เซียวหลินเทียนผลักดันการแสดงที่หลิงอวี๋เป็นผู้นำให้ไปถึงจุดสูงสุด หลิงอวี๋รู้อยู่แก่ใจ แล้วจะลบความดีของเขาออกไปอย่างขัดกับความรู้สึกได้อย่างไรเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองอยู่ที่ด้านข้าง เดิมทีนางคิดว่าด้วยนิสัยของหลิงอวี๋แล้ว เมื่อเห็นว่าฮูหยินเฉียวใช้ชีวิตของสิงจั๋วมาข่มขู่ นางจะต้องยอมรับอย่างแน่นอนไหนเลยจะคิดว่าเรื่องราวจะหลุดจากการควบคุมแล้วกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ล้มเหลวในตอนสุดท้ายเสียได้!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าฮูหยินเฉียวทำให้ทุกคนโกรธ ก็รู้สึกเสียดายอยู่ในใจ แต่สายตาก็มองไปทางแม่ทัพเฉิงวันนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะพิสูจน์ว่าสิงอวี๋คือหลิงอวี๋หรือไม่ หากพลาดโอกาสนี้ไป ต่อไปหากจะพิสูจน์อีกก็ยากแล้วไหน ๆ แม่ทัพเฉิงก็มาแล้ว จะมิใช้ให้คุ้มค่าได้อย่างไรเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิกลัวที่จะเป็นจุดเด่นแล้ว เพื่อที่จะจับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน วันนี้ตระกูลเฉียวจึงนำยอดฝีมือจำนวนมากมาสำนักศึกษาชิงหลงด้วยแม่ทัพเฉิงเองก็นำกลุ่มทหารมาเช่นกัน หากวันนี้มิสามารถจับทั้งสองคนได้ พวกเขาก็ไม่มีโอกาสแล้ว“สิงอวี๋ สิ่งที่ฮูหยินเฉียวทำนั้นมิถูกต้อง นางมิควรจับตัวพี่ชายเจ้ามาข่มขู่เจ้า! พฤติกรรมเช
เมื่อแม่ทัพเฉิงเห็นว่าสถานการณ์กลับมาในทางที่ถูกต้องแล้ว เขาจึงรีบเอ่ยออกไป “สิงอวี๋ ข้ามิสนว่าเจ้าจะเป็นหลิงอวี๋หรือไม่ ในเมื่อเจ้าสามารถเอาชนะปรมาจารย์ไป่หลี่ ทั้งยังทำให้เจ้าวังฉู่ยอมศิโรราบได้ เจ้าก็มีความสามารถที่จะช่วยฮูหยินของข้าได้!”“โปรดให้ความช่วยเหลือ ช่วยฮูหยินของข้าด้วยเถิด!”หลิงอวี๋มองจ้าวหรุ่ยหรุ่ยด้วยใบหน้าตึงเครียดนางมองออกแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการบีบให้ตนลงมือทว่าหากนางช่วยฮูหยินเฉิง นั่นจะมิเป็นการพิสูจน์ว่าตนคือหลิงอวี๋หรือ?ฮูหยินเฉิงป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง หากมิผ่าตัดก็ไม่มีทางช่วยนางได้!“พี่หญิงสิง ขอร้องท่านช่วยท่านแม่ของข้าด้วยเถิด!”ผู้ที่เฝ้าอยู่ข้างเกี้ยวของฮูหยินเฉิงตลอดเวลาคือเฉิงเหล่ยลูกสาวคนเล็กของแม่ทัพเฉิง ปีนี้นางเพิ่งจะอายุสิบสามปี รูปร่างหน้าตางดงาม แม้ว่าใบหน้ายังมิโตเต็มที่แต่ก็มีเค้าของความงามแล้วดวงตาของนางแยกเป็นสีดำและสีขาวอย่างชัดเจน และมัดผมเป็นมวยทั้งสองข้างน้ำเสียงของนางอ่อนเยาว์ พูดคำนี้ออกมาพร้อมเสียงสะอื้นและคุกเข่าลงกับพื้นเฉิงเหล่ยเป็นเด็กแต่ก็ฉลาดมาก เมื่อครู่นางเห็นฮูหยินเฉียวจับสิงจั๋วเป็นตัวประกันไปข่มขู่สิงอวี๋ก
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว!หลิงอวี๋มิสามารถใช้ความเห็นอกเห็นใจที่ผู้อื่นมีต่อตนเองเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อีกแล้วส่วนบรรดาคนที่ช่วยนางพูดก่อนหน้านี้ก็มิสามารถช่วยได้อีก เพราะฮูหยินเฉียวดูน่าสงสารยิ่งขึ้นแล้ว!เซียวหลินเทียนทั้งโกรธทั้งนับถือจ้าวหรุ่ยหรุ่ย สตรีผู้นี้ฉลาดมิแพ้หลิงอวี๋เลยแม้แต่น้อย นางควบคุมธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างชำนาญ และใช้ได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วยหลิงอวี๋ก็มีความคิดเช่นเดียวกัน นางจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน!“เหอะ ๆ... เหล่าจิน คิดมิถึงว่าการออกมาท่องหล้ากับเจ้าในวันนี้แล้วจะได้เห็นเรื่องสนุกเช่นนี้!”ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่เอ่ยปากทำลายสถานการณ์อึดอัดนี้ จะเป็นบุรุษผู้สวมหน้ากากทองสำริดที่มิพูดจามาตลอดนับตั้งแต่มาถึงสำนักศึกษาชิงหลง… ท่านซ่ง!เสียงของเขาดังออกมาจากหลังหน้ากาก ฟังดูทุ้มและแหบเล็กน้อยเจ้าสำนักศึกษาจินลอบถอนหายใจโล่งอก เขากำลังกังวลมิรู้ว่าจะจบลงอย่างไร แต่เจ้าคนพูดน้อยผู้นี้ยอมพูดออกมา นั่นก็หมายความว่าเรื่องราวจะมีการเปลี่ยนแปลง“ข้าดูอยู่นานแล้ว และอดมิได้จริง ๆ ข้าอยากจะถามสตรีผู้นั้น...”ท่านซ่งชี้ไปทางจ้าวหรุ่ยหรุ่ย“เจ้าบ
คนมิน้อยต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของท่านซ่งมีเหตุผลตาเฒ่าประหลาดเทียนซู สามีภรรยาตระกูลเจียวแห่งวังเทียนจี เจ้าสำนักศึกษาจิน ปรมาจารย์เย่และปรมาจารย์ไป่หลี่ มีใครบ้างที่มิใช่ปรมาจารย์ชั้นนำในเมืองหลวงแดนเทพแม่ทัพเฉิงมิขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์เหล่านี้ แล้วไปขอความช่วยเหลือแค่หลิงอวี๋ผู้ที่ช่วยท่านแม่ของข้าหลวงเก๋อเพียงผู้เดียว เช่นนั้นจะมิเป็นการจัดลำดับความสำคัญผิดหรือไร?แม่ทัพเฉิงจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “การได้รับคำแนะนำจากปรมาจารย์ทั้งหลายนับว่าเป็นโชคดีของฮูหยินข้า เสี่ยวเหล่ย พาแม่ของเจ้ามาสิ!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าตนเกือบจะทำสำเร็จแล้ว จะบีบให้สิงอวี๋เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงได้แล้วไหนเลยจะคาดคิดว่าท่านซ่งผู้นี้จะปรากฏตัวออกมา แล้วนางจะยอมได้อย่างไรกัน!“แม่ทัพเฉิง ฮูหยินเฉิงได้รับความทุกข์ทรมานมามากแล้ว อย่าให้นางทรมานอีกเลย!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ “ก่อนหน้านี้ท่านเคยให้รองเจ้าสำนักศึกษาต่งและปรมาจารย์ไป่หลี่ตรวจดูแล้วมิใช่หรือ? พวกเขาต่างก็ทำอะไรมิได้ ทรมานฮูหยินเฉิงต่อไปอีกก็ไม่มีความหมายหรอก!”“ท่านซ่ง มิใช่ว่าข้าดูถูกพวกท่าน แต่สิ่งที่หลิงอวี๋ทำได้ พวกท่านท
ทุกคนล้วนได้ยินคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยท่านซ่งสวมหน้ากากไว้ จึงไม่มีใครดูออกว่าเขาได้ยินคำพูดนี้แล้วโกรธหรือไม่แต่เจ้าสำนักศึกษาจินกลับหัวเราะเหอะ ๆ แล้วมองไปทางไป่หลี่ไห่และเจ้าวังเจียวอย่างเย้ยหยันนับดูแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของเฟิงหลานภรรยาของเจ้าวังเจียว และกับไป่หลี่ไห่ก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างครูและบัณฑิตเท่านั้นเจ้าสำนักศึกษาจินส่ายหัวให้เฟิงหลานแล้วเอ่ย “ฮูหยินเจียว ศิษย์ของเจ้าผู้นี้ที่จริงก็มิเท่าไรนะ! ไม่มีความสามารถก็ช่างเถิด ยังจะพูดจาคมคายอีก ช่างทำให้คนรำคาญจริง ๆ!”เฟิงหลานปกป้องศิษย์ของตน นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักศึกษาจิน หรุ่ยหรุ่ยแค่เป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาเท่านั้น นางยังมิได้แต่งงาน ท่านต่อว่านางเช่นนี้จะมิยุติธรรมกับนางนะ!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็รู้สึกว่านางมิได้พูดผิดอันใด เจ้าสำนักศึกษาจิน เจ้าวังฉู่และท่านผู้เฒ่าเย่ล้วนเป็นผู้อาวุโส คนสกุลซ่งผู้นี้สวมหน้ากากที่น่าอายเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกท่าน เป็นการมิให้ความเคารพและมิเปิดเผยมากพอด้วย!”เมื่อท่านผู้เฒ่าเย่ได้ยินเฟิงหลานลากตนเข้าไปในกลุ่มด้วย เขาก็เอ่ยขึ้นมาทันที “ข้ามิได้คิดมากเท่า
แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะโกรธที่แม่ทัพเฉิงร่วมมือกับตระกูลเฉียวทำให้หลิงอวี๋ต้องลำบาก แต่เมื่อเห็นสีหน้าสิ้นหวังของแม่ทัพเฉิง ในใจก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาพูดไปพูดมา แม่ทัพเฉิงก็ใส่ใจฮูหยินเฉิงมากเช่นกัน ดังนั้นจึงไปช่วยคนชั่วทำเรื่องที่มิดีหากเป็นตนแล้วหลิงอวี๋ต้องเผชิญกับความเป็นความตาย ขอเพียงสามารถช่วยนางได้ เขาเองก็จะทำทุกอย่างโดยมิสนใจความยุติธรรมและกฎเกณฑ์ใด ๆ เช่นกันเย่หรงก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เขามองแม่ทัพเฉิงอย่างสับสน แต่สิ่งที่คิดอยู่นั้นก็คือ‘หากท่านแม่ของตนได้พบกับบุรุษที่มีเมตตาและคุณธรรมเช่นแม่ทัพเฉิง นางจะไปถึงจุดที่ต้องทนทุกข์มากถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?’เย่หรงคิดแล้วจ้องเย่ซื่อเจียงที่ยืนอยู่ด้านบนอย่างดุร้ายไหนเลยจะรู้ว่าเย่ซื่อเจียงหันกลับมาพอดีโดยมิตั้งใจ เขาจึงเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเย่หรงเย่ซื่อเจียงใจสั่นขึ้นมาทันทีเดิมทีเขาควรจะโกรธเคืองเย่หรงที่เนรคุณ เพราะตนยอมให้เขาเติบโตมาในตระกูลเย่ แม้มิได้มีบุญคุณที่ให้กำเนิด แต่ก็มีบุญคุณที่เลี้ยงดูแต่เมื่อเขาเห็นดวงตาที่ดูคล้ายกับเลี่ยวหงเสียของเย่หรง ความโกรธก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิดอย
หลิงอวี๋ยิ้ม แล้วมองไปทางท่านซ่ง“ท่านซ่งยังมิได้แสดงความคิดเห็นในมุมมองของเขาเลย พวกเรามิฟังเสียก่อนเล่าว่าเขาจะว่าอย่างไร แล้วค่อยวิเคราะห์ร่วมกัน!”เมื่อท่านซ่งเห็นว่าสายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่ตน เขาจึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบ “ข้ากับสิงอวี๋มีมุมมองที่เหมือนกัน ฮูหยินเฉิงมิได้มีเนื้องอกในสมอง!”ทันทีที่คำนี้ออกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่อยู่รอบนอกก็ตะโกนขึ้นมาเป็นคนแรก “ท่านซ่ง ท่านมิได้พูดอย่างใจดีออกมาเพื่อช่วยสิงอวี๋ใช่หรือไม่?”“เนื่องจากพวกเราทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ใต้หล้านี้ ผู้เดียวที่สามารถทำการผ่าตัดกะโหลกเพื่อนำเนื้องอกในสมองออกได้ก็คือหลิงอวี๋!”“สิงอวี๋มิอยากยอมรับตัวตนของนาง ดังนั้นเรื่องที่ฮูหยินเฉิงมีเนื้องอกในสมองนั้นนางก็อาจปฏิเสธได้! แต่ในเมื่อท่านเป็นสหายของเจ้าสำนักศึกษาจิน ก็ควรจะยึดถือในหลักการตามข้อเท็จจริง และพูดในสิ่งที่เป็นจริงนะเจ้าคะ!”ฮูหยินเฉียวก็เอ่ยออกไปอย่างก้าวร้าวเช่นกัน “ข้าได้แสดงทัศนคติขอตนไปแล้วว่าจะมิสังหารหลิงอวี๋! พวกท่านก็ยิ่งมิควรละเลยชีวิตหนึ่งแล้วพูดไร้สาระออกมา!”“ปรมาจารย์หลายคนล้วนบอกว่า ฮูหยินเฉิงมีเนื้องอกในสมอง มีแต่พวกท่านสองคนที่ม
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสบเข้ากับสายตาโหดเหี้ยมกระหายเลือดของแม่ทัพเฉิงก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แล้วพยักหน้าโดยสัญชาตญาณนางมองออกว่าแม่ทัพเฉิงจริงจัง!หากนางพูดออกไปอีกประโยคหนึ่ง แม่ทัพเฉิงจะต้องดึงลิ้นของนางออกมาตัดอย่างแน่นอนเมื่อเห็นว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลัวจนตัวสั่น คนจำนวนมากก็คิดคำเดียวกันอยู่ในใจ… สมน้ำหน้า!แม่ทัพเฉิงทิ้งจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไว้แล้วหันหลังเดินกลับไป“แม่นางสิง ท่านซ่ง เช่นนั้นท่านทั้งสองวินิจฉัยว่าฮูหยินของข้าเป็นโรคอะไรหรือ?”แม่ทัพเฉิงเอ่ยถามอย่างเคารพนบน้อมหลิงอวี๋เองก็ยินดีกับสิ่งที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเจอเช่นกัน แต่มิได้แสดงออกมาทางสีหน้านางมองท่านซ่ง แล้วเอ่ยขึ้นมาทันที “ท่านซ่ง เช่นนั้นพวกเราต่างคนต่างเขียนอาการของฮูหยินเฉิงดีหรือไม่เจ้าคะ แล้วดูว่าพวกเราคิดเหมือนกันหรือไม่?”“ได้สิ” ท่านซ่งพยักหน้าต่งเฉิงรีบหากระดาษและพู่กันมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลิงอวี๋ก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งไปด้านข้างแล้วก็เขียนท่านซ่งเองก็หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนเช่นกันทุกคนที่อยู่ที่นั่นเห็นว่าทั้งสองคนใช้เวลาเขียนเพียงสั้น ๆ แล้วก็ส่งการวินิจฉัยของตนให้กับต่งเฉิงต่งเฉิงเห็นแล้วก็ตะลึงไปครู่หนึ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต