Share

บทที่ 390

Author: ฉินอันอัน
เพียงแค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าคนกลุ่มนี้ไม่ประสงค์ดีแน่นอน

ฉู่กั๋วกงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในทันที สั่งการไปยังพ่อบ้านอย่างเฉียบขาด “ไปเอาไม้มา! ไล่พวกชาวบ้านชั้นต่ำที่มาก่อเรื่องพวกนี้ออกไป!”

ไม่ต้องสนว่าเป็นใคร ไม่ต้องสนว่าพวกมันจะพูดอะไร วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้คือไล่คนพวกนี้ไปให้หมด!

ห้ามให้พวกมันเอ่ยปากแม้แต่คำเดียว

พ่อบ้านรีบรับคำสั่ง ไม่กล้าอืดอาดแม้แต่น้อย รีบไปเรียกรวมคนทันที

แต่สิงหมิ่นกลับมีสีหน้าลำบากใจ “ท่านกั๋วกง ท่านลองดูเถิด คนนี้เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย...”

เขายังพูดไม่ทันจบ คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นทันที “สวรรค์! โปรดมองลงมาทีเถิด! มองดูนางแพศยาเย่จิ่นซิ่วผู้นี้! นางแพศยาคนนี้สมคบคิดคนอื่นสังหารคู่หมั้นของตนเอง ยั่วยวนบุรุษที่มีภรรยาอยู่แล้ว!”

เพียงเสียงตะโกนนี้ดังขึ้น ฮูหยินหลิ่วก็เห็นว่าร่างของฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ทั้งร่างโอนเอนคล้ายจะล้มลงได้ทุกเมื่อ

นางถึงกับตกตะลึง ยืนนิ่งมองแม่สามีของตนเอง ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร

ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วก็ถึงกับสมองว่างเปล่า

นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าเรื่องเมื่อหลายสิบปีก่อนจะถูกคนขุดขึ้นมาอีกครั้ง

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (4)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
กรรมกำลังทำงานแล้วววว จัดการไอ้พวกชั่วจวนฉู่กั๋วกง
goodnovel comment avatar
smakarar
ขออีกหลายตอนหน่อยค่ะ กำลังสนุก ขัดใจมาก
goodnovel comment avatar
Sukunya Nok
ปาดด กำลังดีเลย จบไวมากคะ ขอยาวๆๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 391

    สวรรค์จะเห็นถึงความยุติธรรมหรือไม่นั้น ไป๋จื่อไม่รู้แต่ไป๋จื่อมั่นใจว่า คุณหนูของตนต้องตาแจ้งใจสว่างแน่นางเก็บก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้นมาอย่างเงียบๆ และปาไปทางจวนกั๋วกงอย่างไม่ลังเล “ปาพวกผู้ชายชั่วอย่างพวกเจ้าให้ตายไปเลย! ถุย!”ชีหยวนหันกลับมามองนางแวบหนึ่งไป๋จื่อพูดอย่างกระดากใจ “คุณหนู ข้านี่สุดจะทนแล้วจริงๆ คนพวกนี้หน้าด้านเกินไปแล้ว!”ชีหยวนส่ายหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่เป็นไร ข้าพาเจ้ามาก็เพื่อให้เจ้าทำแบบนี้แหละ”คราวก่อนที่ปาก้อนหินใส่โจวผิงก็ปาได้ไม่เลวหินก้อนหนึ่งถูกขว้างออกไป ก่อให้เกิดความปั่นป่วนอย่างรุนแรงบรรดาชาวบ้านที่ยืนมุงดูเหตุการณ์ด้วยความสนใจอยู่ก่อนหน้านี้ อารมณ์ก็ถูกจุดติดขึ้นทันทีคนที่อยู่ตรงหน้าก้มลงโขกศีรษะร้องขอความเป็นธรรมไม่หยุด แม้ว่าจะถูกบ่าวของจวนกั๋วกงที่โหดร้ายดึงกระชากและทำร้ายร่างกาย เขาก็ยังคงแหงนหน้าร้องตะโกนขอความเป็นธรรมไม่หยุด แม้หน้าผากจะแตกเลือดไหลก็ยังไม่ยอมหยุดร้องไห้ร้องขอสวรรค์ให้ความเป็นธรรมช่างน่าสงสารนัก!ถ้าไม่ใช่ว่ามีเรื่องคับข้องใจอย่างมากมาย จะมีความกล้าแบบนี้หรือ?!ให้ตายเถอะ!ฆ่าภรรยาตัวเองแล้วแย่งภรรยาคนอื่นไป ใต

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 392

    บ่าวรับใช้ต่างตกใจ กำหมัดแล้วทุบลงไปสุดแรงแต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น ชาวบ้านที่ยืนมุงดูอยู่ก็ยิ่งโกรธจัดย่ำยีคนก็ไม่ควรย่ำยีกันถึงเพียงนี้!ผู้คนพากันกรูกันเข้าไป จนเกิดการปะทะกับบ่าวรับใช้ของจวนกั๋วกงฉู่กั๋วกงถึงกับตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าพวกชาวบ้านชั้นต่ำพวกนี้ ปกติแต่ละคนขี้ขลาดตาขาวไม่ใช่หรือ กลัวว่าจะไปล่วงเกินพวกชนชั้นสูง?แต่ทำไมวันนี้แต่ละคนถึงคลั่งเหมือนหมาบ้าได้?ขณะนั้นเอง หูอี้ชวนได้สะบัดตัวหลุดจากบ่าวรับใช้แล้ว เมื่อเห็นว่าชาวบ้านยอมลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเขา เขาก็หัวเราะลั่นพลางชี้ไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วและสาปแช่งเสียงดัง “เย่จิ่นซิ่ว! เจ้าช่างโหดเหี้ยมไร้หัวใจ! ทรยศคนที่เคยช่วยเหลือเจ้า! เจ้าต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน! เจ้าต้องไม่ตายดี!”ฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วชี้ไปที่เขา ในใจเต็มไปด้วยถ้อยคำที่จะโต้แย้งแต่เมื่อเห็นสายตาชาวบ้านที่ดูเหมือนอยากจะฆ่านางเสียให้ได้ หัวใจของนางก็ค่อยๆ ดิ่งลงเรื่อยๆเส้นเลือดในศีรษะเต้นตุบๆ ยิ่งเต้นยิ่งตึงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดจู่ๆ ก็มีเสียง 'หวืด' แล้วมันก็ขาดไปแล้วร่างของนางหงายล้มลงไปด้านหลังอย่างตรงๆ ท้ายทอยกระแทกพื้นอย่างแรงฮูหยินหลิ่ว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 393

    ประตูใหญ่ของจวนกั๋วกงค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ บ่าวรับใช้ที่ได้รับคำสั่ง ต่างก็ถีบหูอี้ชวนออกไปเหมือนเตะสุนัข ยังถุยน้ำลายใส่เขาหลายครั้ง ก่อนจะวิ่งหนีไปอย่างดุดันสิงหมิ่นมองดูพวกบ่าวรับใช้ของจวนกั๋วกงที่หยิ่งผยองไม่เห็นหัวใคร สายตาของเขาหดเกร็งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองชีหยวนในฝูงชนโดยไม่รู้ตัวชีหยวนพยักหน้าให้เขาเบาๆสิงหมิ่นเข้าใจทันที เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วถอนหายใจให้กับหูอี้ชวน “จวนกั๋วกงเป็นขุนนางใหญ่ทรงอำนาจ ท่านเจ้าเมืองของพวกเราเต็มใจออกคำสั่งเรียกฮูหยินฉู่กั๋วกงมาสอบสวน นั่นถือว่าปรานีอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่เจ้าก็เห็นแล้วว่าท่าทีของจวนกั๋วกงในตอนนี้เป็นเช่นไร”ชาวบ้านทั้งหมดต่างจ้องมองไปที่สิงหมิ่นหูอี้ชวนเชิดหน้าขึ้น “ใต้เท้าสิง! เย่จิ่นซิ่วเป็นฆาตกร!”สิงหมิ่นถอนหายใจหนักกว่าเดิม “เมื่อครู่ฮูหยินฉู่กั๋วกงก็พูดแล้วว่านางไม่ได้ตั้งใจทำร้ายพี่ชายของเจ้า เขาเป็นฝ่ายรับความกดดันไม่ไหวจึงตรอมใจตายไปเอง”ความจริงสิ่งนี้ก็ยากที่จะตัดสินโทษแต่แรกอยู่แล้วแต่สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วราษฎรเกลียดชังคนประเภทใดที่สุด?แน่นอนว่าคือพวกหญิงแพศยาผู้ไร้ศีลธรรมเฉกเช่นพานจินเหลียน ที่วาง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 394

    ฮูหยินหลิ่วจึงได้สติกลับมา นางมองบุตรสาวด้วยสีหน้าซับซ้อน ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ ให้พ่อบ้านไปตอบกลับอย่างเหมาะสม และขอบคุณน้ำใจของจวนเฉิงกั๋วกงหลิ่วหมิงจูรู้สึกไม่เข้าใจอย่างยิ่ง “ท่านแม่! พวกชาวบ้านที่สร้างเรื่องพวกนั้นทำให้ท่านย่าโกรธจนล้มศีรษะแตกแล้ว ตอนนี้จวนเฉิงกั๋วกงส่งคนมาช่วย แล้วเหตุใดท่านแม่ถึงปฏิเสธพวกเขาไปเล่า?”“เจ้ารู้อะไร?” ฮูหยินหลิ่วนวดขมับของตัวเองด้วยความปวดหัว "เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้างนอกมีคนมากแค่ไหน? กฎหมายย่อมไม่สามารถลงโทษคนหมู่มากได้ ทำไม เจ้าจะจับพวกเขาทั้งหมดมาเฆี่ยนตีหรืออย่างไร?"ชาวบ้านที่มารวมตัวกันมีจำนวนมากเยี่ยงนั้น ตอนนี้พวกเขาต่างเดือดดาลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากคิดจับกุมใครในตอนนี้ ก็อาจนำไปสู่ความวุ่นวายเมื่อถึงตอนนั้น เรื่องราวย่อมบานปลายไปกันใหญ่เรื่องในจวนตอนนี้ยังมีปัญหาไม่มากพอ ชื่อเสียงแย่ไม่พออีกหรือ?เมื่อนึกถึงฮูหยินฉู่กั๋วกง ฮูหยินหลิ่วก็ถอนหายใจที่หนักอึ้งไม่คิดว่าในอดีตแม่สามีจะเป็นคนเช่นนี้ได้ ดูไม่ออกเลยจริงๆไม่ใช่แค่นางคนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ วันนี้เหล่าขุนนางและชนชั้นสูงใครก็ตามที่อาศัยอยู่ใกล้เขตพระราชวัง ล้วนได้รับรู้เรื่องราวท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 395

    ตั้งแต่ที่เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยฟื้นขึ้นมา นางก็รู้สึกหม่นหมองใจตลอดเวลาถึงแม้ครั้งนี้จะเห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้หย่งชางไม่ได้เข้าข้างพระชายาหลิ่ว แต่ถ้าปล่อยให้เรื่องนี้ลุกลามไป มันก็คงจะไม่จบง่ายๆองค์หญิงเป่าหรงถือโจ๊กรังนกถ้วยหนึ่งส่งให้เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยกลับไม่ยื่นมือไปรับ เพียงถามด้วยความกังวลว่า "เป่าหรง เรื่องนี้จะทำยังไงดี? พวกเราจะต้องอดทนไปแบบนี้หรือ?"อดทนเยี่ยงนี้ก็ดูจะไม่ใช่ทางออกที่ดียิ่งไปกว่านั้น มีข่าวว่าราชบุตรเขยลู่ฟื้นความทรงจำกลับมาแล้ว วันนี้องค์หญิงใหญ่ก็เร่งให้ฮ่องเต้ส่งคนไปรับตัวเขากลับเมืองหลวงฮ่องเต้หย่งชางได้มอบหมายเรื่องนี้ให้อ๋องโจวเป็นผู้จัดการแล้วอ๋องโจวเป็นขุนนางฝ่ายใน มีหน้าที่จัดการทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์ และยังเป็นผู้ที่มีความน่าเคารพในเชื้อพระวงศ์หากก่อนที่อ๋องโจวจะเดินทางไป ลู่หมิงฮุยยังไม่ได้กำจัดราชบุตรเขยลู่ งั้นพอราชบุตรเขยลู่กลับมา…...ต่อให้เขาจะจำได้เพียงแค่ลู่หมิงฮุย แต่แค่เรื่องที่ลู่หมิงฮุยจะอ้างอิงโยงใยไปถึง ก็ทำให้ปวดหัวแล้ว!ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเสียจริงองค์หญิงเป่าหรงกลับสงบนิ่ง จับมือมารดาไว้ แ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 396

    นางเป็นคนวางแผนฆ่าคู่หมั้นของตัวเองจริงๆ จึงได้มาเป็นอนุของบิดาอย่างนั้นหรือ?ถ้าเป็นเช่นนั้น......องค์หญิงเป่าหรงแสยะยิ้มเย็นชา “เสด็จแม่ ท่านเห็นหรือไม่? แม้ว่าอยากจะช่วย แต่ท่านช่วยพวกเขาได้จริงๆ หรือ? พวกเขาเป็นเหมือนตะกรรน้ำรั่วที่เต็มไปด้วยความผิดไปทั่ว!”จะช่วยได้อย่างไร?เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยกำปกคอเสื้อของตนแน่น “ไม่ ไม่ได้! ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท! ข้าจะไปพบฝ่าบาท!”แต่องค์หญิงเป่าหรงก็คว้าข้อมือของนางไว้ทันทีเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยหันกลับมา น้ำตาคลอ “นั่นคือพ่อแม่แท้ๆ ของข้า!”จะให้นางนิ่งดูดาย ปล่อยให้พวกเขาตายไปต่อหน้าหรือ?!องค์หญิงเป่าหรงมองนางอย่างไร้ความรู้สึก “เสด็จแม่ ท่านอยากให้ผู้ตรวจการเถี่ยร้องด่าว่าท่านเป็นพระสนมปีศาจอีกหรือ? ครั้งที่แล้วแม้จะถูกกดเรื่องไว้ได้แล้ว แต่ครั้งนี้เรื่องมันอื้อฉาวขนาดนี้ ท่านคิดว่าปากของพวกขุนนางเหล่านั้นจะยังปรานีท่านอีกหรือเพคะ?!”เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยแทบจะพังทลาย นางไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นเช่นนี้ใช่ เพราะทำไมกัน?องค์หญิงเป่าหรงขมวดคิ้วหัวเราะเยาะออกมา “เป็นแผนที่ดีจริงๆ นะ พระชายาหลิ่ว”“พระชายาหลิ่ว?”เสี่ยวหลิ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 397

    ฉู่กั๋วกงนับว่าเป็นคนสนิทของฮ่องเต้หย่งชาง เป็นขุนนางที่ช่วยเหลือการขึ้นครองราชย์ตั้งแต่สมัยยังอยู่ที่แคว้นหมิ่น และติดตามพระองค์มาจนถึงเมืองหลวงยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นญาติฝ่ายมารดาของอ๋องฉีและองค์หญิงเป่าหรง แม้เพียงเพื่อรักษาหน้าตาของเหล่าพระโอรสธิดา พระองค์ก็ไม่อยากให้ฉู่กั๋วกงและฮูหยินฉู่กั๋วกงพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้พระองค์จึงเอ่ยถามเสียงเย็นชา “ผู้ที่เดือดร้อนได้ไปร้องทุกข์ที่ศาลซุ่นเทียน ศาลซุ่นเทียนเองก็ได้ส่งคนไปสอบถามที่จวนของพวกท่านแล้ว เรื่องนี้มีมูลแน่ชัด ราษฎรมากมายเห็นกับตา หากเจ้าถูกใส่ร้ายจริง เหตุใดจึงไม่ให้ฮูหยินฉู่กั๋วกงไปขึ้นศาลเพื่อชี้แจงความจริง?!”ฉู่กั๋วกงคุกเข่ากับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม ราวกับแก่ลงไปอีกสิบปีในพริบตา “ฝ่าบาท! เรื่องวันนี้กระหม่อมก็ตั้งตัวไม่ติดเช่นกัน! คนของศาลซุ่นเทียนมาถึง ก็จะให้ภรรยากระหม่อมไปขึ้นศาลโดยทันที กระหม่อมเพียงคิดว่า นางเป็นถึงฮูหยินตราตั้ง หากต้องไปขึ้นศาล เกรงว่าผู้คนภายนอกที่ไม่เข้าใจความจริงจะเอาไปพูดกันผิดๆ เอาได้พ่ะย่ะค่ะ”เขาประสานมือเคารพไปทางฮ่องเต้หย่งชาง น้ำเสียงแฝงความจริงใจ “ฝ่าบาท หากจะนำภรรยากระหม่อมขึ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 398

    เรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไรนั้น ต้องรอให้ลู่หมิงอันกลับมาก่อนก่อนอื่น ต้องสืบหาคนที่ลอบสังหารพระชายาหลิ่วให้ได้!เรื่องนี้ให้พระชายาหลิ่วได้รับความเป็นธรรมก่อน แล้วค่อยสืบคดีของนางเจียงเมื่อครั้งอดีตขันทีเซี่ยเห็นว่าพระองค์ทรงหงุดหงิด จึงส่ายหัวอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท ท่านอ๋องยังไม่กลับมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หย่งชางทอดพระปัสสาสะยาวหลังฉูกั๋วกงออกจากวัง ก็รีบตรงกลับจวนของตนทันที ไปดูอาการของภรรยาก่อนเหล่าหมอหลวงรู้ดีว่าฮูหยินฉู่กั๋วกงคือมารดาของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย ใครบ้างจะกล้าทำงานลวกๆ?แม้ฮูหยินฉู่กั๋วกงจะกระแทกใส่ศีรษะด้านหลังอย่างแรง แต่กลับฟื้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจเมื่อนางเห็นฉูกั๋วกงกลับมา ก็กำมือฉู่กั๋วกงไว้แน่น “ท่านกั๋วกง จะทำอย่างไรดี? บ้านเราไม่มีทางปล่อยให้ตกต่ำเช่นนี้ได้ ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาจูงจมูกได้!”หากเรื่องเมื่อปีก่อนถูกขุดคุ้ยขึ้นมาจริงๆไม่ต้องพูดถึงว่าพระชายาหลิ่วจะต้องใช้เรื่องนี้มาเล่นงานไม่เลิกเพียงแค่ข้อหาที่ว่านางทำให้ชายแซ่หูต้องตรอมใจตาย ก็เป็นเรื่องที่โลกภายนอกไม่มีวันให้อภัย!ชื่อเสียงของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยและองค์หญิงเป่าหรงก็ต้องพลอยได้รับผ

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 498  

    สวีฮว่านเหงื่อเย็นไหลพลั่ก ตอนที่ได้ยินชีหยวนนับหนึ่ง สอง สาม ท้ายที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว ร้องเสียงดังออกไป “ข้าให้เจ้าก็ได้! ข้าให้เจ้าก็ได้! สาส์นลับอยู่ใน…อยู่ในชั้นวางลับหลังโต๊ะหนังสือในห้องหนังสือของข้า!” ชีหยวนเปล่งเสียงอุทานออกมาหนึ่งคำ ก่อนจะเก็บกริชและปิ่นทองคำกลับมา แล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าคอเสื้อด้านหลังของเขาฉุดเขาขึ้นมา และผลักให้เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือ พร้อมเอ่ยเสียงเข้มว่า “เปิดมัน” สวีฮว่านลังเลเล็กน้อย ทันใดนั้นชีหยวนก็เตะข้อพับขาของเขาอย่างแรงไปหนึ่งที “เปิดออก!” สวีฮว่านดึงจี้หยกที่ห้อยอยู่ข้างเอวของตนเองออกมาด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะฝังมันเข้าไปในตำแหน่งที่เป็นช่องเว้าบนชั้นวางหนังสือ และหมุนมันหนึ่งรอบ ทันใดนั้นชั้นหนังสือก็เปิดออกอย่างช้า ๆ ทว่าเสี้ยวพริบตาเดียวนี้ สวีฮว่านรีบสะบัดตัวออกจากชีหยวนหวังว่าจะหลบหนี เขารู้ดี โดยปกติคนเราเมื่อตกอยู่ในเสี้ยวขณะที่ได้รับสิ่งของที่ตนเองต้องการมากเป็นอย่างยิ่ง ก็จะเผลอไผลไปได้ง่ายดายที่สุด เขาเฝ้ารอจังหวะนี้มาโดยตลอด ทว่าน่าเสียดาย เขาเพิ่งจะกลิ้งตัวไปกับพื้น กลับเห็นชีหยวนใช้มือปัดลูกธนูที่พุ่งออกมาจากชั้นวางลับ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 497  

    สวีฮว่านรู้สึกอึดอัดกับแรงกดของกริชเล่มนั้น และไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบทางจิตใจหรือไม่ เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ารอยแผลที่ชีหยวนกรีดไปนั้นยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด สิ่งนี้ทำให้เขาหวาดกลัวถึงขีดสุดจริง ๆ คนย่อมมีจุดอ่อน ชื่อเสียงและความรู้สึกหวงแหนชีวิตก็คือจุดอ่อนของสวีฮว่าน เขาเอ่ยด้วยความร้อนรน “ข้าช่วยเจ้าได้! ข้าช่วยล้างมลทินให้ตระกูลของเจ้าได้ ตราบใดที่พวกเจ้ายอมให้ความร่วมมือ ความผิดนี้ ข้าสามารถโยนให้คนอื่นรับไว้ได้!” ใบหน้าของชีหยวนไร้ซึ่งความรู้สึก ทว่าความเยือกเย็นในดวงตากลับยิ่งลุ่มลึกขึ้นมา ปลายกริชที่นางกดเอาไว้บนลำคอของเขาขยับเล็กน้อย เพียงเสี้ยวพริบตาก็สร้างรอยแผลเลือดซิบเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรอยให้เขาได้เรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มข้นขึ้น “จะผลักความผิดให้แม่ทัพขุนศึกท่านอื่นที่บัดนี้ยังคงสู้รบในสมรภูมิอย่างซื่อสัตย์ภักดี พร้อมยอมพลีชีพเพื่อชาติได้อย่างนั้นหรือ? หรือคิดจะโยนความผิดให้บรรดาบุตรชายของครอบครัวทหารที่ต้องเข้าสู่สมรภูมิรบตั้งแต่วัยเพียงสิบสองสิบสามเหล่านั้นกัน พวกเขายังไม่ทันได้เติบโตด้วยซ้ำ ก็ต้องมาตายภายใต้อุบายชั่วช้าสามานย์ของพวกเจ้า”

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 496  

    หากว่ามี เช่นนั้นก็ต้องเลี้ยงดูให้ดี หากว่าไม่มี เช่นนั้นก็ต้องคิดหาหนทางเลือกเด็กสักคนในตระกูลมาเป็นบุตรบุญธรรมของเขา เพื่อจะได้เป็นทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล ขณะที่กำลังคิดสะระตะ เขาพลันได้ยินเสียงลมหายใจระลอกหนึ่งพัดผ่านข้างใบหู เสียงลมหายใจ! ทว่าในห้องมีเขาอยู่เพียงคนเดียว! เสี้ยวพริบตาเดียวสวีฮว่านพลันรู้สึกเส้นขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว สติหลุดออกจากร่าง และทันใดนั้นก็คิดจะหมุนศีรษะกลับไปโดยสัญชาตญาณ ทว่าจังหวะที่เขากำลังคิดจะผินศีรษะกลับไป กริชเล่มหนึ่งก็ปักลงบนลำคอของเขาอย่างเงียบเชียบไร้เสียง หลังจากนั้นเขาได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ เสียงนี้ชัดเจนว่าเป็นเสียงของดรุณีน้อยงามเพริศพริ้งสดใส เหมือนกับเสียงของบุตรสาวของเขาที่เข้ามาออดอ้อนเขาในยามปกติ ทว่าในเสี้ยวขณะนี้เวลานี้ เขากลับไม่รู้สึกว่าเสียงนั่นกำลังออดอ้อนสักนิด! เพื่อแสดงออกถึงความซื่อสัตย์สุจริตของตนเองแล้ว เรือนของเขายังต้องเช่าอาศัย และในเมื่อเรือนยังต้องเช่าอาศัย ดังนั้นในเรือนย่อมไม่สามารถมีบ่าวรับใช้ที่มากเกินไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถมียามเฝ้าเรือนได้ด้วย ดังนั้นองครักษ์เหล่านั้นของเขา ล้วนแต่ถูกเลี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 495  

    อาภรณ์ชุดใหม่ในเรือนตัดเย็บเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ปีนี้นับเป็นปีที่หาได้ยากที่เหล่าดรุณีสกุลสวีจะได้สวมเสื้อคลุมขนสัตว์ออกไปเที่ยวชมพระโพธิสัตว์ สกุลสวีทั้งเบื้องบนเบื้องล่างต่างปีติยินดี แม้แต่ฮูหยินสวีก็ยังแต่งกายด้วยอาภรณ์ชุดใหม่ทั้งตัว ในปีนี้นางสวมเสื้อนวมสองชั้นที่ทำจากผ้าไหมฝูกวงซึ่งเป็นแบบที่ทันสมัยที่สุด ข้างนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมขนนกยูง มองแล้วดูหรูหราเจิดจ้าจับตา เดิมทีนางรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย ก่อนออกจากเรือนยังถึงขั้นถามสวีฮว่านขึ้นมาเป็นพิเศษว่า “วันนี้เป็นวันที่สาม ต้องขึ้นเขาไปกราบไหว้พระโพธิสัตว์ จุดธูปทอนน้ำมัน ทว่าก็มีบรรดาสตรีผู้มีหน้ามีตาในเมืองหลวงไปที่นั่นด้วยเช่นกัน พวกเราแต่งกายเช่นนี้ เหมาะสมแล้วหรือ?” หลายปีที่ผ่านมานี้ บรรดาสตรีในสกุลสวีได้ชื่อว่ามัธยัสถ์เรียบง่ายมาตลอด แต่กระนั้นก็ไม่มีใครดูถูกดูแคลนพวกนาง ใครต่างก็รู้ว่าในเมืองหลวงสวีฮว่านขึ้นชื่อว่าสุจริตมือสะอาด งานเลี้ยงของคนอื่น งานสังสรรค์สุราของคนอื่น เขาไม่เคยไปร่วมเลยสักครา เพราะไปกินของคนอื่น ย่อมเลี่ยงไม่ได้ต้องเชิญคนอื่นมากินเลี้ยงตอบแทนกลับในภายหลัง ใต้เท้าสวีเคร่งครัดในความสุจร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 494  

    “ไม่!” ชีหยวนส่ายหน้า มองเซียวอวิ๋นถิงตรง ๆ พลางถามว่า “ท่านอ๋อง หากต้องให้คนอื่นมาพูดแทนท่านปู่และท่านพ่อของข้าน้อย ตรงกันข้าม ขอให้คนของท่านยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจท่านพ่อและท่านปู่ของข้าน้อยด้วยดีกว่า!” เหล่าจ้าวคิดในใจ นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง? คุณหนูใหญ่สกุลชีเสียสติไปแล้วหรือ?! ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับเข้าใจความหมายของชีหยวนได้ในทันที การลักลอบค้าขายสิ่งของผิดกฎหมายและการสมรู้ร่วมคิดกับข้าศึกขายชาติให้อริศัตรูถือเป็นแผนการอันชั่วช้าเลวร้ายมากเกินไปจริง ๆ เหตุผลที่ผู่อู๋ย่งทำเช่นนี้ ก็เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็สามารถทำให้สกุลชีสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายพระเนตรของฮ่องเต้หย่งชางนับจากนี้ไปตลอดกาล แม้ภายหลังจะหาตัวคนร้ายที่แท้จริงเจอแล้วก็ตาม ทว่าหากว่า หากว่าชีหยวนถูกลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า และคนในราชสำนักล้วนพากันรุมโจมตีสกุลชี หวังทำลายสกุลชีให้สิ้นซากไป ทว่าต่อมากลับได้ค้นพบความลับในภายหลังว่าเงินตำลึงจำนวนมหาศาลถูกซุกซ่อนไว้ในเรือนเช่าของสกุลสวี ไหนจะคนเหล่านั้นที่เซียวอวิ๋นถิงได้ส่งไปที่จี้โจวแล้วด้วย… เช่นนั้นในตอนนี้ยิ่งทำให้เรื่องราวใหญ่โตอื

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 493  

    ตอนที่นางกลับมาถึงหอหมิงเยว่ เซียวอวิ๋นถิงคอยอยู่บนชั้นสองแล้ว เขาคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ราวกับเดินกลับเรือนของตนเอง ชีหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่ามีเรื่องสำคัญ ก็มิได้พูดอะไรมาก เพียงแต่นั่งลง และเอ่ยขึ้นอย่างตรงประเด็น “ข้าน้อยจัดการสังหารสวีซินเฉียวแล้ว เขามิได้เปิดเผยข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์” หนนี้เหล่าจ้าวแอบติดตามมาด้วย วิชายุทธ์ของเหล่าจ้าวนับว่าเลิศล้ำ ดังนั้นต่อให้จะอยู่ห่างไกล เขาก็สามารถได้ยินบทสนทนาของคุณหนูใหญ่สกุลชี มิหนำซ้ำ… ยังพูดอย่างฉะฉานมั่นใจในเหตุผลมากเสียด้วย ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย เขามุ่นหัวคิ้วขึ้น พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีคนแอบติดตามเจ้า” อำนาจของขันทีผู้ใหญ่ประจำกรมขันทีราชพิธีมิใช่เล่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นองครักษ์เสื้อแพรยังแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่ กล่าวได้ว่า นับแต่เสี้ยวขณะที่ชีหยวนถูกลอบสังหาร ทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ในกำมือของพวกเขาหมดแล้ว ชีหยวนเปล่งเสียงรับคำเบา ๆ สีหน้าท่าทางสงบสุขุมยิ่งนัก “ข้าน้อยทราบแล้ว ดังนั้นหลังจากข้าน้อยสังหารสวีซินเฉียว พวกเขาจะคิดว่าอย่างไร?” จะคิดว่าอย่างไรหร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 492  

    คนเรายามที่ตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ก็มักจะเผลอใช้ความคิดฟุ้งซ่านมากลบเกลื่อนความหวาดกลัวและความตกใจของตนเองเสมอ ชีหยวนเผากริชด้วยไฟจนร้อนจัด ก่อนจะดึงหน้านิ่งและเสียบมันเข้าไปที่กระดูกสะบักซ้ายของสวีซินเฉียว จนแทงทะลุไปอีกด้านหนึ่งของเขา ทว่าหนนี้สวีซินเฉียวแม้แต่เสียงร้องก็ยังเปล่งออกมาไม่ได้ ทรุดลงกับพื้นทั้งร่างสั่นเทาและชักกระตุก ดวงตาฉายประกายหวาดกลัว ชีหยวนหยัดกายขึ้นยืน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปอย่างเรียบเฉยและส่งยิ้มให้สวีซินเฉียวพลางเอ่ยว่า “ใต้เท้าสวี ท่านจะไม่พูดก็ย่อมได้ ข้าเข้าใจ ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของคนในสกุล ท่านจะไม่พูดก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่นนั้นพวกเราค่อยพบกันอีกครั้งในยุทธจักรเถิด” นางเอ่ยพลาง ก็ส่ายเทียนไขในมือของตนเองไปมา “ข้าจะส่งท่านเดินทางครั้งสุดท้าย เผาท่านไม่ให้เหลือซาก จะได้ประหยัดแม้กระทั่งโลงศพด้วย ถือเป็นการทำประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อชาวบ้านจี้โจวไปด้วย” ชาวหว่าล่ารุกรานเข้ามาทุกปี ชาวบ้านในที่แห่งนั้นเผชิญหายนะทุกข์ทรมานกันไปแล้วตั้งเท่าใด?! พวกเขาโหดร้ายป่าเถื่อน บุรุษถูกสังหารทันที ส่วนสตรีและเด็กก็กวาดต้อนกลับไปยังทุ่งหญ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 491  

    และทันทีที่ผ้าขี้ริ้วถูกดึงออกมาจากในปาก สวีซินเฉียวไม่แม้แต่จะหยุดชะงักก็อ้าปากหมายจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันที แต่ชัดเจนว่าความรวดเร็วของชีหยวนยังเร็วกว่าเขามาก เขายังไม่ทันได้อ้าปากส่งเสียง ชีหยวนก็จัดการยัดผ้าขี้ริ้วกลับเข้าไปในปากของเขาอีกครั้งด้วยความรวดเร็วแล้ว และที่ยัดเข้าไปคราวนี้ก็ลึกยิ่งกว่าคราวก่อน แทบจะจุกเข้าไปถึงด้านในลำคอของสวีซินเฉียว ทำให้สวีซินเฉียวถึงขั้นพะอืดพะอมพยายามสำรอกออกมาหลายครั้ง ระดับความตื่นรู้ของคนหนึ่งคน เทียบเท่ากับระดับความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาได้รับ สำหรับสวีซินเฉียวในยามนี้ก็นับเป็นเช่นนี้ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า เมื่อใดที่สตรีตรงหน้าเอื้อนเอ่ยวาจาน้ำลายหนึ่งหยดของนางคือตะปูหนึ่งดอก หากไม่เชื่อฟังคำพูดของนางแล้ว นางจะแสดงความน่ากลัวอย่างถึงที่สุดออกมา ชีหยวนผุดยิ้มเล็กน้อยพลางหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาและปักกลับไปที่มวยผมดังเดิม จากนั้นค่อยแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางขยับข้อมือไปมา “ใต้เท้าสวี ดูท่านสิ เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อฟังกันบ้างเจ้าคะ? คนที่ไม่เชื่อฟัง จะต้องถูกลงโทษนะเจ้าคะ” เอ่ยพลาง นางก็เลื่อนมือข้างหนึ่งไปปิดปากสวีซินเฉียวไว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 490

    แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น สวีฮว่านก็ยิ่งระมัดระวังในการกระทำมากขึ้นไปอีกที่จวนไม่เคยจัดงานเลี้ยงหรืองานมหรสพใด ๆ เลยแม้แต่ในงานเลี้ยงวันเกิดของหญิงชรา ก็แค่ให้คนในครอบครัวทานข้าวด้วยกันมื้อเดียวแล้วก็จบกันไปเงินทองในบ้านกองเป็นภูเขา ผ้าไหมผ้าแพรก็มีมากมาย แต่ก็ไม่เคยเอาออกมาใช้แค่เห็นแต่ใช้ไม่ได้ นี่แหละถึงเป็นเรื่องที่อึดอัดใจและกลัดกลุ้มใจที่สุด!นางยังคิดว่าสวีฮว่านคงจะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาเหมือนจะคิดตกได้ในทันทีสวีฮว่านยิ้มบาง ๆ พูดอย่างมีนัยยะว่า “เมื่อก่อนใช้ไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะใช้ได้แล้ว”ฮูหยินสวีฟังไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ก็ดีใจยิ่งนัก รีบเปิดคลังเอาหนังสัตว์ออกมา ตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เด็ก ๆ ในบ้านกันคนละชุดที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่นสวีซินเฉียวออกจากบ้านสวีก็ยิ้มแย้มมีความสุขเช่นกันแน่นอนว่ามีความสุขอยู่แล้ว!สิ่งที่เขาทำ เขาก็รู้ตัวดีว่าเป็นความผิดมหันต์ถึงขั้นถูกตัดหัวและฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะมีตระกูลชีเป็นแพะรับบาปไปแล้ววันขึ้นปีใหม่ บังเอิญมีเรื่องมงคล เขาดีใจจนเดินตรงไปที่หอหงเฟิ่นจินที่ค้าขายดีท

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status