เย่ซื่อเจียงสอนการต่อสู้ให้เย่หมิงและคนอื่น ๆ เย่หรงเองก็อยากเรียนเช่นกัน แต่เย่ซื่อเจียงบอกว่าเขาไร้ซึ่งพรสวรรค์ และไล่เขาออกจากหอฝึกยุทธ์เมื่อลูก ๆ ของตระกูลเย่ไปหออักษรเขาก็ตามไปด้วย แต่ก็ไปได้มิกี่วัน เนื่องจากเขามาสายกลับเร็ว และทะเลาะวิวาทในหออักษรจึงถูกครูไล่ออกใครจะสนใจความจริงในเรื่องนี้เล่า?เขามาสายเพราะถูกคนรับใช้ใส่หมาฝู่ส่านลงในน้ำ จึงหลับเกินเวลาและที่กลับเร็วก็เพราะว่าเย่ซวินใส่ยาระบายลงในอาหารของเขา ทำให้เขาขับถ่ายรดกางเกงส่วนการทะเลาะวิวาทที่ว่าก็เพราะเย่ซวินตัดผมของเขา เขาโกรธมากจึงทะเลาะกับเย่ซวิน!และเพราะไม่มีใครปกป้องท่านแม่ของตน ความอยุติธรรมที่เขาต้องทนทุกข์เหล่านี้จึงไม่มีใครตัดสินให้เขาลูกชายที่มิเอาไหนของตระกูลเย่จึงถูกตัดสินเช่นนี้!เมื่อผู้คนเอ่ยถึงเขา ก็ล้วนเป็นน้ำเสียงดูถูกว่าเขาเป็นลูกชายที่เกเรของตระกูลเย่!ในครอบครัวนี้ นอกจากท่านอาสามที่จริงใจต่อเย่หรงแล้ว คนอื่น ๆ มีใครบ้างที่สนใจเขา?ความโกรธที่สะสมมานานของเย่หรง ก่อนหน้านี้ไม่มีเป้าหมายใดและเพียงแต่ใช้ชีวิตไปวัน ๆทว่ายามนี้เขามีแผนการที่สามารถช่วยท่านแม่ออกมาได้แล้ว อีกทั้งยังได้พ
เย่หมิงเห็นดวงตาสีแดงของเย่หรงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ยังมิทันที่จะได้โต้ตอบออกไป เย่หรงก็กระโจนเข้ามากอดเอวเขาไว้แล้วดันเขาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว“ลงมือสิ ลงมือเสียตรงนี้ หากวันนี้พวกเจ้ามิสังหารข้า พวกเจ้าก็คือไอ้ลูกหมา!”เย่หรงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ จากนั้นก็คว้าสายคาดเอวของเย่หมิงแล้วยกเขาขึ้นมาเนื่องจากเย่หมิงก็คือคนที่เย่ซื่อเจียงสอนมาด้วยตนเอง เขาจึงพลิกตัวกลางอากาศ เมื่อหลุดจากมือของเย่หรงแล้ว เขาก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่หน้าอกของเย่หรงกร็อบ!เมื่อเย่หรงได้ยินเสียงซี่โครงหน้าอกของตนหัก เขาก็กัดริมฝีปากล่างแน่น แล้วกลืนเลือดที่จุกอยู่ที่ลำคอกลับไปยังมิทันที่เย่หมิงจะลงสู่พื้น เย่หรงก็ฟาดฝ่ามือโจมตีเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างรุนแรงตาต่อตา ฟันต่อฟัน เย่หรงก็แค่อยากใช้วิธีที่เย่หมิงทำกับตนทำกับเขาบ้าง!เพียงแต่ฝ่ามือของเย่หรงยังโจมตีไปมิถึงตัวของเย่หมิง เขาก็ได้ยินเสียงตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวดังก้องมา “เจ้าเดรัจฉาน เจ้าคิดว่าบ้านตระกูลเย่เป็นสถานที่ที่เจ้าจะอาละวาดได้หรือ? ยังมิหยุดอีก!”เย่ซื่อเจียง!เย่หรงมิสามารถหยุดมือได้ กระแสพลังฝ่ามือจึงนำพาความโกรธโจมตีไปทางเย่หมิงแต
“ท่านผู้นำตระกูลเย่ อย่านะเจ้าคะ!”หยางหงหนิงได้ยินเช่นนั้นก็ตะโกนขึ้นมาทันที “เย่หรงทำกระไรผิดท่านลงโทษเขาก็พอแล้ว อย่าไล่เขาออกจากตระกูลเย่เลยนะเจ้าคะ!”“พี่หรง ท่านยอมรับผิดต่อหน้าท่านพ่อสิ แล้วก็ขอโทษ…”เย่หรงจ้องมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ แล้วตะคอกตัดบทนางอย่างโกรธเคือง “ข้ามิได้ผิด อย่าว่าแต่เขาจะตัดชื่อข้าออกจากตระกูลเย่เลย ต่อให้จะสังหารข้า ข้าก็มิขอโทษ… แค่ก…”ทันทีที่เขาโกรธก็กระอักเลือดไหลลงมาตามมุมปากจนย้อมเสื้อตรงอกเป็นสีแดงฉานหลิงอวี๋ด่าทอออกมาด้วยความโกรธ “หุบปากไปเสีย คนอื่นมิสนใจเจ้า แล้วเจ้ายังจะมิสนใจร่างกายของตนเองอีกหรือ?”“ใจเย็น ๆ วันนี้มีเรื่องสำคัญ มิคุ้มที่จะเอาชีวิตตนเองไปเสี่ยงหรอก!”หลิงอวี๋หยิบผ้าออกมาแล้วเช็ดเลือดที่มุมปากให้เย่หรง จากนั้นนางก็เอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น “ก็แค่ออกจากตระกูลเย่มิใช่หรือ? มิต้องกังวล แม้ว่าจะไม่มีตระกูลเย่ ก็ยังมีพี่หญิงที่ยังรับเจ้าอยู่!”“ในภายภาคหน้ามิว่าจะไปที่ใด พี่หญิงก็จะอยู่กับเจ้าเสมอ!”พี่หญิงหลิงหลิง!ดวงตาของเย่หรงมีน้ำตาคลอขึ้นมาทันทีนี่ต่างหากที่เป็นครอบครัว!มิว่าเขาจะถูกหรือผิดก็ยืนอยู่เคียงข้างเขาเส
“นี่มันเรื่องวุ่นวายกระไร? มิใช่ปีใหม่มิใช่เทศกาล แล้วจะเปิดหอบรรพบุรุษหาปะไร!”ท่านผู้เฒ่าเย่ขวางทางทุกคนไว้ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเย่ซื่อเจียงยังมิทันได้พูดอะไร เย่หมิงก็รีบร้อนตะโกนขึ้นมาเสียก่อน “ท่านปู่ เย่หรงใช้กริชแทงเย่ซวิน ทั้งยังคิดจะสังหารข้าด้วย ท่านพ่อของข้าไม่มีทางเลือกจึงจะเปิดหอบรรพบุรุษเพื่อเอาชื่อเขาออกขอรับ!”เย่ซื่อเจียงก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้ม “เย่หมิงพูดมิผิด ปกติแล้วเดรัจฉานผู้นี้ก่อเรื่องก็ช่างไป แต่วันนี้กับพี่น้องของตนก็ยังกล้าใช้กริชทำร้าย!”“ตระกูลเย่ของเราไม่มีเดรัจฉานที่ทำร้ายพี่น้องเช่นนี้ วันนี้ข้าจะเปิดหอบรรพบุรุษแล้วตัดชื่อเขาออกจากตระกูลเย่เสีย!”ท่านผู้เฒ่าเย่มองเย่หรงอย่างสงสัย แล้วเอ่ยออกไปด้วยเสียงขรึม “เย่หรง สิ่งที่พี่ใหญ่และท่านพ่อของเจ้าพูดเป็นความจริงหรือไม่?”เย่หรงยกมุมปากขึ้น แล้วมองด้วยท่าทีมิแยแส “จริงแล้วอย่างไร เท็จแล้วอย่างไร?”“ท่านปู่ ท่านมิรู้สึกหรือว่าท่านถามคำถามนี้มานับครั้งมิถ้วนแล้ว? แล้วผลลัพธ์เล่า?”“ผลลัพธ์ก็คือ… มิว่าจะเป็นความผิดของข้าหรือไม่ คนที่ถูกบังคับให้ยอมรับผิดก็ล้วนเป็นข้าทุกทีไป!”“เหอะ ๆ ถึงอย่างไรคนในตระ
เย่จูก็เอ่ยขึ้นมาด้วยใบหน้ารังเกียจเช่นกัน “เย่หรง เจ้านี่นับวันก็ยิ่งใช้มิได้จริง ๆ ปกติมิทำงานแล้วไปก่อเรื่องอยู่ข้างนอกก็ยังมิเท่าไร บัดนี้ถึงกับมาทะเลาะวิวาทในบ้านเชียว!”“กล้าใช้กริชทำร้ายพี่ใหญ่กับพี่สามอีก หากให้เจ้าก่อเรื่องต่อไปเช่นนี้ เจ้าก็คงกล้าสังหารท่านพ่อเป็นแน่!”“ท่านปู่ คนเช่นนี้มิคู่ควรที่จะเป็นคนในตระกูลเย่ของเรานะเจ้าคะ ท่านยอมให้ท่านพ่อเปิดหอบรรพบุรุษแล้วไล่เขาออกไปเถิดเจ้าค่ะ!”เย่จูวิ่งไปตรงหน้าท่านผู้เฒ่าเย่แล้วเขย่าของท่านผู้เฒ่าเย่อย่างออดอ้อนหยางหงหนิงมองเย่หรงแล้วรีบเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว “ท่านผู้เฒ่า ข้าเชื่อว่าเย่หรงมิใช่คนเช่นนั้นเจ้าค่ะ เขาคงจะอารมณ์มิดี จึงได้หุนหันพลันแล่นไปสักหน่อย!”“ขอร้องท่านผู้เฒ่าให้โอกาสเขาสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงได้อย่างแน่นอน!”เย่จูเอ่ยขึ้นมาอย่างดูถูก “พี่หญิงหงหนิง จนถึงตอนนี้แล้วเหตุใดท่านยังพูดเพื่อเขาอยู่อีกเล่า? ข้ามิเข้าใจท่านเลยจริง ๆ ท่านดูเอาเถิดว่าเขามีดีตรงที่ใดกัน มิทำงานทำการ ทั้งยังขัดคำสั่งและอกตัญญูอีก คนเช่นนี้ท่านแต่งงานกับเขาไปก็ไม่มีความสุขหรอก!”“หากออกจากตระกูลเย่ไป แม้แต่ตนเองก็
เย่หรงเปลี่ยนน้ำเสียง จากนั้นก็ยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา “เย่หมิง ท่านพ่อฝึกฝนท่านให้เป็นผู้นำตระกูลเย่ในภายภาคหน้า ท่านปู่และคนอื่น ๆ ก็ล้วนฝากความหวังไว้ที่ตัวท่าน!”“แต่เจ้าลองถามตัวท่านเองดูเถิดว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นคู่ควรกับพวกเขาหรือไม่?”“เย่ซวินและคนอื่น ๆ รังแกข้า ท่านในฐานะพี่ชายคนโต ทุกครั้งก็ล้วนมิถามให้รู้ถูกผิด แล้วบอกว่าเป็นความผิดของข้า!”“เย่ซวินถูกคนหลอก ซื้อเครื่องสมุนไพรปลอมมา เจ้าบอกว่าข้าเงินขาดมือจึงจงใจเปลี่ยนเครื่องยาสมุนไพร!”“เย่จูทำแท่นหมึกของท่านปู่แตก เจ้าก็มาหลอกข้าไป แล้วบอกว่าข้าเป็นคนทำแตก!”“เรื่องมากมายจนนับมิถ้วนเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรข้าเย่หรงก็เป็นลูกชายที่มิเอาไหนของตระกูลเย่ ข้าพูดสิ่งใดก็ล้วนเป็นการโต้แย้ง ข้าทำสิ่งใดก็ล้วนมิน่าแปลก!”“พวกเจ้าคิดใช่หรือไม่ว่า ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครในตระกูลเย่โปรดปรานข้าและไม่มีใครเชื่อข้าอยู่แล้ว ขอเพียงผลักมาให้ข้า ข้าก็คัดค้านอะไรมิได้อย่างนั้นสิ?”เย่ซวินตะโกนขึ้นมาอย่างมิมั่นใจ “เจ้าพูดไร้สาระอะไรกัน เห็น ๆ กันอยู่ว่าเจ้าขโมยเครื่องยาสมุนไพรไป ท่านปู่มิได้ถือสาหาความกับเจ้า เจ้ายังมีหน้ามาพูดเช่นนี้อีก!”เย่ห
เมื่อถูกหลิงอวี๋เตือน เย่หรงก็เล่าเรื่องที่ตนกลับมาถึงบ้านแล้วพบเย่หมิงและเย่ซวินที่หน้าประตูให้ฟัง“ท่านก็ทำเหมือนเลี้ยงสุนัขสักตัว ขอเพียงเขามิก่อปัญหาให้กับตระกูลเย่ ก็เลี้ยงเขาไปก็พอ!”เมื่อเย่หรงพูดถึงการดูถูกของเย่ซวินที่ทำต่อตน ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าเย่ก็มืดมนลง เขามองไปทางเย่หมิง แล้วเอ่ยถามเสียงแข็ง“เย่ซวินได้พูดประโยคนี้หรือไม่?”เย่หมิงอยากจะส่ายหัวโดยมิรู้ตัว แต่เย่หรงก็หัวเราะเยาะแล้วเอ่ยออกมา “เจ้าปฏิเสธได้ ถึงอย่างไรข้าก็แบกรับคำด่าทอมากมายมานานแล้ว เพิ่มมาอีกสักเรื่องก็มิสนใจหรอก!”“ส่วนท่าน ผู้นำตระกูลเย่ในอนาคต หากท่านไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะพูดความจริง ก็ใช้ชีวิตอยู่กับคำโกหกไปตลอดชีวิตเสียเถิด!”ถึงอย่างไรเย่หมิงก็มิได้ไร้ยางอายถึงเพียงนั้น ภายใต้สายตากดดันของเย่หรงและท่านผู้เฒ่าเย่ ในที่สุดเขาก็พยักหน้าอย่างหนักแน่นเย่หรงจึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้ม “ตอนนั้นข้าทนรับน้ำเสียงดูถูกของเย่ซวินมิได้ จึงโต้แย้งไปว่าตระกูลเย่มิได้เลี้ยงดูข้า หลังจากที่ข้าอายุเจ็ดขวบก็มิเคยใช้เงินของตระกูลเย่สักแดงเดียว!”ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา ฮูหยินเย่ก็หัวเราะเยาะแล้วเอ่ยออกไป “เย่หร
ความคับข้องใจของเย่หรงมีมากจนนับมิถ้วน แต่เขาก็มิได้ใส่ใจและเพิกเฉยต่อสายตาแปลก ๆ ของทุกคนมานานแล้วจากนั้นเขาจึงเอ่ยออกมาเรียบ ๆ “ข้าอธิบายไปเช่นนี้แล้ว แต่เย่ซวินก็ยังมิยอมลดละ บอกให้ข้าออกไปจากตระกูลเย่ เขาอยากจะตบข้า แต่ข้าหลบ เขาบอกว่าเขาและเย่หมิงจะตีและตำหนิข้า ข้าแค่เพียงยอมรับไปแต่โดยดีเท่านั้น!”“ข้าถูกยั่วจนโกรธขึ้นมาจริง ๆ จึงกดเขาลงกับพื้น!”“แต่ข้ากล้าใช้ชื่อเสียงของท่านแม่มาสาบานว่า ข้ามิได้ใช้กริชกับเขา!”หยางหงหนิงได้ยินเช่นนี้แล้วก็ชะงักไป นางคิดมิถึงว่าเย่หรงจะเรียนรู้ที่จะหาเลี้ยงตนเองตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนั้นหลายปีมานี้เขาต้องได้รับความคับข้องใจเท่าไรกันนะ!หยางหงหนิงขยับเข้าไปหาเย่หรงอย่างลังเลใจ แล้วเอ่ยออกมาด้วยความสงสาร “พี่หรง เหตุใดท่านมิบอกข้า หากข้ารู้ ข้าจะไม่มีทางให้พวกเขาทำเช่นนี้กับท่านเป็นอันขาด!”เย่จูเห็นว่าท่านแม่ของตนถูกคำพูดของเย่หรงทำให้ได้ชื่อว่าทำร้ายลูกนอกสมรส เมื่อนางได้ยินเย่หรงพูดเช่นนั้นก็ตะโกนขึ้นมา“ไร้สาระ เจ้ามิได้ใช้กริช แล้วพี่สามของข้าจะบาดเจ็บได้อย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยขึ้นมาทันที “ท่านอาจารย์ ขอท่านนำกริชออกมาทีเจ้าค่ะ!”
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต