บทที่ 20
ก็แค่คนเคยรู้จัก
ฉันออกมาจากบริษัทโดยไม่ได้บอกใครแม้แต่คนเดียว ตั้งใจจะบอกเดอะแก๊งเรื่องลาออก เมื่อไปพร้อมหน้ากันที่ร้านคาราโอเกะ อีกอย่างในตอนนั้นฉันก็ไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกับใครด้วยล่ะ กลัวว่าหากโดนซักถามหนักๆ จะปล่อยโฮออกมาน่ะสิ
ในระหว่างนั่งรถกลับฉันก็ส่งไลน์บอกที่มาร์คให้มารับที่บ้าน โดยให้เหตุผลว่ามีธุระต้องกลับมาก่อนเวลาเลิกงาน พี่มาร์คไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะปกติแล้วเขาไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิก นั่นคือข้อดีที่ทำให้ฉันสบายใจทุกครั้งที่อยู่กับเขา
แต่คนที่ฉันกลัวมากที่สุดในตอนนี้ก็คือแม่ ท่านคงจะด่าว่าฉันหนักมาก หากรู้ว่าลาออกจากที่นั่นแล้ว แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อฉันไม่มีความสุขเลย ที่ต้องทนเห็นหน้าเขาทุกวัน ผู้ชายที่เห็นฉันเป็นแค่ของเล่น เป็นแค่เมียบำเรอระบายความใครเท่านั้นเอง
หลังจากจ่ายเงินพี่วินแล้วฉันก็เดินเอื่อยๆ มาที่หน้าบ้าน หัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อเห็นแม่กำลังเตรียมของขายในช่วงเย็น
“หวัดดีจ้ะแม่” ฉันยกมือไหว้ยืนมองหน้าแม่อย่างรู้สึกผิด ฉันเลือกหนีปัญหาด้วยการลาออก แม่คงจะรู้สึก
บทที่ 21เลววันยังค่ำ“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะยัยดาว” พี่ต๋อยปรามฉันไว้ เพราะทั้งหมดยังไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ยังไม่มีใครรู้ว่าฉันได้ลาออกแล้ว“ทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะคะพี่ต๋อยก็หนูลาออกแล้ว” ฉันบอกกับทุกคนเต็มเสียง อีกอย่างก็เพื่อต้องการประกาศให้เขารู้ว่า ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต้องยอมศิโรราบให้เขาแล้ว“ลาออกแล้ว!” ทุกคนตะโกนขึ้นพร้อมกันเสียงดัง จ้องมองมาที่ฉัน ก่อนจะหันไปมองบอสอีกที“ใช่! อิงดาวเพิ่งจะลาออกเมื่อช่วงบ่ายนี้เอง” บอสเป็นฝ่ายตอบด้วยตัวเองพี่มาร์คหันมามองฉันเชิงตั้งคำถามไม่ต่างจากทุกคน แววตาแฝงไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ฉันได้แต่ยิ้มให้บีบมือแน่นๆ สื่อว่าไม่เป็นอะไร เพื่อทำให้เขาได้สบายใจ“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแกถึงได้ลาออกกะทันหันแบบนี้” พี่นุชเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงจริงจัง โดยไม่ลืมที่จะปรายตาไปมองเขาด้วยอีกคน เพราะที่นุชรู้ดีว่าทั้งหมดมันเกิดขึ้นมาจากบอส“หนูเบื่อค่ะพี่นุช หนูไม่อยากทำงานกับผู้ชายคนนี้แล้ว” ใจจริงฉันอยากจะบอกเหตุที่แท้จริงออกไป ให้ทุกคนได้รับรู้ถ
บทที่ 22จะทนได้สักกี่น้ำ“อิงดาวฉันขอร้อง ให้ฉันได้มีโอกาสทำดีกับเธอบ้างเถอะนะ ฉันสำนึกผิดแล้วว่าทำเลวเอาไว้แค่ไหนบ้าง”น้ำเสียงเขาสั่นจนฉันใจหวิว จึงตัดสินใจหันกลับไปมองอีกครั้ง เมื่อเห็นสิ่งที่เขากำลังทำ ฉันก็รู้สึกตกใจไม่น้อย เขากำลังนั่งคุกเข่าลงตรงหน้า ไม่น่าเชื่อว่าคนสูงส่งอย่างเขาจะกล้าทำถึงขนาดนี้“นี่ถึงขนาดลงทุนคุกเข่าเลยเหรอคะ ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ค่ะ เพราะฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงที่มีค่ามากมายขนาดนั้น ลุกขึ้นแล้วกลับไปสานสัมพันธ์ต่อกับคนของคุณเถอะ”“ที่ฉันคบกับหมิวเพราะต้องการประชดเธอยังไงล่ะ ฉันเห็นเธออยู่กับไอ้นั่นแล้วรู้สึกหงุดหงิด หึงหวงจนอยากจะซัดหน้าไอ้หมอนั่น ตอนที่เธออยู่ด้วยฉันก็เอาแต่ทำเพื่อความสะใจตัวเอง แต่พอจะเสียเธอไปจริงๆ มันก็ทำให้ฉันฉุกคิดได้ว่า...เธอสำคัญมากแค่ไหน”ประชดงั้นเหรอ? มันทำให้ฉันนึกถึงวันที่อยู่ในร้านอาหารอีสาน วันนั้นฉันก็ทำอย่างนั้นเพื่อประชดเขาเหมือนกัน หรือว่าเขาจะรักฉันจริงอย่างที่พูด แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร เขาทำตัวร้ายกาจใส่ฉันต่างๆ นานามันคืออะไ
บทที่ 23ง้อเช้าวันใหม่ที่สดใสของฉันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉันลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อช่วยแม่ทำกับข้าว เมื่อเสร็จแล้วก็นำถาดออกมาวางเรียงรายไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ก่อนจะนำถุงแกงที่เตรียมไว้ไปใส่บาตรเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย นี่เป็นการตกงานที่มีความสุขที่สุดในโลกเลยล่ะ หลังจากช่วยแม่จัดร้านเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ขอตัวขึ้นไปเติมหน้าสักหน่อย เผื่อว่าความสวยของฉันจะช่วยเรียกลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นได้ ฮ่าๆ ๆขณะสาวเท้าเดินขึ้นไปบนห้อง ก็สวนทางกับยัยน้องสาวตัวแสบ นางแต่งชุดนักเรียนลงมาจากห้องเตรียมพร้อมจะออกไปเรียน เมื่อเห็นฉันใส่ชุดไปรเวทก็ขมวดคิ้วจนเป็นปม มองราวกับสงสัยซะเต็มประดา“อ้าว! วันนี้พี่ไม่ไปทำงานเหรอ”“นี่แม่ยังไม่ได้บอกแกเหรอว่าฉันลาออกแล้ว”“ห๊ะ! ลาออกแล้ว ทำไมอ่ะ” อิงฟ้าทำหน้าตกใจอย่างหนักหน่วง เพราะก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยบ่นเรื่องงานให้ใครฟังเลย พอมันได้ยินก็ตกใจไม่ต่างจากแม่ในตอนแรก“เบื่อคน” ฉันตอบสั้นๆ“ใคร! เพื่อนที่ทำงานเหรอ”“ไม่ต้องรู้หรอกน่า รีบไปเรียนเถอะฉันจะขึ้นไปแต่งหน
บทที่ 24แขกผู้น่ารักวันต่อมาร้านขายข้าวแกงก็เข้าสู่ภาวะปกติเหมือนเช่นเคย ไม่มีหน้าม้าที่บอสจ้างมา ทำให้บรรยากาศการขายราบรื่นสบายๆ ไม่ต้องเร่งเหมือนเมื่อวาน ฉันเริ่มสนุกกับการเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงซะแล้วสิ แม้จะไม่ได้แต่งตัวอยู่ในห้องแอร์สวยๆ แต่ทว่ากลับรู้สึกมีความสุขทางใจมากมายเหลือเกิน ได้พบเจอพูดคุยกับคนคุ้นเคยในละแวกบ้าน ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้อยู่กับคนที่เรารักทุกวัน มันเป็นอะไรที่ฉันไม่เคยนึกว่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตนี้ช่วงเย็นหลังเลิกงานพี่มาร์คมาหาฉันที่บ้าน แม่จึงตั้งใจทำกับข้าวต้อนรับว่าที่ลูกเขยอย่างสุดฝีมือ ฉันจะเข้าไปช่วยในครัวแต่ก็ไม่ยอม ผลักไสให้ออกมานั่งคุยเป็นเพื่อนพี่มาร์คซะงั้นฉันยกถาดผลไม้พร้อมกับแก้วน้ำเย็น มาวางไว้กลางโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม ส่งยิ้มให้เขาเหมือนเช่นเคย พี่มาร์คนั่งเงียบราวกับมีเรื่องอัดอั้นในใจ เห็นอย่างนั้นฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ อยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คนอย่างเขากลัดกลุ้มได้“วันนี้ขายดีไหมครับ”“ก็ดีค่ะ...ปกติแล้วขายหมดทุกวันนั่นล่ะ
บทที่ 25หรือจะลองเสี่ยงทานมื้อเย็นจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ถึงเวลาที่ตองจะต้องกลับบ้าน ฉันกับอิงฟ้าเดินออกมาส่งแขกที่หน้าบ้าน ส่วนแม่ก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน“จะกลับยังไงล่ะตอง” เห็นว่าค่ำมืดแล้วฉันก็นึกเป็นห่วง เพราะตองเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารัก แถมยังเป็นลูกคุณหนูอีกด้วย เกรงว่าหากกลับคนเดียวจะเป็นอันตราย“อ๋อ...ตองให้รถที่บ้านมารับค่ะน่าจะใกล้มาถึงแล้วล่ะ”“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่รอเป็นเพื่อนนะ”“ขอบคุณค่ะพี่ดาว” ตองส่งยิ้มให้ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเพื่อนรัก “แกฉันขอคุยกับพี่ดาวเป็นการส่วนตัวหน่อยสิ” ตองยักคิ้วให้เพื่อนเหมือนรู้กัน“โอเคๆ งั้นฉันเข้าบ้านก่อนนะไว้เจอกันพรุ่งนี้”“บาย”ฉันเดาว่าเรื่องที่ตองอยากจะคุยด้วยคงไม่พ้นเรื่องของบอสนั่นล่ะ ดีไม่ดีคงได้รับคำสั่งมาจากพี่ชาย ให้มาเจรจากับฉันเป็นแน่“ตองมีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ”“เฮียเล่าเรื่องทั้งหมดให้ตองฟังแล้ว ตองเลยอยาก....”นั่นไงคิดเอาไว้ไม่มีผิด...“เปลี่ยนเรื่องได้ไหมพี่ไม่อยากเอ่ยถึงเขาอีกแล้ว”
บทที่ 26ออกเดตฉันนอนคิดไตร่ตรองมาตลอดทั้งคืน จนได้ข้อสรุปว่าจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง แม้จะยังโกรธอยู่ไม่น้อย แต่พอมาคิดดูแล้วทุกอย่างมันก็มีที่มาที่ไป เขาไม่ได้ร้ายกาจโดยเนื้อแท้ แต่เป็นเพราะเคยโดนหักหลังมาก่อนทำให้มีอคติกับผู้หญิง แถมฉันยังไปทำพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้หญิงแบบที่เขาเกลียดอีกด้วยก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“พี่ดาวเปิดประตูให้ฉันหน่อย”กำลังแต่งหน้าอยู่ดีๆ ยัยน้องสาวตัวแสบก็มาเคาะประตูห้อง จะทำอย่างไรดีเนี่ย หากเข้ามาเห็นสภาพฉันในตอนนี้คงจะสงสัยเป็นแน่ เพราะตอนนี้ฉันสวมชุดไปรเวทเตรียมพร้อมออกไปเที่ยวข้างนอก“แกมีอะไร” ฉันตะโกนส่งเสียงออกไปแต่ยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้“ฉันมีอะไรจะพูดด้วย ขอเข้าไปหน่อยดิ”“เอาไว้วันหลังละกัน ตอนนี้ฉันง่วงมากจะนอนแล้ว”“ง่วงอะไรแต่หัวค่ำอย่างนี้ อย่ามาโกหกหน่อยเลยน่า”“ก็บอกว่าง่วงไงยะไม่เข้าใจเหรอ” ยัยน้องสาวบ้า ทำไมถึงได้ดื้อด้านอย่างนี้ ไปซึมซับเอานิสัยคุณติณณภพมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย“พี่ทำอะไรอยู่กันแน่ ฉันชักจะเริ่มสงสัยซะแล้ว
บทที่ 27ฉันรักเธอนะนี่สินะเหตุผลที่แม่เด็กกระเตงลูกสาวมาด้วย เพราะเจ้าหนูคนนี้ช่างพูดช่างเจรจา สามารถเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว“อ้อนเก่งจังเลยนะเรา” เขาเอื้อมมือไปลูบกลางกระหม่อมเด็กหญิงอย่างเอ็นดู จากนั้นก็หันไปเอ่ยแม่ของเด็กต่อ “งั้นผมขอเหมาหมดเลยนะครับ ทอดแค่สิบไม้นอกนั้นห่อใส่ถุงนะครับ”“ขอบคุณมากๆ นะคะ มาทีไรก็เหมาอย่างนี้ทุกครั้งเลยใจดีสุดๆ”เห็นอย่างนั้นฉันก็อดยิ้มไม่ได้ อาจเป็นเพราะไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน ทำให้รู้สึกว่าเขาก็มีความอ่อนโยนอยู่เหมือนกัน แค่ไม่เคยทำอย่างนั้นกับฉันเท่านั้นเอง“วันนี้พี่ติณณ์พาแฟนมาด้วยเหรอคะ” เด็กน้อยถามพลางจ้องมองมาที่ฉันตาแป๋ว“ไม่ใช่หรอกจ้ะพี่เป็นแค่คนรู้จัก” ฉันตอบโดยพยายามไม่มองหน้าเขา“จริงเหรอคะพี่ติณณ์”“อืม...พี่ไม่กล้าตอบอ่ะเพราะพี่ไม่ได้คิดอย่างนั้น” เขาเอ่ยออกมาตรงๆ ทำเอาฉันหน้าร้อนขึ้นมาทันที รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเด็กหญิงคนนั้น“แล้วพี่คิดยังไงล่ะคะ” เด็กน้อยถามเขาต่อ“
บทที่ 28พี่ชายการออกเดตในคืนนั้นทำให้คำตอบในใจฉันชัดเจนขึ้น ต้องขอบคุณพี่มาร์คที่ให้ฉันได้มีโอกาสทบทวนตัวเองอีกครั้ง จนได้พูดคุยและปรับความเข้าใจกับบอสจนได้เรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟในศูนย์การค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งรอพี่มาร์ค ก็มีสายใครบางคนโทรเข้ามา เมื่อดูหน้าจอมือถือฉันก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา คงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ...“ว่าไงคะ”(ทำอะไรอยู่ครับคนสวย)“เอ่อ...ฉันมาทำธุระข้างนอกค่ะ”(ธุระอะไร? มากับใคร? ตอนนี้อยู่ที่ไหน?)“ธุระส่วนตัวค่ะ มาคนเดียวที่ห้างแถวบ้านนี่ล่ะ” ถามซะขนาดนี้มาหาเลยดีไหมคะ(ฉันกำลังจะออกจากบริษัทพอดีเลยเดี๋ยวแวะไปหานะ จะได้ขับรถไปส่งที่บ้านด้วย)“ไม่ต้องมาหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้และอีกอย่างคุณไม่กลัวแม่จะด่ารึไงกัน”(มาถึงขั้นนี้แล้วจะกลัวทำไมล่ะ ถึงตายฉันก็ยอม...เพื่อเธอ)“ถ้างั้นก็...มารอที่หน้าห้างนะคะ เสร็จธุระแล้วฉันจะโทรหา”(ว่าแต่เธอมาทำธุระอะไรยังไม่ตอบเลยนะ)“วันนี้ฉันนัดกับพี่มาร์คไว้ค่ะ” ฉันตอบตามความจริง
บทที่ 31อวสานแม้ว่าแก๊งสาวโสดแผนกบัญชี จะเคยมาเยี่ยมเยียนที่บ้านหลายต่อหลายครั้ง ทว่ากลับไม่เคยบอกเรื่องที่ฉันคืนดีกับบอสแล้ว วันนี้จึงตั้งใจจะเข้าไปบริษัทพร้อมกับเขา เปิดตัวในฐานะแฟนอย่างเป็นทางการ ไม่ได้อยากจะโอ้อวดแต่อยากจะเซอร์ไพรซ์คนที่เคยนินทาและดูถูก และที่สำคัญอยากจะเห็นหน้าหมิว ตอนที่นางเห็นฉันเดินควงคู่มากับบอส คิดแล้วก็รู้สึกสะใจบอสมารับฉันที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะใส่บาตรด้วยกัน แล้วช่วยแม่ขายของอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงออกมาจากบ้านพร้อมกันเมื่อรถจอดสนิทในลานจอดรถของบริษัท ฉันก็หันไปยิ้มให้เขา อีกฝ่ายยิ้มตอบเอื้อมมาจับมือฉันไว้“ไม่คิดอยากจะกลับมาทำงานเหรอ”“จะให้ฉันกลับมาทำในตำแหน่งอะไรล่ะคะ”“ก็...เลขาส่วนตัวฉันไง”“ไม่เอาฉันไม่อยากไปแย่งตำแหน่งใครมาอีกแล้ว ฉันขอเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ที่บ้านดีกว่า หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจแม่ค้าจนๆ อย่างฉันนะคะ”“ใครจะไปรังเกียจเมียตัวเองได้ลงคอล่ะครับ” ว่าแล้วเขาก็โน้มใบหน้ามาใกล้ หมายใจจะหอมแก้มแต่ทว่าฉันรีบเอื้อมมือไ
บทที่ 30คุณบอสสุดที่รักวันนี้เป็นวันหยุดบอสจึงมาช่วยขายข้าวแกงตั้งแต่เช้าตรู่ ตั้งใจทำคะแนนพิชิตใจแม่ เอาใจท่านราวกับเจ้าหญิงก็ไม่ปานหลังจากการขายของในช่วงเช้าผ่านไปแล้ว ก็ถึงเวลาพักผ่อนของแม่ค้าอย่างเราๆ ตอนนี้ฉันกับแม่นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน ส่วนอิงฟ้าออกไปเที่ยวกับเพื่อนข้างนอก“เจ้านายแกกลับไปแล้วเหรอ ฉันว่าแล้วอยู่ได้ไม่นานหรอก” แม่เอ่ยพลางกวาดสายตามองไปรอบบ้าน แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของแขกผู้มาเยือน“เปล่านะแม่ เห็นบอกว่าจะไปเอาอะไรที่รถน่ะ”“อ้าวเหรอ…ฉันก็นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก” แม่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจหน้าจอทีวีต่อหลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรก็เดินเข้ามา ในมือเขามีถุงอะไรบางอย่างมาด้วย เห็นอย่างนั้นฉันก็มองหน้าเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเชิงถามว่ามันคืออะไร อีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มแล้วเดินนำมาวางไว้บนโต๊ะกระจกกลางวงโซฟา“อะไรเหรอคุณ?”“ฉันซื้อของมาฝากคุณแม่น่ะ” เขาตอบก่อนจะหันไปเอ่ยกับแม่ต่อทันที “คุณแม่ครับผมซื้อของมาฝาก”แม่ค่อ
บทที่ 29เขาคือคนที่ใช่ที่สุดแล้วหลังจากแยกทางกับพี่มาร์คแล้ว ฉันก็เดินออกมาหาบอสที่หน้าห้างตามสัญญา เมื่อมาถึงฉันก็ยืนอยู่ลานหน้าห้าง มองไปรอบตัวเพื่อหาเขาคนนั้น คนไม่เยอะแต่กลับหาไม่เจอแม้แต่เงาหมับ!รู้สึกตัวอีกทีก็มีใครบางคนมาสวมกอดจากด้านหลัง ด้วยความตกใจจึงพยายามดิ้น และแกะมือหนานั้นออกทันที“ปล่อยนะไอ้โรคจิต!”“อ้าว! เธอมีแฟนเป็นคนโรคจิตงั้นเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยข้างใบหูทำให้ฉันหยุดชะงัก แล้วยืนนิ่งทันที“บอส!!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ คนมองกันใหญ่แล้วนั่น” ใครจะไม่อายล่ะในเมื่อตอนนี้ฉันยืนอยู่ตรงกลางลานเลยล่ะฟอดด!!!“ไม่แกล้งแล้วครับ ต่อไปนี้จะตามใจเมียทุกอย่าง” ก่อนจะคลายอ้อมแขนเขาก็ไม่ลืมหาเศษหาเลย โดยการหอมแก้มฟอดใหญ่ฉันพลิกตัวหันไปมองหน้าเขาหลังจากนั้น ก่อนจะยู่หน้าใส่อย่างเอาเรื่อง“ใครเป็นเมียคุณไม่ทราบ!”“ก็เธอไงล่ะ”“เอาใหญ่แล้วนะเรา” ทำไมฉันจะต้องยิ้มเขินด้วยนะ ทำไมฉันจะต้องหลบตาเขา เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกตัวเองได้เล
บทที่ 28พี่ชายการออกเดตในคืนนั้นทำให้คำตอบในใจฉันชัดเจนขึ้น ต้องขอบคุณพี่มาร์คที่ให้ฉันได้มีโอกาสทบทวนตัวเองอีกครั้ง จนได้พูดคุยและปรับความเข้าใจกับบอสจนได้เรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟในศูนย์การค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ระหว่างนั่งรอพี่มาร์ค ก็มีสายใครบางคนโทรเข้ามา เมื่อดูหน้าจอมือถือฉันก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา คงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกค่ะ...“ว่าไงคะ”(ทำอะไรอยู่ครับคนสวย)“เอ่อ...ฉันมาทำธุระข้างนอกค่ะ”(ธุระอะไร? มากับใคร? ตอนนี้อยู่ที่ไหน?)“ธุระส่วนตัวค่ะ มาคนเดียวที่ห้างแถวบ้านนี่ล่ะ” ถามซะขนาดนี้มาหาเลยดีไหมคะ(ฉันกำลังจะออกจากบริษัทพอดีเลยเดี๋ยวแวะไปหานะ จะได้ขับรถไปส่งที่บ้านด้วย)“ไม่ต้องมาหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้และอีกอย่างคุณไม่กลัวแม่จะด่ารึไงกัน”(มาถึงขั้นนี้แล้วจะกลัวทำไมล่ะ ถึงตายฉันก็ยอม...เพื่อเธอ)“ถ้างั้นก็...มารอที่หน้าห้างนะคะ เสร็จธุระแล้วฉันจะโทรหา”(ว่าแต่เธอมาทำธุระอะไรยังไม่ตอบเลยนะ)“วันนี้ฉันนัดกับพี่มาร์คไว้ค่ะ” ฉันตอบตามความจริง
บทที่ 27ฉันรักเธอนะนี่สินะเหตุผลที่แม่เด็กกระเตงลูกสาวมาด้วย เพราะเจ้าหนูคนนี้ช่างพูดช่างเจรจา สามารถเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว“อ้อนเก่งจังเลยนะเรา” เขาเอื้อมมือไปลูบกลางกระหม่อมเด็กหญิงอย่างเอ็นดู จากนั้นก็หันไปเอ่ยแม่ของเด็กต่อ “งั้นผมขอเหมาหมดเลยนะครับ ทอดแค่สิบไม้นอกนั้นห่อใส่ถุงนะครับ”“ขอบคุณมากๆ นะคะ มาทีไรก็เหมาอย่างนี้ทุกครั้งเลยใจดีสุดๆ”เห็นอย่างนั้นฉันก็อดยิ้มไม่ได้ อาจเป็นเพราะไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อน ทำให้รู้สึกว่าเขาก็มีความอ่อนโยนอยู่เหมือนกัน แค่ไม่เคยทำอย่างนั้นกับฉันเท่านั้นเอง“วันนี้พี่ติณณ์พาแฟนมาด้วยเหรอคะ” เด็กน้อยถามพลางจ้องมองมาที่ฉันตาแป๋ว“ไม่ใช่หรอกจ้ะพี่เป็นแค่คนรู้จัก” ฉันตอบโดยพยายามไม่มองหน้าเขา“จริงเหรอคะพี่ติณณ์”“อืม...พี่ไม่กล้าตอบอ่ะเพราะพี่ไม่ได้คิดอย่างนั้น” เขาเอ่ยออกมาตรงๆ ทำเอาฉันหน้าร้อนขึ้นมาทันที รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเด็กหญิงคนนั้น“แล้วพี่คิดยังไงล่ะคะ” เด็กน้อยถามเขาต่อ“
บทที่ 26ออกเดตฉันนอนคิดไตร่ตรองมาตลอดทั้งคืน จนได้ข้อสรุปว่าจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง แม้จะยังโกรธอยู่ไม่น้อย แต่พอมาคิดดูแล้วทุกอย่างมันก็มีที่มาที่ไป เขาไม่ได้ร้ายกาจโดยเนื้อแท้ แต่เป็นเพราะเคยโดนหักหลังมาก่อนทำให้มีอคติกับผู้หญิง แถมฉันยังไปทำพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้หญิงแบบที่เขาเกลียดอีกด้วยก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“พี่ดาวเปิดประตูให้ฉันหน่อย”กำลังแต่งหน้าอยู่ดีๆ ยัยน้องสาวตัวแสบก็มาเคาะประตูห้อง จะทำอย่างไรดีเนี่ย หากเข้ามาเห็นสภาพฉันในตอนนี้คงจะสงสัยเป็นแน่ เพราะตอนนี้ฉันสวมชุดไปรเวทเตรียมพร้อมออกไปเที่ยวข้างนอก“แกมีอะไร” ฉันตะโกนส่งเสียงออกไปแต่ยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้“ฉันมีอะไรจะพูดด้วย ขอเข้าไปหน่อยดิ”“เอาไว้วันหลังละกัน ตอนนี้ฉันง่วงมากจะนอนแล้ว”“ง่วงอะไรแต่หัวค่ำอย่างนี้ อย่ามาโกหกหน่อยเลยน่า”“ก็บอกว่าง่วงไงยะไม่เข้าใจเหรอ” ยัยน้องสาวบ้า ทำไมถึงได้ดื้อด้านอย่างนี้ ไปซึมซับเอานิสัยคุณติณณภพมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย“พี่ทำอะไรอยู่กันแน่ ฉันชักจะเริ่มสงสัยซะแล้ว
บทที่ 25หรือจะลองเสี่ยงทานมื้อเย็นจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ถึงเวลาที่ตองจะต้องกลับบ้าน ฉันกับอิงฟ้าเดินออกมาส่งแขกที่หน้าบ้าน ส่วนแม่ก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน“จะกลับยังไงล่ะตอง” เห็นว่าค่ำมืดแล้วฉันก็นึกเป็นห่วง เพราะตองเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารัก แถมยังเป็นลูกคุณหนูอีกด้วย เกรงว่าหากกลับคนเดียวจะเป็นอันตราย“อ๋อ...ตองให้รถที่บ้านมารับค่ะน่าจะใกล้มาถึงแล้วล่ะ”“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่รอเป็นเพื่อนนะ”“ขอบคุณค่ะพี่ดาว” ตองส่งยิ้มให้ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเพื่อนรัก “แกฉันขอคุยกับพี่ดาวเป็นการส่วนตัวหน่อยสิ” ตองยักคิ้วให้เพื่อนเหมือนรู้กัน“โอเคๆ งั้นฉันเข้าบ้านก่อนนะไว้เจอกันพรุ่งนี้”“บาย”ฉันเดาว่าเรื่องที่ตองอยากจะคุยด้วยคงไม่พ้นเรื่องของบอสนั่นล่ะ ดีไม่ดีคงได้รับคำสั่งมาจากพี่ชาย ให้มาเจรจากับฉันเป็นแน่“ตองมีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ”“เฮียเล่าเรื่องทั้งหมดให้ตองฟังแล้ว ตองเลยอยาก....”นั่นไงคิดเอาไว้ไม่มีผิด...“เปลี่ยนเรื่องได้ไหมพี่ไม่อยากเอ่ยถึงเขาอีกแล้ว”
บทที่ 24แขกผู้น่ารักวันต่อมาร้านขายข้าวแกงก็เข้าสู่ภาวะปกติเหมือนเช่นเคย ไม่มีหน้าม้าที่บอสจ้างมา ทำให้บรรยากาศการขายราบรื่นสบายๆ ไม่ต้องเร่งเหมือนเมื่อวาน ฉันเริ่มสนุกกับการเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงซะแล้วสิ แม้จะไม่ได้แต่งตัวอยู่ในห้องแอร์สวยๆ แต่ทว่ากลับรู้สึกมีความสุขทางใจมากมายเหลือเกิน ได้พบเจอพูดคุยกับคนคุ้นเคยในละแวกบ้าน ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้อยู่กับคนที่เรารักทุกวัน มันเป็นอะไรที่ฉันไม่เคยนึกว่าจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตนี้ช่วงเย็นหลังเลิกงานพี่มาร์คมาหาฉันที่บ้าน แม่จึงตั้งใจทำกับข้าวต้อนรับว่าที่ลูกเขยอย่างสุดฝีมือ ฉันจะเข้าไปช่วยในครัวแต่ก็ไม่ยอม ผลักไสให้ออกมานั่งคุยเป็นเพื่อนพี่มาร์คซะงั้นฉันยกถาดผลไม้พร้อมกับแก้วน้ำเย็น มาวางไว้กลางโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม ส่งยิ้มให้เขาเหมือนเช่นเคย พี่มาร์คนั่งเงียบราวกับมีเรื่องอัดอั้นในใจ เห็นอย่างนั้นฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ อยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คนอย่างเขากลัดกลุ้มได้“วันนี้ขายดีไหมครับ”“ก็ดีค่ะ...ปกติแล้วขายหมดทุกวันนั่นล่ะ
บทที่ 23ง้อเช้าวันใหม่ที่สดใสของฉันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉันลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อช่วยแม่ทำกับข้าว เมื่อเสร็จแล้วก็นำถาดออกมาวางเรียงรายไว้บนโต๊ะหน้าบ้าน ก่อนจะนำถุงแกงที่เตรียมไว้ไปใส่บาตรเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย นี่เป็นการตกงานที่มีความสุขที่สุดในโลกเลยล่ะ หลังจากช่วยแม่จัดร้านเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ขอตัวขึ้นไปเติมหน้าสักหน่อย เผื่อว่าความสวยของฉันจะช่วยเรียกลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นได้ ฮ่าๆ ๆขณะสาวเท้าเดินขึ้นไปบนห้อง ก็สวนทางกับยัยน้องสาวตัวแสบ นางแต่งชุดนักเรียนลงมาจากห้องเตรียมพร้อมจะออกไปเรียน เมื่อเห็นฉันใส่ชุดไปรเวทก็ขมวดคิ้วจนเป็นปม มองราวกับสงสัยซะเต็มประดา“อ้าว! วันนี้พี่ไม่ไปทำงานเหรอ”“นี่แม่ยังไม่ได้บอกแกเหรอว่าฉันลาออกแล้ว”“ห๊ะ! ลาออกแล้ว ทำไมอ่ะ” อิงฟ้าทำหน้าตกใจอย่างหนักหน่วง เพราะก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยบ่นเรื่องงานให้ใครฟังเลย พอมันได้ยินก็ตกใจไม่ต่างจากแม่ในตอนแรก“เบื่อคน” ฉันตอบสั้นๆ“ใคร! เพื่อนที่ทำงานเหรอ”“ไม่ต้องรู้หรอกน่า รีบไปเรียนเถอะฉันจะขึ้นไปแต่งหน