ก่อนการประลองจะสิ้นสุดลง?ฉินซานกับเผยอวี้ได้ยินคำพูดของเซียวหลินเทียนแล้วก็มองหน้ากันไปมาเผยอวี้อยากจะร้องไห้มิใช่เพราะเซียวหลินเทียนให้เวลาพวกเขาน้อยเกินไปหรอก!แต่ว่า ในฐานะที่เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น เขาจะต้องตกต่ำจนกลายเป็นโจรปล้นทรัพย์หรือ?ฝ่าบาท นี่คือการลงโทษที่พวกเราประมาทจนทำให้สิงจั๋วถูกแก้แค้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?ฉินซานมิได้ “อ่อนไหว” ดังเช่นเผยอวี้ เมื่อเขาได้รับบัญชาจากเซียวหลินเทียนมา สมองของเขาก็ครุ่นคิดในทันทีมีเวลาเพียงแค่หนึ่งวันกว่าเท่านั้น จะไปชิงทรัพย์สินของตระกูลเหมียวมาโดยที่มิถูกจับได้ได้อย่างไร?ฉินซานมิได้รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนกำลังลงโทษพวกเขา เขาเข้าใจว่าคำสั่งของเซียวหลินเทียนเป็นการระบายความโกรธแทนหลิงอวี๋และสิงจั๋วแต่ฉินซานและเผยอวี้ต่างก็เป็นแม่ทัพของราชสำนัก พวกเขามิเคยทำเรื่องการปล้นมาก่อน พวกเขาจึงมิรู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดทั้งสองคนอับจนหนทาง คิดแผนไว้สองสามแผนแต่ก็รู้สึกว่ามิเหมาะสมสักแผนแล้วจู่ ๆ ฉินซานก็นึกถึงเย่หรงขึ้นมา ช่วงนี้เย่หรงกำลังคิดวิธีหาเงินอยู่ ฉินซานมีสัญชาตญาณบางอย่างว่าเย่หรงจะต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่
เย่หรงยิ่งคิดก็ยิ่งสนใจ ฉินซานสามารถบอกความลับเรื่องการปล้นให้ตนฟังได้ หากว่าตนช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย เช่นนั้นก็จะเป็นการสร้างพันธมิตรโดยปริยาย“ข้าต้องการแค่สองส่วนเท่านั้น!”เย่หรงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ส่วนอีกสองส่วน ก็ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่ข้าให้พวกท่านล่วงหน้า!”“พี่อู่ ข้าก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องการให้พวกท่านช่วยเช่นกัน จัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อนแล้วข้าค่อยบอกท่านก็แล้วกัน!”เมื่อฉินซานเห็นว่าเย่หรงตกลง เขาก็เอ่ยออกไปทันที "พี่หรงเต็มใจที่จะช่วยพวกเรา หากท่านมีความยากลำบากใด พวกเราก็จะช่วยโดยมิลังเลเช่นกัน!”“เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ จัดการเรื่องนี้ก่อนค่อยว่ากัน!”“วันมะรืนคือวันที่เสี่ยวชีกับไป่หลี่ไห่จะประลองกัน พี่หรง ตระกูลเหมียวกำลังเตรียมเงินที่จะมอบให้ไป่หลี่ไห่ พวกเราต้องลงมือชิงมาก่อนที่ตระกูลเหมียวจะส่งเงินให้ไป่หลี่ไห่!”“มิเช่นนั้นหากเงินไปที่บ้านของไป่หลี่ไห่แล้วจะยุ่งยากเอาได้!”สมองของเย่หรงก็ครุ่นคิดเช่นกันฉินซานพูดถูก ตระกูลเหมียวบรรจุเงินลงกล่องแล้วแต่ยังมิได้ขนย้ายไป เวลานี้คือโอกาสในการปล้นที่ดีที่สุดหากส่งไปถึ
ฉินซานรู้สึกสนใจขึ้นมา “หืม มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ด้วยหรือ หลังจากนี้หากมีโอกาสก็แนะนำให้ข้ารู้สึกหน่อยสิ!”เซียวหลินเทียนต้องการคนที่มีความสามารถในเมืองหลวงแดนเทพจำนวนมาก หากมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ แล้วแนะนำให้เขา เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ“วันหลังเจ้าก็จะได้พบกับนาง!”เย่หรงยังคงต้องการความช่วยเหลือจากฉินซานเรื่องช่วยท่านแม่ ถึงเวลานั้นค่อยแนะนำเสี่ยวชีให้เขารู้จักทั้งสองคนคุยเรื่องรายละเอียดกันอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ แล้วพวกเขาก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดำเนินการฉินซานกลับไปที่คฤหาสน์อู่ และบอกเรื่องความคิดของเย่หรงให้เซียวหลินเทียนกับเผยอวี้ฟังเผยอวี้กำหมัดชกมืออีกข้างหนึ่งของตนอย่างตื่นเต้น แล้วตะโกนขึ้นมา “สวรรค์… หากเย่หรงผู้นี้มิไปเป็นโจรก็ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!”“มีความกล้าหาญมีกลอุบาย ทั้งยังคิดแผนการได้เหนือความคาดหมายเช่นนี้ หากทำมิสำเร็จก็คงจะรู้สึกผิดต่อเขาแล้ว!”ความสนใจของเซียวหลินเทียนอยู่ที่ประโยคสุดท้ายที่ฉินซานกับเย่หรงคุยกัน“เย่หรงบอกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจากคนผู้หนึ่งมาหรือ?”ฉินซานพยักหน้าอย่างมิรู้ตัว “เขาบอกเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”มุมปากของเ
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อคิดได้ว่าหลิงอวี๋อาจจะเข้าร่วมในเรื่องนี้ เผยอวี้กับฉินซานก็ล้วนมิรู้สึกว่าจะมีอะไรผิดปกติแม้ว่าหลิงอวี๋จะสูญเสียความทรงจำไป แต่นางก็มิได้สูญเสียความมีเหตุผล ความฉลาดและความใจดีไปด้วย ในเมื่อนางสนับสนุนเย่หรง เช่นนั้นพวกเขาก็จะเห็นแก่นางและช่วยเย่หรงเช่นกันเซียวหลินเทียนก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เรื่องที่หลิงอวี๋ทำล้วนมีเหตุผลของนาง หากนางเข้าร่วมแผนการแหกคุกของเย่หรง เช่นนั้นเขาก็ต้องปกป้องคนเหล่านี้ให้ปลอดภัย“ให้สือหรงไปทำความเข้าใจการจัดการคุกน้ำที่สระเก้ามังกรมาให้ละเอียด การประลองของหลิงอวี๋กับไป่หลี่ไห่ในวันมะรืนนี้จะต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน… ข้ารู้สึกว่าหลิงอวี๋จะมิอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพอีกต่อไปแล้ว!”“ก่อนที่นางจะไป นางจะต้องคิดวิธีช่วยเย่หรงช่วยท่านแม่ของเขาออกมาเป็นแน่ พวกเราจะปล่อยให้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้และฉินซานต่างรู้สึกได้ว่าพายุใกล้เข้ามาแล้ว การประลองครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งที่จะตัดสินว่า พวกเขาจะไปหรือจะอยู่ จะรอดหรือจะตายหลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว เซียวหลินเทียนก็ตกสู่ห้ว
หา!เย่ซื่อฝานตกตะลึง ตกใจกับคำพูดของท่านผู้เฒ่าเย่จนพูดมิออกหลิงอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่หัวใจกลับสงบลงทันทีเจ้าวังเทียนจีก็คืออาจารย์ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลงอิงและแม้กระทั่งเฉียวเค่อ จุดประสงค์ในการลงจากภูเขาของพวกเขามิแน่ว่าจะมาเพื่อช่วยไป่หลี่ไห่!พวกเขามาเพื่อหลิงอวี๋ต่างหาก!แต่หลิงอวี๋ก็คือตนเอง!สิ่งนี้ไป ๆ มา ๆ ก็ล้วนมาเพื่อจัดการกับตนกันทั้งนั้น ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือตอนนี้พวกเขายังมิรู้ว่าเป้าหมายที่พวกเขาต้องการจัดการนั้นคือคนคนเดียวกัน!ส่วนทางท่านผู้เฒ่าเย่ เนื่องจากความสัมพันธ์ของหลงอิงและจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าคนของวังเทียนจีมาเพื่อช่วยเหลือไป่หลี่ไห่“ใต้หล้านี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เหตุใดจึงเต็มไปด้วยคนที่ไร้ยางอายมากถึงเพียงนี้!”ท่านผู้เฒ่าเย่ทั้งกังวลทั้งโกรธ ต่อหน้าหลิงอวี๋มิอาจพูดออกไปได้ ทว่าก็แอบบ่นอยู่ในใจนี่สวรรค์ต้องการทำลายตระกูลเย่หรือไร?“ท่านพ่อ ท่านบอกว่าเชิญคนมาเพื่อดูแลเรื่องความยุติธรรมมิใช่หรือ?”เย่ซื่อฝานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความหวัง“ข้าไปเชิญแล้วแต่เขามิอยู่ ข้าจึงทิ้งข้อความไว้ หากเขาได้รับข้อความ วันพรุ่งเขาก็คงจะมา!
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาและกำลังคิดว่าจะไปทำอาหารเช้า แต่ไป๋อวี้ดันวิ่งออกมาพร้อมรอยยิ้มแล้วก็เอ่ยขึ้นมา “แม่นางสิง มิต้องทำอาหารเช้าแล้ว ท่านหญิงบอกว่านางจะส่งอาหารเช้ามาให้!”เป็นดังที่คาด ไป๋อวี้ยังพูดมิทันจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วไป๋อวี้จึงวิ่งไปเปิดประตู และเมื่อหลิงอวี๋เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ตกตะลึงไปมิเพียงแต่หลงเพ่ยเพ่ยเท่านั้นที่มา เหลยเหวิน จงเจิ้งเฟย อู่เถาและคนอื่น ๆ ล้วนมากันทั้งหมด“ศิษย์พี่หญิง พวกเรามากินอาหารเช้ากับเจ้า กินเสร็จแล้วเราก็ไปสำนักศึกษาชิงหลงด้วยกันเลยเถิด!”พวกเหลยเหวินพากันเดินเข้าไปพร้อมกับกล่องอาหารเรื่องการประลองพวกนางมิสามารถช่วยหลิงอวี๋ได้ พวกนางจึงใช้วิธีนี้เพื่อบอกกับหลิงอวี๋ว่านางมิได้ตัวคนเดียวหลิงอวี๋เผยยิ้มเล็กน้อย นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักนางมิได้ตัวคนเดียว นางยังมีสหาย!“สิงอวี๋ ข้าซื้ออาหารเช้าจากภัตตาคารที่ดังที่สุดในเมืองหลวงแดนเทพมาให้เจ้าทั้งหมดเลย รับน้ำใจไว้เถิด กินให้มาก ๆ นะ!”หลงเพ่ยเพ่ยเองก็จัดเตรียมอาหารเช้าออกมาอย่างกระตือรือร้นไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องการประลอง แล้วก็แย่งกันส่งชามและตะเกียบให้หลิง
สิ่งที่เถาจื่อคิดได้ จงเจิ้งเฟยก็คิดได้เช่นกัน นางห้ามมิให้เถาจื่อพูดต่อก็เพราะกังวลว่าหลิงอวี๋จะกลัวหากเป็นเช่นนี้ยังมิทันได้เริ่มการประลอง ขวัญกำลังใจของหลิงอวี๋คงได้ตกต่ำลงไปก่อนแล้วถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นนั้นก็พูดให้น้อยลงหลิงอวี๋จะได้กังวลน้อยลงกลุ่มพวกนางจึงล้อมรอบหลิงอวี๋ไว้แล้วเดินไปทางหอปรุงโอสถหอปรุงโอสถมีคนเบียดเสียดกันจนเต็มพื้นที่ มิเพียงแต่คนของหอปรุงโอสถเท่านั้นที่มาชม แต่คนของหออื่น ๆ ก็มากันทั้งหมดเป็นดังที่เย่หรงคาดเอาไว้ พ่อแม่ของเหมียวหยางก็มาเช่นกัน ทั้งยังใช้เกี้ยวแบกเหมียวหยางเข้ามาด้วยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มาแล้วเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าก็ด่าทอขึ้นมา“สิงอวี๋ เหตุใดเจ้าจึงโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าดูเสีย เจ้าทำให้ศิษย์พี่ของข้าทรมานจนเป็นอย่างไรไปแล้ว?”“ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยไปหมด มีไข้สูงอยู่ตลอด ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วเจ้าก็ยังมิยอมให้ยาแก้พิษแก่เขา จิตใจช่างชั่วร้ายนัก!”เกี้ยวที่เหมียวหยางนั่งอยู่เปิดม่านขึ้น เขาเอนตัวนั่งพิง ตุ่มน้ำที่เต็มใบหน้านั้นก็เน่าเปื่อยจนมองมิเห็นถึงสภาพในอดีตแล้วฮูหยินเหมียวอยู
บุรุษผู้นี้ประณีตเกินไปแล้ว!ขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่นั้น เจียวหัวก็เดินผ่านพวกนางไปข้างหน้าแล้ว หลิงอวี๋สังเกตเห็นจากหางตาว่ามือเรียวยาวของเขายกขึ้นแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อกว้างแต่ในช่วงเวลานี้ หลิงอวี๋ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าเล็บของเขาถูกทาสีเป็นสีแดงเลือดเช่นกันสีนั้นตัดกับมือขาว ๆ ของเขา เมื่อดูไปแล้วก็งดงามยิ่งนัก ทว่าหากเป็นสตรีที่ทาสีเล็บ หลิงอวี๋ก็คงมิรู้สึกแปลกใจแต่เมื่อเป็นเจียวหัว ความรู้สึกแรกของหลิงอวี๋ก็คือแปลกประหลาด!นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋เห็นบุรุษทาสีเล็บในเมืองหลวงแดนเทพ!เหตุใดบุรุษผู้นี้จึงมีลักษณะไปทางสตรีกันนะ?ส่วนเฟิงหลานนั้นดูปกติมาก เนื่องจากดูแลตัวเองเป็นอย่างดีนางจึงมีรูปลักษณ์ที่งดงามนางสวมชุดกระโปรงสีแดงกุหลาบซึ่งช่วยขับให้ผิวของนางดูผ่องใสดวงตาหงส์คู่นั้นดูแวววาวเป็นประกายระยิบ มองไปแล้วดูมีเสน่ห์เหลือหลายคนกลุ่มนี้มาด้วยกัน และเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งมาก เมื่อเทียบกับฝั่งของหลิงอวี๋แล้วก็คือกลุ่มที่มีความเหนือกว่าเถาจื่อเหงื่อตกแทนหลิงอวี๋ ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งมากมายเช่นนี้ ฮองเฮาของนางควรจะรับมืออย่างไรดีเล่า!เย่ซื
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต