องครักษ์ตระกูลไป๋ที่ไป๋เส้าเจี๋ยพามา ไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้อง พวกเขาก็ถูกตัดท่อนร่างนับไม่ถ้วนด้วยเส้นไหมวิญญาณโลหิต และล้มลงกับพื้นเสียงดังตุบ ๆๆหมอกเลือดปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ทำให้เงาคนดูพร่าเลือนเมื่อหมอกเลือดสลายไป ดวงตาของไป๋เส้าเจี๋ยก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความไม่อยากจะเชื่อจากนั้นก็มีเสียงปังดังออกมาจากร่างกายของเขาร่างก็แยกออกจากกัน แขนขาขาดออกจากร่างล้มลงกับพื้นดังตุบเสียงกรีดร้องดังหนวกหูจึงดังขึ้น“ไป๋ซวง เจ้ามันหญิงสารเลว เจ้าต้องไม่ตายดี!”ไป๋เส้าเจี๋ยที่แขนขาถูกตัดขาด ทำได้เพียงมองดูอย่างทำอะไรไม่ได้สตรีที่คล้ายเดินออกมาจากนรกผู้นั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีเสน่ห์“ข้าตายอย่างไร เกรงว่าเจ้าคงไม่มีเป็นวันได้เห็นแล้ว แต่ข้าสามารถตัดสินใจได้เลย ว่าเจ้าจะตายอย่างไร!”ไป๋ซวงหยิบผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมสีขาวออกมา แล้วค่อย ๆ บรรจงเช็ดเส้นไหมวิญญาณโลหิตให้สะอาดเส้นไหมวิญญาณโลหิตเป็นอาวุธชั้นยอด คมกริบเป็นที่สุด สามารถสังหารหลายพันคนได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยเลือดนางเช็ดเส้นไหมวิญญาณโลหิต เป็นเพียงนิสัยส่วนตัวเท่านั้น นางยิ้ม ก่อนจะเก็บเส้นไหมวิญญาณเลือดเข้าไปในกำไ
เขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆไป๋ซวงไม่ใช่คนด้วยซ้ำ!นางเป็นตัวตนที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ!สิ่งที่ไป๋ซวงกำลังรอก็คือคำพูดนี้ของไป๋เส้าเจี๋ยนางจึงเก็บกระบี่กลับมาและมองไปที่ไป๋เส้าเจี๋ยอย่างเย็นชา“สัญญากับข้า ไม่เช่นนั้นต่อให้เจ้าฆ่าข้า เจ้าก็ไม่อาจหาไป๋เฉินเจอได้”“ได้”ไป๋ซวงพูดอย่างเฉยเมย แต่ไป๋เส้าเจี๋ยดูเหมือนจะโล่งใจเขาถอนหายใจยาวอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะพูดออกมาช้าๆ“ไป๋เฉินอยู่ในสำนักศึกษาเต๋อของตระกูลไป๋”“เหลิ่งเย่ พาคนกลับไป แล้วส่งคนไปตรวจสอบที่สำนักศึกษาเต๋อ ถ้าไป๋เฉินอยู่ที่สำนักศึกษาเต๋อให้ฆ่าไป๋เส้าเจี๋ยได้เลย ถ้าเขาไม่อยู่ที่สำนักศึกษาเต๋อ ให้ทำให้ไป๋เส้าเจี๋ยเป็นหมูมนุษย์ แล้วเลี้ยงไว้ที่ประตูสำนักศึกษาเสีย”เมื่อไป๋ซวงพูดจบ นางก็ไม่สนใจไป๋เส้าเจี๋ยอีก มุ่งตรงไปที่ไป๋หงหย่วนทันทีเหลิ่งเย่เหลือบมององค์ชายราวกับมีคำถามทว่าสายตาของจวินจิ๋วอิ่นจับจ้องไปที่ไป๋ซวงอยู่ตลอดเวลาเมื่อรู้สึกว่าเหลิ่งเย่ไม่เคลื่อนไหวสักที จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองในดวงตามีความไม่พอใจปะทุขึ้นมา“ยืนนิ่งอยู่ทำไม? รีบไปจัดการสิ” ร่างกายของเหลิ่งเย่สั่นเล็กน้อย รีบหันไปทำงานของตนทันที“เดี
“ซวี่เป่า หลานชายของท่านยังรอท่านอยู่ที่บ้านนะขอรับ!”“หลาน... หลานชาย...”ไป๋หงหย่วนตกใจอย่างยิ่ง ลิ้นพันพูดไม่ชัดขึ้นมากะทันหันไม่ได้เจอกันมาเจ็ดปี ตอนนี้ซวงเอ๋อร์อายุยี่สิบหนาวแล้วควรสร้างครอบครัวแล้ว!แต่ถึงอย่างไร เขาก็พลาดช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของลูกสาวไปแล้ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจไป๋ซวงจ้องมองจวินจิ๋วอิ่นด้วยความโกรธ นางยังไม่คิดจะบอกท่านพ่อนางเรื่องของพวกเราแต่จวินจิ๋วอิ่นกลับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ไม่แม้แต่จะมองหน้าไป๋ซวง“ท่านพ่อตา ลูกเขยแบกท่านเองขอรับ”พูดจบ เขาก็ค่อยๆ นั่งยองๆ ต่อหน้าไป๋หงหย่วนไป๋หงหย่วนมองไปที่เสื้อผ้าอันงดงามของจวินจิ๋วอิ่น ก็รู้ว่าเขามีสถานะที่ไม่ธรรมดาแล้วหันกลับมามองดูเสื้อผ้าขาดเป็นรูของตน เขากล้าดีอย่างไรมาแบกข้ากัน?“ไม่ได้หรอก เสื้อผ้าของข้าสกปรกมา จะไปทำให้เสื้อผ้าของเจ้าสกปรกได้อย่างไร?”ไป๋หงหย่วนมองไปยังไป๋เฉิงจื้อที่เพิ่งตื่นขึ้นมาไม่ไกลและโบกมืออย่างรวดเร็ว“พี่เฉิงจื้อ ท่านมาช่วยข้าที”ไป๋ซวงขมวดคิ้ว นี่คงเป็นสมาชิกของตระกูลไป๋ด้วยเมื่อครู่ตอนที่นางเข้ามา ยังชี้กระบี่ไปที่ท่านพ่อของตนด้วยซ้ำแต่แววตาของท่านพ่อ กลับดูเ
ไม่เพียงแต่ไป๋เฉิงจื้อเท่านั้น แม้แต่ไป๋หงหย่วนที่อยู่ด้านข้างยังมองไป๋ซวงด้วยความตกใจหลังจากนั้นไม่นาน ไป๋เฉิงจื้อก็กลับมามีสติอีกครั้งเขามองไป๋ซวงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สายตาแฝงไปด้วยความสับสนอย่างยิ่ง “ซวงเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ไม่ว่าไป๋ซวงจะมีความสามารถแค่ไหน สุดท้ายนางก็ยังเป็นสตรีตอนนี้ไป๋หงหย่วนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์แล้วและเขารู้ดีว่าตนเองไม่ใช่ผู้ที่สามารถท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลได้อย่างแน่นอนใบหน้าของไป๋ซวงไร้การแสดงออกที่เกินงามเมฆาสงบนิ่ง สายลมพัดเบา ๆ ราวกับว่านางกำลังพูดถึงเรื่องธรรมดา“ไป๋เส้าเจี๋ยตายอนาถเช่นนี้ ตระกูลไป๋ไม่ยอมรามือง่าย ๆ แน่ แม้ว่าจะต้องแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลไป๋ หัวหน้าตระกูลคนใหม่ก็จะทำบางอย่างเพื่อรักษาเสถียรภาพของตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ส่วนื่นลุงเฉิงจื้อ ไป๋เส้าเจี๋ยตายอนาถที่นี่ ตระกูลไป๋ก็ไม่ยอมปล่อยท่านไปเช่นกัน”ท้ายที่สุดแล้ว ผู้คนเกือบทั้งหมดที่ไป๋เส้าเจี๋ยพามาก็พากันตายอย่างน่าอนาถเกือบทั้งหมดแต่ไป๋เฉิงจื้อกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไรนักอาศัยแค่สิ่งนี้เพียงอย่างเดียว ตระกูลไป๋ก็ไม่มีทางยอมปล่อยไป๋เฉิงจื้อ
เมื่อไป๋ซวงได้ยินเช่นนี้ นางก็ยิ้มและขอบคุณเขา “ถ้าเช่นนั้น ก็ต้องขอบพระทัยท่านอ๋องแล้วเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปมองไป๋เฉิงจื้อ“ท่านลุงเฉิงจื้อ ข้าไม่ชอบพูดอ้อมค้อม ถ้ามีอะไรข้าก็จะพูดออกมาตรงๆ ข้าอยากสร้างตระกูลไป๋ขึ้นมาใหม่ โดยมีท่านพ่อเป็นประมุขตระกูล”ทันทีที่ไป๋ซวงพูดจบ ไป๋หงหย่วนก็ส่ายหัวทันที“ซวงเอ๋อร์ ร่างกายของพ่อ…”ไป๋ซวงไม่ยอมให้ไป๋หงหย่วนพูดจบ ขัดจังหวะเขาขึ้นมา“ซวงเอ๋อร์บอกแล้วว่าสามารถรักษาอาการท่านได้ ณ ที่นี่ ซวงเอ๋อร์สัญญากับท่านพ่อและท่านลุงเฉิงจื้อว่าภายในครึ่งปี ร่างกายของท่านพ่อจะฟื้นตัวกลับสู่สภาพสูงสุดได้อย่างเต็มที่ และหลังจากนั้นหนึ่งปีก็ทำให้ระดับการฝึกปรือของท่านพ่อ ก้าวข้ามไป๋เส้าเจี๋ยได้”ไป๋ซวงดูเหมือนจะกลัวว่าไป๋หงหย่วนจะไม่เชื่อ ดังนั้นน้ำเสียงของนางจึงหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย“ท่านพ่อ ซวงเอ๋อร์ไม่ใช่คนพูดโกหก อีกอย่าง ท่านต้องเชื่อในความสามารถของนักหลอมโอสถระดับเก้า”“ระดับเก้า... นักหลอมโอสถระดับเก้า...”จู่ๆ ไป๋เฉิงจื้อก็มองไป๋ซวงด้วยความประหลาดใจ สายตาปรากฏร่องรอยความไม่อยากจะเชื่อออกมาวันนี้ ไป๋ซวงทำให้เขาตกใจมากเกินไปแล้วไป๋ซวงพยักหน้า
จีหรงที่วิ่งเหยาะ ๆ ตามมาข้างหลัง ยืนจับเข่าหอบหายใจ“ซวี่เป่า เจ้าวิ่งช้าลงหน่อย ย่าตามเจ้าไม่ทัน”ไป๋ซวงยิ้ม ลูบผมของซวี่เป่าเบา ๆ“คิดถึงแม่แล้วใช่หรือไม่?”ซวี่เป่าพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า“ท่านแม่จากไปหลายวัน ซวี่เป่าคิดถึงท่านมากขอรับ”“แม่ก็คิดถึงซวี่เป่าเหมือนกัน”ไป๋ซวงกอดซวี่เป่าแล้วเดินไปหาไป๋หงหย่วนด้วยรอยยิ้มจวินจิ๋วอิ่นมองไปที่ซวี่เป่าอย่างน้อยใจ เอ่ยปากเย้าว่า“ซวี่เป่าไม่คิดถึงพ่อหรือ พ่อก็คิดถึงซวี่เป่าเหมือนกันนะ”ซวี่เป่าเหลือบมองจวินจิ๋วอิ่นอย่างขอไปที และยิ้มอย่างไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย“คิดถึงขอรับ”จากนั้นจึงหันไปมองคนที่นั่งรถเข็นอยู่ไม่ไกลจู่ๆ จวินจิ๋วอิ่นก็รู้สึกเศร้าในใจเขาเพียงแค่จากไปไม่กี่วัน เหตุใดซวี่เป่าไม่หอมเขาแล้ว?ไป๋ซวงวางซวี่เป่าลงบนพื้นแล้วมอง มองซวี่เป่าอย่างจริงจัง“ซวี่เป่า นี่คือท่านตาของเจ้า ทักทายท่านตาเร็ว”ซวี่เป่ามองไปที่ไป๋หงหย่วนที่มีรอยแผลประปราย คิ้วเล็ก ๆ ย่นเข้าหากันทันทีไป๋หงหย่วนมองไปที่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของตน ก่อนจะคิดได้ว่าซวี่เป่าไม่ต้องการเห็นอะไรเช่นนี้เขาดูเขินอายเล็กน้อยและกำลั
ซวี่เป่าอยู่ที่หน้าประตู ส่งเสียงนุ่มนวลดังแว่วมาอย่างช้าๆ“ซวี่เป่า ชุดของแม่พังแล้ว เจ้าไปที่ห้องของแม่ ช่วยหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้แม่ที”“ได้ขอรับ ท่านแม่รอข้าประเดี๋ยวนะ”ซวี่เป่าพูดจบ ก็รีบวิ่งไปทันทีหลังจากได้ยินเช่นนี้ ไป๋ซวงก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกนางลุกขึ้นยืนช้า ๆ เช็ดร่างกายให้สะอาดหยิบเสื้อเอี๊ยมผ้าไหมออกมาจากกำไลหยกลึกลับแล้วสวมไปก่อนจากนั้นก็เช็ดผมด้วยผ้าขนหนูทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นไป๋ซวงไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ก็เอ่ยปากพูดว่า“วางเสื้อผ้าไว้บนราวตรงหน้าประตูได้เลย”ทว่าประตูกลับถูกเปิดออกและปิดลงทันทีเสียงดังปังทำให้ไป๋ซวงต้องหันกลับไปมองจากนั้น นางก็เห็นจวินจิ๋วอิ่นถือชุดสีครามไว้ในมือ ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น“เป็นท่านได้อย่างไร?”ไป๋ซวงมองดูจวินจิ๋วอิ่นอย่างสงสัย จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าในมือเขาเมื่อก่อนนางเคยสวมเสื้อเอี๊ยมอยู่บ่อยๆ จุดที่ควรปิดบังไว้ก็ปิดไว้หมดแล้วดังนั้น แม้ว่านางจะเขินอายอยู่บ้าง แต่ก็ยังสงบสติอารมณ์ได้เมื่อเทียบกับไป๋ซวง จวินจิ๋วอิ่นกลับตื่นตระหนกกว่ามากเสื้อเอี๊ยมพาดไหล่เรียว เผยให้เห็นผิวขาวนวลแ
จวินจิ๋วอิ่นก้มศีรษะลง มองเห็นริมฝีปากแดงสวยของไป๋ซวง และดวงตาเกรี้ยวกราดคู่นั้นเขาลืมใคร่ครวญไปชั่วชณะ จูบเข้าไปตามสัญชาตญาณเมื่อได้รับการตอบสนอง ก็จะยิ่งยากจะหยุดบดคลึงบนริมฝีปากของนางสมองของไป๋ซวงขาวโพลนส่งเสียงวิ้ง ๆ แม้ว่านางจะทะลุมิติช่วงเวลาต่าง ๆ แต่ภารกิจของนาง คือการสำรวจมิติต่าง ๆ ไม่มีเวลาสำหรับมีความรักเลย!อุบัติเหตุเมื่อสี่ปีที่แล้ว ทำให้นางได้ลิ้มรสชีวิตมนุษย์ครั้งแรกแต่เพราะเป็นฤทธิ์ยาที่เข้าครอบงำ นางไม่มีเวลาได้คิดอะไรมากนักตอนนี้ นางรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนรุ่มของจวินจิ๋วอิ่นและการจูบที่อ่อนโยนบนริมฝีปากหัวใจของนางเต้นรัวเร็ว ร่างกายรู้สึกอ่อนแรงอย่างบอกไม่ถูกหลังจากได้สติกลับมา นางก็ยกเท้าขึ้นกระทืบเท้าของจวินจิ๋วอิ่นอย่างแรงการเหยียบครั้งนี้ใช้แรงอย่างเต็มที่จวินจิ๋วอิ่นแค่นเสียงด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะปล่อยไป๋ซวงในขณะที่ไป๋ซวงกำลังโกรธ เขาก็รีบถอยออกไปข้างนอกอย่างรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควรเขาควบคุมลมหายใจให้มั่นคง ยกยิ้มอย่างพอใจ“ข้ามาส่งเสื้อผ้ามาให้แล้ว ฮูหยินรีบมาหน่อยนะยัง ทุกคนรอเจ้ากินข้าวอยู่”เขากล่าวจบก็หันหลังกลับและจา
รถม้าหลายคันนั้นที่อยู่ด้านหลัง มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมปกคลุมอยู่ผ้าม่านของรถม้าจงใจพับขึ้นไว้ ทำให้มองเห็นขวดและโถเหล่านั้นได้อย่างเหมาะเจาะมันเหมือนกับโถที่ใช้เป็นของขวัญตอบแทนให้กับองค์ชายเก้าในวันนั้น เกรงว่าด้านในจะเป็นของเพิ่มพลังวิญญาณเช่นกันกระมังถ้าอย่างนั้นรถม้าเหล่านั้นที่บรรทุกของมาเต็มคันรถ ทั้งหมดคือของที่พระชายาองค์ชายเก้ามอบให้ฮ่องเต้ใช่หรือไม่?ทั้งเมืองหลวงโจษจันกันเซ็งแซ่อีกครั้ง!ฮ่องเต้ทรงลากจูงรถม้าสองสามคันที่บรรทุกของเพิ่มพลังวิญญาณมาจากจวนขององค์ชายเก้าของเพิ่มพลังวิญญาณนั้น ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานอย่างมาก ในช่วงเวลานั้น ผู้คนในเมืองหลวงยิ่งตั้งหน้าตั้งตารอร้านค้าของพระชายาโจวหวันฉี่บังเอิญมองเห็นรถม้าของจวินฉงจากหน้าต่างของสถานที่พักแรมเพลิงแห่งความริษยาในดวงตาแทบจะมอดไหม้ตนเองโจวหลิงซางแตะไหล่ของน้องสาวเบา ๆ พร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบา“หวันฉี่ ไป๋ซวงผู้นั้นดูท่าจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว”นางนำสิ่งของที่เพิ่มพลังวิญญาณออกมาได้ อีกทั้งยังมีของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้นอีกจะเป็นหญิงสาวชาวชนบทได้หรือ?แม้แต่พวกเขา เกรงว่าก็ยังหาสิ่งของที่ล้ำค่าเช่
ไป๋ซวงกับจวินจิ๋วอิ่นกำลังจัดระเบียบของขวัญที่ส่งมาในช่วงหลายวันนี้ในคลังสมบัติคลังขนาดใหญ่ในตอนนี้เริ่มจะเต็มแล้วหากไม่ใช่ก่อนหน้านี้ จวินจิ๋วอิ่นส่งสินสอดจำนวนไม่น้อยไปให้ตระกูลไป๋ เกรงว่าคลังแห่งนี้คงเก็บของไม่พอเป็นแน่ทันใดนั้นหงเยว่ก็เร่งรีบเข้ามา“ทูลองค์ชาย พระชายา ฮ่องเต้กับพระสนมเอกเสด็จมาเพคะ”“มาก็มาสิ เหตุใดต้องลนลาน?”จวินจิ๋วอิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมจูงมือไป๋ซวงเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่รีบร้อนทั้งสองคนยังเดินไม่ถึงหน้าประตู พวกเขาก็เห็นจวินฉงกำลังอุ้มซวี่เป่า พร้อมกับจูงมือจีหรงเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวง จวินฉงก็มองพวกเขาอย่างไม่พอใจ “ซวี่เป่ายังรู้จักมารยาทดีเสียกว่า พอรู้ก็มารออยู่ที่ประตูทางเข้าล่วงหน้าแล้ว” ไป๋ซวงก้มหน้าผงกศีรษะ พร้อมกับมีรอยยิ้มบนมุมปาก“เสด็จพ่อทรงเอ่ยถูกต้อง ไป๋ซวงออกมาช้าไปเพคะ”นับตั้งแต่ไป๋ซวงตัดสินใจแต่งงานกับจวินจิ๋วอิ่น นางก็เปลี่ยนคำเรียกขานจวินฉงกับพระสนมเอก“หากเสด็จพ่อไม่พอพระทัย คราวหน้าลูกก็จะไม่ออกมา”จวินจิ๋วอิ่นมองจวินฉงด้วยความไม่พอใจ พร้อมดึงไป๋ซวงเข้ามาข้าง ๆ ตนจวินฉงแ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝูงชนที่อยู่หน้าประตูพากันตาลุกวาวพระชายาจะเปิดร้านเพื่อขายของเพิ่มพลังวิญญาณโดยเฉพาะ?พระชายาทรงรู้จักวิญญาจารย์ด้วยหรือ?เหตุใดพระชายาทรงยอดเยี่ยมเพียงนี้?ทั้งยังขายสมุนไพรวิเศษด้วย!ของวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านั้น พวกเขาก็เพิ่งจะเคยพบเห็นนั่นเป็นสิ่งของล้ำค่าที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้“พระชายา ของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านั้น พวกเราสามารถซื้อไหวหรือพ่ะย่ะค่ะ?”บางคนอดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้ว่า ของเพิ่มพลังวิญญาณล้ำค่าเช่นนั้น สามัญชนคนธรรมดาอย่างพวกเขาจะซื้อไหวหรือ?“สิ่งของแต่ละชิ้นล้วนมีมูลค่าของมัน สิ่งของล้ำค่าของวิญญาจารย์ และสิ่งของที่ผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าราคาก็ย่อมสูงกว่าของธรรมดาทั่วไป ทว่าขอให้ทุกคนวางใจ ร้านนี้เปิดทำการค้าก็ย่อมต้องให้ทุกคนจับจ่ายซื้อหาได้ เราถึงจะทำเงินได้มิใช่หรือ?”ทุกคนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจรู้สึกยินดีขึ้นมาทันทีพวกเขารู้ดีว่าของเพิ่มพลังวิญญาณเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีราคาสูงกว่าของธรรมดาทั่วไปทว่าได้ยินคำพูดของพระชายา ต่อให้พวกเขามีเงินใช้สอยอย่างจำกัดก็สามารถซื้อหาได้“ขอถามพระชายา ร้านนี้จะเปิดทำ
“พระชายาของเราทรงบอกว่าวันนี้เป็นวันมงคล เพื่อขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมยินดี จึงเตรียมขนมเพิ่มพลังวิญญาณมามอบให้โดยเฉพาะ”หงเยว่เอ่ยจบ นางกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังก็ยืนเรียงกันเป็นแถวยาวพร้อมกับยกจานขนมไว้ในมือและยิ้มอย่างอ่อนโยนทุกคนนึกไม่ถึงว่าพระชายาองค์ชายเก้าจะเตรียมขนมไว้ให้พวกเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังนึกไม่ถึงว่า ขนมนี้ยังผ่านการเพิ่มพลังวิญญาณด้วย ในชั้วขณะนั้น ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปห้อมล้อมกลุ่มสาวใช้เหล่านั้น กลัวว่าช้าไปจะไม่มีเหลืออีกแล้วขนมในมือของหงเยว่กับเหล่าสาวใช้มีไม่เพียงพอแน่นอนไม่นานในจานของพวกนางก็ถูกแย่งไปจนหมด คนที่ได้ขนมเหล่านั้น แต่ละคนสีหน้ายิ้มแย้ม ปากก็เอ่ยขอบคุณไม่หยุดส่วนคนที่แย่งขนมไม่ทัน สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง ทั้งมองไปยังกลุ่มคนที่แย่งขนมมาได้ด้วยแววตาร้อนผ่าวเพราะความอิจฉา“พี่ชาย ขนมนี้มีพลังวิญญาณจริงหรือ?” ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แววตาของเขาร้อนผ่าว และมองดูคนข้าง ๆ ราวกับถือของล้ำค่า ชายผู้นั้นเห็นขนมชิ้นนั้นที่ดูเหมือนขนมธรรมดาก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้“น่าจะมีนะ เจ้าดูสิขนมนี้กำลังเรืองแสงนิดหน่อย?”หลังผ่านการต่อสู
ไป๋ซวงยิ้มพร้อมแตะไหล่พ่อลูกทั้งสองคน และเอ่ยอย่างสบายใจ“พวกท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้ามีสถานะใด? จะไม่มีแม้แต่ของขวัญตอบแทนได้อย่างไร?”ไป๋ซวงเอ่ยจบก็โยนใบรายการของขวัญฉบับหนึ่งให้กับจวินจิ๋วอิ่น“ลองดูว่าพอใจกับของขวัญตอบแทนหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับรับใบรายการของขวัญนั้นมา และมองไป๋ซวงด้วยแววตารักใคร่“ขอเพียงฮูหยินเต็มใจที่จะแต่งงาน ข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น”ทว่าขณะที่เขาเห็นรายการของขวัญชัดเจนแล้ว นัยน์ตากลับเผยให้เห็นความประหลาดใจที่ระงับไว้ไม่อยู่“ฮูหยิน เกรงว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านนอกประตู จะต้องอิจฉาตาร้อนข้าเป็นแน่”เดิมทียังคิดว่าสินสอดที่ตนเตรียมไว้ถือว่าเหมาะสมแล้ว ทว่าตอนนี้เห็นของขวัญตอบแทนของไป๋ซวงแล้วเขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ตนเองได้รับมากเกินไปแล้วจวินจิ๋วอิ่นยิ้มพร้อมกับส่งใบรายการของขวัญให้มู่ซือ มู่ซือรีบนำใบรายการของขวัญไปหาหลิ่วกงกงหลิ่วกงกงดูจนแน่ใจอยู่หลายรอบ และมั่นใจว่าไม่มีการเข้าใจผิด เขาจึงประกาศออกมาด้วยความตื่นเต้น“รายการของขวัญตอบแทนของพระชายาองค์ชายเก้ามีดังนี้: โสมราชันมังกรวิเศษหนึ่งต้น ปาล์มหงอนไก่วิเศษหนึ่งต้น เถาวัลย์เขียววิ
“รายการสินสอดของท่านอ๋องเก้ามีดังต่อไปนี้ ผ้าไหมก่วงหันสิบพับ ผ้าสุ่ยอวิ๋นต้วนสิบพับ ผ้าหร่วนเยียนหลัวสิบพับ ผ้าเหลียงเหรินจิ่นสิบพับ”หลิ่วกงกงประกาศเสียงดัง ผู้คนที่ตามมาดูความครึกครื้นที่หน้าประตูจวน ต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีเพราะผ้าไหมผ้าต่วนทั้งสี่ชนิดนี้ ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าระดับชาติปกติแล้ว แม้แต่ขุนนางชั้นสูงในวัง หากได้รับผ้าเหล่านี้ปีละหนึ่งพับ ก็ดีใจจนแทบจะเสียสติแล้วฮองเฮาเคยได้รับพระราชทานผ้าเหลียงเหรินจิ่นสองพับ ถึงกับจัดงานเลี้ยงในวังเพื่ออวดผ้าเหลียงเหรินจิ่นของตัวเองโดยเฉพาะแม้แต่จีหรง ก็ยังหาผ้าไหมผ้าต่วนดี ๆ แบบนี้ในวังได้ไม่กี่พับดังนั้น เมื่อได้ยินว่าจวินจิ๋วอิ่นมอบให้ไป๋ซวงมากมายเช่นนี้พวกเขาถึงกับสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือไม่โดยเฉพาะเหล่าฮูหยิน คุณหนู ต่างพากันอิจฉาตาร้อนแต่ทว่า นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นหลิ่วกงกงกระแอม จากนั้นประกาศต่อ“หยกแกะสลักผักกาดขาวหนึ่งชิ้น แจกันหยกขาวมันแพะล้ำค่าหนึ่งคู่ ถ้วยหยกเก้าพญามังกรหนึ่งคู่ ฉากกั้นแร่มรกตลายภูเขาลำน้ำหนึ่งอัน...”“หญ้าพันวิญญาณระดับสูงสามต้น หญ้าดารามารระดับสูงสองต้น บุปผาศักดิ์สิท
“เรื่องขององค์ชายใหญ่ ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”ในเมื่อไป๋ซวงตัดสินใจที่จะลองคบหากับจวินจิ๋วอิ่น เช่นนั้นนางก็ต้องรู้สถานการณ์ของศัตรูให้ชัดเจนจวินจิ๋วอิ่นเห็นว่านางเอาใจใส่เรื่องของเขาขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก“จวินเทียนเจ๋อสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูนั้น หลักฐานมัดตัวแน่นหนา ไม่มีทางรอดพ้นได้แล้ว ส่วนหลิวซื่อข่าย ถึงแม้จะปฏิเสธหัวชนฝา และไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่พิสูจน์ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับจวินเทียนเจ๋อ แต่มีคำให้การของหลิวหย่ง ประกอบกับคำสารภาพของคนสนิทของจวินเทียนเจ๋อ เขาก็ยากที่จะรอดพ้นความผิด”จวินจิ๋วอิ่นจูงมือไป๋ซวง เดินไปนั่งด้านข้าง“หลังจากที่หลิวซื่อข่ายถูกปลดออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นคนของเราได้แล้ว”“คนของเรามีกี่คน?”ไป๋ซวงคิดว่า นางจำเป็นต้องรู้ว่าใครคือพวกเดียวกันกับนางไม่เช่นนั้น หากต้องมาเผชิญหน้ากับพวกเดียวกันเอง นั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก‘คนของเรา’ ทำให้จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาเก็บซ่อนรอยยิ้มที่หางตาไว้ไม่อยู่ จึงเอื้อมมือออกไปจับมือของไป๋ซวง“นอกจากมหาเสนาบดีเจียงเจิง หวังหยวนจากกรมอาญา หลิวซื่อข่ายจากกรม
จวินจิ๋วอิ่นเห็นท่าทางเขินอายเล็กน้อยของไป๋ซวง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาค่อย ๆ ก้มลงเก็บโฉนดที่ดินเหล่านั้นทีละใบจากนั้นก็วางลงในกล่องไม้จันทน์อย่างเรียบร้อยแล้วค่อยส่งมอบให้กับไป๋ซวง“ของเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินสอดเท่านั้น เดิมทีคิดว่าซวงเอ๋อร์ไม่มีครอบครัว จึงตั้งใจว่าจะมอบสินสอดให้ซวงเอ๋อร์โดยตรงในวันแต่งงาน แต่ในเมื่อตอนนี้ซวงเอ๋อร์หาครอบครัวเจอแล้ว เช่นนั้นข้าก็ต้องเตรียมสินสอดใหม่ตามธรรมเนียม”จวินจิ๋วอิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นก็หันไปหยิบกระดาษหนา ๆ ปึกหนึ่งออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเขียนหนังสือ“สิ่งเหล่านี้คือสินสอดทั้งหมดที่ข้าเตรียมไว้ ซวงเอ๋อร์ลองดูว่ายังมีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้ว ข้าจะเลือกวันเพื่อส่งสินสอดไปยังจวนตระกูลไป๋”ไป๋ซวงมองดูรายการสินสอดหนา ๆ เหลือบมองเพียงด้านบนสุดก็เห็นว่าล้วนแต่เป็นของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น“ดูเหมือนข้ายังไม่ได้ตอบตกลงแต่งงานกับท่านเลยนะ!”ไป๋ซวงไม่ได้รับรายการสินสอดมา แต่มองเขาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ“ไม่มีทางเลือก ตอนนี้ทุกอย่างเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพ่อตากับน้อ
พวกเขารู้สึกจริง ๆ ว่าเสด็จพ่อต้องคิดจำนวนเงินค่าเสียหายนี้เอาไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร จำนวนเงินค่าเสียหายที่องค์ชายแต่ละคนต้องจ่ายนั้นไม่เท่ากันแต่พอดีกับที่สามารถรีดไถทรัพย์สินขององค์ชายแต่ละคนไปจนหมดเกลี้ยงทว่าพวกเขาก็ได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา แล้วจดจำเรื่องทั้งหมดนี้เอาไว้งานเลี้ยงในวังที่ควรจะเต็มไปด้วยความรื่นเริง กลับกลายเป็นเช่นนี้ไหนเลยจะยังมีความปิติยินดีหลงเหลืออยู่?นอกจากจีหรงเองที่มีความสุขจนหุบยิ้มไม่ได้ เพราะลูกชายของนางได้รับทรัพย์สมบัติเกือบครึ่งหนึ่งของท้องพระคลังภายในชั่วข้ามคืน!ลูกคนอื่นล้วนถูกลงโทษ มีเพียงจวินจิ๋วอิ่นคนเดียวที่ได้รับคำชมจากจวินฉงนางช่างยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เหมือนได้ให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างจวินจิ๋วอิ่น ทำให้นางสามารถวางอำนาจในวังหลังได้จากนั้น ลูกชายก็ให้กำเนิดหลานชายที่เป็นอัจฉริยะอีกคนคิด ๆ ดูแล้ว ชีวิตช่างดีงามอะไรเช่นนี้ส่วนจวินจิ๋วอิ่นกับไป๋ซวงนั่งอยู่ในรถม้า โดยมีซวี่เป่าที่ง่วงนอนอยู่ในอ้อมแขนไป๋ซวงเห็นว่าเขาง่วงแล้ว จึงค่อย ๆ โอบกอดเขาไว้ในอ้อมแขนซวี่เป่าพยายามลุ