“เซียวอวี้ ผู้ชนะในงานประชันบุปผา เรียนหนังสือเก่งมาก สหายอย่างเจ้าข้ากัวเซี่ยวคบแน่นอน” กัวเซี่ยวพูดเสียงดัง “แต่เจ้าจะแย่งคนงามกับข้าไม่ได้นะ”“คุณชายกัวระวังคำพูดด้วย” เซียวอวี้ยิ่งนอบน้อม พร้อมเอ่ยเตือนเสียงเข้มด้านหลังยังมีอีกสองประโยคไม่คิดยามนี้กลับต้องโศกาใช้พัดบังหน้า เฝ้ารอความรักจากราชาใต้เงาจันทร์ กัวเซี่ยวท่องกลอน ‘ความโศกาแห่งตำหนักตะวันตก’ ทำให้แคลงใจว่ากำลังหลอกล่อนางดั่งหญิงเปล่าเปลี่ยวในวัง เขาไม่อนุญาตให้ใครเกี้ยวเจียงเฟิ่งหัวต่อมา เขาหันไปยกมือคารวะเจียงเฟิ่งหัวเพื่อแสดงความเคารพ “ไม่ทราบว่าปีนี้คุณหนูสามก็มาร่วมงานชมบุปผาด้วย ข้านึกว่าหลังแต่งงานคุณหนูสามจะไม่ออกมาแล้ว คุณชายใหญ่เจียงดูเหมือนยังไม่กลับมา” เขาแอบดีใจ แม้จะเห็นนางเพียงแวบเดียวก็ยังดีใจ เพื่อปกปิดความในใจ เขายิ่งแสดงท่าทีนอบน้อมมีมารยาท“พี่ชายใหญ่ข้าไปเล่าเรียนที่แดนตะวันตก ตอนนี้ยังไม่กลับเมืองเซิ่งจิง แต่ก็น่าจะเร็วๆ นี้แล้ว” เจียงเฟิ่งหัวสีหน้าเรียบเฉย ไม่กลัวไม่เกรงเซียวอวี้กล่าวอีก “ปีที่ผ่านมาคุณชายใหญ่เจียงมางานชมบุปผาเป็นเพื่อนคุณหนูสาม ปีนี้เจ้ามาคนเดียว...”กัวเซี่ยวหันมองเซียวอวี้
เห็นเพียงเซี่ยซางขวางหน้านางกะทันหัน สายตาที่จ้องนางเยือกเย็นราวจะกินคน ไม่พูดกับนางสักคำหันหลังจากไปทันทีดวงตาเจียงเฟิ่งหัวไร้เดียงสา อยากพูดบางอย่างแต่สุดท้ายกลับไม่พูดสิ่งใดเห็นเพียงซูถิงหว่านรีบตามไปทันที “ท่านอ๋อง ท่านเสร็จธุระแล้ว! พวกเราไปท่องทะเลสาบกันดีกว่าเพคะ!”“อืม” เขาไม่หันหลัง สำหรับคำขอของซูถิงหว่านเขาล้วนรับปากทั้งสิ้น อีกทั้งไม่อยากกลับจวนเร็วขนาดนั้น พอดีเจียงเฟิ่งหัวอยู่ที่นี่ด้วยเดิมทีเขามีเรื่องบางอย่างอยากถามเจียงเฟิ่งหัว แต่เมื่อเห็นนางยักคิ้วหลิ่วตาให้ชายอื่น ทำให้เขาไม่อยากสนใจนาง เจียงเฟิ่งหัวไม่รู้ว่าตัวเองคือหญิงที่มีสามีแล้วหรือ?เจ้าคนแซ่เซียวนั่นมีสิทธิ์อะไรมายืนขวางนางแก้ปัญหาให้นาง เขารู้จักกับพี่ใหญ่ของนาง สนิทกับสกุลเจียงด้วยหรือไม่ พวกเขารู้จักกันแต่แรกแล้วหรือ...ขณะนี้ในหัวของเซี่ยซางเต็มไปด้วยคำถาม ซูถิงหว่านเดินมาขวงแขนเขา เขาก็ยังไม่รู้สึกตัวเมื่อเห็นพวกเขาเดินออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเจียงเฟิ่งหัวเดินย้อนไปอีกทาง ในไม่ช้านางหายไปท่ามกลางฝูงชนรอให้เซี่ยซางรู้สึกตัวหันกลับมาดูว่าเจียงเฟิ่งหัวตามไม่ทันก็สายไปเสียแล้วกำลังจะเอ่
หงซิ่วกับเหลียนเย่รีบเข้าไปประคอง เมื่อเห็นแผ่นหลังอวิ๋นฟางวิ่งหนีอย่างลนลาน มุมปากนางยิ้มเย็น ปากของกลุ่มชายเมาเหล้าร้องตะโกนตลอด “คนงาม เจ้าหนีทำไมเล่า มาให้พวกพี่ชายเอ็นดูเจ้าดี ๆ สักทีเถอะ!”ทันใดนั้นเมื่อเห็นความงามของเจียงเฟิ่งหัวก็ไม่อยากตามหญิงคนเมื่อครู่ไปอีก กลุ่มชายเมาเหล้าหันไปพูดจาหยาบโลนกับเจียงเฟิ่งหัวแทน “เหล่าสหาย ที่นี่มีสาวงามอีกสามคน”แววตาเจียงเฟิ่งหัวมีแต่ความผวาและหวาดกลัว หงซิ่วและเหลียนเย่ปกป้องนางไว้ด้านหลังพร้อมตะโกน “พวกเจ้าหลีกไป อย่าเข้ามานะ คุณหนู รีบหนีเร็วเจ้าค่ะ”เสียงของพวกนางดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้าง แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ดื่มเหล้าเมามาย ใครก็ไม่อยากข้องเกี่ยว เพราะไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัวเจียงเฟิ่งหัวเองก็วิ่งไปทางทะเลสาบร้อยบุปผา เมื่อเห็นเซี่ยซางอยู่ด้านหน้า นางจึงล้มลงทันใด ดวงตาแดงก่ำมีน้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุด ร่างกายหมอบลงกับพื้นและสั่นงก ๆ เซี่ยซางที่รีบมาเห็นภาพเจียงเฟิ่งหัวอ่อนแอบอบบางเข้าพอดี เขาโกรธแค้นมาก ดวงตาราวกับจะมีไฟลุกโชน เขารีบเดินดุ่มเข้าไปตรงหน้าเจียงเฟิ่งหัวพร้อมเรียกขานเสียงค่อย “หรวนหร่วน”
หลังขึ้นรถม้า ซูถิงหว่านกล่าวเสียงค่อย “พระชายางดงามเพียงนั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกหมายปอง โชคดีที่ไม่เกิดเรื่องราวใหญ่โต หม่อมฉันกับท่านอ๋องเป็นห่วงแทบแย่ คราวหน้าพระชายาจะไปที่ใดต้องแจ้งพวกเราก่อน ท่านจากไปโดยพลการเช่นนี้อันตรายเกินไปเพคะ”ความหมายแฝงคือต้องโทษเจียงเฟิ่งหัวที่งดงามเกินไปจึงทำให้ผู้คนหวังผลจากนาง เตือนสติเซี่ยซางว่าเจียงเฟิ่งหัวมีความคลุมเครือกับชายอื่น นางหนีไปโดยพลการจึงพบกับชายเมาเหล้า ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของเจียงเฟิ่งหัวเจียงเฟิ่งหัวจ้องซูถิงหว่านกะทันหัน พร้อมสอบถาม “ความหมายของพระชายารองซูคือข้าผิดที่เกิดมางาม ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดข้าหรือ”ซูถิงหว่านชะงักไป ก่อนจะรีบอธิบาย “หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น พระชายาอย่าโกรธเคือง หม่อมฉันไม่ทันได้คิด ใจร้อนชั่วขณะจึงพูดออกไป ไม่ได้ตั้งใจ...”เจียงเฟิ่งหัวไล่ต้อนอย่างไม่ลดละ “พระชายารองซูช่างไร้เดียงสายิ่ง แค่คำว่าไม่ตั้งใจก็ทำให้ผู้อื่นตกสู่หุบเหวลึกไม่เห็นก้น พระชายารองซูเองก็เป็นสตรี เจ้าควรรู้ว่าชื่อเสียงสำคัญมากเพียงใดต่อสตรีคนหนึ่ง”“วันนี้ท่านอ๋องช่วยข้าไว้ ถือเป็นบุญของข้า แต่เหล่าหญิงสาวที่ถูกทำ
เซี่ยซางไม่สนใจ ข้อมือของเจียงเฟิ่งหัวถูกเขาจับไว้แน่น แรงของเขาเยอะมาก คล้ายจะดึงจนข้อมือนางหลุด นางดิ้นไม่หลุด จึงเสียงดังใส่เขา “ท่านอ๋อง ท่านทำให้หม่อมฉันเจ็บนะเพคะ มือหม่อมฉันจะขาดอยู่แล้ว”เซี่ยซางไม่สนใจ ดึงนางเข้าไปในหอสุราที่อยู่ด้านข้างทันที “เสี่ยวเอ้อร์ เปิดห้องที่ดีที่สุดหนึ่งห้อง”หลินอวี่ยืนอยู่กลางห้องโถง มองดูทุกสิ่งจนอ้าปากค้าง สาวใช้สองคนก็ตามอยู่ด้านหลังโดยไม่รู้เรื่อง คืนนี้เหิงอ๋องกินยาใดผิดจึงได้บ้าบอเช่นนี้ พวกนางก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งวุ่นวาย จึงได้แต่ตามอยู่ด้านหลังอย่างนอบน้อมท่าทางบอบบางของพระชายาช่างน่าสงสาร เหตุใดท่านอ๋องจึงไม่รู้จักทะนุถนอมกันสักนิด พวกนางเองก็รู้ว่านายหญิงตัวเองมีแผนการ จึงได้แกล้งโง่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นเพียงเจียงเฟิ่งหัวราวกับถูกฉุดกระชากขึ้นไปชั้นบน เสี่ยวเอ้อร์รีบตามขึ้นไปเช่นกัน จากนั้นพาพวกเขาไปยังห้องที่ดีและใหญ่ที่สุด “ท่านลูกค้ายังต้องการสิ่งใดหรือไม่ขอรับ?”“ไม่ต้องการ ไสหัวออกไป”เมื่อประตูปิดสนิท เซี่ยซางเกี่ยวตัวเจียงเฟิ่งหัวที่บอบบางขึ้นแล้วโยนไปบนเตียง จากนั้นคร่อมนางเอาไว้ แล้วจูบริมฝีปากนางอย่างบ้าคลั่ง เขาทำราวกับระบา
นางจัดแจงเสื้อผ้าจนเรียบร้อย พร้อมกล่าวเสียงอ่อนโยน “ก่อนกลับจวน หม่อมฉันมีเรื่องอยากถามท่านอ๋อง คืนนั้นที่บอกว่าจะตรึกตรองเรื่องชอบหม่อมฉันอย่างจริงจัง ยังเชื่อถือได้หรือไม่?”เซี่ยซางหันมองนาง วันนี้ตอนอยู่ในวังเมื่อเขารู้ว่าเจียงเฟิ่งหัวลงชื่อในหนังสือคำร้อง ใจเขารู้สึกตื้นตัน วินาทีนั้นเขาร้อนใจอยากพบนางเหลือเกินมีคนคนหนึ่งยืนสนับสนุนเขาอยู่ท่ามกลางฝูงชนเงียบ ๆ ในใจเขารู้สึกอบอุ่นกระนั้น เมื่อเขาเห็นนางถูกชายอื่นปกป้องอยู่ด้านหลังบนสะพาน ตัวเขาราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็น ในใจเขาทั้งโกรธทั้งแค้น เจียงเฟิ่งหัวที่งดงามเพียงนั้นดึงดูดสายตาของชายอื่น ทำให้เขาริษยาจนแทบคลั่งเมื่อเห็นนางถูกชายเมาเหล้ารังแก เขาแทบอยากจะสังหารพวกมันทันที นางบอบบางน่าสงสาร เขาอยากปกป้องนางทุกปฏิกิริยาของเขาแสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่าเขาสนใจเจียงเฟิ่งหัว ไม่ใช่เพียงเพราะนางเป็นพระชายาของเขาจิตใจของเขาว้าวุ่น เขาเกิดความรู้สึกอื่นต่อนาง หนำซ้ำยังยากจะควบคุมเขาไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเปลี่ยนใจแล้ว ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองผิดต่อคำสาบานที่ให้ไว้กับซูถิงหว่าน ยามนั้นเขากล่าวอย่างฮึกเฮิมว่าจะชอบสตรีอย่างซูถิงหว่า
มือของซูถิงหว่านที่จู่ ๆ ก็ลูบคลำอยู่บนร่างของเขา ทำให้เขาแข็งทื่อทันใด แล้วพลิกตัวลุกขึ้นนั่งเขาเอ่ยกะทันหัน “หวานหว่าน...”แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยวาจา ซูถิงหว่านก็เป็นฝ่ายจูบริมฝีปากของเขา “ท่านอ๋อง หวานหว่านอยากเป็นของท่าน...”ในใจเซี่ยซางรู้สึกคลื่นไส้กะทันหัน จึงผลักนางออกไป “หวานหว่าน อย่าทำเช่นนี้”ซูถิงหว่านไม่ทันตั้งตัวกับการกระทำของเขา ในแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย “อาซาง ท่านไม่รักข้าแล้วหรือ”ทันใดนั้นเซี่ยซางโผเข้าหานางราวกับคนบ้า เขาอยากจูบซูถิงหว่านโดยไม่สนใจสิ่งใด จูบนางโดยไม่ต้องรู้สึกถึงภาระทางใจ เขาอยากยืนยันว่าจะชอบนางเพียงคนเดียวแววตาซูถิงหว่านเต็มไปด้วยความปรารถนา นางนึกว่าสุดท้ายนางจะกลายเป็นคนของเขา กลายเป็นสตรีที่เหิงอ๋องรักมากที่สุด ทว่าจู่ ๆ ข้างหูกลับมีเสียงไร้เรี่ยวแรงของเซี่ยซางดังขึ้น “หวานหว่าน ขอโทษ ข้าทำไม่ได้”“อาซาง ท่านเป็นอะไร?” ในใจซูถิงหว่านรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่างเห็นเพียงเขาพลิกตัวลงจากเตียงกะทันหัน แล้วหาเสื้อผ้าตัวเองมาสวม ไม่รู้ทำไมเขาจึงไม่มีความปรารถนาในตัวซูถิงหว่านสักนิด เมื่อสัมผัสนาง ภายในหัวมีแต่ใบหน้าของเจียงเฟิ่งหัว
เซี่ยซางออกมาจากเรือนถานเซียงแล้วมุ่งหน้าไปที่หอหล่านเยว่ เมื่อเห็นแสงเทียนในห้องนางดับกะทันหัน เขาก็หยุดฝีเท้าทันทีเขายืนอยู่สักครู่แต่ไม่ได้เปิดประตูเข้าไป ต่อมาหันหลังไปหอทิงเสวี่ยภายในห้อง เจียงเฟิ่งหัวกำลังนั่งฝึกลมหายใจเข้าออกฝึกร่างกายอยู่บนเตียงเหลียนเย่มองเห็นเซี่ยซางจากไปผ่านหน้าต่างจึงกล่าว “ทั้งที่ท่านอ๋องกำลังจะเดินเข้ามา พระชายาท่านดับไฟทำไมเพคะ! นี่เป็นโอกาสเลยนะเพคะ!”“ทั้งที่เขาไปถึงเรือนถานเซียงแต่กลับไม่ค้างคืน เพราะอะไรกัน?” ดวงตาเจียงเฟิ่งหัวมีแววเจ้าเล่ห์แวบผ่าน“ท่านอ๋องไม่ชอบพระชายารองซูแล้วเพคะ”เจียงเฟิ่งหัวยิ้มอ่อน “คนเรามักจะลืมคนแรกที่ชอบได้ยากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ความรักครั้งแรกมักจะดีงามที่สุดเสมอ ต่อให้เขาหลงรักคนอื่น แต่ในใจเขายังคงนึกถึงความดีงามของรักแรก ความรักเช่นนี้เกิดถ่านไฟเก่าได้ง่ายที่สุด”“ในเมื่อตอนนี้ในใจเซี่ยซางมีเงาของพระชายาอย่างข้าแล้ว ข้าจะเริ่มเป็นฝ่ายโจมตี ตอนนี้ต้องบีบให้ซูถิงหว่านลงมือ เขาจะได้เห็นความชั่วของนาง แล้วลืมความดีของนางซะ”เหลียนเย่เอ่ยถาม “พระชายามีคนแรกที่ชอบหรือไม่เพคะ อย่างเช่นคุณชายเซียว...”นา
เขาดูเหมือนขาดคนเอาใจใส่และขาดความรักเป็นอย่างมากตอนเด็กเขายังร้องห่มร้องไห้เพราะไม่ได้รับการยอมรับจากฮ่องเต้ น้ำตาไหลพรั่งพรูไปหมดเจียงเฟิ่งหัวเก็บกวาดจนสะอาดแล้วก็ไปที่ห้องครัวอีก เซี่ยซางกลับไปที่โต๊ะ ทำงานที่ยังค้างไว้ต่อ และก็เป็นเพราะดึกเกินไปแล้ว เขาจึงไม่ได้ไปที่ห้องหนังสือ เวลานี้ จู่ ๆ เขาก็มีความคิดขึ้นมา เริ่มเขียนหนังสืออย่างรวดเร็วเพียงไม่นานนางก็กลับมา เมื่อครู่นางเหมือนจะแอบเห็นว่าเนื้อหาบนกระดาษเกี่ยวข้องกับคดีสุสานหลวงถูกปล้นพี่ใหญ่บอกว่าเขาสืบได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่เป็นทางการมาจากช่องทางพิเศษ เซี่ยซางอารมณ์ไม่ดีเพราะคดี เพราะฉะนั้นเมื่อครู่เขากำลังหงุดหงิดเรื่องคดีหรอกหรือ?นางจำได้ว่าชาติที่แล้วต่อให้สุสานหลวงถูกปล้น สิบกว่าปีหลังจากนั้นก็ไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไรเกิดขึ้น อย่างมากก็แค่อัญมณีและเครื่องหยกที่ฝังพร้อมพระศพในสุสานหายไปบ้างเท่านั้นแต่ดูท่าทางของเซี่ยซางในตอนนี้แล้ว นางรู้ว่ามีของอย่างหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากหายไปอย่างแน่นอน“เจ้าไปนอนก่อนเถอะ ข้ายังมีเรื่องบางอย่างต้องสะสาง” เซี่ยซางเห็นนางกลับมา กล่าวเสียงอ่อนโยนนางไม่ได้พูดอะไร “ตอนนี้ดึ
เซี่ยซางกลับขยับเว้นที่ให้นางเองอย่างมีไหวพริบ ถังอาบน้ำในหอหล่านเยว่ใหญ่มาก รองรับสองคนแล้วยังมีที่ว่างเหลือเจียงเฟิ่งหัวเห็นว่าเขานอนพาดอยู่นิ่ง ๆ กับขอบถังอาบน้ำ ขณะที่นางเตรียมจะลุกขึ้น ทันใดนั้นเซี่ยซางก็ฉุดข้อเท้าของนางไว้ “อาบด้วยกัน”เจียงเฟิ่งหัวอยากจะบอกว่าอาบไปแล้ว แต่เซี่ยซางพูดด้วยทีท่าหนักแน่น นางจึงหยิบผ้าขึ้นมาถูหลังให้เขาเบา ๆ ล้างแขน ลงไปด้านล่างเรื่อย ๆ …นางทำอย่างเบามือ อ่อนโยน เหมือนกำลังลูบไล้สัตว์เลี้ยง ตอนนี้นางก็มองเขาเป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตัวเองคงไม่มีความอดทนพอที่จะอาบเขาให้เสร็จได้ผมของนางตั้งแต่ไหล่ลงไปเปียกหมดแล้ว ลอยอยู่บนผิวน้ำ นางดูแล้วมีเสน่ห์เย้ายวนน่าหลงใหลแต่เซี่ยซางกลับไม่หวั่นไหว ทั้งสองคนเหมือนสามีภรรยาทั่วไปที่อาบน้ำให้กัน นางถึงขั้นสระผมให้เขา สระจนสะอาด น้ำก็เริ่มเย็นแล้ว เขาก็ยังไม่คิดจะลุกขึ้นนางกล่าว “ท่านอ๋อง” วันนี้ดูเหมือนเขาจะไม่มีอารมณ์ และยังอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย“ข้าเริ่มเหนื่อยแล้ว เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ!” เซี่ยซางว้าวุ่นในใจ ร้อนรุ่ม อยู่ไม่สุข แต่เขาคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งไม่มีทางทำอะไรกับนางในน้ำอย่า
เมื่อเห็นเซี่ยซางแช่อยู่ในน้ำ เปลือยแขนและท่อนบน ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเมตตาสงสารขึ้นมา ต่อให้เป็นหมาแมวตกน้ำ นางก็ต้องไปช่วยหน่อยมิใช่หรือ ยิ่งไปกว่านั้นเขาดื่มจนเมาขนาดนี้ หากไถลลงไปจมน้ำตาย ฝันของนางที่จะเป็นฮองเฮามิต้องสลายไปหรอกหรือนางคิดว่าต่อให้ตอนนี้จะเข้าสู่ฤดูร้อนเต็มที่แล้ว แม้ไม่จมน้ำตาย แต่กลางคืนหลับไปแบบนี้ก็จะเป็นหวัดได้ง่าย ๆนางฝืนใจยกน้ำแกงสร่างเมาไปทางเรือนด้านข้าง “ท่านอ๋อง ตื่นเถอะเพคะ” นางเรียกข้างหูเขาเบา ๆ หนึ่งทีเซี่ยซางเหมือนจะหลับไปแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นอกจากว่าเขาคออ่อน มารยาทในการดื่มของเขายังถือว่าใช้ได้ อย่างน้อยไม่โหวกเหวกโวยวายนางใช้ช้อนตักน้ำแกงสร่างเมา ค่อย ๆ ป้อนใส่ปากเขา “ดื่มสักหน่อยนะเพคะ ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าตื่นมาจะรู้สึกไม่สบายตัวนะเพคะ”เซี่ยซายยังคงไม่ขยับ หายใจสม่ำเสมอ หลับลึกมาก เหมือนเหนื่อยสุดขีด เจียงเฟิ่งหัวป้อนเขานิดเดียวอย่างใจเย็น แต่กลับไหลเปรอะเปื้อนเต็มปากไปหมด นางก็ขี้เกียจจะป้อนแล้ว เมื่อครู่อาเจียนในเรือนไปแล้ว ในท้องเขาไม่น่าจะมีเหล้าหลงเหลืออยู่เจียงเฟิ่งหัวย่อมย้ายตัวเขาไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อเห็นกล้าม
เซี่ยซางเห็นเจียงเฟิงหัวยืนอย่างงดงามอ่อนช้อยอยู่ที่ประตู ก็ยื่นมือไปทางนาง กล่าวเสียงเข้มว่า “มานี่…”“อ๊อก!” เขายังพูดไม่จบ เซี่ยซางก็เริ่มอาเจียนออกมาอย่างรุนแรงทันที เวลานี้ท่าทางของเขาน่าสมเพชเวทนามาก ไม่เหลือมาดท่านอ๋องแม้แต่นิดเดียวเจียงเฟิ่งหัวปิดปากและจมูกไว้ มองดูเรือนที่นางจัดตกแต่งอย่างตั้งอกตั้งใจแล้วก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจหลินเฟิงรู้สึกผิดไม่น้อย วันนี้ท่านอ๋องน่าขายหน้ามากจริง ๆ อาเจียนได้อย่างไรกัน?แล้วก็ได้ยินเจียงเฟิ่งหัวสั่งสาวใช้ว่า “เตรียมน้ำอุ่นให้ท่านอ๋อง ให้ท่านอาบน้ำ สวีหมัวมัว วานท่านไปห้องครัว ต้มน้ำแกงสร่างเมามาหน่อย”รอจนเขาอาเจียนน้ำเหลือง ๆ ออกมาจากในท้อง หลินเฟิงกับพ่อบ้านเฉิงจึงค่อยย้ายเซี่ยซางไปเรือนด้านข้าง วางเขาลงในถังอาบน้ำอันที่จริงเจียงเฟิ่งหัวอยากให้หลินเฟิงเอาเขาไปส่งหอทิงเสวี่ยหลินเฟิ่งช่วยถอดเสื้อผ้าของเซี่ยซางออก เหลือไว้เพียงกางเกงชั้นในบนตัวเขา เขาลองหยั่งเชิงว่า “เช่นนั้นแล้วข้าน้อยก็จะออกไปแล้ว?”เจียงเฟิ่งหัวขมวดคิ้ว อยากจะพูดว่าเจ้ามาอาบน้ำล้างตัวเขาให้สะอาดก่อนค่อยไปสิ!แต่หลินเฟิงไหนเลยจะให้โอกาสนางได้พูด พูด “ข้าน้อย
ซูถิงหว่านกล่าว “ท่านก็เห็นว่าเขาจ้องเจียงเฟิ่งหัวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและไม่อยากจากลา คนก็จากไปแล้ว ลูกตาเขายังจ้องจนแทบจะออกมานอกเบ้า”“ข้าหมายถึงว่าต้องการหลักฐานที่แน่นหนา”ซูถิงหว่านก็เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย “คราวก่อนก็เป็นเขาที่มาช่วยนางไว้ ท่านอ๋องเห็นกับตาอยู่ชัด ๆ ว่าเขากับเจียงเฟิ่งหัวมีความสัมพันธ์คลุมเครือ แต่ท่านอ๋องกลับไม่ถือสาหาความ วันนี้ก็เป็นเขาอีกแล้ว ท่านพูดถูก ไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอัน อาซางไม่มีทางเชื่อแน่”“พระชายารองรู้จักคนคนนี้ตั้งนานแล้วหรือ?” อวิ๋นฟางถาม“ไม่รู้จักได้อย่างไร เหมือนจะชื่อเซียวอวี้ เป็นดาวเด่นคนใหม่ในเมืองเซิ่งจิ่ง มีชื่อเสียงอยู่พอสมควร” ซูถิงหว่านอธิบาย ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ “คนพวกนี้ชอบดัดจริตเป็นที่สุด ทำตัวเป็นผู้ดีมีรสนิยม เรียนหนังสือเก่งแล้วมีอะไรดีเล่า ถ้าไม่ได้ทหารเหล่านั้นที่ปกป้องประเทศชาติอยู่ชายแดน พวกเขาจะได้เดินเตร่ในหอโคมเขียว ดื่มเหล้าอย่างสบายอารมณ์เช่นนี้ไหม? ทั้งสกุลซูของข้าพิทักษ์รักษาบ้านเมือง เป็นขุนนางที่มีความดีความชอบของแคว้นต้าโจว แม้แต่ฝ่าบาทยังต้องให้ความเคารพสกุลซูของข้าอยู่ไม่น้อย เหตุใดท่านป้าจึง
อีกฝั่งหนึ่ง เจียงเฟิ่งหัวหนีออกมาจากหออี๋ชุนแล้วก็ไม่กล้ากลับไปอีก กลัวจะเจอเซี่ยซางเข้าเซียวอวี้เห็นนางสวมหน้ากาก ก็ลองถามดูว่า “คุณหนูสามหรือ?”เจียงเฟิ่งหัวได้สติกลับมา เปิดหน้ากากออก กล่าวว่า “คุณชายเซียวรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า?”เซียวอวี้หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ตอบตามตรงว่า “เมื่อก่อนไปหาท่านครูที่จวนสกุลเจียงอยู่บ่อย ๆ บ้านสกุลเจียงมักจะมีเสียงพิณลอยออกมา ข้าเลยรู้ว่าคุณหนูสามสกุลเจียงดีดพิณอยู่”เมื่อเขาได้ยินท่วงทำนองอันคุ้ยเคยที่หออี๋ชุนอีกครั้ง เขาก็ตกใจตาค้าง วินาทีนั้นเอง เขาก็กล้าฟันธงว่านางคือเจียงเฟิ่งหัว เพราะว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี“ที่แท้คุณชายเซียวฟังเสียงดนตรีก็รู้ตัวคนเล่น ดูท่าคุณชายเซียวก็เป็นคนที่ชื่นชอบเสียงดนตรีเช่นกัน” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวเซียวอวี้ตอบ “ก็แค่พอรู้เรื่องบ้าง ไม่ได้เสี้ยวของคุณหนูสามหรอก”“คุณชายเซียวถ่อมตัวไปแล้ว ท่านพ่อของข้ามักจะบอกว่าในบรรดานักเรียนของท่านทั้งหมด มีเพียงเซียวอวี้ที่เฉลียวฉลาดเกินใคร ต่อไปจะต้องเป็นใหญ่เป็นโตแน่นอน” เจียงเฟิ่งหัวไม่ได้โกหก ราชครูเจียงเป็นคนที่เห็นคุณค่าของคนมีความสามารถจริง ๆ ดังนั้นจึงมักกล่าวถึงเขาอยู่บ
เวลานี้เอง เจียงจิ่นเหยียนก็มาถึงเวทีเช่นกัน เขาอยากจะพาเจียงเฟิ่งหัวไป แต่กลับคว้ามือของชายอีกคนหนึ่งไว้ในความมืดมิด เจียงเฟิ่งหัวยื่นมือไปคว้ามือของพี่ใหญ่ของนางไว้ แต่กลับคลำเจอฝ่ามือใหญ่ ๆ คู่หนึ่งที่มีแผ่นหนังด้าน ๆ นางรู้ว่านี่ไม่ใช่มือของพี่ใหญ่แน่ ถ้าเช่นนั้นก็เป็นคนอื่น จะเป็นใครเล่า?นางคิดอยากสะบัดมือของอีกฝ่ายออก แต่อีกฝ่ายกลับกำมือนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อยทันใดนั้น ฝั่งตรงข้ามก็ดึงนางเข้าไปใกล้ นางจึงเพิ่งได้กลิ่นที่คุ้นเคย นางสับสนวุ่นวายในใจ เป็นเซี่ยซางได้อย่างไรกันเจียงเฟิ่งหัวรีบหุบปากไว้ ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่แอะเดียว กลัวว่าเขาจะจำเสียงได้เนื่องจากนางใส่หน้ากากปกปิดไว้ทั้งหน้า เซี่ยซางเห็นลักษณะของคนที่อยู่เบื้องหน้าไม่ชัด รู้สึกเพียงว่านิ้วมือของคนผู้นี้เรียว เนียนละเอียด เหมือนมือผู้หญิง วินาทีนั้นที่เขาเข้าโอบเอวคนผู้นี้ ก็รู้สึกได้ว่าเอวบางเหมือนกิ่งหลิว และหน้าอกของคนผู้นี้นุ่มนิ่มเขารู้ตัวแล้วว่าที่แท้เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง…ขณะที่เขากำลังลังเลนั้นเอง เจียงเฟิ่งหัวเหยียบหลังเท้าเขาอย่างแรง นางใช้กำลังทั้งหมดที่มีจึงหลุดออกมาจากมือเขาได้ นางก็ไม่มีเวลาสนใจอะ
ในหออี๋ชุนมีทั้งร้องทั้งเต้น เสียงปรบมือโห่ร้องดังทั่วหอ แล้วก็ได้ยินพิธีกรเอ่ยว่า “ขอเชิญคุณชายไร้เทียมทานขึ้นเวที”ฝูงชนเมื่อได้ยินว่าคุณชายไร้เทียมทาน ทุกคนก็ตกใจ พากันวิพากษ์วิจารณ์ “นี่คือการประกวดคัดเลือกนางคณิกา จะมีผู้ชายขึ้นเวทีได้อย่างไร หรือว่าผู้ชายก็อยากชิงตำแหน่งยอดนางคณิกาด้วยหรือ”“ก็ใช่น่ะสิ คณิกาชายมาจากไหนกัน พวกเราต้องการแต่ผู้หญิง ไม่เอาผู้ชาย” ทันใดนั้นกัวเซี่ยก็ขึ้นเสียงด่าทอ “ให้คุณชายไร้เทียมทานอะไรนั่นไสหัวลงไป”มีคนผสมโรงไปด้วยอีก “ข้าน่ะมาใช้เงินเพื่อดูสาว ๆ แก้เบื่อ ผู้ชายมีอะไรน่าดูกัน พวกเจ้าทำบ้าอะไรเนี่ย ให้แม่นางเพียนเพียนเมื่อครู่ออกมาร้องอีกเพลงซิ ข้ามีเงินเยอะแยะ พวกนี้ก็ตบรางวัลนางให้หมด”ในชั่วพริบตา ชายคนนั้นควักทองตำลึงออกมาหลายก้อน “ตำแหน่งยอดคณิกาคืนนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่นางเพียนเพียน ให้นางออกมา”“เพียนเพียน!”ไม่นาน ทั้งหอก็ตะโกนเรียกชื่อของเพียนเพียนหลินอวี่ในชุดกระโปรงยาวเข้ารูปอันประณีตเดินอย่างอ่อนช้อยไปที่เวที นางยิ้มมุมปากอย่างเย้ายวน ริมฝีปากแดงระเรื่อ กล่าวเสียงหนักแน่นว่า “ทุกท่านมาสนับสนุนงานนี้ที่หออี๋ชุนของข้า ก็เป็น
เจียงจิ่นเหยียนเห็นว่าในแววตานางมีความกังวลซ่อนอยู่ “ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ที่เจ้าแต่งกับเหิงอ๋อง เขาทำอะไรเจ้าหรือ ถึงได้ห่วงหน้าพะวงหลัง ข้าแทบจะจำเจ้าไม่ได้แล้ว เจียงเฟิ่งหัวที่มีการวางแผนชัดเจนอยู่ในใจ มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมไปอยู่ที่ไหนแล้ว”“เมื่อก่อนข้าเข้าออกหออี๋ชุนมีพี่ใหญ่คอยปกปิดให้ข้า แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ข้าทำตามอำเภอใจไม่ได้อีกต่อไป” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจียงจิ่นเหยียนรู้ว่านางคือพระชายาเหิงอ๋อง ยิ่งรู้ดีว่าเซี่ยซางผูกสมัครรักใคร่กับหญิงอื่นมานานแล้ว แต่หรวนหร่วนอยากจะแต่งเอง เขาก็ห้ามไม่ได้ เขาเพียงแค่หวังว่าน้องสาวจะทำใจให้สบาย ไร้ทุกข์ไร้กังวลในใจเขาสงสัยมาตลอดว่า หรือว่าหรวนหร่วนจะมีใจให้เหิงอ๋องมาตั้งแต่เด็ก เขาถามว่า “หรวนหร่วน พี่ใหญ่รู้ว่าเจ้ามีแผนการอันซับซ้อนอยู่ในใจมาตั้งแต่เด็ก พี่ใหญ่หวังว่าเจ้าจะไม่ลืมความเป็นตัวเอง ทำให้ตัวเองต้องเป็นทุกข์เพื่อเรื่องบางอย่างหรือคนบางคนที่ไม่ควรค่า เจ้าต้องจำไว้ว่าความสุขสำคัญที่สุด ถ้าเขาทำให้เจ้ามีความสุขไม่ได้ ทำให้เจ้าไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง เจ้าจะแต่งงานกับเขาไปทำไม”เจียงจิ่นเหยียนรู้ว่านางแตกต่าง