จ้าวหลินอีมองตามรถของคนรักจนลับสายตาก่อนจะเดินกลับหอพัก ซึ่งใกล้จะเปิดเทอมแล้วนักศึกษาหลายคนที่กลับมาจากบ้านเหมือนเธอเดินผ่านไปมา และยังมีนักศึกษาที่ไม่ได้กลับบ้านชนบทที่ห่างไกลเพราะทำงานหาเงินเพื่อเรียนต่อไปด้วย ชีวิตนักศึกษามีหลายสิ่งหลายอย่างให้ทำ บ้านที่ฐานะยากจนก็ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตที่ดีเหมือนเธอห้องพักสำหรับสี่คนเธอมาถึงคนแรก คนอื่นๆ ยังไม่ได้กลับมาจึงได้เริ่มทำความสะอาดไว้รอพวกสหายทั้งสามคน แม้ภายในใจเธอจะไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่แล้วก็ตาม เธอคิดจะไปเช่าร้านปิดร้านขายเสื้อผ้าและจ้างพนักงานดูแลระหว่างที่เธอติดเรียนหลังจากทำความสะอาดห้องเสร็จจึงได้อาบน้ำและหาอะไรกินแบบง่ายๆ ที่ใกล้มหาวิทยาลัย ก่อนจะกลับหอพัก จ้าวหลินอีวาดแบบเสื้อผ้าที่ทันสมัยและขายดีในความทรงจำจากชาติก่อน และวาดเสริมปรับแต่งเป็นเอกลักษณ์โดยปักแบรนด์เสื้อตัวเองลงปกคอเสื้อ จ้าวหลินอีวาดสี่ห้าแบบไว้ก่อนจะปิดไฟนอนเพื่อพรุ่งนี้เช้าจะได้ไปหาเช่าห้อง ครั้งนี้เธอไม่ได้บอกเย่ซินหรานที่บ้านตระกูลเย่ดีกับเธอมากจนรู้สึกเกรงใจ เธอจะรู้สึกมั่นใจตัวเองมากกว่าหากสร้างฐานะได้มั่นคงด้วยตนเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนดีที่สุด เธอดีใจที่พวก
“ห้าร้อยหยวนต่อเดือนครับคุณผู้หญิง” ชายวัยกลางแซ่ซ่งขมวดคิ้วก่อนจะตอบด้วยสีหน้าตายด้าน ซึ่งทำให้จ้าวหลินอียกมือปิดปากกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ นี่ละมั้งที่เรียกว่าเลือกผู้เช่าเอง“ได้ยังไง นี่ปล้นกันใช่ไหม พื้นที่เล็ก ๆ แบบนี้แค่สิบหยวนก็เกินไปแล้ว” “เหอะ สิบหยวนไปหาเช่าที่อื่นไม่ต้องมาก่อกวนที่นี่” ชายวัยกลางคนแซ่ซ่งชักสีหน้าอย่างไม่พอใจเมื่อหล่อนคิดจะมาหาเรื่อง แต่เขารู้ดีว่าราคาที่ตนเองเสนอเพื่อไล่หล่อนออกไปเท่านั้น เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และจริงใจย่อมให้คนที่มาก่อนเช่าก่อน “แพงขนาดนั้นใครจะเอาเงินมาเททิ้ง ยัยหนูหล่อนถูกหลอกแล้วล่ะ เขตนี้ค่าเช่าไม่กี่หยวนเอง” หญิงวัยกลางคนตอบกลับอย่างอารมณ์เสียก่อนจะหันไปบอกหญิงสาวคนนั้นอย่างมีเมตตา ซึ่งไม่ได้ทำให้จ้าวหลินอีลังเลแต่อย่างไร เธอเกิดมาสองชาติภพแล้วจึงรู้ดีว่าค่าเงินและค่าเช่าแต่ละพื้นที่ราคาเท่าไหร่“ขอบคุณค่ะป้า แต่ฉันชอบที่นี่ค่ะ”“เหอะ! ไม่รักดีจริงๆ แล้วใครป้าหล่อนกัน!” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เดินจากไปอย่างอารมณ์เสียเหมือนแค่เข้ามาก่อความวุ่นวายเท่านั้น “อย่าไปสนใจหล่อนเลย หล่อนเป็นเมียทหารแถวนี้แหละ ว่างมากจนหาเรื่องคนไปทั่วแหละ” ชายวัยกลาง
“ได้สิค่ะ” จ้าวหลินอีตอบรับด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ได้รังเกียจที่หล่อนมีลูกสาวมาทำงานด้วย เพราะมู่เหม่ยหลิงทำให้เธอนึกถึงตัวเองเมื่อชาติก่อนแต่เหม่ยหลิงโชคดีกว่าเธอคือได้ลูกสาวมาอยู่ด้วย“ขอบคุณมากๆค่ะคุณจ้าว ต่อไปเรียกฉันว่าพี่เหม่ยหลิงก็พอค่ะ ไม่ต้องเรียกคุณมู่อย่างสุภาพแบบนั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มกว้างด้วยความยินดี เธอหางานมาหลายที่แม้จะมีฝีมือแต่นายจ้างไม่ยอมรับให้ลูกสาวเธอมาทำงานด้วย ทำให้เธอว่างงานมาถึงตรงนี้“ได้ค่ะพี่เหม่ยหลิง” จ้าวหลินอีตอบรับอย่างว่าง่าย ชื่อก็แค่เป็นการเรียกเท่านั้น หลังจากพูดคุยเรื่องค่าแรงและเวลางาน ทั้งสองก็ตกลงกันได้ มู่เหม่ยหลิงจะมาช่วยงานในร้านตั้งแต่เช้าถึงบ่าย ส่วนจ้าวหลินอีจะมาดูแลในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนสองสัปดาห์ต่อมาร้านตัดเย็บเสื้อผ้าของจ้าวหลินอีเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เธอตั้งชื่อร้านว่า ลี่หรงถัง ซึ่งแปลว่าห้องแห่งความงามของผ้าไหม และได้ทำป้ายหน้าร้านใหม่อย่างสวยงาม “ฉันไม่คิดเลยว่าเราจะเริ่มต้นได้เร็วขนาดนี้” จ้าวหลินอีพูดพลางมองดูผลงานที่จัดแสดงอยู่หน้าร้าน มีชุดกระโปรงเรียบง่ายแต่ดูสง่างาม และเสื้อเชิ้ตที่ออกแบบมาให้เหมาะกับทุกเพศทุ
“ได้ค่ะ วันนี้ของคุณพี่มากนะคะ” จ้าวหลินอีเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม วันนี้เธอต้องต้อนรับลูกค้าทำให้ไม่มีเวลาไปซื้ออะไรมาทาน แต่เย่คุนข่ายกลับใส่ใจมากเขาซื้อข้าวกลางวันและข้าวเย็นมาให้เธอทานและย้ำให้ทานข้าวหเป็นเวลาอีกด้วย เธอมองสองพี่น้องจากไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนมู่เหม่ยหลิงกับลูกสาวเลิกงานกลับไปนานแล้วเช่นกัน“นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น” จ้าวหลินอีพูดกับตัวเองขณะปิดประตูร้านในคืนนั้น เธอรู้ว่าความสำเร็จไม่ได้มาอย่างง่ายดาย แต่เธอก็พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อสิ่งที่เธอรักวันเวลาผันผ่านเพียงพริบตาจ้าวหลินอีก็อยู่มหาลัยปีสามเทอมสองแล้ว อีกแค่หนึ่งเทอมเธอก็เรียนจบการศึกษา คะแนนสอบเธอได้รับเกียรตินิยมเลยทีเดียวหลายปีมานี้เธอทำงานและเรียนหนักมาก แต่เพื่ออนาคตที่ดีในภายภาคหน้าเธอก็ต่อสู้มาอย่างเข้มแข็งและไม่ย่อท้อมาโดยตลอดตอนนี้พ่อกับแม่เธอไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แม้จะทำไร่ทำสวนที่บ้านบ้างก็เพราะไม่ให้ตนเองว่างจนชีวิตน่าเบื่อเท่านั้น ครอบครัวตระกูลจ้าวมีเงินจากลูกสาวทำให้หลายคนในหมู่บ้านรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก แต่บางคนก็ให้ร้ายว่าจ้าวหลินอีถูกผู้ชายเลี้ยงดู จึงได้มีเงินมาเลี้ยงดูครอบ
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จจ้าวหลินอีก็ได้กลับไปที่ร้านเพราะยังมีชุดที่ต้องรอออกแบบอีกหลายชุด เธอวุ่นวายอยู่กับคนเดียวตลอดบ่าย ไหนจะต้องเลือกผ้าไหม สีผ้าที่เข้ากับผิวแต่ละคนและยังซื้อเครื่องประดับเพิ่มอีก อย่างพวกไข่มุกสีต่าง ๆ เพื่อมาตกแต่งชุดงานเลี้ยงของพวกสหายอีกสามคน ชุดราตรีต้องโดดเด่นเพราะมันจะเป็นการเปิดตัวร้านของเธอและคนจะได้รู้จักมากขึ้นอีกด้วย เธอทำงานอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งลูกน้องในร้านถึงเวลาเลิกงานหมดแล้ว เธอไม่ได้ให้พวกเขาทำงานล่วงเวลาเพราะพวกเขายังมีครอบครัวต้องรับผิดชอบ“ยังไม่เสร็จงานเหรอครับ”จ้าวหลินอีหันหน้าไปมองตามเสียงก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าใครมาหา เธอวางงานในมือลงแล้วเดินเข้าไปหา หลายวันมานี้เธองานยุ่งไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกันเลย โชคดีที่เย่คุนข่ายเป็นผู้ใหญ่และเป็นทหารที่มีเหตุผล เขาไม่เคยทำให้เธอรู้สึกลำบากใจแม้แต่ครั้งเดียว“ใกล้แล้วค่ะ ที่มหาลัยจะมีงานเลี้ยงค่ะสหายทั้งหลายเลยมาช่วยให้ทำชุดราตรีให้ค่ะ พี่ทานข้าวเย็นยังคะ”“ยังเลยพี่ว่าจะมารับเราไปเดินตลาดกลางคืนด
“ใครปล่อยข่าว” สหายคนอื่นๆ ถามอย่างสงสัย จ้าวหลินอีมองพวกเขาแล้วเอ่ยตอบเบาๆ เพราะเธอก็ไม่คิดว่าจะเป็นรุ่นน้องที่ชอบมาปรึกษาเรื่องการเรียนกับเธอ ต่อหน้าหล่อนพูดดีมีมารยาททว่าลับหลังกลับไส้ร้ายป้ายสีเธอแบบนี้ ปานนี้หล่อนคงยังไม่รู้ตัวว่าเธอรู้ว่าหล่อนเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอกเธอหรือสงสารยังช่วยทำรายงานสำคัญส่งอาจารย์ด้วย โชคดีจริงๆ ที่เธอยังไม่ได้คืนรายงานฉบับนี้ให้หล่อน เธอจะดูสิว่าถูกตลบหลังจะยังตีหน้าซื่อตาใสได้อีกหรือเปล่า“หลีหว่านหนิง”“ฉันว่าแล้วยัยนั่นมันแม่ดอกบัวขาว” คำพูดของหลิวตานทำให้จ้าวหลินอีหัวเราะเบาๆ เธอเองก็มองออกเพียงแต่เห็นหล่อนแล้วทำให้เธอคิดถึงลูกสาวจากชาติก่อน เธอจึงทำดีด้วยแต่เมื่อบทสรุปออกมาแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดจากที่คาดเดาไปได้ เธอจึงไม่ได้นึกเสียใจอะไรส่วนข่าวลือเดี๋ยวความจริงก็ถูกเปิดเผยเอง“หลี่หว่านหนิง ทำไมฉันรู้สึกคุ้นแซ่จังเลย จริงสิ! ไม่ใช่ยัยนี่เป็นลูกสาวของนายพลแซ่หลีที่เป็นคู่อริพ่อฉันเหรอ” เย่ซินหรานทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะสะดุดชื่
“กลับกันเถอะ เดี๋ยวดึกกว่านี้เธอไปเรียนไม่ไหว” หลังจากเดินย่อยมาสักพักแล้วจึงได้เอ่ยชวนคนรักสาวที่คล้ายจะง่วงนอนแล้ว เขารู้ว่าช่วงนี้ตัดเย็บชุดราตรีทำให้อดหลับอดนานมาหลายวันแล้ว“ได้ค่ะพี่ ฉันก็เริ่มง่วงแล้ว” จ้าวหลินอียิ้มรับก่อนจะเดินจูงมือกันกลับไปที่รถยนต์ที่จอดที่ลานจอด เธอนั่งรถกลับมาและเผลอหลับไม่รู้ตัว จนกระทั่งกลับมาถึงร้านที่ถูกปลุกให้ตื่นไปนอนที่ร้านดีๆ และวิธีการปลุกคนให้ตื่นของเย่คุนข่ายทำให้ริมฝีปากของเธอแดงซ้ำไปเลยทีเดียว“ฝันดีนะคะ” จ้าวหลินอีเอ่ยบอกใบหน้าแดงก่ำอย่างเขินอายก่อนจะรีบเข้าร้านและปิดประตูอย่างเรียบร้อย ไม่รอให้เย่คุนข่ายกลับเหมือนทุกครั้ง ดวงตาคู่คมมองแผ่นหลังอรชรด้วยรอยยิ้ม มือลูบปากตัวเองแผ่วเบาหวานจริงๆ ผลไม้ที่เขาเลี้ยงดูใกล้จะสุกเต็มที่แล้ว...เย่คุนข่ายมองตามอยู่สักพักจนกระทั่งไฟในร้านปิดหมดทุกดวงเขาจึงได้ขับรถออกไป ตอนนี้ตีหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้เช้ายังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจัดการ ว่าที่ภรรยาขยันขนาดนั้นเขาจะต้องขยันให้มากกว่าเธอเป็นสองเท่าจ้าวหลินอีแอบมองต
“ก็นึกว่าใคร คนขี้แพ้นี่เอง ฉันกับกู้เหวินเรียนจบก็จะได้แต่งงานกันแล้ว เธอควรแสดงความยินดีกับพวกฉันนะ” ทันทีที่เห็นหน้าศัตรูหัวใจ ตู่จื่อหย่าจึงพูดด้วยรอยยิ้มสะใจ เธอกอดแขนคู่หมั้นอวดความรักหวานชื้นตัวเองเพื่อให้หล่อนอิจฉา จ้าวหลินอีเป็นผู้หญิงที่ถูกกู้เหวินเฟยทอดทิ้ง แต่ตอนนี้หล่อนทั้งสวยและเรียนเก่งทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวงจึงรีบมาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ“อ่อ งั้นก็ขอให้รักกันนานๆ แล้วกัน” จ้าวหลินอีตอบกลับหน้าตาย ผู้ชายสารเลวแบบนี้ให้ฟรียังไม่เอาเลย เธอไม่กลับไปโง่เขลาเหมือนชาติก่อนอย่างแน่นอน และเธออยากรู้จริงๆ ว่าหากตู่จื่อหย่ารู้ว่าผู้ชายสารเลวคนนี้พร้อมจะไปอยู่กับคนที่รวยกว่าจะรู้สึกยังไง และหากกู้เหวินเฟยรู้ว่าภรรยาของตนเองไม่ได้มีแค่ตัวเอง เรื่องจะจบแบบไหน มันคงน่าสนุกน่าดูเธอแทบอดใจรอชมไม่ไหวเชียวล่ะ“คิกๆๆ” เสียงหัวเราะรอบข้างทำให้ตู่จื่อหย่ารู้สึกหน้าเสียเป็นอย่างมาก เธอถลึงตาใส่กลุ่มของสหายของจ้าวหลินอีอย่างไม่พอใจก่อนจะด่ากลับอย่างโมโห“หัวเราะไปเถอะ อย่างหล่อนก็แค่ของเล่นผู้ชายเท่านั้นแหละ”เม
“เดี๋ยวลูกไปเล่นที่หลังร้านก่อนนะ เดี๋ยวบ่ายๆ เรากลับบ้านกันจะได้ไปเตรียมอาหารเย็น”“ได้ค่ะ” เด็กหญิงตอบรับก่อนจะลากน้องชายไปด้วย ครั้งนี้เธอยอมเล่นฟันดาบกับเขา ทำให้ใบหน้าบูดบึ้งของน้องชายยิ้มออกมาได้ ยิ่งรู้ว่าตอนเย็นมีของชอบด้วยยิ่งทำให้สองฝาแฝดเล่นกันอย่างสนุกสนานจ้าวหลินอีรีบตัดเย็บชุดครอบครัวอย่างรวดเร็วเธอไม่ได้ให้ลูกจ้างคนอื่นช่วยเพราะอยากทำด้วยตนเอง ตอนนี้ร้านค้าทั้งสามสาขาของเธอกิจการดีมากและยังได้ผลกำไลเยอะขึ้นทุกปีและได้การตอบรับจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น ยิ่งได้ดาราดังมาช่วยเป็นนางแบบทำให้ร้านลี่หรงถังโด่งดังทั่วปักกิ่งเลยทีเดียว และเธอเคยส่งงานเข้าร่วมประกวดจนได้รางวัลการออกแบบดีเด่นมาประดับร้านอีกด้วยหลังจากตัดเย็บจนได้เวลาทำอาหารจ้าวหลินอีจึงได้เดินทางกลับบ้าน ส่วนวัตถุดิบเธอให้เด็กที่ร้านออกไปซื้อเตรียมไว้ให้แล้ว ซึ่งเธอก็ได้มอบทิปน้ำใจให้เป็นการตอบแทนด้วย และการกระทำแบบนี้ทำให้ลูกจ้างที่ร้านลี่หรงถังต่างชอบนายจ้างแบบเธอมากและไม่มีใครลาออกจากงานสักคนเดียว งานดี เงินดีและยังมีเจ้านายที่แสนดีพวกหล่อนจึงกอดขาทองคำไ
ฉึก!!กู้เหวินเฟยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาก้มมองภรรยาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่กลับมองเห็นแววตาแห่งความบ้าคลั่งของตู่จื่อเฟยถึงกลับทำให้เขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เมื่อก้มมองตรงอกข้างซ้ายของตัวเองที่มีมีดปลายแหลมคมปักอยู่ ซึ่งเป็นมีดที่ตู่จื่อหย่าพกติดตัวตลอดตั้งแต่ถูกกู้เฉินฮุ่ยลวนลามเมื่อครั้งก่อน เธอเอาไว้ป้องกันตัวไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้ใช้มันกับคนที่เธอรักมากปึก!กรี๊ดดดด ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นลั่นบ้าน จากนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้นแต่น่าเสียดายที่ยุคสมัยนี้ยังไม่พัฒนาเรื่องการแพทย์และไม่มีรถส่วนตัวที่จะหามส่งโรงพยาบาลได้ทัน เวลาต่อมากู้เหวินเฟยจึงได้เสียชีวิตลง เรื่องนี้ทำให้ชาวบ้านที่มาพบเห็นเหตุการณ์ต่างตื่นตระหนกหลังจากที่มีเหตุการณ์ฆ่ากันตายตู่จื่อหย่าไม่ได้หนีความผิด เธอเดินกลับเข้าห้องไปอย่างสงบและสุดท้ายก็จบชีวิตลูกน้อยด้วยน้ำตา ดวงตาที่มีแต่ความแค้นและความเกลียดชังมองไปยังบ้านกู้ก่อนจะจุดไฟเผาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็จบชีวิตตัวเองตามไปด้วย เพราะรู้ดีว่าหากเธอไม่ตายก็ต้องติดคุ
แต่ชาตินี้เธอท้องกลับมีคนดูแลแทบจะไม่ได้เดินเองเลย ร้านค้าก็มีคนช่วยดูแลและนำเอกสารการเงินมาให้ดูถึงบ้าน และมาเล่ารายงานให้ฟังสองสามวันต่อครั้ง ความแตกต่างกันนี้ทำให้เธอรู้สึกอยากขอบคุณสวรรค์ที่ให้ย้อนเวลากลับมาเธอจะใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มค่ากับการที่ได้มาเลยทีเดียวขณะที่จ้าวหลินอีถูกประคบประหงมราวกับไข่ในหิน ทางด้านตู่จื่อหย่าถูกคนบ้านตระกูลกู้จิกหัวใช้ราวกับทาส คลอดลูกออกมาก็เป็นลูกสาวยิ่งทำให้แม่สามีชิงชังมากกว่าเดิมทุกวันนี้ร่างกายเธอผอมแห้งดวงตามีแต่ความเครียดแค้นชิงชัง ไม่รู้ว่าทำไมชีวิตที่ดีของเธอต้องมาลงเอ่ยแบบนี้ พ่อที่เคยตามใจและหนุนหลังกลับติดคุก แม่ที่เคยตามใจเธอกลับหนีตามผู้ชายคนใหม่พี่ชายก็ไม่รู้หนีหายไปไหนสุดท้ายเธอจึงเหลือตัวคนเดียวทำให้คนบ้านกู้ต่างดูถูกต่าง ๆ นา ๆ อีกทั้งยังมีผู้ชายสารเลวอย่างกู้เฉินฮุ่ยที่คอยแอบเข้าหาและลวนลามเธอเวลาไม่มีคนอยู่ ทำให้เธอน้ำท่วมปากไม่สามารถป่าวตะโกนออกไปได้ส่วนสามีที่เธอคิดฝากฝังชีวิตกลับไม่ได้มาที่บ้านตั้งแต่รู้ว่าเธอคลอดลูกสาวแล้ว เมื่อก่อนเป็นเธอและครอบครัวที่ส่งเสียเ
ทว่าเวลาต่อมาจ้าวหลินอีจึงได้รู้ซึ้งแล้วว่า มาเก๊าเป็นสถานที่กินคนอย่างแท้จริง พวกคนงานถูกใช้งานยิ่งทาส ค่าครองชีพก็สูงเป็นอย่างมาก อีกทั้งผู้หญิงที่มาที่นี่ก็ถูกจับเข้าซ่องโสเภณีเสียส่วนใหญ่ หากไม่มีคนหนุนหลัง แม้กระทั่งคู่รักที่รักปานจะกลืนกินเมื่อมาที่มาเก๊าความรักก็จางหายมีแต่ความเห็นแก่ตัวให้เห็นเท่านั้น เพราะพวกเขาแม้กระทั่งขายผู้หญิงที่ตัวเองบอกว่ารักมากให้กับชายอื่นเพื่อเงินเพื่อมีชีวิตต่อไปสิ่งที่เห็นในมาเก๊าทำให้จ้าวหลินอีรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก อยู่ปักกิ่งดีที่สุดแล้ว เมืองใหญ่ที่การแข่งขันสูงแต่ก็หาเงินได้คล่องและไม่ได้เบียดเบียนชีวิตใครแต่ถึงมาเก๊าจะมีสิ่งไม่ดีให้เห็นแต่ก็มีสิ่งสวยงามที่เย้ายวนให้ผู้คนเดินทางมามากมาย ที่นี่เหมือนไม่มีเวลากลางคืน มีแสงสว่างตลอดเวลาและมีความครึกครื่นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะคาสิโนที่มีนักพนันมากมายมาเสี่ยงดวงที่นี่ บางคนเล่นหนักถึงกับเสียมือเสียเท้าไปเลยทีเดียวแต่นั่นเป็นความละโมบของพวกเขา จ้าวหลินอีเริ่มมองผู้คนด้วยความสงบนิ่งมากขึ้นไม่ได้มีแววตาตื่นตระหนกเหมือนวันแรกที่มาเยือน อีกทั้งข้างกายมีสามีอย่างเย่คุนข่
หลังจากแต่งงานได้สามวัน จ้าวหลินอีจึงได้กลับปักกิ่งอีกครั้งเพราะเธอยังเป็นห่วงร้านลี่หรงถัง และยังมีงานแต่งงานเมืองหลวงอีกรอบ พ่อกับแม่ของสามีอยากประกาศให้คนที่นี่รู้ว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ ซึ่งได้จองโรงแรมไว้อย่างยิ่งใหญ่ คนที่มาร่วมงานก็เป็นเหล่าทหารในค่ายทหารและเหล่าแม่บ้านเพื่อให้จ้าวหลินอีได้รู้จักภรรยาของทหารกล้าทั้งหลายด้วยซึ่งการกระทำแบบนี้ค่อนข้างสิ้นเปลือง แต่จ้าวหลินอีกลับรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเพราะนั่นเป็นการให้เกียรติเธอ อีกทั้งตอนนี้เธอไม่ใช่แค่เด็กบ้านนอกทีไร้การศึกษาและยากจนอีกต่อไป แม้ฐานะเธอจะสู้ข้าราชการไม่ได้แต่เธอก็ภูมิใจในงานของตัวเองเป็นอย่างมากงานแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แม้จะมีคนมาก่อความวุ่นวายเพราะความไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็ผ่านมาได้อย่างดี ซึ่งคนที่ก่อกวนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นครอบครัวตระกูลจินที่อ้างว่ามีสัญญาหมั้นหมายไว้เมื่อครั้งก่อนที่จ้าวหลินได้เจอ แต่สุดท้ายลูกสาวของพวกเขากลับตั้งครรภ์โดยไม่มีพ่อ พวกเขาจึงอยากให้เย่คุนข่ายรับเป็นพ่อของเด็กในท้องจึงได้วางแผนเรื่องนี้ขึ้นมา“ยินดีด้วยนะคะลูกสะใภ้สวยมากเลยค่
เย่คุนข่ายได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มออกมาเบา ๆ ก่อนจะเข้าไปสวมกอดเจ้าสาวของเขาอย่างเบามือ เมื่อนัยน์ตาสบประสาน ทั้งสองก็เคลื่อนใบหน้าเข้าหากันอย่างเนิบช้า ริมฝีปากสัมผัสแผ่วเบาเข้าที่อวัยวะเดียวกัน จากความอ่อนโยนจนอุ่นซ่านไปทั้งใจ ก็เริ่มขบเม้มไล้เลียเข้าหากันไปมาอย่างเร่าร้อนชุดที่สวมใส่ถูกถอดออกอย่างไม่รู้ตัว เพราะความสนใจทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่รสจูบร้อนแรง ลิ้นชื้นสอดแทรกสำรวจไปตามโพรงปากอย่างหิวโหย เสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายดังขึ้นอย่างลามก ในตอนที่ใบหน้าหล่อเหลาผละออกก็มีน้ำใสสีเงินเชื่อมที่มุมปาก เป็นภาพที่ชวนให้ทั้งสองใบหน้าขึ้นสีระเรื่อได้อย่างง่ายดายพร้อมกับหัวใจที่เต้นถี่รัวกว่าทุกทีเขาดันภรรยาให้นอนราบลงบนเตียง ตามด้วยคร่อมกายหนาลงไปอย่างไม่รีรอ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ไปตามลำคอระหง กลิ่นหอมเฉพาะตัวทำเอาเขาอดใจไม่ไหวไล้จมูกสูดดมจนเสียงดังฟอด กระตุ้นให้จ้าวหลินอีหายใจติดขัดด้วยความรู้สึกวาบหวาม ก่อนจะสะดุ้งเกร็งเมื่อถูกปลายลิ้นลากผ่านสัมผัสเข้าที่ปลายยอดถัน สัมผัสแผ่วเบาทว่าสั่นสะท้านไปทั้งกาย เส้นความอดทนขาดผึงลงอย่างง่ายดายร่างหนาลุกยืนเต็มความสูงก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนทิ้งไปอย่างไม่
“ได้ยังไง ของบริจาคก็ต้องมาแจกให้หมดสิ จะมากลับคำได้ยังไง” เจิ้งฮวาเท้าสะเอวตอบโต้อย่างไม่พอใจ บรรดาลูกๆ และลูกสะใภ้ต่างก็ดึงหมวกมาปิดหน้าเอาไว้ด้วยความอับอาย “ของพวกเราอยากจะแจกใครก็ได้ครับ” เย่คุนข่ายที่เห็นว่าหล่อนสร้างปัญหาไม่เลิกก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ ดวงตาคมกริบกวาดสายตามองไปยังชาวบ้านรอบๆ ซึ่งทำให้พวกหล่อนหดคอด้วยความกลัว จากนั้นก็มีคนลากเจิ้งฮวาออกไปเพราะกลัวว่าคุณนายจะโมโหจนเลิกแจกสิ่งของ “พวกแกทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ทำมันจะไปเอาไม่ได้ของเยอะขนาดนั้นจะหวงทำไม!” เสียงกรีดร้องโวยวายของเจิ้งฮวาไม่มีใครสนใจอีก เมื่อนำตัวปัญหาสร้างเรื่องออกไปการแจกของจึงกลับมาสงบอีกครั้ง คนที่ได้รับก็ยิ้มด้วยความดีใจ เพราะสิ่งของเป็นถุงใหญ่ซึ่งพวกเขาได้ทั้ง ผ้าห่ม เสื้อผ้า ข้าวสารอาหารแห้งและยังมีน้ำมันที่หายากด้วย ซึ่งทุกคนที่ได้รับก็ยิ้มอย่างมีความสุขเพราะของเหล่านี้มีค่าพวกเขายากจนจึงไม่ได้ซื้อบ่อยนัก อย่างเช่นผ้าผืนใหญ่ที่สามารถนำมาตัดชุดได้อีกหลายตัว การแจกสิ่งของจบลงตอนเย็น ซึ่งสร้างความยินดีให้กับผู้รับ ทุกคนต่างยิ้มอย่างมีความสุขและยังพูดคุยเรื่องนี้กันอย่างครึกครื้น ทุกคนต่างพูดชื่นชมจ้าว
“นั่นสิไปกันเถอะ” ก่อนจะเดินไปพวกเขาต่างมองบ้านตระกูลกู้ด้วยสายตาดูแคลน คนตระกูลกู้ไม่มีใครดีสักคนไม่รู้ว่าทำตู่จื่อหย่าถึงได้ตาบอดมาชอบผู้ชายแมงดาอย่างกู้เหวินเฟยไปได้ เจิ้งฮวามองตามกลุ่มคนไปอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันกลับไปลากสะใภ้ที่บ้านไปรับของแจกด้วย หล่อนก็เป็นคนในหมู่บ้านย่อมต้องมีสิทธิ์รับของแจกได้เหมือนกัน “แม่ ฉันไม่ไป!” ตู่จื่อหย่าร้องเสียงหลง เธอพึ่งแต่งงานมาเป็นสะใภ้เต็มตัว แต่กลับถูกใช้งานเยี่ยงทาส อีกอย่างทำไมคนอย่างเธอต้องไปรับของเหลือเดนจากจ้าวหลินอีด้วย! “ไม่ไปไม่ได้ หล่อนก็มีสิทธิ์ได้ของเหมือนกัน สะใภ้ใหญ่หล่อนก็ไปเอาถุงใบใหญ่ไปด้วยเราจะไปกันทั้งบ้านนี่แหละ” เจิ้งฮวาจัดแจงอย่างไม่สนใจใคร บ้านนี้หล่อนเป็นใหญ่ทุกคนต้องเชื่อฟังหล่อนคนเดียวเท่านั้น “แม่ฉันอายคนอื่นทำไมบ้านเราต้องไปเอาของบริจาคเหมือนขอทานด้วย” กู้จินเย่พูดขึ้นอย่างไม่ใจ หล่อนดูถูกเหยียดหยามจ้าวหลินอีมาโดยตลอด ทำไมต้องไปของบริจาคจากคนที่หล่อนด้อยค่าแบบนั้นด้วย “ไม่ได้ ของในเมืองหลวงมีแต่ดีๆ ทั้งนั้นเราจะเสียโอกาสไม่ได้” เจิ้งฮวาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของลูกสาวก่อนจะลากทุกคนในบ้านไปรับของบริจาคด้วยก
“มันเยอะเกินไป พวกเรารับไม่ได้หรอกพวกเราไม่ได้ขายลูกกินแค่อยากให้เธอแต่งงานกับคนที่รักและดูแลเธออย่างดีก็พอแล้ว”“มากมายอะไรกัน อย่าไปคิดมากสิค่ะคุณน้อง ตอนนี้คุนข่ายได้เลื่อนขั้นเป็นนายพลแล้วอีกอย่างฉันเองก็รักหลินอีเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ต้องจัดงานแต่งงานให้เธออย่างสมเกียรติค่ะ”“ใช่ครับ อย่าทำให้พวกเราเสียความตั้งใจเลยครับ” ท่านนายพลเย่เต๋อหมิงที่พูดไม่ค่อยเก่งยังต้องพูดรองรับเหตุผลเพิ่มอีกหนึ่งคน เมื่อเห็นสองคนผัวเมียเต็มใจยกสินสอดมากมายให้ลูกสาวแบบนี้อินเยว่เจียถึงกลับน้ำตาซึมด้วยซึ้งใจ เพราะนั่นหมายถึงลูกสาวแต่งงานออกไปจะไม่มีวันที่จะถูกรังแกจากพ่อแม่สามีอย่างครอบครัวอื่นแน่นอน“คุณพ่อกับคุณแม่รับไว้เถอะครับ ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลจ้าวหลินอีคนเดียวตลอดไปครับ” เย่คุนข่ายออกปากยืนยันความตั้งใจด้วยความหนักแน่นมั่นคง ดวงตาคู่คมมองคนรักที่ใบหน้าแดงระเรื่ออย่างเขินอายอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาลึกซึ้ง“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลง เดี๋ยวพวกเราค่อยมาปรึกษาฤกษ์แต่งงานกันอีกที” พ่อจ้าวที่นั่งฟังมานานออกปากพูดขึ้น“ฉันได้นำชื่อของทั้งคู่ไปดูฤกษ์ยามแล้ว ซึ่งก็อีกสองเดือนข้างหน้า หากพวกคุณไม่รังเกียจสามารถใช้ฤก