ฮูหยินเฉียวเอ่ยออกมาอย่างมิปรานี “สิงอวี๋ วิชาพิษของเจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น วิชาแปลงโฉมก็ต้องแข็งแกร่งเช่นกัน พวกเรานำน้ำยามามิอาจล้างการแปลงโฉมของเจ้าได้ แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะยอมรับว่าเจ้าคือหลิงอวี๋!”ขณะที่พูดอยู่นั้นฮูหยินเฉียวก็ชักกระบี่ออกมา แล้วจ่อไปที่คอของสิงจั๋ว “ข้าจะนับถึงสิบ หากเจ้ายอมรับว่าเจ้าคือหลิงอวี๋ ข้าก็จะปล่อยเขาไป!”“มิเช่นนั้น ข้าก็จะสังหารเขา!”“หลิงอวี๋ หรือว่าเจ้ายอมให้คนบริสุทธิ์คนหนึ่งต้องตายไปภายใต้กระบี่ของข้า เพื่อการปกปิดของเจ้าเช่นนั้นหรือ?”คนจำนวนมิน้อยที่ดูอยู่ต่างก็รู้สึกกังวลขึ้นมา พฤติกรรมเช่นนี้ของฮูหยินเฉียวเกินไปจริง ๆ!นี่ก็พอ ๆ กันกับท่าทางบ้าคลั่งของไป่หลี่ไห่เมื่อครู่ เพียงเพื่อการแก้แค้นสติปัญญาก็หายไปจนหมดเจ้าสำนักศึกษาจินและต่งเฉิงล้วนคาดมิถึงว่าการประลองจะวุ่นวายจนเป็นเช่นนี้ นี่จะจบลงอย่างไรกัน?เซียวหลินเทียนมองไปทางหลิงอวี๋ เขารู้จักหลิงอวี๋ดี อย่าว่าแต่สิงจั๋วกับนางที่มีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกันเลย แม้ว่าจะเปลี่ยนเป็นคนที่มิเกี่ยวข้องอะไรกับนาง นางก็จะไม่มีทางเห็นแก่ตัวเพิกเฉยเป็นแน่“เตรียมตัว!”เซียวหลินเทียนทำสัญญาณมื
“เสี่ยวชี อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!”เย่หรงร้อนใจจนอยากจะพุ่งเข้าไปห้ามหลิงอวี๋ถอยหลังไปหลายก้าวแล้วตะคอกออกมา “เย่หรง อย่าเข้ามา! ท่านช่วยข้ามิได้หรอก!”“ดูหลงเพ่ยเพ่ยเถิด มีอำนาจมีอิทธิพล ตระกูลเฉียวยังมิเห็นนางอยู่ในสายตาเลย ยังสามารถพาตัวพี่ชายของข้าไปจากมือของนางได้ แล้วท่านจะทำกระไรได้?”“ข้ามิอยากทำให้พวกท่านต้องลำบาก ข้ากับพี่ชายยอมตายไปด้วยกันก็จบแล้ว!”เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋ ใบหน้าของนางก็แดงก่ำขึ้นมาด้วยความอายหลิงอวี๋ไม่มีอำนาจและอิทธิพลจึงต่อสู้กับตระกูลเฉียวมิไหวก็พอจะเข้าใจได้ แต่นางเป็นบุตรีของเจ้าแห่งทิศใต้ เป็นท่านหญิงของราชวงศ์ แต่กลับปกป้องคนที่อยากปกป้องไว้มิได้ นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่งนัก!ท่านผู้เฒ่าเย่โกรธจนเคราสั่น “ฮูหยินเฉียว เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว เกินไปจริง ๆ… หากเจ้ากล้าลงมือในวันนี้ ตระกูลเย่ของข้าและตระกูลเฉียวของพวกเจ้าก็คงมิอาจอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันแล้ว!”เย่ซื่อเจียงก็ตะโกนออกมาด้วยท่าทางจริงจังเช่นกัน “ฮูหยินเฉียว อย่าทำให้เรื่องร้ายแรงเลย หากเจ้าบีบให้สิงอวี๋ตาย นับจากนี้ตระกูลเย่ของข้าและตระกูลเฉียวของเจ้าจะอยู่ร่วมแผ่นดิน
พวกเหลยเหวินมองสถานการณ์บานปลายไปจนถึงจุดที่สิงอวี๋ใช้การปลิดชีพตนมาต่อต้านอย่างตกตะลึง พวกเขารู้สึกกังวลมาก มิรู้ว่าจะช่วยให้สิงอวี๋ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่ามีคนเป็นผู้นำบีบฮูหยินเฉียว เหลยเหวินก็มิสนใจอะไรแล้ว จึงวิ่งออกไปหาฮูหยินเฉียว“ฮูหยินเฉียว ใช้ข้าแทนพี่ใหญ่สิงเถิด ข้าเป็นสหายสนิทของสิงอวี๋ นางคงมิยอมเห็นข้าตายแน่ ๆ!”“ข้าด้วย!”หลงเพ่ยเพ่ยหรือจะยอมล้าหลัง นางรู้สึกผิดต่อสิงอวี๋ที่ปล่อยให้สิงจั๋วตกอยู่ในมือของฮูหยินเฉียว นางจะยืนดูเฉย ๆ ได้อย่างไร เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้นางก็เดินเข้าไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน“ข้าเป็นท่านหญิง ย่อมมีน้ำหนักมากกว่าพวกเจ้า สิงอวี๋จะต้องมิปล่อยให้ข้าตายอย่างแน่นอน ข้าจะเปลี่ยนตัวกับสิงจั๋วเอง!”“จะขาดข้าไปได้อย่างไรเล่า! สิงอวี๋กับข้าเป็นสหายสนิทกันก็ควรจะถูกฮูหยินเฉียวใช้ข่มขู่สิงอวี๋จึงจะถูก มิเช่นนั้นความสำคัญของข้าก็มิถูกเปิดเผยสิ!”จงเจิ้งเฟยตามมาอย่างมิยอมแสดงความอ่อนแอออกมาเมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว อู่เถาและบัณฑิตบางส่วนจากหอโอสถซ่างกู่ก็พากันเดินไปหาฮูหยินเฉียวเช่นกัน“พวกเราเป็นศิษย์น้อง
เซียวหลินเทียนผลักดันการแสดงที่หลิงอวี๋เป็นผู้นำให้ไปถึงจุดสูงสุด หลิงอวี๋รู้อยู่แก่ใจ แล้วจะลบความดีของเขาออกไปอย่างขัดกับความรู้สึกได้อย่างไรเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองอยู่ที่ด้านข้าง เดิมทีนางคิดว่าด้วยนิสัยของหลิงอวี๋แล้ว เมื่อเห็นว่าฮูหยินเฉียวใช้ชีวิตของสิงจั๋วมาข่มขู่ นางจะต้องยอมรับอย่างแน่นอนไหนเลยจะคิดว่าเรื่องราวจะหลุดจากการควบคุมแล้วกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ล้มเหลวในตอนสุดท้ายเสียได้!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าฮูหยินเฉียวทำให้ทุกคนโกรธ ก็รู้สึกเสียดายอยู่ในใจ แต่สายตาก็มองไปทางแม่ทัพเฉิงวันนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะพิสูจน์ว่าสิงอวี๋คือหลิงอวี๋หรือไม่ หากพลาดโอกาสนี้ไป ต่อไปหากจะพิสูจน์อีกก็ยากแล้วไหน ๆ แม่ทัพเฉิงก็มาแล้ว จะมิใช้ให้คุ้มค่าได้อย่างไรเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิกลัวที่จะเป็นจุดเด่นแล้ว เพื่อที่จะจับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน วันนี้ตระกูลเฉียวจึงนำยอดฝีมือจำนวนมากมาสำนักศึกษาชิงหลงด้วยแม่ทัพเฉิงเองก็นำกลุ่มทหารมาเช่นกัน หากวันนี้มิสามารถจับทั้งสองคนได้ พวกเขาก็ไม่มีโอกาสแล้ว“สิงอวี๋ สิ่งที่ฮูหยินเฉียวทำนั้นมิถูกต้อง นางมิควรจับตัวพี่ชายเจ้ามาข่มขู่เจ้า! พฤติกรรมเช
เมื่อแม่ทัพเฉิงเห็นว่าสถานการณ์กลับมาในทางที่ถูกต้องแล้ว เขาจึงรีบเอ่ยออกไป “สิงอวี๋ ข้ามิสนว่าเจ้าจะเป็นหลิงอวี๋หรือไม่ ในเมื่อเจ้าสามารถเอาชนะปรมาจารย์ไป่หลี่ ทั้งยังทำให้เจ้าวังฉู่ยอมศิโรราบได้ เจ้าก็มีความสามารถที่จะช่วยฮูหยินของข้าได้!”“โปรดให้ความช่วยเหลือ ช่วยฮูหยินของข้าด้วยเถิด!”หลิงอวี๋มองจ้าวหรุ่ยหรุ่ยด้วยใบหน้าตึงเครียดนางมองออกแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการบีบให้ตนลงมือทว่าหากนางช่วยฮูหยินเฉิง นั่นจะมิเป็นการพิสูจน์ว่าตนคือหลิงอวี๋หรือ?ฮูหยินเฉิงป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง หากมิผ่าตัดก็ไม่มีทางช่วยนางได้!“พี่หญิงสิง ขอร้องท่านช่วยท่านแม่ของข้าด้วยเถิด!”ผู้ที่เฝ้าอยู่ข้างเกี้ยวของฮูหยินเฉิงตลอดเวลาคือเฉิงเหล่ยลูกสาวคนเล็กของแม่ทัพเฉิง ปีนี้นางเพิ่งจะอายุสิบสามปี รูปร่างหน้าตางดงาม แม้ว่าใบหน้ายังมิโตเต็มที่แต่ก็มีเค้าของความงามแล้วดวงตาของนางแยกเป็นสีดำและสีขาวอย่างชัดเจน และมัดผมเป็นมวยทั้งสองข้างน้ำเสียงของนางอ่อนเยาว์ พูดคำนี้ออกมาพร้อมเสียงสะอื้นและคุกเข่าลงกับพื้นเฉิงเหล่ยเป็นเด็กแต่ก็ฉลาดมาก เมื่อครู่นางเห็นฮูหยินเฉียวจับสิงจั๋วเป็นตัวประกันไปข่มขู่สิงอวี๋ก
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว!หลิงอวี๋มิสามารถใช้ความเห็นอกเห็นใจที่ผู้อื่นมีต่อตนเองเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อีกแล้วส่วนบรรดาคนที่ช่วยนางพูดก่อนหน้านี้ก็มิสามารถช่วยได้อีก เพราะฮูหยินเฉียวดูน่าสงสารยิ่งขึ้นแล้ว!เซียวหลินเทียนทั้งโกรธทั้งนับถือจ้าวหรุ่ยหรุ่ย สตรีผู้นี้ฉลาดมิแพ้หลิงอวี๋เลยแม้แต่น้อย นางควบคุมธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างชำนาญ และใช้ได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วยหลิงอวี๋ก็มีความคิดเช่นเดียวกัน นางจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน!“เหอะ ๆ... เหล่าจิน คิดมิถึงว่าการออกมาท่องหล้ากับเจ้าในวันนี้แล้วจะได้เห็นเรื่องสนุกเช่นนี้!”ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่เอ่ยปากทำลายสถานการณ์อึดอัดนี้ จะเป็นบุรุษผู้สวมหน้ากากทองสำริดที่มิพูดจามาตลอดนับตั้งแต่มาถึงสำนักศึกษาชิงหลง… ท่านซ่ง!เสียงของเขาดังออกมาจากหลังหน้ากาก ฟังดูทุ้มและแหบเล็กน้อยเจ้าสำนักศึกษาจินลอบถอนหายใจโล่งอก เขากำลังกังวลมิรู้ว่าจะจบลงอย่างไร แต่เจ้าคนพูดน้อยผู้นี้ยอมพูดออกมา นั่นก็หมายความว่าเรื่องราวจะมีการเปลี่ยนแปลง“ข้าดูอยู่นานแล้ว และอดมิได้จริง ๆ ข้าอยากจะถามสตรีผู้นั้น...”ท่านซ่งชี้ไปทางจ้าวหรุ่ยหรุ่ย“เจ้าบ
คนมิน้อยต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของท่านซ่งมีเหตุผลตาเฒ่าประหลาดเทียนซู สามีภรรยาตระกูลเจียวแห่งวังเทียนจี เจ้าสำนักศึกษาจิน ปรมาจารย์เย่และปรมาจารย์ไป่หลี่ มีใครบ้างที่มิใช่ปรมาจารย์ชั้นนำในเมืองหลวงแดนเทพแม่ทัพเฉิงมิขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์เหล่านี้ แล้วไปขอความช่วยเหลือแค่หลิงอวี๋ผู้ที่ช่วยท่านแม่ของข้าหลวงเก๋อเพียงผู้เดียว เช่นนั้นจะมิเป็นการจัดลำดับความสำคัญผิดหรือไร?แม่ทัพเฉิงจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “การได้รับคำแนะนำจากปรมาจารย์ทั้งหลายนับว่าเป็นโชคดีของฮูหยินข้า เสี่ยวเหล่ย พาแม่ของเจ้ามาสิ!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าตนเกือบจะทำสำเร็จแล้ว จะบีบให้สิงอวี๋เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงได้แล้วไหนเลยจะคาดคิดว่าท่านซ่งผู้นี้จะปรากฏตัวออกมา แล้วนางจะยอมได้อย่างไรกัน!“แม่ทัพเฉิง ฮูหยินเฉิงได้รับความทุกข์ทรมานมามากแล้ว อย่าให้นางทรมานอีกเลย!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ “ก่อนหน้านี้ท่านเคยให้รองเจ้าสำนักศึกษาต่งและปรมาจารย์ไป่หลี่ตรวจดูแล้วมิใช่หรือ? พวกเขาต่างก็ทำอะไรมิได้ ทรมานฮูหยินเฉิงต่อไปอีกก็ไม่มีความหมายหรอก!”“ท่านซ่ง มิใช่ว่าข้าดูถูกพวกท่าน แต่สิ่งที่หลิงอวี๋ทำได้ พวกท่านท
ทุกคนล้วนได้ยินคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยท่านซ่งสวมหน้ากากไว้ จึงไม่มีใครดูออกว่าเขาได้ยินคำพูดนี้แล้วโกรธหรือไม่แต่เจ้าสำนักศึกษาจินกลับหัวเราะเหอะ ๆ แล้วมองไปทางไป่หลี่ไห่และเจ้าวังเจียวอย่างเย้ยหยันนับดูแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของเฟิงหลานภรรยาของเจ้าวังเจียว และกับไป่หลี่ไห่ก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างครูและบัณฑิตเท่านั้นเจ้าสำนักศึกษาจินส่ายหัวให้เฟิงหลานแล้วเอ่ย “ฮูหยินเจียว ศิษย์ของเจ้าผู้นี้ที่จริงก็มิเท่าไรนะ! ไม่มีความสามารถก็ช่างเถิด ยังจะพูดจาคมคายอีก ช่างทำให้คนรำคาญจริง ๆ!”เฟิงหลานปกป้องศิษย์ของตน นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักศึกษาจิน หรุ่ยหรุ่ยแค่เป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาเท่านั้น นางยังมิได้แต่งงาน ท่านต่อว่านางเช่นนี้จะมิยุติธรรมกับนางนะ!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็รู้สึกว่านางมิได้พูดผิดอันใด เจ้าสำนักศึกษาจิน เจ้าวังฉู่และท่านผู้เฒ่าเย่ล้วนเป็นผู้อาวุโส คนสกุลซ่งผู้นี้สวมหน้ากากที่น่าอายเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกท่าน เป็นการมิให้ความเคารพและมิเปิดเผยมากพอด้วย!”เมื่อท่านผู้เฒ่าเย่ได้ยินเฟิงหลานลากตนเข้าไปในกลุ่มด้วย เขาก็เอ่ยขึ้นมาทันที “ข้ามิได้คิดมากเท่า
แม่ทัพเฉิงเห็นว่าหลิงอวี๋ลีลามิตอบคำถาม หัวใจของเขาจึงจมดิ่งลงไป่หลี่ไห่จึงตะโกนขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ “มิรู้หรือว่ามิสามารถแก้ตัวได้เล่า?”“สิงอวี๋ เจ้าปรุงยาพิษเอาชนะข้าและพวกตาเฒ่าประหลาดเทียนซูเชียวนะ หากเจ้ามิสามารถแก้พิษได้ เช่นนั้นจะมิดูตลกไปหรือไร?”ท่านซ่งมองไป่หลี่ไห่อย่างรังเกียจ แล้วเอ่ยเสียงขรึม “ใต้หล้านี้มีพิษอยู่นับพันชนิด แม่หนูผู้นี้พบเจอพิษที่ตนมิรู้จัก และคิดวิธีแก้พิษมิออกก็มิแปลกหรอก!”“แม้แต่ข้าเอง อายุปูนนี้แล้ว ก็มิกล้าบอกว่าตนรู้จักพิษทั้งหมดเช่นกัน!”“ไป่หลี่ไห่ ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้อาวุโสและเป็นอาจารย์ การปฏิบัติต่อเด็กสาวผู้หนึ่งอย่างโหดร้ายเช่นนี้ เจ้ามิรู้สึกว่าขาดความยุติธรรมไปหรือ?”ไป่หลี่ไห่ยิ้มให้ท่านซ่งอย่างดูถูก “ท่านทำตัวลึกลับ มิกล้าเผยใบหน้าที่แท้จริงให้ผู้อื่นเห็น ท่านไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนข้า!”“แม่ทัพเฉิง เจ้าอย่าไปฟังพวกเขาพูดเรื่องไร้สาระเลย ฮูหยินเฉิงมิได้ถูกวางยาพิษ พวกเขาแค่รวมหัวกันมิคิดจะช่วยฮูหยินของเจ้า!”“เนื้องอกในสมองของฮูหยินเฉิง ขอเพียงหลิงอวี๋ทำการผ่าตัดให้นาง นางจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน!”“หากสิงอวี๋มิยินดีที่จะยอมรับว่านา
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสบเข้ากับสายตาโหดเหี้ยมกระหายเลือดของแม่ทัพเฉิงก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แล้วพยักหน้าโดยสัญชาตญาณนางมองออกว่าแม่ทัพเฉิงจริงจัง!หากนางพูดออกไปอีกประโยคหนึ่ง แม่ทัพเฉิงจะต้องดึงลิ้นของนางออกมาตัดอย่างแน่นอนเมื่อเห็นว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลัวจนตัวสั่น คนจำนวนมากก็คิดคำเดียวกันอยู่ในใจ… สมน้ำหน้า!แม่ทัพเฉิงทิ้งจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไว้แล้วหันหลังเดินกลับไป“แม่นางสิง ท่านซ่ง เช่นนั้นท่านทั้งสองวินิจฉัยว่าฮูหยินของข้าเป็นโรคอะไรหรือ?”แม่ทัพเฉิงเอ่ยถามอย่างเคารพนบน้อมหลิงอวี๋เองก็ยินดีกับสิ่งที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเจอเช่นกัน แต่มิได้แสดงออกมาทางสีหน้านางมองท่านซ่ง แล้วเอ่ยขึ้นมาทันที “ท่านซ่ง เช่นนั้นพวกเราต่างคนต่างเขียนอาการของฮูหยินเฉิงดีหรือไม่เจ้าคะ แล้วดูว่าพวกเราคิดเหมือนกันหรือไม่?”“ได้สิ” ท่านซ่งพยักหน้าต่งเฉิงรีบหากระดาษและพู่กันมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลิงอวี๋ก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งไปด้านข้างแล้วก็เขียนท่านซ่งเองก็หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนเช่นกันทุกคนที่อยู่ที่นั่นเห็นว่าทั้งสองคนใช้เวลาเขียนเพียงสั้น ๆ แล้วก็ส่งการวินิจฉัยของตนให้กับต่งเฉิงต่งเฉิงเห็นแล้วก็ตะลึงไปครู่หนึ
หลิงอวี๋ยิ้ม แล้วมองไปทางท่านซ่ง“ท่านซ่งยังมิได้แสดงความคิดเห็นในมุมมองของเขาเลย พวกเรามิฟังเสียก่อนเล่าว่าเขาจะว่าอย่างไร แล้วค่อยวิเคราะห์ร่วมกัน!”เมื่อท่านซ่งเห็นว่าสายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่ตน เขาจึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบ “ข้ากับสิงอวี๋มีมุมมองที่เหมือนกัน ฮูหยินเฉิงมิได้มีเนื้องอกในสมอง!”ทันทีที่คำนี้ออกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่อยู่รอบนอกก็ตะโกนขึ้นมาเป็นคนแรก “ท่านซ่ง ท่านมิได้พูดอย่างใจดีออกมาเพื่อช่วยสิงอวี๋ใช่หรือไม่?”“เนื่องจากพวกเราทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ใต้หล้านี้ ผู้เดียวที่สามารถทำการผ่าตัดกะโหลกเพื่อนำเนื้องอกในสมองออกได้ก็คือหลิงอวี๋!”“สิงอวี๋มิอยากยอมรับตัวตนของนาง ดังนั้นเรื่องที่ฮูหยินเฉิงมีเนื้องอกในสมองนั้นนางก็อาจปฏิเสธได้! แต่ในเมื่อท่านเป็นสหายของเจ้าสำนักศึกษาจิน ก็ควรจะยึดถือในหลักการตามข้อเท็จจริง และพูดในสิ่งที่เป็นจริงนะเจ้าคะ!”ฮูหยินเฉียวก็เอ่ยออกไปอย่างก้าวร้าวเช่นกัน “ข้าได้แสดงทัศนคติขอตนไปแล้วว่าจะมิสังหารหลิงอวี๋! พวกท่านก็ยิ่งมิควรละเลยชีวิตหนึ่งแล้วพูดไร้สาระออกมา!”“ปรมาจารย์หลายคนล้วนบอกว่า ฮูหยินเฉิงมีเนื้องอกในสมอง มีแต่พวกท่านสองคนที่ม
แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะโกรธที่แม่ทัพเฉิงร่วมมือกับตระกูลเฉียวทำให้หลิงอวี๋ต้องลำบาก แต่เมื่อเห็นสีหน้าสิ้นหวังของแม่ทัพเฉิง ในใจก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาพูดไปพูดมา แม่ทัพเฉิงก็ใส่ใจฮูหยินเฉิงมากเช่นกัน ดังนั้นจึงไปช่วยคนชั่วทำเรื่องที่มิดีหากเป็นตนแล้วหลิงอวี๋ต้องเผชิญกับความเป็นความตาย ขอเพียงสามารถช่วยนางได้ เขาเองก็จะทำทุกอย่างโดยมิสนใจความยุติธรรมและกฎเกณฑ์ใด ๆ เช่นกันเย่หรงก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เขามองแม่ทัพเฉิงอย่างสับสน แต่สิ่งที่คิดอยู่นั้นก็คือ‘หากท่านแม่ของตนได้พบกับบุรุษที่มีเมตตาและคุณธรรมเช่นแม่ทัพเฉิง นางจะไปถึงจุดที่ต้องทนทุกข์มากถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?’เย่หรงคิดแล้วจ้องเย่ซื่อเจียงที่ยืนอยู่ด้านบนอย่างดุร้ายไหนเลยจะรู้ว่าเย่ซื่อเจียงหันกลับมาพอดีโดยมิตั้งใจ เขาจึงเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเย่หรงเย่ซื่อเจียงใจสั่นขึ้นมาทันทีเดิมทีเขาควรจะโกรธเคืองเย่หรงที่เนรคุณ เพราะตนยอมให้เขาเติบโตมาในตระกูลเย่ แม้มิได้มีบุญคุณที่ให้กำเนิด แต่ก็มีบุญคุณที่เลี้ยงดูแต่เมื่อเขาเห็นดวงตาที่ดูคล้ายกับเลี่ยวหงเสียของเย่หรง ความโกรธก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิดอย
ทุกคนล้วนได้ยินคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยท่านซ่งสวมหน้ากากไว้ จึงไม่มีใครดูออกว่าเขาได้ยินคำพูดนี้แล้วโกรธหรือไม่แต่เจ้าสำนักศึกษาจินกลับหัวเราะเหอะ ๆ แล้วมองไปทางไป่หลี่ไห่และเจ้าวังเจียวอย่างเย้ยหยันนับดูแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของเฟิงหลานภรรยาของเจ้าวังเจียว และกับไป่หลี่ไห่ก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างครูและบัณฑิตเท่านั้นเจ้าสำนักศึกษาจินส่ายหัวให้เฟิงหลานแล้วเอ่ย “ฮูหยินเจียว ศิษย์ของเจ้าผู้นี้ที่จริงก็มิเท่าไรนะ! ไม่มีความสามารถก็ช่างเถิด ยังจะพูดจาคมคายอีก ช่างทำให้คนรำคาญจริง ๆ!”เฟิงหลานปกป้องศิษย์ของตน นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักศึกษาจิน หรุ่ยหรุ่ยแค่เป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาเท่านั้น นางยังมิได้แต่งงาน ท่านต่อว่านางเช่นนี้จะมิยุติธรรมกับนางนะ!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็รู้สึกว่านางมิได้พูดผิดอันใด เจ้าสำนักศึกษาจิน เจ้าวังฉู่และท่านผู้เฒ่าเย่ล้วนเป็นผู้อาวุโส คนสกุลซ่งผู้นี้สวมหน้ากากที่น่าอายเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกท่าน เป็นการมิให้ความเคารพและมิเปิดเผยมากพอด้วย!”เมื่อท่านผู้เฒ่าเย่ได้ยินเฟิงหลานลากตนเข้าไปในกลุ่มด้วย เขาก็เอ่ยขึ้นมาทันที “ข้ามิได้คิดมากเท่า
คนมิน้อยต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของท่านซ่งมีเหตุผลตาเฒ่าประหลาดเทียนซู สามีภรรยาตระกูลเจียวแห่งวังเทียนจี เจ้าสำนักศึกษาจิน ปรมาจารย์เย่และปรมาจารย์ไป่หลี่ มีใครบ้างที่มิใช่ปรมาจารย์ชั้นนำในเมืองหลวงแดนเทพแม่ทัพเฉิงมิขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์เหล่านี้ แล้วไปขอความช่วยเหลือแค่หลิงอวี๋ผู้ที่ช่วยท่านแม่ของข้าหลวงเก๋อเพียงผู้เดียว เช่นนั้นจะมิเป็นการจัดลำดับความสำคัญผิดหรือไร?แม่ทัพเฉิงจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “การได้รับคำแนะนำจากปรมาจารย์ทั้งหลายนับว่าเป็นโชคดีของฮูหยินข้า เสี่ยวเหล่ย พาแม่ของเจ้ามาสิ!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าตนเกือบจะทำสำเร็จแล้ว จะบีบให้สิงอวี๋เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงได้แล้วไหนเลยจะคาดคิดว่าท่านซ่งผู้นี้จะปรากฏตัวออกมา แล้วนางจะยอมได้อย่างไรกัน!“แม่ทัพเฉิง ฮูหยินเฉิงได้รับความทุกข์ทรมานมามากแล้ว อย่าให้นางทรมานอีกเลย!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ “ก่อนหน้านี้ท่านเคยให้รองเจ้าสำนักศึกษาต่งและปรมาจารย์ไป่หลี่ตรวจดูแล้วมิใช่หรือ? พวกเขาต่างก็ทำอะไรมิได้ ทรมานฮูหยินเฉิงต่อไปอีกก็ไม่มีความหมายหรอก!”“ท่านซ่ง มิใช่ว่าข้าดูถูกพวกท่าน แต่สิ่งที่หลิงอวี๋ทำได้ พวกท่านท
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว!หลิงอวี๋มิสามารถใช้ความเห็นอกเห็นใจที่ผู้อื่นมีต่อตนเองเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อีกแล้วส่วนบรรดาคนที่ช่วยนางพูดก่อนหน้านี้ก็มิสามารถช่วยได้อีก เพราะฮูหยินเฉียวดูน่าสงสารยิ่งขึ้นแล้ว!เซียวหลินเทียนทั้งโกรธทั้งนับถือจ้าวหรุ่ยหรุ่ย สตรีผู้นี้ฉลาดมิแพ้หลิงอวี๋เลยแม้แต่น้อย นางควบคุมธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างชำนาญ และใช้ได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วยหลิงอวี๋ก็มีความคิดเช่นเดียวกัน นางจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน!“เหอะ ๆ... เหล่าจิน คิดมิถึงว่าการออกมาท่องหล้ากับเจ้าในวันนี้แล้วจะได้เห็นเรื่องสนุกเช่นนี้!”ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่เอ่ยปากทำลายสถานการณ์อึดอัดนี้ จะเป็นบุรุษผู้สวมหน้ากากทองสำริดที่มิพูดจามาตลอดนับตั้งแต่มาถึงสำนักศึกษาชิงหลง… ท่านซ่ง!เสียงของเขาดังออกมาจากหลังหน้ากาก ฟังดูทุ้มและแหบเล็กน้อยเจ้าสำนักศึกษาจินลอบถอนหายใจโล่งอก เขากำลังกังวลมิรู้ว่าจะจบลงอย่างไร แต่เจ้าคนพูดน้อยผู้นี้ยอมพูดออกมา นั่นก็หมายความว่าเรื่องราวจะมีการเปลี่ยนแปลง“ข้าดูอยู่นานแล้ว และอดมิได้จริง ๆ ข้าอยากจะถามสตรีผู้นั้น...”ท่านซ่งชี้ไปทางจ้าวหรุ่ยหรุ่ย“เจ้าบ
เมื่อแม่ทัพเฉิงเห็นว่าสถานการณ์กลับมาในทางที่ถูกต้องแล้ว เขาจึงรีบเอ่ยออกไป “สิงอวี๋ ข้ามิสนว่าเจ้าจะเป็นหลิงอวี๋หรือไม่ ในเมื่อเจ้าสามารถเอาชนะปรมาจารย์ไป่หลี่ ทั้งยังทำให้เจ้าวังฉู่ยอมศิโรราบได้ เจ้าก็มีความสามารถที่จะช่วยฮูหยินของข้าได้!”“โปรดให้ความช่วยเหลือ ช่วยฮูหยินของข้าด้วยเถิด!”หลิงอวี๋มองจ้าวหรุ่ยหรุ่ยด้วยใบหน้าตึงเครียดนางมองออกแล้ว จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการบีบให้ตนลงมือทว่าหากนางช่วยฮูหยินเฉิง นั่นจะมิเป็นการพิสูจน์ว่าตนคือหลิงอวี๋หรือ?ฮูหยินเฉิงป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง หากมิผ่าตัดก็ไม่มีทางช่วยนางได้!“พี่หญิงสิง ขอร้องท่านช่วยท่านแม่ของข้าด้วยเถิด!”ผู้ที่เฝ้าอยู่ข้างเกี้ยวของฮูหยินเฉิงตลอดเวลาคือเฉิงเหล่ยลูกสาวคนเล็กของแม่ทัพเฉิง ปีนี้นางเพิ่งจะอายุสิบสามปี รูปร่างหน้าตางดงาม แม้ว่าใบหน้ายังมิโตเต็มที่แต่ก็มีเค้าของความงามแล้วดวงตาของนางแยกเป็นสีดำและสีขาวอย่างชัดเจน และมัดผมเป็นมวยทั้งสองข้างน้ำเสียงของนางอ่อนเยาว์ พูดคำนี้ออกมาพร้อมเสียงสะอื้นและคุกเข่าลงกับพื้นเฉิงเหล่ยเป็นเด็กแต่ก็ฉลาดมาก เมื่อครู่นางเห็นฮูหยินเฉียวจับสิงจั๋วเป็นตัวประกันไปข่มขู่สิงอวี๋ก
เซียวหลินเทียนผลักดันการแสดงที่หลิงอวี๋เป็นผู้นำให้ไปถึงจุดสูงสุด หลิงอวี๋รู้อยู่แก่ใจ แล้วจะลบความดีของเขาออกไปอย่างขัดกับความรู้สึกได้อย่างไรเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองอยู่ที่ด้านข้าง เดิมทีนางคิดว่าด้วยนิสัยของหลิงอวี๋แล้ว เมื่อเห็นว่าฮูหยินเฉียวใช้ชีวิตของสิงจั๋วมาข่มขู่ นางจะต้องยอมรับอย่างแน่นอนไหนเลยจะคิดว่าเรื่องราวจะหลุดจากการควบคุมแล้วกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ล้มเหลวในตอนสุดท้ายเสียได้!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าฮูหยินเฉียวทำให้ทุกคนโกรธ ก็รู้สึกเสียดายอยู่ในใจ แต่สายตาก็มองไปทางแม่ทัพเฉิงวันนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะพิสูจน์ว่าสิงอวี๋คือหลิงอวี๋หรือไม่ หากพลาดโอกาสนี้ไป ต่อไปหากจะพิสูจน์อีกก็ยากแล้วไหน ๆ แม่ทัพเฉิงก็มาแล้ว จะมิใช้ให้คุ้มค่าได้อย่างไรเล่า!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิกลัวที่จะเป็นจุดเด่นแล้ว เพื่อที่จะจับหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียน วันนี้ตระกูลเฉียวจึงนำยอดฝีมือจำนวนมากมาสำนักศึกษาชิงหลงด้วยแม่ทัพเฉิงเองก็นำกลุ่มทหารมาเช่นกัน หากวันนี้มิสามารถจับทั้งสองคนได้ พวกเขาก็ไม่มีโอกาสแล้ว“สิงอวี๋ สิ่งที่ฮูหยินเฉียวทำนั้นมิถูกต้อง นางมิควรจับตัวพี่ชายเจ้ามาข่มขู่เจ้า! พฤติกรรมเช