แต่ในเวลานี้ หล่างชิ่นซึ่งเป็นผู้นำในการบุก สายตาจับจ้องไปที่ลั่วชิงยวนท่ามกลางเสียงบุกโจมตีของพวกนอกด่าน จู่ ๆ เชือกเส้นหนึ่งถูกเหวี่ยงออกมาอย่างรวดเร็วเชือกนั้นพันรอบคอของลั่วชิงยวนทันทีในชั่วพริบตานั้น คอของลั่วชิงยวนก็ตึงแน่นขึ้น สึกหายใจมิออก และพลังอันแข็งแกร่งก็กระชากนางออกไปอย่างรุนแรงนางพยายามดึงเชือกที่พันรอบคอออกแต่ก็มิสามารถแก้ได้ความเร็วของอีกฝ่ายเร็วเกินกว่านางจะทันได้สู้กลับ“ชิงยวน!” ลั่วอวิ๋นสี่อุทานเมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น และรีบไปช่วยนางทันทีลั่วชิงยวนตะโกนอย่างร้อนรนว่า "ปิดประตูเมือง! ปิดประตูเร็วเข้า!"ลั่วอวิ๋นสี่กัดฟัน รีบลงจากหอประตูเมืองทันที และพาผู้คนไปปิดประตูเมืองไว้ในขณะนั้นเอง พวกนอกด่านก็บุกมาถึงหน้าประตูเมืองแล้วด้วยแรงมหาศาลเหล่านั้น เกือบจะพังประตูเมืองลงได้แล้วลั่วอวิ๋นสี่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อกั้นประตูเมืองเอาไว้ ขณะที่เตี่ยฉุยก็ใช้กำลังเต็มที่เพื่อต้านทานแรงผลักดันอันทรงพลังดังกล่าวถึงกระนั้น ก็ยังยากลำบากมากนางกัดฟันแน่น ต้านอย่างสุดกำลังหากประตูเมืองถูกพังออกได้ นั่นก็หมายความว่าทั้งเมืองถูกตีแตกไม่มีอะไรจะสามา
ในขณะนั้นนางคิดว่าตัวเองกำลังฝัน“ฟู่เฉินหวน?”เขามาได้อย่างไร?ฟู่เฉินหวนถือกระบี่ยาวในมือ จิตสังหารแผ่ออกมาทั่วตัว เข้าโรมรันกับหล่างชิ่นทันทีลั่วชิงยวนรีบแกะเชือกออกทันที พยายามจะหยัดกายขึ้นแต่กลับเจ็บจนต้องกุมหน้าอกเอาไว้เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมอง นางเห็นกองทหารหุ้มเกราะกรูเข้าใส่ทัพพวกนอกด่านทหารบนหอประตูเมืองที่ยังคงสู้สุดกำลังต่างหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ และตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า "กำลังเสริมกำลังมา! กำลังเสริมของเรามาแล้ว!"ในที่สุดหินก้อนใหญ่ที่วางอยู่บนบ่าของลั่วชิงยวนก็พลันเบาลงเซียวชูมาถึงก็เริ่มต่อสู้กับหล่างชิ่นทันที ฟู่เฉินหวนจึงแยกตัวออกจากการต่อสู้ลั่วชิงยวนที่เพิ่งลุกขึ้นยืนได้ด้วยความยากลำบาก จู่ ๆ ก็ถูกมือคู่หนึ่งดึงเข้ามาในอ้อมกอดนางถูกฟู่เฉินหวนกอดไว้แน่นลั่วชิงยวนสะดุ้ง จากนั้นยกมือขึ้นกอดเขาไว้แน่นเช่นกัน“บาดแผลของท่านมิเป็นอะไรใช่หรือไม่? ท่านมาเมื่อไหร่กัน?”ในใจลั่วชิงยวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ความฝันและความเป็นจริงเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม เขามิได้นอนหมดสติอยู่บนเตียงฟู่เฉินหวนคลายอ้อมกอดพลางมองดูคนที่อยู่ตรงหน้า สภาพซอมซ่อเปรอะเปื้อนด้วยคร
“ทหาร ประหารพวกมันเดี๋ยวนี้!”ฟู่เฉินหวนออกคำสั่ง เต็มไปด้วยอำนาจและความน่าเกรงขามหัวใจของซือซิงสั่นสะท้าน "ท่านอ๋อง! กระหม่อมมีความผิด แต่ยามนี้เรากำลังเผชิญกับศัตรูที่น่าเกรงขาม กระหม่อมยินดีชดเชยความผิด หวังว่าท่านอ๋องจะให้โอกาสกระหม่อมได้แก้ตัว!"ดวงตาของฟู่เฉินหวนเย็นชามิไหวติง เอ่ยเสียงเย็นเยียบ "เซียวชู ลงมือ"เซียวชูเดินไปที่ด้านข้างของซือซิงทันที และชักดาบออกมาอย่างไร้ความปรานีซือซิงเหงื่อเย็นท่วมตัวมิคาดคิดเลยว่าฟู่เฉินหวนจะโหดร้ายและโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เขาต้องรีบร้องขอความเมตตาแต่ทันใดนั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขนของฟู่เฉินหวนไว้“ไว้ชีวิตเขาก่อนเถิดเพคะ”ฟู่เฉินหวนมองลั่วชิงยวนที่มาร้องขอให้ ซือซิง คิ้วของเขาขมวด “คนต่ำช้าเช่นนี้ เก็บไว้มีประโยชน์อันใด!”ลั่วชิงยวนดึงแขนเสื้อของเขา แล้วส่ายหน้าเบา ๆ"มีประโยชน์สำหรับหม่อมฉันเพคะ"เมื่อฟู่เฉินหวนเห็นท่าทีของนางที่คล้ายจะออดอ้อน ใจของเขาจึงอ่อนลงพลันตอบตกลง“เช่นนั้นยามนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าไว้ก่อน” ฟู่เฉินหวนเหลือบมองซือซิงอย่างเย็นชาซือซิงปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขา ความหวาดกลัวในใจก็พลันหาย
"ทายาเสีย"ฟู่เฉินหวนหยิบกล่องยาออกมา จุ่มปลายนิ้วลงในยาแล้วทาที่ลำคอของนางเช่นนั้นลั่วชิงยวนจึงรู้สึกเจ็บที่คอแต่ด้วยยานั้นความเจ็บปวดก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็ว รู้สึกเย็นสบายมากลั่วชิงยวนลดสายตาลงพลางมองไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม และหัวใจของนางก็พลันสั่นไหวเล็กน้อย“อาการบาดเจ็บของท่านเล่า เป็นเช่นไรบ้าง?” ลั่วชิงยวนคว้าข้อมือของเขามากุมไว้โดยมิรู้ตัวฟู่เฉินหวนหลบเลี่ยงตามสัญชาตญาณ และยังคงทายาให้นางต่อไป "ข้ามิเป็นไร เจ้าห่วงตัวเองก่อนเถอะ"ลั่วชิงยวนมิสงสัยเลยสักนิด“อาการบาดเจ็บของหม่อมฉันมิได้ร้ายแรง มันเป็นแค่รอยถลอกเท่านั้น”ฟู่เฉินหวนหยุดและมองนางด้วยสายตาจริงจัง "แค่รอยถลอกหรือ แล้วเหตุใดหน้าเจ้าถึงซีดเซียวเช่นนี้"“หม่อมฉัน... หม่อมฉันมิได้รับบาดเจ็บอะไรจริง ๆ เช่นนั้นท่านหาอย่าได้กังวลไปเลยเพคะ” ลั่วชิงยวนมิรู้จะอธิบายอย่างไรนางรีบลุกขึ้นยืน และดูแผนที่ต่อไปฟู่เฉินหวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเก็บยาลงไปก่อนจะถามว่า "เจ้ารู้หรือไม่ว่าซือซิงเป็นคนของตระกูลเหยียน"ลั่วชิงยวนตอบว่า "รู้สิ"“แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังไว้ชีวิตเขา? แล้วเจ้าดึงเขามาจาก
หลังจากคิดอยู่นาน เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นช้า ๆ "ชิงยวน ตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการ กักขังเจ้าไว้หรือไม่?"แต่นางกลับมิได้รับคำตอบสักทีเมื่อเขาหันกลับไป ก็พบว่าลั่วชิงยวนฟุบหลับไปบนโต๊ะเสียแล้วฟู่เฉินหวนยิ้มอย่างหมดหนทางเขาก้าวไปข้างหน้าและอุ้มลั่วชิงยวนขึ้นมา พานางไปส่งที่อีกห้องหนึ่ง ถอดรองเท้าของนางออกแล้วห่มผ้าให้คิดดูแล้ว นางคงมิได้นอนหลับอย่างสบายมาหลายวัน ดังนั้นให้นางนอนหลับอย่างสงบสักครั้งเถิดก่อนเขาจะเดินออกจากห้องไปที่ลานเรือน เซียวชูเข้ามาพร้อมกับยกยามาด้วย“ท่านอ๋อง ถึงเวลาเสวยพระโอสถแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เขารออยู่ในเงามืดมาตลอด จนยาจวนจะเย็นชืดแล้วฟู่เฉินหวนหยิบชามยาขึ้นมาและกินหมดในอึกเดียว "ข้าจะกินยาที่เจ้านำมานี้เท่านั้นและจะมิกินอีก ในเมืองมียาสมุนไพรเหลือมิมากแล้ว เก็บไว้ให้ทหารที่บาดเจ็บเถิด" "พ่ะย่ะค่ะ"ฟู่เฉินหวนก้าวออกไป และเซียวชูก็รีบก้าวไปข้างหน้า “ท่านอ๋อง เดินทางมาไกลหลายวัน ท่านจะมิพักหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฟู่เฉินหวนมิหยุดก้าวเดิน ตอบอย่างใจเย็นว่า "กองกำลังของซือซิงมิได้อ่อนแอ ต้องจับตาดูเขาเอาไว้ มิเช่นนั้นเขาอาจจะเล่นแง่กับเราได้"“เมือ
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว” ลั่วชิงยวนรีบตามไปพร้อมกับยาในมือเห็นชายคนนั้นเดินอย่างเร่งรีบและคอยมองซ้ายมองขวาด้วยความระแวดระวัง ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในถนนด้านข้างลั่วชิงยวนจึงรีบตามไปอย่างรวดเร็วแต่บังเอิญเจอเซียวชูที่เดินมาจากอีกทางหนึ่งพอดี“พระชายา เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่ได้?” เซียวชูก็ออกมาค้นหาเครื่องยาสมุนไพรด้วยในเมืองมีทรัพยากรมิมากนัก ท่านอ๋องปฏิเสธที่จะเสวยพระโอสถ เพื่อเก็บสมุนไพรไว้ให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บแต่อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องสาหัสเพียงนั้น จะใช้ยามิได้ได้อย่างไร?ดังนั้นเขาจึงออกไปตามหามาเพิ่มลั่วชิงยวนยื่นถุงให้เขา "นี่ สมุนไพร นำกลับไปเถอะ"“ให้ซือซิงหาทางนำแม่แพะมาเลี้ยงสักสองสามตัวด้วย มีสตรีที่มิมีน้ำนมเลี้ยงบุตร ต้องการนมแพะด่วน รีบหน่อยนะ!”เซียวชูตกใจเล็กน้อยและกำลังจะถามพระชายาว่ายาเหล่านี้มาจากที่ใดแต่ลั่วชิงยวนกลับเดินออกไปอย่างรีบร้อนลั่วชิงยวนไล่ตามชายคนนั้นไปจนสุดตรอก จนในที่สุดก็เห็นชายคนนั้นอีกครั้งแต่ที่แปลกคือชายคนนั้นมิได้ไปสถานที่ลับอะไร เพียงแต่เดินไปทั่วเมืองเท่านั้นอีกทั้งตลอดทางยังคอยหลบหลีกการลาดตระเวนลั่วชิงยวนติดตามเขาไปอย่างเงีย
ลั่วชิงยวนเข้าใจสถานการณ์ของเผ่านอกด่านคร่าว ๆ แล้ว นางหรี่ตาลงเล็กน้อยและมองไปที่หล่างมู่ "ข้าก็นึกว่าเจ้ากับหล่างชิ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมิน้อย คาดมิถึงว่านางจะฉวยเอาโอกาสนี้มาฆ่าเจ้า"หล่างมู่กำหมัดแน่น รู้สึกโกรธในใจ“หากพวกเจ้าอยากให้ข้าปล่อยพวกเจ้าไปก็ย่อมได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข”ลั่วชิงยวนมองไปที่หล่างมู่อย่างจริงจัง "ข้าจะช่วยให้เจ้าได้ขึ้นเป็นราชาแห่งเผ่านอกด่าน แต่เจ้าต้องล่าถอยทันทีและห้ามรุกรานแคว้นเทียนเชวียอีก!"เผ่านอกด่านแข็งแกร่งมาก ในอดีต ฉินเชียนหลี่ถูกพวกเขาโจมตีเพียงเผ่าเดียวก็ยังรู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม จึงต้องของบประมาณจากองค์จักรพรรดิเพื่อสร้างป้อมปราการทว่ายามนี้ เมื่อชนเผ่าเหล่านี้รวมกันเป็นหนึ่งแล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยิ่งทวีขึ้นกว่าเดิมสงครามครั้งนี้มิอาจดำเนินไปเช่นนี้ได้ตลอดไปตำแหน่งของราชาแห่งเผ่านอกด่านมิอาจตกไปอยู่ในมือของหล่างชิ่นได้มิเช่นนั้น จากแววตาที่ที่เกลียดนางจนสุดหัวใจของหล่างชิ่น เกรงว่าต่อไปอีกฝ่ายจะสร้างปัญหาให้นางอย่างมิจบมิสิ้นยิ่งไปกว่านั้น นางยังต้องการล้างแค้นให้กับฉินเชียนหลี่ด้วย!หล่างมู่และเฉินไห่มองหน้ากันหล่
"เสด็จพ่อ!"หล่างมู่ก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นราชาเผ่านอกด่านนอนอยู่บนเตียง เขารีบวิ่งไปข้างหน้าและเห็นว่าร่างของราชาเผ่านอกด่านถูกปกคลุมไปด้วยเข็ม ทำให้เขาถึงกับทำอะไรมิถูกไปชั่วขณะหนึ่ง“เสด็จพ่อ! ใครเป็นคนทำสิ่งนี้! เป็นหล่างชิ่นหรือไม่! นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร!”หากมิใช่เพราะว่าหล่างมู่กำลังพูดถึงพ่อของเขาอยู่ในขณะนี้ ลั่วชิงยวนก็เกือบจะคิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขามิใช่พ่อของหล่างมู่ แต่เป็นพ่อของนางเอง!ใบหน้านั้นช่างเหมือนกับลั่วไห่ผิงไม่มีผิด!“ท่านพ่อ อดทนหน่อยนะ ข้าจะดึงเข็มพวกนี้ออกให้ท่าน!” หล่างมู่พูดทั้งยังพร้อมจะลงมือลั่วชิงยวนสะดุ้งและรีบหยุดเขา "หยุดนะ!"“เข็มพวกนี้อยู่บนจุดฝังเข็ม จะดึงออกสุ่มสี่สุ่มห้ามิได้”นางย่อตัวลงตรวจดู และพบว่าราชาเผ่านอกด่านถูกวางยาพิษ และเข็มเงินที่ปักอยู่ทั่วร่างกายของเขากำลังเร่งการแพร่กระจายของพิษ“เราควรทำอย่างไรดี?” หล่างมู่ใจร้อนดั่งไฟลนลั่วชิงยวนขมวดคิ้วแน่น "ต้องเจาะเลือดระบายพิษก่อน จึงจะดึงเข็มออกได้"หล่างมู่ขมวดคิ้ว “เจาะเลือดหรือ?”ลั่วชิงยวนเห็นว่าหล่างมู่กังวล นางจึงพูดอย่างใจเย็น "ราชาเผ่านอกด่านถูกวางยาพิษ และเข็