หรงเจาหนานเอ่ยเสียงเรียบว่า “เธอก็มีพรสวรรค์ในการตกปลาเหมือนกันนะเนี่ย แต่เธอไม่กลัวจะถูกคนเห็นเข้าแล้วจับส่งเข้าชั้นเรียนปรับทัศนคติ เพื่อลบความคิดเกี่ยวกับทุนนิยมเหรอ?”ปลาในลำธารถือเป็นทรัพย์สินส่วนรวม แต่ใช่ว่าจะไม่เคยมีชาวบ้านแอบจับปลาในแม่น้ำไปกิน เพียงแต่กองประจำหมู่บ้านมักจะยอมหลับตาข้างหนึ่งแต่เขาเป็นนักโทษที่ถูกส่งมาปรับทัศนคติ เธอกำลังจะจดทะเบียนสมรสเป็น ‘สามีภรรยา’ กับเขาการแอบจับปลาในลำธารแบบนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเหมาว่าเป็นการขโมยทรัพย์สินส่วนรวม ต้องรับโทษแล้วยังโดนคนวิพากษ์วิจารณ์อีกดวงตากลมโตของหนิงหยวนหรี่ลง ก่อนจะหาวอย่างเกียจคร้าน “ตอนนี้คนที่รู้ก็มีแค่ฟ้าดินและเราสองคนไม่ใช่เหรอ? ทำไม หมอหรงจะแจ้งจับฉันหรือไง?”ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูเก็บเกี่ยวของปี 1978 เดือนธันวาคมก็จะมีการกำหนดนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ตอนนี้สถานการณ์ผ่อนคลายลงมากแล้วทว่า หรงเจาหนานยังไม่ได้กลับไปรับราชการ เขายังติดแหง็กอยู่ที่นี่เหมือนเดิม จะกังวลก็ไม่แปลกหรอกจู่ๆ หรงเจาหนานก็ถามนางว่า “ในเมื่อเธอฉลาดออกขนาดนี้ ทำไมตอนนั้นจะต้องยอมรับผิดแทนผมด้วยล่ะ ครอบครัวเธอค
บางทีเธออาจจะไม่ใช่สายลับที่คนกลุ่มนั้นส่งมาจัดการเขากับครอบครัว แต่เป็นสายลับน้อยที่แฝงตัวเข้ามาจากฝั่งโพ้นทะเล?เลนส์แว่นตาของหรงเจาหนานสะท้อนแสงเยือกเย็น จ้องหนิงหยวนอย่างพินิจพิจารณาหนิงหยวนเห็นสีหน้าเย็นชาของเขาแล้วก็อดขนลุกไม่ได้เธอหุบยิ้มทันใด “ฉันไม่ได้ขำคุณสักหน่อย ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือแล้วคิดว่ามันสนุกดี เอาล่ะๆ พวกเราทำอาหารกินกันดีกว่า”บอสใหญ่หรงช่างหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีเหลือเกินเธอไปทำกับข้าวกินดีกว่าหรงเจาหนานมองหญิงสาวที่เผ่นหนีอย่างลุกลี้ลุกลน ก่อนจะดันแว่นขึ้นบนสันจมูกแล้วคิดอย่างเยือกเย็นสักวันหนึ่งเขาจะต้องล้วงความลับของสายลับตัวน้อยให้ได้เลยหนิงหยวนไม่รู้ตัวสักนิด แม้ว่าเธอจะพยายามปิดบังคำพูดและการกระทำของยุคสมัยใหม่ ที่เผลอตัวหลุดปากออกมาอย่างเต็มที่แล้วแต่กระนั้น ก็ยังหลบไม่พ้นลางสังหรณ์อันเฉียบคมที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างยาวนานของหรงเจาหนาน เขาปักใจไปแล้วว่าเธอคือ——‘สายลับน้อย’ ที่ยังไม่รู้เบื้องหลังท้องฟ้ามืดสนิท เป็ดไก่ในหมู่บ้านถูกต้อนเข้าเล้า วัวแกะถูกจูงกลับคอกหลังยุ่งกับงานไร่นามาทั้งวัน พวกชาวบ้านก็แยกย้ายกลับบ้านไปกินข้าวกินปลาคอกวั
หรงเจาหนานแกะก้างปลาแล้วตอบเสียงเรียบว่า “เมื่อคืนหลังงานฉลองการเก็บเกี่ยวจบลงแล้ว ก็มียุวชนแดงคนหนึ่งเอาเหล้ากับซาลาเปามาให้ บอกว่าเป็นการร่วมแบ่งปันเกียรติยศของส่วนรวม แล้วยังจับตาดูให้ผมกินอีก”หนิงหยวนชะงักยุวชนแดงพวกนั้นมีหน้าที่ตรวจสอบการปรับทัศนคติและความคืบหน้าในชั้นเรียนของคนที่ถูกส่งตัวมาชนบทดังนั้น หรงเจาหนานก็เลยไม่ปฏิเสธ...“ถ้าของที่พวกเขาเอามาให้เป็นยาเบื่อหนูล่ะ นายก็ยังจะกินงั้นเหรอ?” หนิงหยวนรู้สึกสับสนหรงเจาหนานยกมุมปากเผยรอยยิ้มเย็นชา “พวกเขาไม่กล้าหรอก”สายตามืดมนหลังกรอบแว่นของเขาทำให้หนิงหยวนตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม “......”ไม่กล้าเหรอ? แต่ก็มีคนกล้าเอายากระตุ้นอารมณ์ของสัตว์ผสมใส่เหล้ากับซาลาเปาให้เขากินนี่นา...เธอเบนหน้าไปอีกทางแล้วไม่ถามอะไรอีก ก้มหน้ากินกุ้งย่าง ปลาย่างและโจ๊กมันเทศของตัวเองต่อไม่รู้ทำไม สัญชาตญาณของเธอถึงบอกว่าหรงเจาหนานไม่มีทางปล่อยคนที่กล้าลอบกัดเขาไปแน่ช่างเถอะ ตอนกินปลาอย่าพูดมากดีกว่า เดี๋ยวก้างจะติดคอเอา!เรื่องบางอย่างคนธรรมดาอย่างเธอไม่ควรรู้หรอก......หลังจากกินมื้อค่ำของวันนี้เสร็จ ท้องก็ถูกเติมเต็มไปแปดถึงเก้า
"เอี๊ยด!" เสียงประตูห้องถูกเปิดออกร่างสูงโปร่งถือถังน้ำ เปลือยกายท่อนบน พาดผ้าขนหนูบนไหล่เดินเข้ามาแสงเทียนตกกระทบร่างสูงโปร่งที่มีกล้ามเนื้อชัดเจน ไหล่กว้างเอวสอบที่ขาวผ่องของเขาเหมือนมีสีทองเคลือบทับชายหนุ่มก็สระผมเหมือนกัน หนิงหยวนมองหยดน้ำจากปลายผม ที่ไหลลงมาตามไหปลาร้า แผงอกจวบจนถึงเอวคอดและกล้ามหน้าท้องของเขา สายตาเหม่อลอยโดยไม่รู้ตัวหรงเจาหนานสังเกตเห็นสายตาของเธอ แต่คราวนี้เขาไม่ได้ทำหน้าบึ้งตึงเหมือนเมื่อคืนก่อนเขาแค่ปรายตามองเธอแบบผ่านๆ ใช้มือเสยผมหน้าม้าที่เปียกไปด้านหลังเหมือนที่ทำเมื่อวาน เผยโครงหน้าที่คมสันชัดเจนการได้เห็นใบหน้าของเขาแบบชัดๆ กับร่างกายที่ดูผอมภายใต้เสื้อผ้า แต่มีกล้ามเนื้อกำยำยามถอดชุดออดอีกครั้ง ทำให้หนิงหยวนรู้สึกตาพร่าอย่างมากหนิงหยวนรู้สึกเห่อร้อนใบหน้า เอ่ยอย่างลนลานว่า “คุณ...ทำไมคุณ...ไม่ใส่เสื้อล่ะ”ตอนที่ยังสวมเสื้อผ้าก็ดูผอมจนหลอมโพรกขนาดนั้น ดูเหมือนคนที่ขาดสารอาหารอย่างบอกไม่ถูกแต่ทำไมพอถอดเสื้อออก กลับเหมือนคนที่กินดีอยู่ดี มัดกล้ามบนร่างกายเต็มไปด้วยพลังล่ะ?ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ใครใส่เสื้อผ้าอาบน้ำบ้างล่ะ? เธอทำเหรอ?”เห็
หนิงหยวนคิดว่าตัวเองคงนอนไม่หลับแน่ แต่คืนนั้นเธอกลับหลับสนิทจนตื่นเองตามธรรมชาติจนกระทั่งแสงแดดส่องทะลุผ่านรูรั่วบนหลังคาตกกระทบดวงตาของเธอ เธอถึงได้พลิกตัวและลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียครู่ต่อมา เธอก็สังเกตเห็นว่าพื้นที่เตียงข้างๆ ว่างเปล่า มีเพียงผ้าห่มผืนบางที่ถูกพับเรียบร้อยวางไว้หรงเจาหนานที่นอนบนเตียงฝั่งนั้นไม่รู้หายไปไหนแล้วหนิงหยวนตื่นเต็มตาทันที เธอลุกขึ้นนั่งเหมือนติดสปริง ก่อนจะก้มลงมองสำรวจตัวเองอืม ยังปกติดี ไม่มีปัญหาเธอนวดใบหน้ากลมมนเล็กๆ ของตัวเอง เฮ้อ คิดอะไรอยู่ละเนี่ยก็บอกแล้วไง เธอเชื่อว่าหรงเจาหนานเป็นสุภาพบุรุษตัวจริงเสียงจริง แล้วบอสใหญ่หรงก็เป็นคนแบบนั้นจริงๆชาติกำเนิดและฐานะของเขาเพอร์เฟคทุกอย่าง อีกอย่างในยุคสมัยนี้ การล่วงละเมิดจะถูกยิงเป้าประหารแต่หลังจากนี้กว่าเธอจะเข้าใจว่าผู้ชายบางคนภายนอกเหมือนสุภาพบุรุษ แต่ความจริงแล้วเป็นคน ‘มือถือสากปากถือศีล’ ‘หมาป่าห่มหนังแกะ’ ก็สายเกินไปแล้วหนิงหยวนลงจากเตียง ก่อนจะพบว่าหรงเจาหนานไม่ได้อยู่ที่คอกวัว เช้าขนาดนี้เขาหายไปไหนกันนะ“แปลกจัง...” เธอบ่นพึมพำแล้วเริ่มจัดการตัวเองและทำความสะอาดห้องหนิงหยว
สามีภรรยา...งั้นเหรอ?เขาไม่นึกไม่ฝันจริงๆ ว่าวันหนึ่งจะได้สายลับตัวน้อยเป็นภรรยาถือเป็นเรื่อง ‘น่าสนุก’ ในชีวิตที่จืดชืดและมืดมนไร้สีสันของเขา......หนิงหยวนมาตรงตามเวลาที่นัดหมาย จึงตรงไปเคาะประตูบ้านเลขาธิการหมู่บ้านมีเสียงตอบรับดังมาจากข้างในไม่นาน เลขาธิการเฒ่าก็พาชายอายุประมาณสามสิบปีที่หน้าตาซื่อๆ ออกมา “หวาจื่อ แกขับรถแทรกเตอร์พายุวปัญญาชนหนิงเข้าอำเภอไปรับยาฆ่าแมลงด้วยนะ เดินทางดีๆ ล่ะ”หวาจื่อเป็นคนขับรถแทรกเตอร์ของหมู่บ้าน เลขาธิการเฒ่าค่อนข้างวางใจให้ลูกชายจัดการเรื่องนี้หวาจื่อพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “พ่อครับ วางใจได้เลย ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”ก็แค่รับยาฆ่าแมลง แล้วระหว่างนั้นก็แวะจดทะเบียนสมรสแทนคู่ของยุวปัญญาชนหนิงหนิงหยวนยิ้มสดใส “พี่หวาจื่อ รบกวนด้วยนะคะ”หวาจื่อเห็นสีหน้าท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสของหนิงหยวน ก็คิดในใจว่าหญิงสาวคนนี้มิเลวเลย ทำไมถึงอยากแต่งงานกับหรงเจาหนานที่เป็นนักโทษถูกส่งมาปรับทัศนคตินะแต่เขาเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ไม่ชอบนินทาคนอื่น จึงพยักหน้า “ไม่เป็นไร พี่ไปเตรียมรถก่อนนะ”หวาจื่อพาหนิงหยวนขับรถแทรกเตอร์เข้าอำเภอเสียงดังแต่กๆ
การปฏิวัติเพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงสองปี พี่สาวเจ้าหน้าที่จึงยังกลัวพวกคนหนุ่มสาวที่เอาแต่พูดคำขวัญด้วยความห้าวหาญเลือดร้อนแบบหนิงหยวนเธอยิ้มแห้งๆ “ใช่ ใช่...ใช่จ้ะ”เธอจะกล้าพูดว่าความคิดก้าวหน้าแบบนี้มันผิดได้ยังไง?สุดท้ายพี่สาวคนนั้นก็เอาใบทะเบียนสมรสออกมาหนึ่งแผ่น เขียนชื่อของหนิงหยวนและหรงเจาหนานลงไปจากนั้นเธอก็รีบประทับตราอย่างว่องไว แล้วไล่พวกเขาสองคนออกจากสำนักงานหนิงหยวนมองทะเบียนสมรสที่มีคำพูดของท่านผู้นำพิมพ์กำกับอยู่ พยายามหักห้ามหัวใจที่เต้นระรัว ก่อนจะเดินออกจากที่ทำการพร้อมกับหวาจื่อพอออกมาข้างนอกได้ เธอก็พรูลมหายใจอย่างโล่งอก เอามือเท้าเอวแล้วหัวเราะออกมา ก่อนจะกดหน้าอกเอาไว้ “เย้ สำเร็จแล้ว!”หวาจื่อก็พรูลมหายใจยาวเหมือนกัน “ยุวปัญญาชนหนิง เธอเก่งจริงๆ เลย เมื่อกี้นี้ฉันตกใจแทบตาย”เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะตอบอย่างไรหนิงหยวนมองท่าทางซื่อๆ ของหวาจื่อแล้วยิ้ม “ขอบคุณพี่หวาจื่อมากค่ะ เดี๋ยวพี่ไปขนปุ๋ยก่อนได้เลย ฉันจะไปเดินห้างสรรพสินค้าในอำเภอสักหน่อย”ที่จดทะเบียนสมรสอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้ามากนัก เดินแค่สิบนาทีก็ถึงหวาจื่อพยักหน้า “ได้ งั้นพอถึงเวลาแล้ว พี่จะ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หนิงหยวนถือขวดเหล้าซ่งเหอ กล่องรองเท้าและกระติกน้ำร้อนออกมาเธอมองเห็นหวาจื่อขับรถแทรกเตอร์บรรทุกปุ๋ยจากที่ไกลๆ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมข้าวของเต็มมือ ยิ้มทักว่า “พี่หวาจื่อ พวกเรากลับกันเถอะค่ะ!”หวาจื่อยิ้มตอบ “ได้เลย ไปกัน!”เขาขับรถแทรกเตอร์ออกจากตัวเมืองแล้วมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านทั้งสองคนนั่งบนรถที่มีปุ๋ยและยาฆ่าแมลงกลับมาถึงหมู่บ้านตอนบ่ายพอถึงทางเข้าหมู่บ้าน หนิงหยวนหันซ้ายหันขวาไม่เจอใคร ก็รีบยัดขวดเหล้าใส่มือหวาจื่อ “พี่หวาจื่อ อันนี้ให้พี่กับเลขาธิการเฒ่าค่ะ”หวาจื่อปฏิเสธอย่างลนลาน “นี่มันเหล้าที่ใช้ในงานแต่งไม่ใช่เหรอ? ไม่ได้หรอก!”เหล้าซ่งเหอขวดหนึ่งราคา 12 บาท 50 สตางค์เชียวนะ ไม่ใช่เหล้าราคาไม่กี่สตางค์ที่ขายในร้านสหกรณ์หมู่บ้านหนิงหยวนยิ้มตาหยี “ใช่ไงคะ ก็ฉันแต่งงานแล้ว เลี้ยงเหล้าคนที่ช่วยเหลือฉันไม่ใช่เรื่องผิดสักหน่อย ฉันไปก่อนนะ!”เธอพูดจบก็ยัดขวดเหล้าใส่อกหวาจื่อ ก่อนจะคว้าของที่เหลืออยู่แล้วกระโดดลงจากรถแทรกเตอร์ เผ่นหนีออกไปทันทีถึงเธอจะใช้คำพูดหว่านล้อมให้เลขาธิการเฒ่ายอมช่วยเหลือแต่เลขาธิการเฒ่าก็เป็นคนดี ไม่งั้นคงไม่มีทางเห็นอกเห็
หนิงหยวนชะงัก "คุณพูดว่าอะไรนะ?"เขากำลังชวนเธอไปอาบน้ำด้วยกันเหรอ?หรงเจาหนานเพิ่งตระหนักว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ใบหน้าขาวซีดของเขาเริ่มมีสีแดงจางๆเขากระอักกระอ่วน "เอ่อ...ผมหมายถึงว่าไปล้างสิ่งสกปรกบนตัวด้วยกัน...ไม่ใช่สิ...หมายถึงแยกกันอาบน้ำ...แต่ว่าพวกเราสองคนต้องอาบพร้อมกัน...”“พอ พอ ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ ฉันเข้าใจความหมายที่คุณอยากสื่อ!” หนิงหยวนเห็นเขาพูดวกไปวนมาด้วยท่าทางเก้อกระดากที่หาชมได้ยาก จึงหัวเราะแล้วโบกมือไปมาเธอเข้าใจว่าเขาหมายถึงทั้งสองคนควรล้างเลือดและเหงื่อบนตัวให้สะอาดก่อนไปทำงานหรงเจาหนานกำหมัดแล้วเอามาปิดปากกระแอมเบาๆ "อืม"หนิงหยวนส่ายหน้า "ไม่ต้องอาบหรอก พวกเราต้องมีสภาพแบบนี้แหละ ถึงจะดูเหมือนต่อสู้กับหมูป่าทั้งคืน คุณรีบเอาไก่ป่ากับเนื้อหมูไปส่งให้ยายแก่เซี่ยแล้วไปทำงานเถอะ อย่าให้ใครเห็นเชียวล่ะ!"นอกจากเนื้อที่พวกเขาเอาไปรมควันแล้ว เธอยังเลือกหมูป่าหนึ่งตัวจากที่เหลืออีกสี่ตัว ตัดเนื้อทั้งหนังออกมาเกือบห้ากิโล เอาลงมาจากเขาพร้อมกับเนื้อไก่หนิงหยวนเอาเนื้อหมูป่าประมาณสามสี่กิโลใส่กระสอบป่าน แล้วสะพายเดินออกไปนอกประตู "ฉันจะไปหาเลขธิการเฒ่าก่อน"หร
"รับไปสิ" เขายื่นแตงโมและซี่โครงย่างในมือให้เธอหนิงหยวนยิ้มหวาน "ขอบคุณค่ะ คุณหมอหรง!"แตงโมหวานเย็นช่วยลดความมันเลี่ยน เนื้อย่างก็อร่อยมากเหมือนกัน เธอกินจนปากมันแผลบเลยหรงเจาหนานมองรอยยิ้มของเธอ ก่อนหลุบตาลงแล้วเอ่ยเสียงเรียบ ว่า "พวกเราแต่งงานกันแล้ว ถ้าเธอยังเรียกฉันว่าคุณหมอหรงอยู่ คนอื่นจะไม่รู้สึกว่าแปลกเหรอ?"หนิงหยวนกำลังใช้แปรงเล็กๆ คนแป้งเปียก พอได้ยินแบบนั้นก็ชะงัก จริงด้วย มันดูห่างเหินเกินไปเธอมองหรงเจาหนาน ลังเลอยู่พักใหญ่ ก่อนจะถามอย่างเก้อเขินว่า "งั้น... ฉันเรียกคุณหมอว่า... อืม... เจาหนาน? หรือว่าอาหนานดีคะ?"เสียงอ่อนหวานของหญิงสาวที่เอ่ยเรียกชื่อเขา เหมือนหญ้าขนนุ่มปัดผ่านผิวข้างหูเบาๆรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อย...หรงเจาหนานชะงักไป หันหน้าหนีด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตามใจเธอเลย"หนิงหยวนมองมองเงาร่างด้านข้างของคนตัวสูงแบบงุนงง ผู้ชายคนนี้แปลกประหลาดจริงๆ จู่ๆ ก็กลับมาหน้าบึ้งตึงอีกแล้วช่างเถอะ พวกคนใหญ่คนโตก็มักจะมีนิสัยประหลาดๆ แบบนี้แหละเธอขอกินก่อนดีกว่า——เติมท้องให้เต็ม!หนึ่งชั่วโมงต่อมา"ไหนเธอบอกว่ารู้วิธีทำเนื้อรมควันไง?"ยืนอยู่หน้า ‘กองเนื้อ’ ขน
"......" หรงเจาหนานมองหญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ข้างกาย"ทำไม คุณเคยเห็นปลาขี่จักรยานไหมล่ะ?" หนิงหยวนเลิกคิ้วถามมุมมองตลอดชีวิตของเขาได้รับการล้างสมองครั้งใหญ่ ผู้หญิงที่ไม่มีผู้ชายก็เหมือนปลาที่ไม่มีจักรยาน?ในหัวของเขาปรากฏภาพปลากำลังขี่จักรยาน..."ฮึ...ฮ่าฮ่าฮ่า" หรงเจาหนานกลั้นไม่อยู่ หลุดหัวเราะออกมาเขาไม่ได้หัวเราะมาหลายปีแล้ว แต่สายลับตัวน้อยคนนี้ช่างมีอารมณ์ขัน มีความคิดแปลกๆ มากมายในหัวหนิงหยวนรู้สึกว่าตัวเองถูกเยาะเย้ย จึงขึ้นเสียงสูงขึ้น "ก็มันจริงนี่นา เงินกับแต้มงานฉันก็หาเองได้ งานบ้านฉันก็ทำเอง ป่วยฉันก็เข้าโรงพยาบาล แล้วจะมีผู้ชายไว้ทำอะไร?""แล้วฉันยังต้องดูแลรับใช้เขากับครอบครัวอีก สุดท้ายตอนแก่ยังต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำดูแลจนวาระสุดท้าย!"หรงเจาหนานมองเธอที่กำลังฉุนเฉียว อดขำไม่ได้ "พูดเหมือนกับเธอเคยแต่งงานมาแล้ว แถมยังต้องรับใช้ผู้ชายมาทั้งชีวิตเลยนะ"หนิงหยวนอึ้งไป หันไปกัดเนื้อย่างอย่างแค้นๆ "คุณก็บอกมาสิว่าครอบครัวส่วนใหญ่รอบตัวพวกเราไม่ได้เป็นแบบนี้ ฉันมีตาก็ต้องเห็นสิ!"หรงเจาหนานมองหนิงหยวนที่กำลังโกรธจัด แซวเล่นว่า "นี่คือเหตุผลที่เธอไม่อยากแต่งงานส
หนิงหยวนอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ กัดเนื้อคำหนึ่งแล้วถือโอกาสเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ช่วงนี้คุณออกล่าสัตว์บ่อยมาก เอาเนื้อไปเก็บไว้ที่ไหนคะ อากาศร้อนขนาดนี้จะไม่เน่าหมดเหรอ?"หวังว่าหรงเจาหนานจะไม่ได้สังเกตเห็นพิรุธนะหรงเจาหนานดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรมาก เหลือบมองซากสัตว์ป่าที่กองอยู่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ไม่เสียหรอก ผมเอาเนื้อไปแบ่งให้ยายแก่เซี่ยกับตาแก่ถัง..."เขาหยุดชั่วครู่ แล้วมองไปที่หนิงหยวน "ไม่ใช่ว่าผมจงใจไม่เอาเนื้อกลับไปแบ่งให้คุณที่บ้านนะ แต่สถานการณ์ของยายแก่เซี่ยกับตาแก่ถังค่อนข้างย่ำแย่ พวกเขาได้อาหารน้อยกว่าผมอีก...”ไม่ว่าจะอย่างไร ช่วงนี้ก็ถือว่าหนิงหยวนเป็นคนหาอาหารจากแม่น้ำมาเลี้ยงดูเขาตลอดหนิงหยวนส่ายหน้า ขัดจังหวะคำพูดของเขา "พวกนี้เป็นของที่คุณล่ามาได้ จะแบ่งให้ใครก็เป็นสิทธิ์ของคุณอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรให้ฉันฟังหรอก เราไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ สักหน่อย ฉันไม่โกรธหรอก"หรงเจาหนานฟังคำพูดของเธอแล้ว ไม่รู้ทำไมในใจถึงรู้สึกอึดอัดแบบแปลกๆเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย "วางใจเถอะ ต่อไปผมจะไม่ปล่อยให้คุณไปหาปลาในแม่น้ำอยู่ฝ่ายเดียวแล้ว"หนิงหยวนกลับยิ้มตาหยี "ฉันจับกุ้งจับ
"พวกเราถูกบังคับให้เป็น 'สามีภรรยา' กันชั่วคราว ต่างคนต่างมีความเป็นส่วนตัวและความลับ ฉันเข้าใจ!"ตอนนี้พวกเขาเป็นคู่รักที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนในหมู่บ้านมากที่สุด ในตอนที่สถานการณ์ของพวกเลวร้ายไม่ต่างกันมากนัก พวกเขาควรจะระมัดระวังตัวให้มากขึ้น มีเรื่องอะไรก็ควรจะปรึกษาหารือกัน"ฉันไม่สนว่าคุณจะทำอะไร แต่อย่างน้อยถ้าถูกจับได้ พวกเราต้องให้การตรงกัน ช่วยกันปกปิดใช่ไหมล่ะ?""พวกเรายังเป็นสามีภรรยากันนะ ถ้าพวกยุวชนแดงมาตรวจสอบหรือตามหาคนกะทันหัน แล้วพบว่าคุณหายไปตอนกลางคืนจะทำยังไง!" หนิงหยวนมองเขาอย่างไม่พอใจเธอไม่ใช้มนุษย์ป้าจอมเม้ามอยที่ชอบสอดรู้สอดเห็นความลับของคนอื่นในหมู่บ้าน ในยุคสมัยนี้ผู้หญิงขี้นินทาจอมแส่พวกนั้นยังต้องลงไปทำงานในไร่นาอยู่!พวกเขาเป็น "สามีภรรยา" กัน ถ้าเขาถูกจับได้ เธอก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย!"สามีภรรยา..." หรงเจาหนานมองหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังโกรธจัด ดวงตากลมโตจ้องเขาอย่างเดือดดาลคำนี้ทำให้แววตาของเขาเปลี่ยนไป เขาก้มหน้าลงหลุบแพขนตายาว "ขอโทษที่ทำให้เธอเป็นห่วงนะ"ไม่ว่าเธอจะแอบตามเขาเพื่อสืบความลับอะไร หรือแค่กังวลใจว่าเขาจะทำให้เธอเดือดร้อนอย่างน
ผลลัพธ์คือ เธอถูกไล่ล่าจนร้องโหยหวนฟังไม่ได้ศัพท์ นอกจากจะมีความคล่องแคล่วว่องไวและปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว ก็กระโดดขึ้นต้นไม้เหมือนกระต่ายที่กระโดดได้สูงสามฟุตหาความผิดปกติอย่างอื่นจากเธอไม่เจอเลยจริงๆไม่รู้ว่าเป็นเพราะศัตรูฝั่งตรงข้ามฝีมือห่วยแตกลงเรื่อยๆ หรือเป็นสายลับตัวน้อยคนนี้ที่ไม่ได้เรื่องเอง......หนิงหยวนตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นหอมของเนื้อย่างเธอผุดลุกขึ้นนั่งทันที พึมพำอย่างงัวเงียว่า "เนื้อ... ใครกำลังย่างเนื้ออยู่น่ะ..."เธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นซี่โครงหมูชิ้นใหญ่ที่มีน้ำมันเยิ้มกำลังถูกย่างอยู่บนกองไฟ รวมถึงขาหมูที่ส่งกลิ่นหอมฉุยมีแม้กระทั่งกลิ่นหอมของยี่หร่าและพริกไทย ในทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าท้องของตัวเองเริ่มส่งเสียงร้องอย่างน่าอาย"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงทุ้มนุ่มของชายคนหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหันหนิงหยวนจึงเพิ่งเห็นชัดว่านอกจากเนื้อหมูที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งแล้ว ยังมีร่างสูงโปร่งที่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างกองไฟด้วยเธอได้สติเต็มร้อยทันที เมื่อกี้เธอเป็นลมไปเหรอ?!"กินอะไรหน่อยสิ เธอน่าจะน้ำตาลในเลือดต่ำน่ะ" หรงเจาหนานยื่นเนื้อย่างที่สุกแล้วมาให้เขาสวมเสื้อกล้ามสีขาวบางๆ ขาเร
หนิงหยวนมองเหตุการณ์ใต้ต้นไม้ด้วยความตกตะลึงชายที่กระโดดไปมาท่ามกลางฝูงสัตว์ป่า เคลื่อนไหวอย่างว่องไวและดุดัน ดูเหมือนนักล่าชั้นยอดมากกว่าสัตว์ป่าตัวจริงมีดในมือของเขาแทงเข้าจุดสำคัญทุกครั้ง การเคลื่อนไหวของเขาเยือกเย็น แม่นยำ โหดเหี้ยมและเด็ดขาด เป็นตัวอย่างสุนทรียศาสตร์อันโหดร้ายป่าเถื่อนของนักชำแหละที่สมบูรณ์แบบเมื่อทุกอย่างจบลง บนพื้นก็เต็มไปด้วยเลือดและซากสัตว์ ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นทันที สายตาจับจ้องไปที่หนิงหยวนบนต้นไม้อย่างแม่นยำเขาไม่ได้ใส่แว่น ใบหน้าหล่อเหลาสุภาพเปื้อนเลือด ดวงตาสีดำมืดสะท้อนแสงจันทร์สลัว"ลงมา" เขามองเธอและบอกเสียงเรียบชายที่อยู่ด้านล่างต้นไม้ไม่เหมือนมนุษย์ แต่เหมือนอาวุธปลิดชีพที่ผ่านการเปื้อนเลือดมานับครั้งไม่ถ้วน มันทำให้คน——หวาดกลัวเสียขวัญสมองของหนิงหยวนหยุดทำงานไปชั่วขณะ เธอปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว กว่าจะตั้งสติได้ก็สายเกินไปแล้ว ร่างเธอกำลังดิ่งลงมาจากต้นไม้"ฟุบ!"ในตอนที่เธอคิดว่าจะต้องตกกระแทกพื้นจนก้นกบแตกแน่ กลับถูกใครคนหนึ่งคว้าเอาไว้อย่างมั่นคงไอร้อนจากร่างของชายคนนั้นลอยขึ้นมา กลิ่นหญ้าและต้นไม้ผสมกับกลิ่นคาวเลือดของสัตว์ป่า รุกราน
ทำอะไรไร้หัวคิดสิ้นดีเลย!ความกลัวทำให้เธอเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบา “หรงเจาหนาน...หรงเจาหนาน...”แต่มีเพียงความเงียบของราตรีและเสียงคำรามประหลาดของสัตว์ป่าบางชนิดที่ตอบกลับมาไม่ได้ ต้องลงจากเขา! ตอนนี้เป็นยุค 70 สภาพนิเวศทางธรรมชาติยังดีมาก เธอจำได้ว่าคนแก่ในหมู่บ้านเคยบอกว่าบนเขาลูกใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากงูแล้วยังมีหมี หมาในและหมาป่าอยู่ด้วย!หนิงหยวนรีบหันหลังเดินกลับไปอย่างลุกลี้ลุกลนแต่เดินไปได้แค่สิบนาที เธอก็พบว่าตัวเองเหมือนจะหลงทางเข้าแล้ว!ดวงตาของหนิงหยวนแดงก่ำด้วยความวิตกกังวล เธอพยายามบีบต้นขาตัวเอง ฝืนบังคับให้ตัวเองสงบจิตสงบใจลงไม่ได้ ห้ามร้องไห้ ห้ามเสียสติ!ถ้าตื่นตระหนกจนเผลอวิ่งพล่านไปทั่วอาจได้รับบาดเจ็บ สูญเสียเรี่ยวแรงได้ แล้วถ้าก้าวพลาดตกจากหน้าผ้าหรือตกลงไปในหลุมกับดักสัตว์ หรือว่าส่งเสียงดังจนพวกสัตว์ป่าได้ยินก็จบเห่กันพอดี!เธอหายใจเข้าลึกๆ พยายามนึกว่าเส้นทางที่ขึ้นมาตัดไม้บนภูเขาตอนกลางวันเป็นยังไง แล้วลงจากเขาต้องเดินทางไหน อยู่ตรงไหนของหมู่บ้าน ค่อยๆ คลำทางลงจากเขาช้าๆท้องฟ้าถูกต้นไม้สูงใหญ่บดบังจนมองไม่เห็นกลุ่มดาวจระเข้ แต่ต้นไม้ที่มีมอสส์เจริ
"เสี่ยวหนิง ทำไมเธอต้องไปงัดข้อกับพวกเขาด้วยล่ะ?” หวาจื่อถอนหายใจหลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเมื่อวาน ประกอบกับเรื่องที่พ่อของเขาบอกว่าหนิงหยวนเป็นเด็กรู้คุณคน เขาจึงเริ่มมองหนิงหยวนเหมือนน้องสาวและอยากให้คำแนะนำแต่หนิงหยวนกลับยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ แล้วแบกไม้คานขึ้นบ่าอีกครั้ง "ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่หวาจื่อ ฉันเบื่อจะข้องเกี่ยวกับพวกเขาแล้ว"คนพวกนั้นวันๆ เอาแต่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแต้มงาน อีกไม่นานก็จะมีการเปิดประเทศอย่างเสรีแล้วขอแค่มีสมองกับขยันขันแข็งสักหน่อย ยังไงก็ไม่อดตายหรอก!การไม่ไปคลุกคลีกับกลุ่มของถังเจินเจิน เธอกลับรู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องคอยระวังตัว อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยระแวงว่าผู้หญิงคนนั้นจะมาทำร้ายเธอหวาจื่อจัดให้หนิงหยวนไปทำงานกับชาวบ้าน และนึกถึงสิ่งที่พ่อกำชับมาได้ จึงแอบบอกชาวบ้านที่สนิทให้ช่วยดูแลหนิงหยวนด้วยชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นว่าหนิงหยวนแต่งงานกับนักโทษที่ถูกส่งมาปรับทัศนคติ ต่างก็คิดว่าเด็กสาวจากในเมืองคนนี้ทั้งโง่และน่าสงสาร จึงเต็มใจที่จะดูแลเธอเป็นพิเศษหนิงหยวนกลับรู้สึกสบายใจกว่าตอนทำงานกับกลุ่มยุวปัญญาชนมาก แม้ร่างกายจะเหนื่อย แต่จิตใจไม่เหนื่อย