ซูชิงอู่รับรู้ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเจียวกุ้ยเฟยนางกลัวว่าตนจะใช้ฮ่องเต้เพื่อทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อตระกูลเจียวของนางซูชิงอู่หัวเราะเบา ๆ และขัดจังหวะเจียวกุ้ยเฟย “กุ้ยเฟยอิจฉาหรือเพคะ?”เจียวกุ้ยเฟยเม้มริมฝีปากพลางมองท่าทางที่เหมือนจะยิ้มแย้มของซูชิงอู่ จากนั้นนางก็รู้สึกกังวลขึ้นมานางรู้ว่าสตรีผู้นี้น่ากลัว อีกทั้งยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับนางมาโดยตลอด แต่ตัวนางไม่สามารถทนดูอีกฝ่ายกอบโกยทุกสิ่งทุกอย่างไปอยู่ในมือได้จึงได้แต่พยายามกดความโอหังของซูชิงอู่เอาไว้“ข้าพูดเช่นนี้ก็เพื่อพระชายา หากตอนนี้ฝ่าบาททรงเลอะเลือนเพราะอาการประชวรและทรงทำอะไรผิดไปก็จะต้องเดือดร้อนมาถึงเจ้าอย่างแน่นอน”ซูชิงอู่พยักหน้า “ขอบพระคุณในความห่วงใยของกุ้ยเฟย แต่หม่อมฉันไม่เก็บเรื่องนั้นมาใส่ใจหรอกเพคะ”เจียวกุ้ยเฟยเม้มปากพลางถลึงตามองอีกฝ่ายจากนั้นก็ได้ยินซูชิงอู่พูดต่อ “หม่อมฉันมีหน้าที่รับผิดชอบรักษาอาการประชวรของฝ่าบาท ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลเต็มตัวหม่อมฉันสามารถบอกทุกคนได้ว่าฝ่าบาททรงมีพลานามัยที่แข็งแรง มีจิตสำนึกที่ชัดเจน ไม่มีปัญหาใดใดทั้งสิ้นเพคะ”หัวใจของเจียวกุ
“พระสนม...”นางกำนัลน้อยที่อยู่ข้างหลังถามอย่างกังวลเจียวกุ้ยเฟยพูดทันที “เจ้าออกไปก่อน เฝ้าหน้าประตูไว้”นางเดินมาที่โต๊ะด้วยใบหน้าซีดเซียว พลางยื่นมือออกมาคลี่จดหมายอ่านเนื้อหาอย่างตั้งใจหลังจากอ่านจบแล้วสีหน้าของนางก็ยิ่งแย่ลงไปอีกนิ้วของนางสั่นเทาด้วยความโกรธ“ใครกัน ใครที่มันข่มขู่ข้าอยู่ในเงามืด?”หากนางไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดข้างต้น เกรงว่าคงอีกไม่นานนางจะถูกเปิดเผยว่าไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดขององค์รัชทายาทและเมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผย เย่ชิวหมิงก็จะไม่รักนางอีกต่อไป ซ้ำยังเกลียดนางแทน!เพราะนางคือคนที่สังหารมารดาผู้ให้กำเนิดของเขา!เจียวกุ้ยเฟยเผาจดหมายด้วยนิ้วที่สั่นเทา สายตาของนางค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นมืดมนพลางเดินวนรอบโต๊ะอยู่หลายครั้งจนในที่สุดก็ตัดสินใจได้……ซูชิงอู่ป้อนยาให้ฮ่องเต้เฒ่าอีกครั้ง และหลังจากที่ทรงบรรทมแล้ว นางก็หาข้ออ้างออกมาจากพระตำหนักหย่างซินนางทำตามแผนเดิมก็คือถามว่าเย่อวิ๋นถูถูกขังอยู่ที่ไหนและมาที่คุกใต้นั้นนั้นเพียงลำพังเมื่อผู้คุมที่เฝ้าประตูเห็นว่าเป็นพระชายาเสวียน เขาก็แสดงรอยยิ้มประจบประแจงทันที“พระชายา เชิญด้านในเลยพ่ะย่ะค่ะ!”ใครท
“หากท่านอยากออกมา หม่อมฉันช่วยได้ แต่ท่านต้องยอมรับเงื่อนไขบางประการเป็นการแลกเปลี่ยน”เย่อวิ๋นถูหรี่ตาลง รู้สึกว่าการทำข้อตกลงกับสตรีตรงหน้าเหมือนกับการทำข้อตกลงกับงูพิษ“เงื่อนไขอะไร?”ซูชิงอู่ยิ้มพลางพูดว่า “นำป้ายผู้นำตระกูลมู่หรงมาให้หม่อมฉันเพคะ”“ป้ายผู้นำตระกูล?”เย่อวิ๋นถูจ้องซูชิงอู่และพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “เจ้ารู้เรื่องป้ายผู้นำตระกูลได้อย่างไร!”ป้ายผู้นำตระกูลมู่หรงมีบทบาทสำคัญที่ไม่เพียงแต่แสดงถึงอำนาจสูงสุดของตระกูลมู่หรงเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญอีกด้วยกุญแจที่ใช้เปิดคลังสมบัติที่ซ่อนเร้นเอาไว้ของตระกูลมู่หรง!เย่อวิ๋นถูแค่นเสียง เขาจะมอบป้ายผู้นำตระกูลให้กับซูชิงอู่ได้อย่างไร?เมื่อซูชิงอู่เห็นเขาแค่นเสียงเยาะเย้ยก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะมอบมันตามที่ขอ แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะนางรู้ว่าสุดท้ายเขาจะมอบมันให้นางยิ้มเล็กน้อยพลางพูดต่อ “ตอนนี้ฮองเฮากับไทเฮาทรงถูกขังอยู่ในสำนักชี แต่ท่านถูกขังอยู่ที่นี่ หากมีใครต้องการกำจัดพวกนาง ท่านก็คงไม่สามารถช่วยพวกนางได้”เย่อวิ๋นถูก็สะดุ้งเฮือกในทันทีเขาเงยหน้าจ้องมองไปที่ซูชิงอู่ เขากัดฟันแล้วพูดว่า “ซูชิงอ
ทว่าช่วงเวลาถัดมา“อ๊าก…”ซูชิงอู่เข้าไปเตะเย่อวิ๋นถูอย่างรวดเร็ว โดยเตะเข้าไปที่ชายโครงด้านขวาของเย่อวิ๋นถูยังไม่ทันที่นางจะออกแรงอย่างเต็มที่ เย่อวิ๋นถูก็กระเด็นลอยไปกระแทกกำแพงด้านข้างอย่างรุนแรงเพียงครู่เดียวเขาก็ร้องครวญคราง และนั่งเลือดออกมุมปากอยู่บนพื้นดวงตาของเย่อวิ๋นถูฉายแววเจ็บปวดมากจนทำเอาเขาหายใจไม่ออกอยู่นาน ดวงตาของเขาพร่ามัว ร่างกายของเขาอ่อนแอ และความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายครึ่งหนึ่งซูชิงอู่ปัดเสื้อผ้าของนางอย่างช้า ๆ จากนั้นก็เดินไปหาเย่อวิ๋นถูและก้มลงทันใดนั้นนางก็คว้าหมับเข้าที่ผมของเขาเพื่อบังคับให้เงยหน้าขึ้นดวงตาของซูชิงอู่ดูน่ากลัวและเย็นชา และมีรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนางสายตาที่มองมาทำเอารู้สึกเสียวสันหลังวาบ ความกลัวที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้ทำให้เย่อวิ๋นถูซึ่งเป็นชายร่างใหญ่ตัวสั่นเขาพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง และซูชิงอู่ก็ไม่ได้คิดที่จะให้เขาพูดอีกนางคว้าผมของเขาพลางก้มลงมาเพื่อจ้องหน้าเขา ดวงตาของนางเย็นชาอย่างยิ่ง “หากท่านกล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกครั้ง สิ่งต่อไปที่จะหักไม่ใช่กระดูกซี่โครง แต่เป็นไอ้นั่นของท่าน!”เย่อวิ๋นถูดูเหมือ
ซูชิงอู่ยิ้มมุมปาก “ท่านกำลังขู่หม่อมฉันหรือ?”เย่อวิ๋นถูส่ายหัว “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าหากข้าให้ป้ายผู้นำตระกูล เจ้าจะปล่อยข้าออกไป ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ข้าได้รับบาดเจ็บและต้องไปหาหมอหลวง”ซูชิงอู่ไม่อยากพูดไร้สาระอีก นางจึงออกหมัดตรงไปที่เขาเย่อวิ๋นถูตกตะลึงหยกพกในมือของเขากระเด็นลอยออกไปจากนั้นภายใต้สายตาที่คนทั้งสองมองกัน เขาก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังกึกก้องท่าทางของเย่อวิ๋นถูแข็งค้าง เขามองซูชิงอู่ด้วยดวงตาที่เฉื่อยชา ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็บวมขึ้น เขาพูดไม่ออกกับสตรีรุนแรงตรงหน้าที่ลงมือกับเขาอย่างคลุมเครือซูชิงอู่กลายเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?เขาจำได้ว่าตอนที่นางยังเป็นเด็ก นางเป็นคนเงียบ ๆ อ่อนโยนและอ่อนแอ เป็นสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่อย่างแท้จริงทั้งยังไม่เคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาก่อนแต่หมัดและลูกเตะในตอนนี้ แม้จะถูกปล่อยออกมาค่อนข้างกะทันหัน แต่ก็ทรงพลังมากจนเขาไม่สามารถปัดป้องได้เลย!ซูชิงอู่เดินไปหยิบหยกพกที่หักออกเป็นสองชิ้นขึ้นมานางมองซ้ายขวาและหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพันไว้ จากนั้นนางก็เหลือบมองมาที่เย่อวิ๋นถูอีกครั้งขณะนี้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเย่อวิ๋นถูมีรอยป
พระศพที่ไหม้เกรียมของไทเฮาถูกนำเข้ามาในวังฮองเฮาที่ทรงโกนผมแล้วยังสวมชุดแม่ชีและติดตามกลับมาที่พระราชวังด้วยฮ่องเต้เฒ่าทรงถูกเชิญออกมา พระองค์เสวยยามาสองสามวันแล้ว จนตอนนี้เพระองค์แลดูมีจิตใจแจ่มใส รอยคล้ำใต้ตาหายไป และดวงตาที่ขุ่นมัวก็มีความสดใสมากขึ้นแต่พระองค์ยังคงตัวสั่น มองผู้คนรอบตัวด้วยสายตาที่ระแวดระวัง และทรงอยู่กับขันทีเพียงไม่กี่คนที่ไว้วางพระทัยมากที่สุดเท่านั้นเย่ชิวหมิงที่ได้รับบาดเจ็บและได้เดินขากะเผลกมาที่ร่างของไทเฮาพร้อมกับเย่อวิ๋นถูไทเฮาที่ทรงมีชีวิตที่รุ่งโรจน์มาครึ่งชีวิต แต่สุดท้ายพระนางก็ลงเอยด้วยการสิ้นพระชนม์เช่นนี้ ทำเอาทุกคนที่อยู่รอบ ๆ มีท่าทีโศกเศร้าซูเฟยและเจียวกุ้ยเฟยรีบรุดมาในทันทีเจียวกุ้ยเฟยถามขึ้น “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรเพคะ? เหตุใดจู่ ๆ ถึงเกิดเหตุไฟไหม้ในสำนักชี?”ตอนนี้ฮองเฮาทรงอ่อนแรงซ้ำยังมีรอยไหม้บนใบหน้าพระนางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “มีคนจุดไฟ หากหม่อมฉันไม่ได้คนจากข้างนอกเปิดประตูให้ ก็คงได้มีชะตากรรมเดียวกับไทเฮาไปแล้ว ขอฝ่าบาทโปรดทรงจัดการเรื่องนี้ให้หม่อมฉันด้วยนะเพคะ!”เมื่อฮ่องเต้เฒ่าเห็นฮองเฮารีบวิ่งมาหา ก็ทรงรีบถอ
เย่อวิ๋นถูมองไปยังร่างของไทเฮาพลางกัดฟันเล็กน้อย ดวงตาของเขาขุ่นเคืองอย่างยิ่งและเต็มไปด้วยความโกรธไทเฮาสิ้นพระชนม์ และเสด็จแม่เองก็เกือบจะสิ้นพระชนม์สิ่งที่ซูชิงอู่พูดกับเขาในห้องขังเมื่อไม่นานมานี้ฟังดูบังเอิญมากนางรู้ว่ามีคนต้องการฆ่าไทเฮาและฮองเฮา แต่นางไม่ได้บอกเขา!เย่อวิ๋นถูประคองฮองเฮาพลางกระซิบ “เสด็จแม่ เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับซูชิงอู่แน่ นางเป็นคนสังหารไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”ฮองเฮาทรงตกตะลึงเล็กน้อย “ซูชิงอู่? นางพูดอะไรกับเจ้า?”เย่อวิ๋นถูกัดฟันและพูดว่า “ทุกอย่างเป็นแผนของนาง แผนการสังหารท่านกับไทเฮาก็เป็นฝีมือของนางเช่นกัน นางอยากจะฆ่าพวกเราทุกคนมานานแล้ว!”แม่ลูกสื่อสารกันด้วยเสียงอันแผ่วเบา และเย่อวิ๋นถูก็โทษซูชิงอู่สำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น“นางเป็นคนสังหารราชครูด้วยเพราะลูกขอยกเลิกการแต่งงานกับนางและให้นางแต่งงานกับอ๋องเสวียนแทน นางจึงแค้นลูกมากพ่ะย่ะค่ะ!”ม่านตาของฮองเฮาหดตัว และร่างกายของพระนางก็สั่นเพราะความโกรธตอนนี้มหาราชครูมู่หรงถูกจำคุกอยู่ที่จวนอ๋องเสวียน ซึ่งอดไม่ได้ที่จะเพิ่มความเกลียดชังเป็นสองเท่านางกัดฟัน“ข้าต้องฆ่านางให้ได้!”ซูชิงอู่ไม่รู
ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อถูกถามเช่นนั้น แต่นางก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วนางสงบนิ่งและพูดโดยไม่มีความรู้สึกผิด “อืม ใช่เพคะ”เย่ชิวหมิงทำสีหน้าแปลก ๆ เขามองนางแล้วหันไปมองหน้าของเย่เสวียนถิงแต่เขาพบว่าพี่รองที่ค่อนข้างจะขึ้หึง ในเวลานี้กลับดูนิ่งเฉยมากเขาปิดปากกระแอมไอพลางส่งสายตาทำอะไรไม่ถูก “ที่ข้าถามพระชายาก็เพราะก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บจากในห้องขัง…”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “หม่อมฉันเป็นคนทำร้ายเขาเอง ทำไมหรือเพคะ?”เย่ชิวหมิง “...”เขาค่อย ๆ เบิกตามองท่าทางของซูชิงอู่ด้วยความตกใจแม้เขาจะพอเดาได้ แต่ซูชิงอู่ที่มีแขนขาบอบบางเช่นนี้เอาชนะเย่อวิ๋นถูได้อย่างไร?ซูชิงอู่ถามต่อ “มีธุอะไรอีกไหมเพคะ?”เย่ชิวหมิงรีบถอนสายตาที่กำลังตกตะลึง “ข้าไม่รู้ว่าพระชายาพูดอะไรกับเขา หลังจากที่เย่อวิ๋นถูออกมา ดูเหมือนเขาจะแตกต่างไปจากเดิม”ซูชิงอู่ลูบคางของนางและจมดิ่งไปในห้วงความคิด “บางทีเขาอาจจะได้รับการกระทบทางจิตใจ”เย่ชิวหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับไทเฮา ฝ่าบาทก็ทรงจงใจปล่อยตัวฮองเฮาและเย่อวิ๋นถูออกมา พระชายาเสวียนต้องระมัดระวังพวกเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกแก้แค้