เซียวเฟิงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง...
เมริสาเป็นคนฉลาด เธอสอบได้คะแนนสูงมากตอนเรียนมัธยมฯ เธอตั้งใจทำการบ้านและรายงานทุกชิ้น ถ้าไม่ได้ตั้งใจอ่านหนังสือในห้อง บางครั้งก็หอบงานออกมาทำที่ห้องนั่งเล่น เธอไม่เคยเข้าแอปหาคู่ ข้อนี้เขาเคยลองแอบเช็กดูเป็นครั้งคราว ดังนั้นเวลาว่างของเธอถ้าไม่ทำการบ้านก็ทบทวนบทเรียน อาจจะเข้าเข้าแอปฯ ซื้อของออนไลน์บ้างเป็นบางครั้ง
ปัญหาของคนฉลาดคือ บางครั้งการที่คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น มั่นใจในตัวเองมากเกินไป ทำให้คิดว่าจะสามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่ถูกจับได้ หากเป็นเช่นนั้น มันก็ทำให้การทำงานของเขาง่ายขึ้น เพราะเธอแทบจะแสดงทุกสิ่งที่ธอคิดออกมาอย่างเปิดเผย
และนั่นหมายความว่าเขาต้องฉลาดเช่นกัน เซียวเฟิงไม่เคยเล่นหมากรุกมาก่อน เขาสงสัยว่านี่เป็นความรู้สึกเดียวกันหรือเปล่า การพยายามคิดหาวิธีที่จะคาดเดาการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของศัตรูและหาวิธีตอบโต้อย่างเหมาะสม
เมื่อกลับจากออกกำลังกายที่ยิมข้างล่าง เซียวเฟิงได้ยินเสียงดังจา
ถึงตอนนี้เซียวเฟิงยิ่งมั่นใจว่าเมริสาต้องกำลังวางแผนอะไรสักอย่าง เธอทำอาหารอร่อยมาก พอกินเสร็จก็ไปเก็บล้างโดยไม่ปริปากบ่นอะไรเลยสักนิด มันจะไม่น่าสงใสขนาดนั้นถ้าเธอจะไม่เปลี่ยนชุดนอนออกมานั่งในห้องนั่งเล่น ทำเป็นทาเล็บเท้าและมาส์กหน้าในขณะที่เปิดรายการไร้สาระสักอย่างในเน็ตฟลิกซ์ เซียวเฟิงไม่สนใจนักเพราะเขามัวแต่สงสัยว่าเธอจะทำอะไรต่อไปมากกว่าขณะนี้นาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มสี่สิบห้า เซียวเฟิงยังไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย แต่เขาทำทีว่ากำลังจะเข้านอน“อย่าลืมนะครับว่ามีสัญญาณเตือนภัยอยู่” เขาเตือนเมริสาขณะเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง เมริสาเพียงแค่กลอกตาแต่ไม่ได้พูดอะไรเซียวเฟิงคอยอยู่ว่าเมริสาจะใช้เวลานานแค่ไหนที่พยายามหนีออกไป แม้ว่าประตูห้องนอนจะปิดอยู่ แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงเธอเดินไปมาอยู่ข้างนอกทำไมคุณหนูต้องทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับตัวเองขนาดนี้ด้วยนะทำไมคุณหนูต้องทำให้ผมทำในสิ่งที
เซียวเฟิงต้องเตือนสติตัวเองว่าห้ามเผลอไผลไปในสถานการณ์ตอนนี้ เพราะการใกล้ชิดกันแบบนี้ การที่เธอดิ้นรนขัดขืนทำให้ร่างกายนุ่มนิ่มเสียดสีไปกับกายแกร่งของเขา เขาบังคับเธอเดินข้ามไปยังโซฟาในห้องนั่งเล่น ตอนนี้กลางลำตัวเขากำลังตื่นตัวเต็มที่ขณะที่ฉุดเธอให้นั่งลงบนตักแกร่ง“นายจะทำอะไร! ปล่อยนะ!“ผมจะทำให้คุณหนูจำให้ขึ้นใจว่าครั้งหน้าถ้ามีไอ้หน้าไหนชวนไปบ้านอีก แล้วจะมีผลลัพธ์ยังไง”ไม่ว่าเมริสาจะพยายามดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่มีทางสู้แรงบอดี้การ์ดร่างยักษ์ได้ เขาแทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลยตอนจับเธอคว่ำหน้าพาดตักให้ก้นลอยขึ้น“ปล่อยฉันนะ! นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!” เมริสาถีบขาไปมา สองมือฟาดบนขาชายหนุ่มแต่ก็ไม่เป็นผล“นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คุณหนูหลาบจำ”เพียะ!ฝ่ามือแรงที่กระทบบั้นทายงอนเหมือเป็นการปลดปล่อยความเครียดที่เขาสะสมมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
ภายในห้องมืดสนิท เมริสาอยู่ที่เดิมไร้เรี่ยวแรงไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ เพราะเมื่อปิดประตูห้องเธอก็ทรุดล่วงตรงประตูทันที หัวสมองกำลังสับสน ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อเมื่อครู่มันไม่ถูกต้องใช่ไหม การที่เซียวเฟิงจับเธอฟาดก้นมันไม่ถูกต้อง เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ และตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยถูกจับฟาดก้นแบบนั้นมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียวแต่ตอนนี้ ก้นของเธอรู้สึกเจ็บช้ำไปหมด เธอต้องอดทนอย่างมากที่จะไม่ระเบิดแล้วร้องไห้ออกมาตอนแรกที่ถูกจับพาดตัก แน่นอนว่าเธอโมโหมาก แต่ว่าแล้วหลังจากนั้นล่ะ...เธอกลับ...มีอารมณ์ กางเกงในของเธอเปียกชุ่มจนแนบเนื้อ ร่างกายของเธอตื่นตัวเมื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวด และมันยิ่งแย่ลงทุกครั้งที่ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงมาเธอถูกฟาดก้นแล้วจะมีอารมณ์หรือ เมริสารู้สึกตกใจกับความจริงข้อนี้ที่เพิ่งค้นพบ แต่เธอก็สงสัยว่าหรือนั่นอาจเพราะว่าเป็นเซียวเฟิง เธออาจไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับคนอื่น อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่คิดจะไปพิสูจน์เรื่องนี้กับใครก็ตาม
การได้รับรู้ความจริงทำให้เมริสาตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ปกติเธอจะคิดถึงใจคนอื่นอยู่ตลอดเวลา แต่กับเซียวเฟิง เธอกลับเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด“นายต้องแบกรับความกดดันทุกอย่าง” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว เห็นใจชายหนุ่มเป็นอย่างมากเมื่อเพิ่งตะหนักถึงความจริงข้อนี้ได้“ใช่เลย” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังอย่างระบายความอัดอั้น ก่อนที่เสียงนั้นจะค่อย ๆ จางหาย “คุณหนูเห็นแล้วใช่ไหมว่าสถานการณ์บีบบังคับให้ผมต้องทำแบบนี้ ผมรู้ว่าคุณหนูไม่ชอบ แต่มันก็ต้องแบบนี้ละ เราควรหาทางทำให้มันเวิร์กดีกว่า”“นายจะยอมประนีประนอมรึเปล่า”คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้น “ช่างสมกับเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ” น้ำเสียงชายหนุ่มแฝงความเหนื่อยล้า “ใช่ ผมยินดีจะประนีประนอมอยู่แล้ว”เมริสาคล้ายเห็นทางออก “ถ้าอย่างนั้นฉันอยากออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างได้ไหม แน่นอนว่าโดยที่นายจะไปกับฉันด้วย”เซียวเฟิงหรี่ตาคล้ายกำลังใช้ความคิด “ให้เพื่อนคุณหนูมาที่นี่ ผมรู้ว่าคนพว
“เซียวเฟิง นายมาช่วยฉันหน่อยได้มั้ย” เสียงหวานลอดผ่านจากประตูที่เปิดแง้มไว้อยู่ เสียงหญิงสาวฟังดูแปลก ๆ เซียวเฟิงจึงรีบออกจากห้องตัวเองทันทีที่ใส่เสื้อผ้าเสร็จเมื่อก้าวเข้าไปในห้องของเมริสา เซียวเฟิงตะลึงค้างไปชั่วครู่ หญิงสาวกำลังอยู่ในท่าโก้งโค้ง กระโปรงที่เธอสวมสั้นและหลวมพอจนมันเลิกขึ้นมา โชว์บั้นท้ายเด่นหราเต็มตาที่ถูกปกปิดด้วยกางเกงในผ้าลูกไม้สีชมพูหวานเขาหายใจเข้าออกลึก ๆ เรียกสติด้วยการนึกถึงหนึ่งในงานที่เขาทำในอดีต เขาระเบิดกะโหลกชายคนหนึ่งขณะที่กำลังขับรถอยู่ทำให้เลือดสาดและสมองกระจุยกระจายเต็มกระจกหน้ารถ มันเป็นภาพที่สยดสยองมากพอที่จะทำให้สิ่งที่อยู่ในเป้ากางเกงสงบลงได้เขาไม่เคยรู้สึกสนุกกับการฆ่า สำหรับเขามันก็แค่งานหนึ่งที่ต้องทำ“คุณหนูทำอะไรอยู่ครับ” เสียงถามติดสั่น เซียวเฟิงมองไปที่เมริสาที่กำลังควานหาอะไรบางอย่างใต้เตียงเสียงครางเบา ๆ อย่างขัดใจของเธอทำให้เขานึกถึงเสียงครวญครางเวลาที่เขาครอบครอบ
เสียงกุกกักบางอย่างทำให้เซียวเฟิงรู้สึกตัวตื่น เขาลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงนอนนิ่ง คอยฟังว่ามีอะไรหรือใครพยายามจะบุกเข้ามาหรือไม่ เขาหันไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง ไม่มีการแจ้งเตือนใหม่จากระบบสัญญาณเตือนภัย ขณะนี้เป็นเวลาตีหนึ่งครึ่ง ซึ่งเมริสาคงจะหลับไปแล้วเซียวเฟิงลุกขึ้นเพราะตาสว่างแล้ว จึงตัดสินใจออกมาเดินสำรวจความเรียบร้อยด้านนอก เขาเดินตรวจตราไปทุกซอกทุกมุมของคอนโด เมื่อทุกอย่ากปกติดีจึงเดินกลับห้อง ทว่าเสียงบางอย่างจากในห้องหญิงสาวทำเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่หยุดชะงักลงประตูห้องปิดสนิท ทุกสิ่งทุกอย่างสงบเงียบ เขาจึงหันหลังเดินกลับห้อง แต่ทว่าคราวนี้เสียงครางหวานดังขึ้น เขาหยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง กลั้นหายใจพร้อมเงี่ยหูฟัง คิดว่าตนอาจหูแว่วไปเอง แต่เสียงที่ได้ยินถัดมาเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาไม่ได้หูฝาด ครั้งนี้มันดังกว่าก่อนหน้า เขาอ้าปากกำลังจะเรียกหญิงสาวแต่ทว่าเขากลับได้ยินอย่างอื่น“เซียวเฟิง...” เสียงหวานสั่นกระเส่า
“ถ้างั้นคุณหนูเป็นบ้าอะไรถึงแต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อยเดินไปเดินมาทั้งวัน ยั่วผมหรือ ตั้งใจยั่วให้ผมตบะแตกใช่มั้ย ตอนนี้ไง ผมตบะแตกแล้วไง แต่นั่นเป็นความผิดคุณหนู” เซียวเฟิงโน้มตัวเข้าหาเมริสา สูดกลิ่นกายสาวเข้าเต็มปอด “คุณหนูต้องจำไว้ ว่าการเล่นเกมกับคนที่เหนือและแข็งแกร่งกว่ามันอันตราย”เขาเลิกผ้าห่มขึ้น โดยที่หญิงสาวไม่ได้ห้ามแต่อย่างใดเพราะตกใจเกินกว่าจะรั้งไว้ทัน เธอหายใจถี่กระชั้นจนหน้าอกสะท้อนขึ้นลง และตอนนี้ทำให้เซียวเฟิงรู้ว่าก่อนหน้าเขาคาดเดาผิดไปนิดหน่อยที่ว่าเธอไม่สวมเสื้อผ้า เพราะมีเสื้อกล้ามสวมอยู่ท่อนบน ส่วนท่อนล่าง...กางเกงในตัวจิ๋วกลับร่นลงไปกองที่ข้อเท้า“อ้าขาออก!” เขาสั่งเสียงเข้ม ตาจ้องที่จุดกลางกายที่ขาสองข้างมาบรรจบกัน หญิงสาวมีสีหน้าลังเล เซียวเฟิงจึงละสายตาขึ้นไปสบกับดวงตากลมโตที่เบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจระคนหวาดกลัว “ทำตามที่ผมสั่ง!”เมริสาค่อย ๆ แยกขาออก ประกายวาบหนึ่งผ่านเข้ามาในดวงตาชายหนุ่ม เธอเกลี้ยงเกลา ชุ่มฉ่ำ แวววาว
ตั้งแต่วันที่เซียวเฟิงเข้ามาในห้องของเธอก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ในที่สุดความปรารถนาของเมริสาก็เป็นจริง ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันรู้สึกอย่างไรเมื่อถูกชายหนุ่มสัมผัส เธอไม่ได้วางแผนให้มันเป็นแบบนั้น เธอแค่นอนไม่หลับ ลองทำทุกวิธีแล้วแต่ไม่หลับเสียที จนสุดท้ายต้องจบลงที่การช่วยตัวเอง เพราะเธอมักจะนอนหลับได้สบายหลังจากถึงจุดสุดยอดเสมออย่างไรก็ตาม เขาและเธอกลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ความสัมพันธ์ที่คืบหน้าที่ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหายไปหมดสิ้น เซียวเฟิงแทบจะไม่มองหน้าเธอเลย และเมื่อเธอถามอะไร เขาก็แค่ตอบแบบขอไปทีด้วยการพยักหน้าหรือตอบรับห้วน ๆ เมื่อกลับถึงบ้าน เขาก็ไปออกกำลังกายที่ยิมชั้นล่าง หรือไม่ก็ออกไปนั่งอยู่ที่ระเบียง เมริสาไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรที่นั่น เธออดคิดไม่ได้ว่าทั้งหมดนี้เพราะเขาต้องการหลีกเลี่ยงเธอและที่สำคัญที่เธอไม่เข้าใจเลยคือ ค่ำคืนนั้นมันวิเศษมาก เธอมีความสุข เขาก็มีความสุข ไม่มีปัญหาอะไรเลย เธอไม่ได้เสียใจหรือร้องไห้ เธอไม่ได้สารภาพรักกับเขาหรืออะไรแบบนั้น แล้วเขาเป็นอะไรกันแน่ กังวลเรื
อะไรหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปมากภายในระยะเวลาอันสั้น เมริสาแทบไม่อยากเชื่อเมื่อเธอมองย้อนกลับไปยังช่วงเทอมที่ผ่านมา เธอเคยรู้สึกประหม่าเหลือเกิน เมื่อคิดว่าทุกคนกำลังจ้องมองเธออยู่ และคุยเรื่องของเธอกับเซียวเฟิงอย่างสนุกปาก เธอเคยกังวลกับเรื่องนั้นมากส่วนในตอนนี้ ไม่มีอะไรให้สงสัยอีกแล้ว ถึงอย่างไรทุกคนก็ต้องรู้เรื่องของเธอเมื่อเปิดเรียนอีกครั้ง เมริสากับบอดี้การ์ดพ่วงด้วยสถานะคนรักของเธอได้ย้ายกลับไปอยู่ที่คอนโด แน่นอนว่าประตูถูกซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว และพ่อของเธอก็ยังจัดการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เธอไม่ต้องเห็นหรือสัมผัสสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับตี้หยางและค่ำคืนอันเลวร้ายนั้นอีก และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวอร์ชั่นปรับปรุงแล้วก็แพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่งเวลาที่เมริสาเดินเคียงข้างเซียวเฟิงในมหาวิทยาลัย เธอรู้ดีว่าทุกคนต่างคิดถึงเรื่องเดียวกัน เซียวเฟิงช่วยชีวิตเธอไว้ ตี้หยางเกือบจะฆ่าเธอ หรืออาจฆ่าทั้งคู่ พวกเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าทำ
เซียวเฟิงกำลังรออยู่ในห้องพักส่วนตัวอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าจะเชื่อใจในเมริสาแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่จัดกระเป๋าเตรียมไว้ เธออาจจะมองว่าเขากลายเป็นคนขี้ขลาด แต่เขาไม่ได้ปัญญาอ่อนที่จะอยู่รอความตาย ถ้าหากจะหนี เขาจะต้องเตรียมความพร้อมบางทีเขาควรจะบอกเมริสาก่อนที่พวกเขาจะนั่งลงคุยกับพ่อของเธอว่า เขาได้รับคำสัญญาว่าเขาจะขออะไรก็ได้ตามใจ และทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ความคิดของเขาก็พุ่งตรงไปที่เธอทันทีเธอคือสิ่งเดียวที่เขาต้องการ สิ่งเดียวที่ดีและจริงแท้ที่สุดในชีวิตที่เขาเคยรู้จักเขาไม่มีโอกาสได้บอกเธอเรื่องทั้งหมดนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน ทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึก และเพื่อนบ้านที่ตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขายังไม่ได้บอกเธอด้วยซ้ำว่าเขารักเธอ ก่อนที่พวกเขาจะถูกแยกตัวไปสอบปากคำ เขามีเวลาเพียงพอแค่นัดแนะเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อ
หลิวเจี้ยนหัวเราะเสียงดัง “นายล้อเล่นใช่ไหม”“ไม่ครับ ผมต้องการคุณหนู” เซียวเฟิงตอบเสียงจริงจัง หันไปมองเมริสาแล้วดึงมือเธอมากุมเพื่อยืนยัน “ผมรักเธอ คุณหนูเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม ที่ผมไปช่วยคุณหนูไม่ใช่เพราะคำสั่งนายท่าน แต่ผมไปเพราะผมอยากช่วยให้คุณหนูปลอดภัย ผมต้องการคุณหนู”เมริสาเบิกตาโตมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขารู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่ เขารู้ตัวหรือเปล่าว่าเขาบอกว่ารักเธอ ต่อหน้าพ่อเธอ ทั้งที่เขาไม่เคยบอกกับเธอมาก่อนใช่แล้ว เธอเองก็รักเขา เธออาจจะปฏิเสธว่าไม่ได้รักเขา แต่เธอรู้ตัวดี ต่อให้ปฏิเสธอย่างไรก็ตาม หัวใจเธอก็เป็นของเขาอยู่ดี แต่พ่อเธออาจเอาชีวิตเขาได้หลิวเจี้ยนขรึมลงในฉับพลัน กำลังข่มอารมณ์อยากฆ่าคนอย่างถึงขีดสุด “ฉันจะทำเป็นว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”“นายท่านครับ...”“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้น ในเมื่อนายเพิ่งพูดไปเมื่อกี้ว่าอยากได้ลูกสาวของฉัน” หลิวเจี้ยนลุกข
เพราะได้ยินเสียงร้องเตือนของเมริสา เซียวเฟิงจึงหมุนตัวหลบอย่างรวดเร็ว กดหลังชิดกับผนังข้างประตูที่กำลังถูกเปิดออก เสียงกระสุนดังลั่นกระทบผนังฝั่งตรงข้ามในจุดที่เขาเคยยืนอยู่ มันคงเจาะทะลุร่างเขาไปแล้วถ้าเขาไม่หลบทันเขาหมุนตัวกลับมา ขึ้นไกปืนและเล็งเข้าไปในห้อง สายตาเฉียบคมจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวภายในทันทีแต่คราวนี้ไอ้บ้าตี้หยางไม่ได้เล็งปืนมาที่เขา มันกลับเอาปืนจ่อหัวเมริสาและยังล็อกตัวเธอไว้ด้านหน้า“ฉันน่าจะรู้แต่แรกแล้วว่าแกก็ได้แต่หลบอยู่หลังผู้หญิง ฉันบอกแกแล้วว่านี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับนาย เหมยไม่เกี่ยว ปล่อยเธอไปซะ แล้วเราค่อยมาตกลงกันอย่างลูกผู้ชาย”“ไม่เกี่ยวยังไง” มือหยาบกร้านลูบไล้ที่อกอวบ มันน่าขยะแขยงมากจนเมริสาขนลุก ก่อนที่มันจะบีบขยำเต็มแรง “เป็นไง ความรู้สึกที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ ฉันจะเอานั่งนี่ต่อหน้าแก ฮ่า ๆ ๆ”“ไม่มีวัน เพราะฉันจะฆ่าแกก่อน”“ถ้าฉันลั่นไกจะเป็นยังไงน
“เธอไม่เอะใจเลยเหรอว่าทำไมฉันถึงไปหาเธอได้เร็วขนาดนั้น ฮ่า ๆ ๆ เธอคงคิดไม่ถึงละสิ ว่าฉันน่ะรออยู่ในโรงแรมใกล ๆ บ้านเธอตั้งนานแล้ว เพราะรู้ว่ายังไงเธอจะต้องโทรมาน่ะสิ เธอน่ะเอาแต่คิดถึงแต่ตัวเอง ต้องโทษว่าที่เป็นแบบนี้เพราะเธอโง่เอง”เมริสารู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาโชว์ความฉลาด สิ่งที่เธอต้องทำคือทำให้ตี้หยางสงบที่สุด ระหว่างทางเขาค่อย ๆ จมดิ่งไปกับความแค้นในอดีต คอยพร่ำพรรณนาบอกว่าเขาต้องเผชิญกับความทุกข์ยากอย่างไรบ้างหลังจากที่เซียวเฟิงสังหารพ่อของเขาตอนนี้เมริสานั่งอยู่ที่โซฟา วางมือไว้บนหน้าขาเพื่อให้ตี้หยางเห็นได้ถนัดว่าเธอไม่ได้ซ่อนอะไรไว้ ส่วนเขาเดินไปรอบห้อง บางครั้งก็มองที่ประตูระเบียงแต่ไม่ได้เดินไปที่นั่น เขากำลังรอว่าเมื่อไหร่เซียวเฟิงจะมาเมริสามั่นใจว่าชายหนุ่มต้องมา เขาจะต้องได้รับแจ้งเตือนตอนประตูคอนโดเปิดทางโทรศัพท์ เธอได้แต่ภาวนาในใจให้เขาระวังตัว เธอไม่สนแล้วว่าเขาจะเคยโกหกหลอกลวงเธอ ไม่ว่าเขาจะทำงานอะไรให้พ่อ เธอปรารถนาเพียงอย่างเดียวว่าจะต้องหนีไปจากที่นี่ใ
“นายแน่ใจว่าเป็นมัน?”“ครับ ผมเช็กเฟซบุ๊กคุณหนูแล้วก็เช็กอีเมล คุณหนูติดต่อกับมันไม่ผิดแน่ คุณหนูนัดกับมันให้ไปรอรับที่ประตูหลัง”“แล้วนายแน่ใจใช่ไหมว่ามันคือคนที่นายคิด”“ผมแฮ็กเข้าบัญชีมัน มีรูปมันกับเฉินเหว่ยที่ถ่ายไว้เมื่อหลายปีก่อนครับนายท่าน ผมเดาว่ามันน่าจะกลับมาใช้สกุลของแม่หรืออาจจะเป็นคนที่อุปการะเลี้ยง”“คิดจะแก้แค้นให้พ่อมัน หึ ฉันจะฆ่ามันไอ้สารเลว เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก”ในที่สุดเซียวเฟิงก็กระจ่างชัด ตลอดเวลาที่ไอ้ตี้หยางมันเข้าหา ไม่ใช่เพราะสนใจในตัวเมริสา แต่เป็นเพราะเขากับหลิวเจี้ยน ด้วยเหตุผลที่เธอไม่มีทางคาดเดาได้เพราะเธอไม่เคยรู้ว่าเขาทำอะไรไปบ้าง ว่าเขาสามารถฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น เพียงเพราะพ่อของเธอสั่งให้ทำ เพราะคนคนนั้นกำลังจะให้การเป็นพยานปากสำคัญและต้องถูกปิดปากอย่างถาวรเขาพยายามคิดว่าคืนนั้นได้พลาดอะไรไป ซึ่งอาจจะเป็นอะไรก็ได้ เพร
ตั้งแต่ขึ้นรถมาได้เมริสาก็หันกลับไปมองข้างหลังตลอด ตี้หยางขับรถเร็วมากจนภาพคฤหาสน์หลังใหญ่หายไปจากครรลองสายตาอย่างรวดเร็ว“ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเห็นฉัน” ตี้หยางพ่นลมหายใจออก “ตอนนี้เธอบอกฉันได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงให้ฉันรีบออกมารับแบบนี้ ใครทำอะไรเธอรึเปล่า ไอ้บอดี้การ์ดนั่นทำร้ายเธอใช่ไหม ฉันจะกลับไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้”“ไม่ต้อง! เอ่อ…มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด คือพ่อกับเซียวเฟิงโกหกฉันมาตลอด”“โกหก? เรื่องอะไร?” ตี้หยางชำเลืองมองเมริสาก่อนจะหันกลับไปมองถนนต่อ “เธอเปิดอ่านอีเมลแล้วเหรอ”“อืม ก็นายบอกให้ฉันเช็กอีเมลไม่ใช่เหรอ”“ก็ใช่ แต่ฉันไม่ได้ให้เธอรีบเปิดอ่านเลยเสียหน่อย ฉันไม่ได้อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้”“จะให้ทำยังไงได้ล่ะ”“เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอรู้แล้วใช่มั้ยว่าพ่อเธอทำอะไร” เสียงของชายหนุ่มสะท้อนความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดจนเมริสานึกแปลกใจ
เขาถูกเธอเกลียดเข้าแล้วจริง ๆ ก่อนหน้านี้เธอเคยพูดใส่หน้าเขาบ่อย ๆ ว่าเธอเกลียดเขา แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน เธอสามารถทำลายเขาได้เพียงแค่บอกพ่อเธอ แต่เธอไม่ทำ แบบไหนมันเจ็บกว่ากันนะ แน่นอนว่าคำว่าเกลียดมันบาดลึกในใจเขาเหลือเกินปัง!หลิวเจี้ยนตบโต๊ะเสียงดัง“บอกฉันมาซิว่านี่มันเกิดเรื่องห่าอะไรขึ้น นายปล่อยให้ยัยเหมยไปกับผู้ชายได้ยังไง นี่ฉันจะจ้างนายไปทำไม ฉันสั่งไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่ายัยเหมยต้องบริสุทธิ์!”“คุณหนูโกหกครับ”สายตาเซียวเฟิงจ้องอยู่ที่ประตู หากไม่ติดที่หลิวเจี้ยนกำลังระเบิดโทสะอยู่เขาจะต้องรีบตามเมริสาไป เธอสามารถบอกได้ว่าเสียความบริสุทธิ์ให้เขา แต่เธอไม่ การให้ความหวังเขาแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย แต่ถ้าหลิวเจี้ยนกดดันเธอหนักเข้า เธออาจจะพูดออกไป“โกหก?”“ครับ เพราะผมไม่เคยปล่อยให้คุณหนูคลาดสายตา และทุกครั้งที่ประตูคอนโดปิดหรือเปิดผมจะไ
“นี่มันเรื่องอะไรกันเหมย” หลิวเจี้ยนลุกขึ้น เดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหาเมริสา“อย่าเข้ามาค่ะ” เมริสาก้าวถอยหลังด้วยความรู้สึกรังเกียจและรับไม่ได้กับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ เธอสังเกตเห็นเซียวเฟิงที่ในมือถือแก้วบรรจุน้ำสีอำพันอยู่ ทำให้นึกสงสัยว่าพวกเขากำลังสังสรรค์อะไรกันอยู่ เธอหันหน้าไปทางชายหนุ่ม “นายรู้เรื่องนี้และมีส่วนร่วมด้วยใช่มั้ย”ใบหน้าหล่อของเซียวเฟิงถอดสี “เรื่องอะไรครับ ผมไม่...”“ไม่ต้องพูด ฉันไม่อยากฟังคำโกหกอีก” เธอหันกลับไปทางหลิวเจี้ยน “พ่อทำแบบนี้ได้ยังไง โกหกเหมยมาตลอดตั้งแต่ต้น”“เมื่อกี้นายบอกว่ายัยเหมยจะเสียความรู้สึกใช่ไหม” หลิวเจี้ยนเลิกคิ้วมองเซียวเฟิง“อ้อ นี่กำลังพูดถึงเหมยกันอยู่ใช่มั้ย กำลังวางแผนกันว่าจะจัดการกับเหมยอย่างไรถ้ารู้ความจริงว่าเงินของพ่อทั้งหมดนี้ได้มาจากอะไร” เมริสาทั้งผิดหวัง เสียใจและโมโหจนตัวสั่นบทความชิ้นที่สามที่ตี้หยางส่งมามีรายละเอียดทุกอย่างเ