิปควักท่อนลำออกมารูด
“รู้ใจจริงๆ” เขาพูดแล้วนั่งมองฉันอมดุ้นให้กับเขา
แผล็บ แผล็บ แผล็บ! ฉันละเลงลิ้นเลียไปรอบๆ ปลายหัวหยัก สลับกับดูดที่ปลายสีชมพูอย่างดูดดื่มจนเขาครางในลำคอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องทำงานของเขาดังขึ้น ผู้จัดการจึงเลื่อนเก้าอี้ให้ฉันถอยหลังเข้าไปใต้โต๊ะแล้วหยิบแฟ้มลงมาบังไม่ให้ใครเห็นฉัน
“มีอะไร” เขาถามคนที่เข้ามาเสียงเข้ม
ฉันอมยิ้มแล้วจัดการอมดุ้นหัวบานของเขาต่ออย่างไม่สนใจ
“พอดีผมมีเอกสารสำคัญอยากให้พี่ฟางช่วยเซ็นครับ” อีกฝ่ายบอกเสียงเบา
“ออกไปข้างนอกบอกว่าลืมของที่รถ ไม่มีอะไรก็ออกไปได้แล้ว แล้วอย่าลืมล็อกห้องให้ผมด้วย” เขาพูดเสียงเรียบข่มความเสียวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเบาๆ จนอีกฝ่ายคงนึกว่าเขากำลังข่มความไม่พอใจแล้วรีบออกจากห้องไปทันที
พี่เคเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วปลดเข็มขัดดึงกางเกงลงมาที่เข่าเพื่อให้ฉันอมให้เขาได้สะดวกแล้วยื่นมือมาล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของฉันขยำเต้าอวบเล่นอย่างมันส์มือ
“ไม่สนใจอยากแต่งงานใหม่กับพี่เหรอ” เขาถามในขณะที่ฉันอมดุ้นคับปาก รู้คำตอบอยู่แล้วว่ายังไงฉันก็ปฏิเสธ
เพราะการสนุกกันชั่วครั้งชั่วคราวน่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ตื่นเต้นและยาวนานกว่าการแต่งงานกับคนที่ขี้โวยวายและปากจัดอย่างเขา รวมไปถึงคนที่ไม่ค่อยชอบทำงานบ้านหรือเอาใจใครอย่างฉันด้วย
พี่เคดึงฉันขึ้นมาแล้วจับหันหลังค้ำที่ขอบโต๊ะ เขาถลกกระโปรงฉันขึ้นไปที่สะโพกแล้วเกี่ยวกางเกงชั้นในลงมาที่เข่า ยืนประกบจากด้านหลังให้ฉันโก้งโค้งให้แล้วกดท่อนลำหัวบานเข้ามาเต็มแรง
“อื้ม ซี๊ด เอากี่ทีก็แน่นเหมือนเดิม อ๊าส์” เขาครางอย่างพอใจ แล้วออกแรงซอยเข้ามาถี่รัวอย่างไม่ออมแรง
สวบ สวบ สวบ! ท่อนลำเสียดสีกับกลีบเนื้อของฉัน ส่วนปลายหัวบานครูดเข้าออกเกี่ยวโดนเม็ดเสียวเน้นๆ จนฉันเสียวและแข้งขาสั่นเทาไปหมด
“อ๊าส์ พี่เค อ๊าส์ สุดยอดเลย ซี๊ด” ฉันครางเอาใจเขา สถานที่ทำให้เราตื่นเต้นมาก แล้วเหมือนว่าจะได้อารมณ์สุดๆ
ตับ ตับ ตับ! พี่เคกระแทกเข้ามารัวๆ อย่างชอบใจ เร่งความเร็วและเพิ่มความดุดันในการออกแรงจนฉันแทบยืนไม่ไหว มือที่ค้ำโต๊ะสั่นเทาแล้วแทบทรุดยามที่เขากระแทกเข้าหา
“อ๊ะ อ๊ะ ตื่นเต้นมากเลย ซี๊ด จะแตกแล้ว อ๊าส์ พี่เคขา” ฉันร้องเสียงหลงให้เขารู้ว่าฉันกำลังจะถึงจุดหมาย
พี่เคออกแรงกระแทกเข้ามาอย่างต่อเนื่องสลับ มือทั้งสองล้วงเข้ามาขยำหน้าอกฉันแล้วขยี้จุกนมอย่างมันส์มือเพิ่มความเสียวให้ฉันมีอารมณ์มากขึ้น
“อ๊าส์ แตกก่อนเลยนะฟาง แล้วค่อยมาใช้ปากให้พี่ ซี๊ด พี่อยากแตกในปากฟาง” เขากระซิบบอกเสียงพร่าข้างใบหูแล้วกระแทกต่อไม่หยุด
“อ๊ะ อ๊ะ ซี๊ด แตกแล้ว” ฉันร้องลั่นแล้วเกร็งสะโพกบีบรัดท่อนเอ็นของเขา
พี่เคกดไหล่ฉันลงไปนั่งคุกเข่า แล้วดึงให้ฉันมาทำตามในสิ่งที่เขาร้องขอ กดหัวฉันเข้าหาสะโพกแล้วให้ฉันใช้ปากให้ความสุขกับเขาต่อ
“อย่างนั้น อ๊าส์” เขาพูดไปโยกสะโพกกระเด้าปากฉันไป
ฉันโก่งคอลึกแล้วจับสะโพกเขาเอาไว้ ถูกเขาซอยดุ้นหัวบนเข้ามาอย่างไม่ปรานีปากของฉันอย่างเมามันส์ แล้วครางลั่นสูดปากอย่างสุขสม
“ซี๊ด จะแตกแล้ว ซี๊ด..อ๊าส์...” เขาร้องเสียงหลงเมื่อถึงจุดหมาย ปล่อยน้ำข้นอุ่นเข้ามาในปากของฉันอย่างเต็มแรงจนมันล้นออกมานอกปากและฉันต้องรีบกลืนเข้าไปและเลียทำความสะอาดให้กับเขา
“พรุ่งนี้พี่ไปหาที่บ้านนะ จะไปซ้ำอีกรอบเน้นๆ”
“ขอดูคิวก่อนนะคะ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นต่อ ขยับเข้าไปจูบลาเขาที่แก้มแล้วถือแฟ้มมากอดเอาไว้
“เดี๋ยวให้น้องปริ๊นต์สีให้นะคะ ถ้าครั้งหน้ามีอะไรผิดพลาดก็เรียกฟางได้ตลอด” ฉันพูดทิ้งท้ายอย่างเชิญชวน ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของเขาไปอย่างสบายตัว
---------------------
ในวันอาทิตย์ที่แสนเหงา วันนี้ผู้จัดการเคไม่ว่าง น้องเอกข้างบ้านก็ไปเที่ยวกับครอบครัว ส่วนผู้ชายคนอื่นๆ ฉันก็ไม่มีใครว่าง ในวันที่ฉันมีอารมณ์มากกว่าปกติฉันทนต่อความต้องการของตัวเองไม่ไหว ในตอนเช้าจึงจัดการถูหอยสไลด์กับหมอนข้างคู่ใจไปแล้วหนึ่งครั้ง ถึงจะเสร็จสมอารมณ์หมายแต่ก็ยังไม่รู้สึกดีเท่าโดนดุ้นอุ่นๆ มาบรรเทาความหนาวเหน็บในใจตอนนี้พอถึงตอนกลางวัน ฉันที่ขี้เกียจทำอาหารก็ได้สั่งอาหารมาทานที่บ้าน ไรเดอร์ที่รับงานชื่อคุ้นมากจนต้องกดซูมดูโปรไฟล์ แล้วฉันก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อหาคนคลายเหงาได้แล้ว“พี่บอลเองเหรอ” ฉันพึมพำออกมาแล้วยิ้มอย่างพอใจพี่บอลคือแฟนเก่าสมัยเรียน เขาเป็นคนที่ขยันทำมาหากินแต่ว่าดูซื่อๆ คบกับผู้หญิงก็โดนหลอกเอาเงินแล้วก็ทิ้งไป จนครองตัวโสดมาตลอดหลายปีนี้เขาคือทางเลือกที่ดีของฉันในวันที่แสนเหงาใจ และหากได้รำลึกความหลังกันสักยกก็คงจะดีไม่น้อยฉันนั่งติ้วรออาหารด้วยความตื่นเต้น ปลายนิ้วที่คลึงวนอยู่ที่เม็ดเสียวทำให้น้ำใสๆ ไหลเอ่อออกมาเต็มร่อง แต่ฉันไม่ได้ทำให้ตัวเองถึงจุดหมาย แค่คลึงให้เสียวเบาๆ เรียกให้น้ำเดินก็เท่านั้นสักพักพี่บอลก็มาถึง ฉันเดินออกไปรับอาหารแล้วยิ
งานเลี้ยงประจำปีของบริษัทถูกจัดขึ้นที่โรงแรมริมชายหาดแห่งหนึ่ง ตอนกลางคืนมีการแสดงริมหาดและดื่มกินกันอย่างเต็มที่ครอบครัวของท่านประธานมาร่วมงานในปีนี้ด้วย แฝดหนุ่มวัยยี่สิบที่เป็นว่าที่ทายาทลำดับถักไปของบริษัทก็มาแนะนำตัวกับพนักงานในช่วงที่ลาพักร้อนจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ“กลับมาครั้งนี้ดูหล่อและเท่มากเลยนะคะพี่ฟาง” พนักงานรุ่นน้องดึงชายเสื้อฉันให้หันไปมองหลานแฝดของท่านประธาน“อืม ก็หล่อดี” ฉันเออออตาม แล้วหันไปมองสองแฝดที่มองมาทางฉัน สายตาแบบนั้นไม่บอกก็รู้ว่าคงจะอยากรู้จักฉันให้ลึกซึ้งกว่านี้สาวๆ ในออฟฟิศก็ยังโสดยังสาวกว่าแต่ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่สนใจ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะไม่อยากผูกสัมพันธ์กับสาวๆ เพราะกลัวการผูกมัดและต้องแสดงความรับผิดชอบ แต่กับฉันที่เป็นม่ายหากมีสัมพันธ์ด้วยแล้วก็ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรมากพอฉันรู้ว่าพวกเขาสนใจฉัน ฉันก็หาโอกาสปลีกตัวออกไปคนเดียวแล้วรอดูท่าทีว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งจะตามฉันมารึเปล่า แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฉันถึงกับอึ้งไปแล้วก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อพวกเขาสองคนเดินมาพร้อมกัน“เดินเล่นคนเดียวริมหาดแบบนี้ตอนดึกอันตรายนะครับพี่”“ให้พวกเราไปส่งที่ห้อง
การไปงานแต่งงานของเพื่อนร่วมงานในคืนนี้ทำให้ฉันได้เจอกับ ‘น็อต’ เพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมปลายแล้วเราก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องทั่วไป“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณยังโสดอยู่ หล่อๆ มีเสน่ห์อย่างคุณโสด เพื่อนคนอื่นในห้องก็คงโสดทั้งแถว” ฉันพูดอย่างชื่นชม เพราะเครื่องดื่มสีหวานที่ผสมแอลกอฮอล์ทำให้ฉันพูดออกไปตรงๆอีกอย่างฉันก็แอบชอบเขามานานแล้วตั้งแต่สมัยเรียน พอรู้ว่าโสดร่างกายกับสมองก็เริ่มพยายามทำตัวให้เข้าไปสนิทสนมกับเขาเพื่อที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนก่อนจะขยับสถานะในอนาคต“นี่นันคิดว่าผมหล่อและมีเสน่ห์เหรอ คิดอะไรกับผมรึเปล่าเนี่ย” เขาถามแล้วอมยิ้ม ทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่ฉันตามประสาคนเจ้าเสน่ห์ที่ชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว“ก็ใช่นะสิ สมัยเรียนนะใครๆ ก็ชื่นชมคุณทั้งนั้นแหละ” ฉันยอมรับไปตามตรง อายุยี่สิบแปดแล้วจะมาเล่นตัวหรือเขินอายอะไรนักหนา“พูดตรงขนาดนี้ งั้นงานเลี้ยงจบเราไปต่อด้วยกันไหมล่ะ ไปนั่งคุยกันแบบ...สองต่อสอง” โดนคนหล่อของรุ่นชวนขนาดนี้ทำไมฉันจะไม่ไปล่ะ“แค่คุยกันเหรอคะ” ฉันถามแล้วมองต่ำไปที่เป้าของเขา“นันไม่อยากคุย เราก็ทำอะไรสนุกๆ กันก็ได้” เขายิ้มกริ่มแล้วมองที่หน้าอกฉันอย่างโลมเลีย“
เราล้างตัวแล้วอาบน้ำด้วยกัน ถูกสบู่ปลุกเร้าอารมณ์กันจนแฉะไปหมดและพร้อมสำหรับรอบต่อไปแล้ว“อยากเสียวแล้วเราไปต่อในห้องนอนกันเถอะค่ะ” ฉันเป็นฝ่ายชักชวนเขาก่อน แล้วส่งสายตากระหายให้แก่เขา“อืม บรรยากาศในนี้ก็ดี อมให้ผมได้ไหม” เขาร้องขอฉันด้วยสีหน้าที่หื่นกระหาย“ได้สิค่ะ ฉันเป็นเพื่อนที่ดีอยู่แล้ว ขอแค่นี้ทำไมจะไม่ได้”ฉันคุกเข่าลงกับพื้นแล้วจับดุ้นของเขาขึ้นมาใช้ลิ้นเลียไปรอบๆ ปลายหัวหยักทั้งดูดและอมมันอย่างชำนาญเขาก้มมองริมฝีปากของฉันรูดท่อนเอ็นลำเขื่องนั้นด้วยความพอใจแล้วโยกสะโพกเบาๆ ดันท่อนเอ็นเข้ามาในปากฉัน“อมเก่งจังเลยนะครับ ทำผมเสียวดุ้นไปหมดแล้ว ซี๊ด...อ๊าส์” เขาครางเสียงสั่นเพราะรู้สึกสยิวจากปลายลิ้นของฉันฉันอมแท่งลำลงไปแล้วใช้ริมฝีปากห่อรูดมันขึ้นลงแล้วดูดส่วนปลายหัวแรงๆ น็อตโยกสะโพกสวนเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้วครางสูดปากเสียงดังด้วยความพอใจ มือข้างหนึ่งค้ำสะโพกตัวเองอีกมือขยุ้มกลุ่มผมฉันรั้งเข้าหาสะโพก“ไปต่อที่เตียงกันเถอะ ผมอยากดูดหอยคุณแล้ว” เขาพูดเสียงพร่า แล้วดึงมือฉันให้ตามเข้าไปที่ห้องเขานอนหงายลงไปแล้วยิ้มมองรูปร่างของฉันโดยเฉพาะตรงเนินสวาทที่อวบอูมนั้น“หันสะโพกมาให้
เราสองคนนัดเจอกันบ่อยจนเริ่มกลับมาคุยกันอย่างสนิทสนมจนตอนนี้ไม่ต้องนัดไปที่โรงแรม แต่ว่าเขาให้ฉันมาหาเขาที่บ้านของเขาแทนตอนแรกก็คิดว่าจะมีแต่เขา พอไปก็เจอกับเพื่อนอีกคนของเขาที่ฉันไม่รู้จัก“แฟนแกเหรอน็อต”“เปล่า นี่นันเพื่อนสมัยเรียนของฉันเอง” เขาแนะนำฉันให้กับเพื่อนเขาได้รู้จัก“นัน นี่จิมนะเพื่อนที่ทำงานของผมเอง”“สวัสดีค่ะคุณจิม” ฉันทักทายเขาแล้วรับหน้าที่ชงเครื่องดื่มให้กับทั้งคู่“ไม่รู้ว่าวันนี้แกมีนัดเลยมานั่งดื่มด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดื่มกันตามสบายเถอะ นันจะไปทำกับแกล้มเพิ่มให้” ฉันบอกแล้วลุกเดินไปที่ครัวปล่อยให้ทั้งคู่พูดคุยกัน ทำให้ทั้งสองมองฉันอย่างชื่นชมพอฉันทำกับแกล้มเสร็จเดินออกมาก็ไม่พบเพื่อนเขาแล้ว“อ้าว แล้วคุณจิมล่ะคะ”“กลับไปแล้ว คงไม่อยากเป็น กขค.น่ะ” น็อตยิ้มมองฉันแล้วเรียกให้เข้าไปนั่งด้วย “อื้อ ใจเย็นก่อนสิ นันยังไม่อาบน้ำเลย” ฉันบ่ายเบี่ยงเขาเมื่อน็อตพยายามจะแยกขาฉัน“ผมอยากเอานันแล้ว ตอนไอ้จิมมาผมเนี่ยลุ้นอยากให้มันกลับจนใจจะขาด พอคุณเข้าครัวผมเลยบอกให้มันกลับไปก่อน” เขาบอกเสียงพร่าพยายามจะเอาฉันคาโซฟาให้ได้“งั้นเรามาอาบน้ำด้วยกันดีไหมคะ นันเข้าครัวเมื่
หกวันแล้วที่ฉันกับน็อตต้องห่างกัน เขาไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดกำหนดจะกลับในวันพรุ่งนี้ทำให้ฉันคิดถึงเขามาก“ทำไมไม่รับสายนะ” ฉันคิดอย่างเป็นกังวล คืนสุดท้ายที่เขาพักที่นั่นจะไปเที่ยวไหนหรือเปล่า แต่ว่าเพราะไม่อยากให้เขารำคาญจึงโทรไปแค่สายเดียวเท่านั้นเพราะฉันไม่จู้จี้ ไม่ค่อยตาม และเวลาเพื่อนเขามาก็วางตัวดี น็อตบอกว่าเขาชอบฉันที่เป็นแบบนี้เราถึงเริ่มขยับสถานะกันจนมาถึงวันนี้ฉันมองโทรศัพท์ด้วยความเป็นกังวล จากนั้นจึงตัดสินใจจะอาบน้ำเข้านอนเพราะว่ามั่นใจในตัวเขาว่าจะไม่ออกนอกลู่นอกทางพอออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าน็อตยืนยิ้มให้อยู่ตรงหน้าแล้ว“คิดถึงผมไหม” เขาพูดแล้วอ้าแขนรอรับฉันฉันยิ้มกว้างแล้วโผเข้าไปกอดเขาด้วยความคิดถึง มองใบหน้าที่หล่อเหลานั้นแล้วเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มด้วยความรักใคร่“ไหนบอกมาพรุ่งนี้ไงคะ”“ก็คิดถึงนันเลยต้องรีบกลับมาก่อนเวลาไงล่ะ” เขาพูดเสียงนุ่มอย่างเอาใจฉันลูบที่เป้ากางเกงของเขา รู้ว่าอีกฝ่ายก็คงอยากทำกิจกรรมนั้นแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมากแค่ไหน“ผมไม่อยู่เหงาหรือเปล่า” เขาถามเสียงพร่าแล้วลูบต้นขาของฉันล้วงเข้าไปลูบที่สะโพก“เหงาสิคะ คิดถึงมากๆ โดยเฉพาะดุ้นอว
หลังจากเลิกงานที่ออฟฟิศแล้วฉันก็กลับมาที่ห้องพักเพื่อเปลี่ยนชุดออกไปทำงานอีกที่ต่อเพื่อหารายได้พิเศษเสริมชีวิตคนเราก็แบบนี้เงินคือปัจจัยหลักถ้าขาดเงินไปแล้วก็ไม่สามารถใช้ชีวิตต่อได้ ใครบอกว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่าง..หึ มีแต่คนรวยเท่านั้นแหละที่ไม่รู้ว่าเงินมีค่าสำหรับคนจนมากแค่ไหนชุดเดรสสีแดงรัดรูปที่เผยให้เห็นสัดส่วนเด่นชัดและการแต่งหน้าที่สลัดคราบสาวออฟฟิศออกไปจนหมดทำให้ฉันดูสวยและมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก วันนี้ฉันจะต้องทำงานอย่างเต็มที่เมื่อไปถึงร้านคาราโอเกะที่ฉันทำงานอยู่ ‘เสี่ยชัช’ แขกประจำก็เรียกฉันไปนั่งด้วยอย่างเช่นเคย“สวัสดีค่ะเสี่ย ช่วงนี้มาทุกวันเลยนะคะ” ฉันทักทายด้วยเสียงที่อ่อนหวานและนุ่มนวล เดินไปนั่งข้างเขาแล้วไหว้ที่อกช้อนตาขึ้นมองด้วยสายตาที่ยั่วยวนและชวนให้เขาหลงใหล“ก็ติดใจคนแถวนี้น่ะ” เขาพูดแล้วยิ้มกริ่มมองฉันด้วยสายตาที่ฉ่ำหวานแล้วเรียกพนักงานมาสั่งกับแกล้มสองสามอย่างกับเครื่องดื่มเอาไว้พร้อมสรรพเราร้องเพลงรอจบไปหนึ่งเพลง อาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ แล้วเสี่ยชัชก็สั่งไม่ให้ใครเข้ามารบกวนอีกเพื่อความเป็นส่วนตัวฉันร้องเพลงแล้วเต้นยั่วยวนเขาในเพลงย้อนยุคแบบที่เขาชอบ ที่เข
เพลงที่ฉันร้องอยู่ตอนนี้นอกจะจะทำให้เสี่ยชัชมีความสุขแล้ว ยังทำให้เขาหลงใหลฉันมากขึ้น ต้องขอบคุณที่ฉันโตมากับป้าที่ชอบฟังเพลงแนวนี้ทำให้ฉันร้องเพลงสมัยก่อนได้อย่างคล่องแคล่วและกลายเป็นตัวท็อปของวัยกลางคนที่เป็นกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักแบบนี้“แหม นมกระเพื่อมสู้จริงๆ” เขามองอย่างชื่นชมหน้าอกที่กระเพื่อมไหวเวลาที่ฉันโยกตัวเต้นร่างเปลือยเปล่าของฉันโยกย้ายอย่างยั่วยวน จากนั้นก็ร้องเพลงแล้ววาดลีลาเต้นยั่วต่ออีกสองเพลง ก่อนจะยื่นไมค์ให้เสี่ยชัชได้ร้องเพลงที่เขาชอบบ้างในขณะที่เขาร้องเพลงอยู่ฉันก็นั่งข้างๆ คลอเคลียป้อนกับแกล้มและเครื่องดื่มให้เขาไม่ยอมห่างเขาร้องผิดคีย์แค่ไหนฉันก็ต้องยิ้มชมอย่างเอาใจบีบนวดที่ต้นขาของเขาและปรนนิบัติทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ตามหน้าที่ของสาวคาราโอเกะ‘ยิ่งท่วงเวลาให้เขาใช้ห้องนานแค่ไหนรายได้ฉันก็มากขึ้นเท่านั้น’ ดังนั้นสิ่งที่จะรั้งเขาเอาไว้ได้คือต้องใช้ร่างกายยั่วยวนให้เขาหลงใหลขณะที่เขาร้องเพลงอยู่นั้นฉันก็เริ่มใช้มือเลื่อนไปที่ท่อนลำที่หลับใหลอยู่ เขาหันมามองฉันด้วยสายตาที่ฉ่ำหวานเพราะฤทธิ์เหล้าและความกระหายที่มีในอารมณ์“อื้ม อ๊าส์ เอาใจเก่งจริงๆ น้องนิ้งของเส
หกวันแล้วที่ฉันกับน็อตต้องห่างกัน เขาไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดกำหนดจะกลับในวันพรุ่งนี้ทำให้ฉันคิดถึงเขามาก“ทำไมไม่รับสายนะ” ฉันคิดอย่างเป็นกังวล คืนสุดท้ายที่เขาพักที่นั่นจะไปเที่ยวไหนหรือเปล่า แต่ว่าเพราะไม่อยากให้เขารำคาญจึงโทรไปแค่สายเดียวเท่านั้นเพราะฉันไม่จู้จี้ ไม่ค่อยตาม และเวลาเพื่อนเขามาก็วางตัวดี น็อตบอกว่าเขาชอบฉันที่เป็นแบบนี้เราถึงเริ่มขยับสถานะกันจนมาถึงวันนี้ฉันมองโทรศัพท์ด้วยความเป็นกังวล จากนั้นจึงตัดสินใจจะอาบน้ำเข้านอนเพราะว่ามั่นใจในตัวเขาว่าจะไม่ออกนอกลู่นอกทางพอออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าน็อตยืนยิ้มให้อยู่ตรงหน้าแล้ว“คิดถึงผมไหม” เขาพูดแล้วอ้าแขนรอรับฉันฉันยิ้มกว้างแล้วโผเข้าไปกอดเขาด้วยความคิดถึง มองใบหน้าที่หล่อเหลานั้นแล้วเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มด้วยความรักใคร่“ไหนบอกมาพรุ่งนี้ไงคะ”“ก็คิดถึงนันเลยต้องรีบกลับมาก่อนเวลาไงล่ะ” เขาพูดเสียงนุ่มอย่างเอาใจฉันลูบที่เป้ากางเกงของเขา รู้ว่าอีกฝ่ายก็คงอยากทำกิจกรรมนั้นแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมากแค่ไหน“ผมไม่อยู่เหงาหรือเปล่า” เขาถามเสียงพร่าแล้วลูบต้นขาของฉันล้วงเข้าไปลูบที่สะโพก“เหงาสิคะ คิดถึงมากๆ โดยเฉพาะดุ้นอว
เราสองคนนัดเจอกันบ่อยจนเริ่มกลับมาคุยกันอย่างสนิทสนมจนตอนนี้ไม่ต้องนัดไปที่โรงแรม แต่ว่าเขาให้ฉันมาหาเขาที่บ้านของเขาแทนตอนแรกก็คิดว่าจะมีแต่เขา พอไปก็เจอกับเพื่อนอีกคนของเขาที่ฉันไม่รู้จัก“แฟนแกเหรอน็อต”“เปล่า นี่นันเพื่อนสมัยเรียนของฉันเอง” เขาแนะนำฉันให้กับเพื่อนเขาได้รู้จัก“นัน นี่จิมนะเพื่อนที่ทำงานของผมเอง”“สวัสดีค่ะคุณจิม” ฉันทักทายเขาแล้วรับหน้าที่ชงเครื่องดื่มให้กับทั้งคู่“ไม่รู้ว่าวันนี้แกมีนัดเลยมานั่งดื่มด้วย”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดื่มกันตามสบายเถอะ นันจะไปทำกับแกล้มเพิ่มให้” ฉันบอกแล้วลุกเดินไปที่ครัวปล่อยให้ทั้งคู่พูดคุยกัน ทำให้ทั้งสองมองฉันอย่างชื่นชมพอฉันทำกับแกล้มเสร็จเดินออกมาก็ไม่พบเพื่อนเขาแล้ว“อ้าว แล้วคุณจิมล่ะคะ”“กลับไปแล้ว คงไม่อยากเป็น กขค.น่ะ” น็อตยิ้มมองฉันแล้วเรียกให้เข้าไปนั่งด้วย “อื้อ ใจเย็นก่อนสิ นันยังไม่อาบน้ำเลย” ฉันบ่ายเบี่ยงเขาเมื่อน็อตพยายามจะแยกขาฉัน“ผมอยากเอานันแล้ว ตอนไอ้จิมมาผมเนี่ยลุ้นอยากให้มันกลับจนใจจะขาด พอคุณเข้าครัวผมเลยบอกให้มันกลับไปก่อน” เขาบอกเสียงพร่าพยายามจะเอาฉันคาโซฟาให้ได้“งั้นเรามาอาบน้ำด้วยกันดีไหมคะ นันเข้าครัวเมื่
เราล้างตัวแล้วอาบน้ำด้วยกัน ถูกสบู่ปลุกเร้าอารมณ์กันจนแฉะไปหมดและพร้อมสำหรับรอบต่อไปแล้ว“อยากเสียวแล้วเราไปต่อในห้องนอนกันเถอะค่ะ” ฉันเป็นฝ่ายชักชวนเขาก่อน แล้วส่งสายตากระหายให้แก่เขา“อืม บรรยากาศในนี้ก็ดี อมให้ผมได้ไหม” เขาร้องขอฉันด้วยสีหน้าที่หื่นกระหาย“ได้สิค่ะ ฉันเป็นเพื่อนที่ดีอยู่แล้ว ขอแค่นี้ทำไมจะไม่ได้”ฉันคุกเข่าลงกับพื้นแล้วจับดุ้นของเขาขึ้นมาใช้ลิ้นเลียไปรอบๆ ปลายหัวหยักทั้งดูดและอมมันอย่างชำนาญเขาก้มมองริมฝีปากของฉันรูดท่อนเอ็นลำเขื่องนั้นด้วยความพอใจแล้วโยกสะโพกเบาๆ ดันท่อนเอ็นเข้ามาในปากฉัน“อมเก่งจังเลยนะครับ ทำผมเสียวดุ้นไปหมดแล้ว ซี๊ด...อ๊าส์” เขาครางเสียงสั่นเพราะรู้สึกสยิวจากปลายลิ้นของฉันฉันอมแท่งลำลงไปแล้วใช้ริมฝีปากห่อรูดมันขึ้นลงแล้วดูดส่วนปลายหัวแรงๆ น็อตโยกสะโพกสวนเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้วครางสูดปากเสียงดังด้วยความพอใจ มือข้างหนึ่งค้ำสะโพกตัวเองอีกมือขยุ้มกลุ่มผมฉันรั้งเข้าหาสะโพก“ไปต่อที่เตียงกันเถอะ ผมอยากดูดหอยคุณแล้ว” เขาพูดเสียงพร่า แล้วดึงมือฉันให้ตามเข้าไปที่ห้องเขานอนหงายลงไปแล้วยิ้มมองรูปร่างของฉันโดยเฉพาะตรงเนินสวาทที่อวบอูมนั้น“หันสะโพกมาให้
การไปงานแต่งงานของเพื่อนร่วมงานในคืนนี้ทำให้ฉันได้เจอกับ ‘น็อต’ เพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมปลายแล้วเราก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องทั่วไป“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณยังโสดอยู่ หล่อๆ มีเสน่ห์อย่างคุณโสด เพื่อนคนอื่นในห้องก็คงโสดทั้งแถว” ฉันพูดอย่างชื่นชม เพราะเครื่องดื่มสีหวานที่ผสมแอลกอฮอล์ทำให้ฉันพูดออกไปตรงๆอีกอย่างฉันก็แอบชอบเขามานานแล้วตั้งแต่สมัยเรียน พอรู้ว่าโสดร่างกายกับสมองก็เริ่มพยายามทำตัวให้เข้าไปสนิทสนมกับเขาเพื่อที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนก่อนจะขยับสถานะในอนาคต“นี่นันคิดว่าผมหล่อและมีเสน่ห์เหรอ คิดอะไรกับผมรึเปล่าเนี่ย” เขาถามแล้วอมยิ้ม ทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่ฉันตามประสาคนเจ้าเสน่ห์ที่ชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว“ก็ใช่นะสิ สมัยเรียนนะใครๆ ก็ชื่นชมคุณทั้งนั้นแหละ” ฉันยอมรับไปตามตรง อายุยี่สิบแปดแล้วจะมาเล่นตัวหรือเขินอายอะไรนักหนา“พูดตรงขนาดนี้ งั้นงานเลี้ยงจบเราไปต่อด้วยกันไหมล่ะ ไปนั่งคุยกันแบบ...สองต่อสอง” โดนคนหล่อของรุ่นชวนขนาดนี้ทำไมฉันจะไม่ไปล่ะ“แค่คุยกันเหรอคะ” ฉันถามแล้วมองต่ำไปที่เป้าของเขา“นันไม่อยากคุย เราก็ทำอะไรสนุกๆ กันก็ได้” เขายิ้มกริ่มแล้วมองที่หน้าอกฉันอย่างโลมเลีย“
งานเลี้ยงประจำปีของบริษัทถูกจัดขึ้นที่โรงแรมริมชายหาดแห่งหนึ่ง ตอนกลางคืนมีการแสดงริมหาดและดื่มกินกันอย่างเต็มที่ครอบครัวของท่านประธานมาร่วมงานในปีนี้ด้วย แฝดหนุ่มวัยยี่สิบที่เป็นว่าที่ทายาทลำดับถักไปของบริษัทก็มาแนะนำตัวกับพนักงานในช่วงที่ลาพักร้อนจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ“กลับมาครั้งนี้ดูหล่อและเท่มากเลยนะคะพี่ฟาง” พนักงานรุ่นน้องดึงชายเสื้อฉันให้หันไปมองหลานแฝดของท่านประธาน“อืม ก็หล่อดี” ฉันเออออตาม แล้วหันไปมองสองแฝดที่มองมาทางฉัน สายตาแบบนั้นไม่บอกก็รู้ว่าคงจะอยากรู้จักฉันให้ลึกซึ้งกว่านี้สาวๆ ในออฟฟิศก็ยังโสดยังสาวกว่าแต่ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่สนใจ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะไม่อยากผูกสัมพันธ์กับสาวๆ เพราะกลัวการผูกมัดและต้องแสดงความรับผิดชอบ แต่กับฉันที่เป็นม่ายหากมีสัมพันธ์ด้วยแล้วก็ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรมากพอฉันรู้ว่าพวกเขาสนใจฉัน ฉันก็หาโอกาสปลีกตัวออกไปคนเดียวแล้วรอดูท่าทีว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งจะตามฉันมารึเปล่า แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฉันถึงกับอึ้งไปแล้วก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อพวกเขาสองคนเดินมาพร้อมกัน“เดินเล่นคนเดียวริมหาดแบบนี้ตอนดึกอันตรายนะครับพี่”“ให้พวกเราไปส่งที่ห้อง
ในวันอาทิตย์ที่แสนเหงา วันนี้ผู้จัดการเคไม่ว่าง น้องเอกข้างบ้านก็ไปเที่ยวกับครอบครัว ส่วนผู้ชายคนอื่นๆ ฉันก็ไม่มีใครว่าง ในวันที่ฉันมีอารมณ์มากกว่าปกติฉันทนต่อความต้องการของตัวเองไม่ไหว ในตอนเช้าจึงจัดการถูหอยสไลด์กับหมอนข้างคู่ใจไปแล้วหนึ่งครั้ง ถึงจะเสร็จสมอารมณ์หมายแต่ก็ยังไม่รู้สึกดีเท่าโดนดุ้นอุ่นๆ มาบรรเทาความหนาวเหน็บในใจตอนนี้พอถึงตอนกลางวัน ฉันที่ขี้เกียจทำอาหารก็ได้สั่งอาหารมาทานที่บ้าน ไรเดอร์ที่รับงานชื่อคุ้นมากจนต้องกดซูมดูโปรไฟล์ แล้วฉันก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อหาคนคลายเหงาได้แล้ว“พี่บอลเองเหรอ” ฉันพึมพำออกมาแล้วยิ้มอย่างพอใจพี่บอลคือแฟนเก่าสมัยเรียน เขาเป็นคนที่ขยันทำมาหากินแต่ว่าดูซื่อๆ คบกับผู้หญิงก็โดนหลอกเอาเงินแล้วก็ทิ้งไป จนครองตัวโสดมาตลอดหลายปีนี้เขาคือทางเลือกที่ดีของฉันในวันที่แสนเหงาใจ และหากได้รำลึกความหลังกันสักยกก็คงจะดีไม่น้อยฉันนั่งติ้วรออาหารด้วยความตื่นเต้น ปลายนิ้วที่คลึงวนอยู่ที่เม็ดเสียวทำให้น้ำใสๆ ไหลเอ่อออกมาเต็มร่อง แต่ฉันไม่ได้ทำให้ตัวเองถึงจุดหมาย แค่คลึงให้เสียวเบาๆ เรียกให้น้ำเดินก็เท่านั้นสักพักพี่บอลก็มาถึง ฉันเดินออกไปรับอาหารแล้วยิ
เสน่ห์ของม่ายสาวอย่างฉันไม่ได้มีแค่เด็กหนุ่มกลัดมันอย่างเอกเท่านั้น แม้แต่ที่บริษัทหนุ่มๆ ที่แอบชอบฉันและอยากมีความสัมพันธ์ด้วยก็มีเข้ามาขายขนมจีบมากมายอันดับแรกที่ฉันตัดออกไปคือคนที่มีครอบครัวแล้ว เพราะหลังจากที่ถูกสวมเขา ฉันก็เข้าใจความเจ็บปวดของผู้หญิงดีและไม่คิดจะเล่นชู้กับคนรักของใคร“นี่ทำงานประสาอะไรกัน ถึงได้ทำให้พลาดลูกค้ารายใหญ่ไปแบบนี้” เสียงตวาดที่ดุดันของผู้จัดการพร้อมกับเสียงทิ้งแฟ้มฟาดลงกับโต๊ะทำให้ทั้งแผนกขายเงียบกริบคนที่รับผิดชอบลูกค้ารายใหญ่ก็หน้าเจื่อนแล้วก้มหน้าลง“คุณฟาง คุณเป็นหัวหน้าแผนก คุณไม่ได้กำชับลูกน้องคุณให้ดูรายงานดีๆ เหรอ” เขาหันมาถามฉันเสียงดุ“คือว่า..”“ตามผมเข้าไปที่ห้อง” เขากัดฟันพูดด้วยความขุ่นเคือง แล้วเดินไปรอที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขาที่อยู่สุดทางเดิน“พี่ฟางหนูขอโทษนะคะ แต่หนูมั่นใจว่าตรวจสอบดีแล้ว เอกสารต่างๆ ก็ระบุตัวเลขถูกต้องหมดทุกอย่าง มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่” พนักงานขายคนที่รับผิดชอบงานนี้โดยตรงพูดขึ้นมาอย่างร้อนใจที่ความผิดพลาดของเธอทำให้ฉันถูกตำหนิจากผู้จัดการสาขาฉันรับแฟ้มนั้นขึ้นมาดู ทุกอย่างก็ดูปกติดีแล้วทำไมผู้จัดการต้องหาเรื่อง
เมื่อกลับไปถึงบ้าน ฉันก็ชวนให้เขาเข้าไปในบ้านด้วยกันโดยไม่สนใจสายตาของเพื่อนบ้าน ก็โดนพูดเสียๆ หายๆ ไปแล้วนี่นะ แก้ตัวอะไรก็ไม่ได้ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ขอใครกินจะทำอะไรก็ไม่อยากสนใจใครฉันให้เอกนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นแล้วขึ้นไปหยิบไดร์เป่าผมที่เสียมาให้เขาซ่อมจริงทำให้เขาดูสลดลงไปแล้วลงมือซ่อมไดร์ให้แก่ฉันด้วยท่าทีเสียดายนิดๆในขณะที่เขากำลังง่วนอยู่กับการแกะแงะซ่อมอะไรพวกนั้นอยู่ ฉันก็ให้เขาซ่อมต่อไปแล้วไปเปลี่ยนเป็นชุดลำลองออกมานั่งข้างเขาแล้วเอามือวางที่ต้นขาของเด็กหนุ่มพร้อมกับลูบไล้เบาๆ“ท่าทางจะงัดเก่งน่าดู” ฉันถามไปพลางเอาหน้าอกถูแขนเขาไปด้วย มือก็ลูบขาเขาปลุกอารมณ์ไปด้วยเอกตัวสั่นมือสั่นด้วยความตื่นเต้นพยายามหายใจให้เป็นปกติที่สุด แต่ฉันรู้ว่าเขาคงต้องการมากแล้ว แต่ยังลังเลว่าฉันจะยอมให้ทำจริงๆ หรือไม่“มางัดให้พี่หน่อยสิ” ฉันพูดแล้วขยับไปนั่งที่โซฟาอีกตัว กางขาอ้าออกกว้างให้เขาเห็นว่าภายใต้ชุดกระโปรงที่ฉันสวมใส่ไม่ได้มีชั้นในปิดบังของสงวนเอาไว้เอกตาลุกวาวแล้ววางมือจากไขควงและเครื่องมือซ่อมต่างๆ ขยับมานั่งคุกเข่าต่อหน้าฉันแล้วใช้นิ้วเขี่ยที่กลีบสวาทด้วยความหลงใหล“ดูใกล้ๆ สวยกว่
เรื่องราวของเสน่ห์แม่ม่ายอย่างฉันได้เริ่มขึ้นหลังจากที่ฉันหย่ากับสามีแล้วในตอนนั้นฉันเดินทางไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด แต่บังเอิญว่างานถูกยกเลิกกะทันหันเพราะวิทยาก่อนป่วย จึงกลับไปที่บ้านแล้วพบว่าเขาพาผู้หญิงมานอนกกกอดกันบนเตียงของเราจากนั้นฉันก็ไม่ทนเพราะไม่อยากรั้งให้คนหลายใจมาอยู่ในชีวิตของฉัน ฉันถ่ายรูปทั้งหมดเอาไว้แล้วค่อยๆ เดินออกไปจากห้องโดยไม่โวยวายอะไรให้พวกเขานอนหลับกอดกันอยู่อย่างนั้นฉันส่งรูปที่เขานอนกอดกับผู้หญิงอื่นในแชทกลุ่มของครอบครัวให้ทุกคนได้รู้เห็นพร้อมกับระบุไปว่าฉันต้องการหย่าไม่นานเขาก็รีบออกมาพูดขอโทษฉันแต่ว่าฉันไม่ต้องการอะไรแล้วนอกจากอิสรภาพ“ฉันจะฟ้องหย่าและฟ้องชู้ผู้หญิงของคุณ ถ้าไม่อยากหมดตัวยอมหย่าให้ฉันดีๆ และบ้านกับรถต้องเป็นของฉันคนเดียว” ฉันบอกข้อเสนอที่เด็ดขาดและจริงจังให้กับเขา โดยไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียวเขายอมรับข้อเสนอ หย่าแล้วยอมออกไปจากชีวิตฉันโดยมีแค่รถคันเก่าและเงินเก็บส่วนของเขาติดตัวไป ส่วนเงินเก็บอีกครึ่ง บ้านและรถเป็นของฉันทั้งหมด เท่านั้นฉันก็ว่าฉันใจดีสุดๆ แล้วปัจจุบันฉันคือแม่ม่ายสาวที่มีแต่หนุ่มๆ มารุมขายขนมจีบ ‘กระดังงาลนไฟก็ยิ่งหอม