Share

บทที่ 79

Author: หว่านชิงอิ๋น
ราวกับว่าเป็นความตั้งใจของไทเฮา หลังจากที่รถม้าหยุดอยู่ที่ตำหนักอ๋องแล้ว องครักษ์สารถีก็เอ่ยขึ้นมาว่า “พระชายา บัดนี้ถึงพระตำหนักแล้ว กระหม่อมจะกลับวังไปรายงานฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากที่ลั่วชิงยวนและลั่วเยวี่ยอิงลงจากรถม้าแล้ว สารถีก็ขับรถกลับไปที่วังหลวงตามเดิม

เหล่าองครักษ์นำตัวลั่วชิงยวนกลับไปที่ตำหนักอ๋อง มิได้พาลั่วเยวี่ยอิงกลับไปที่ตำหนักอัครเสนาบดี แต่กลับพาไปที่ตำหนักอ๋องด้วย เพื่อให้ฟู่เฉินหวนได้เห็นสภาพน่าเวทนาของลั่วเยวี่ยอิง

ครั้นเมื่อคนรับใช้ออกมาเห็นลั่วเยวี่ยอิง แวบแรกมองไม่ออกเลยว่าเป็นผู้ใด หลังจากที่เห็นชัดแล้วต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสีไปตาม ๆ กัน

“คุณหนูรอง! โอ้ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูรองเล่า!”

ลั่วเยวี่ยอิงตั้งใจล้มลงกับพื้นไปอย่างแรง สาวใช้กลุ่มหนึ่งรีบกรูกันเข้าไปช่วยพยุงนางด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นจึงรีบประคองนางเข้าไปตำหนักอ๋อง

“รีบไปตามหมอเทวดากู้มาให้ว่องที่สุดบัดเดี๋ยวนี้!”

ทุกคนต่างตกอยู่ในความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

ลั่วเยวี่ยอิงถลึงตาจ้องมองลั่วชิงยวนด้วยความเคียดแค้น แววตาที่สื่อออกมาราวกับกำลังเอ่ยว่า ‘รอข้าก่อนเถอะ!’

ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมุ่น ก่อน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Umaporn Phinnok
อ่านมา 80 ตอน นางเอกปากเป็นกืกติ อธิบายอะไรไม่เป็น พระเอกก็โง๊โง่
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 80

    ใบหน้าของฟู่เฉินหวนตอนนี้ดูโกรธแค้นราวกับต้องการฆ่าใครสักคน และลั่วชิงยวนก็มิได้เอ่ยวาจาใดอีกองครักษ์สองสามนายต่างวิ่งกรูกันเข้าในเรือน พวกเขากดไหล่ของลั่วชิงยวนลงและคุมตัวเธอไว้กับพื้น จากนั้นก็มีองครักษ์นายหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับไม้พายในมือในแววตาของลั่วเยวี่ยอิงในตอนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความสะใจที่จะได้แก้แค้น ความปรารถนาแรงกล้าที่ต้องการให้ลั่วชิงยวนเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากกว่านางร้อยเท่าพันเท่าลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นมองฟู่เฉินหวนด้วยสายตาที่เย็นชาและความไม่เต็มใจ ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วมุ่น เส้นเลือดบนหน้าผากปูดขึ้นมาด้วยความโกรธ ก่อนจะหันหน้าเบี่ยงสายตาไปทางอื่น ก่อนจะตะโกนขึ้นมาว่า “โบย!”“ฟู่เฉินหวน! หม่อมฉันไม่น่าเชื่อท่านเลย” ลั่วชิงยวนเอ่ยออกมาด้วยความดุดันฟู่เฉินหวนบัดนี้ขมวดคิ้วแน่นจนแทบจะเป็นปม เขากำมือที่ไขว้ด้านหลังจนแน่นเพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ทั่วทั้งสมองของเขารู้สึกบวมไปหมด ความเจ็บปวดนี้ทำให้อึดอัดใจเป็นอย่างมาก เขามิรู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไม้พายขนาดประมาณเท่าฝ่ามือฟาดลงเข้าที่ใบหน้าของลั่วชิงยวนอย่างแรง ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็มองขึ้นไปด้านบนท้องฟ้าที่เต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 81

    ครู่ต่อมา องครักษ์ก็พุ่งเข้าหาฟู่เฉินหวนฟู่เฉินหวนประมือกับองครักษ์อยู่หลายกระบวนท่า องครักษ์ผู้นั้นมิอาจต่อกรกับเขาได้ ชายผู้นั้นล้มลงไปกับพื้น และกระอักเลือดออกมา ทว่าเขาก็ยังหยัดกายขึ้นได้ในทันที และวิ่งเข้าใส่ฟู่เฉินหวนอีกครั้งราวกับว่าเขามิรู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใดจากนั้นฟู่เฉินหวนก็ดึงดาบซึ่งคราแน่นไปด้วยไอสังหารออกมาลั่วชิงยวนคุกเข่าลงบนพื้น หันหน้าเข้าหาดวงจันทร์ที่ทอประกาย และวาดยันต์ด้วยปลายนิ้วที่มีโลหิตสีเข้มเปียกชุ่มอยู่ เมื่อนางหันกลับมาเห็นว่าฟู่เฉินหวนกำลังชักดาบ นางก็ตะโกนออกไปอย่างรวดเร็ว "อย่าฆ่าเขา!"นางคว้ายันต์มาไว้ในมือ แล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็วเมื่อองครักษ์ที่กำลังคลุ้มคลั่งรีบวิ่งเข้ามาหาฟู่เฉินหวนทั้งที่ใบหน้าถูกย้อมไปด้วยโลหิต ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็เข้าไปยืนขวางที่ด้านหน้าของฟู่เฉินหวน และใช้ยันต์ในมือกดลงไปบนหน้าผากขององครักษ์ผู้นั้น นางใช้ปลายนิ้วเปื้อนเลือดของตัวเองสกัดจุดองครักษ์ให้ร่างกายของเขาแข็งค้างชั่วคราว ก่อนที่ลั่วชิงยวนก็ใช้โอกาสนี้เตะกวาดขาอีกฝ่ายจนทำให้เขาต้งคุกเข่าลงกับพื้นในเสี้ยววินาทีต่อมา นางจึงวาดอักขระเวทย์ลงบนหน้าผากและฝ่ามือขององค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 82

    เมื่อซูโหยวเห็นว่าบรรยากาศตึงเครียด เขาจะก้าวออกไปพูดจาโน้มน้าวผู้เป็นนายทันที "ท่านอ๋อง ที่ตำหนักยังมีคนที่ยังคลุ้มคลั่งและไม่ได้สติอีกไม่น้อย หากเรามิอาจจัดการเรื่องนี้ได้ คืนนี้อาจเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็เป็นพ่ะย่ะค่ะเมื่อได้เห็นความสามารถของลั่วชิงยวนในตอนนี้ ก็เห็นได้ชัดว่า ลั่วชิงยวนสามารถจัดการกับสิ่งที่ผู้อื่นมิอาจควบคุมได้ เขาเกรงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะมิใช่เหตุการณ์ปกติธรรมดา และคงไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะรับมือได้!ฟู่เฉินหวนลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ในที่สุดก็ไม่ถือสาเอาความลั่วชิงยวนอีกเขาลดน้ำเสียงลง "ข้าจะไม่ถือสาเอาความเจ้าสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในตำหนัก"“แต่ข้ามีข้อแม้...”ก่อนที่ฟู่เฉินหวนจะทันได้พูดจนจบประโยค ลั่วชิงยวนก็หันหลังกลับและเดินออกไป นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เวลาต้องการความช่วยเหลือ ท่านก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้รวดเร็วเสียจริง"คำพูดเหน็บแนมเหล่านั้นทำให้ฟู่เฉินหวนกำหมัดแน่นสิ่งที่ได้ยินทำให้หัวใจของซูโหยวเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อเห็นสายตาอาฆาตแค้นฉายอยู่ในดวงตาของผู้เป็นนาย เขาก็รีบเอื้อมมือไปคว้าแขนของฟู่เฉินหวนเอาไว้ "ท่านอ๋อง..."

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 83

    หลังจากควันจางลง ชายคนนั้นก็ตื่นขึ้นและมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความฉงนสงสัย "นี่มันเกิดอะไรขึ้น?""กลับไปที่ห้องของเจ้าซะ จงอยู่แต่ในนั้น คืนนี้อย่าได้ออกมาข้างนอกอีก" หลังจากที่ลั่วชิงยวนพูดจบนางก็ลุกขึ้นแล้วจากมา วิญญาณร้ายที่ถูกปล่อยออกมาจากอาคมชุมนุมปีศาจนี้มีพลังมหาศาล จนทำให้จิตใจผู้คนสับสนและทำให้พวกเขาเสียสติคลุ้มคลั่งราวกับถูกผีสิงแต่เมื่อนางมองลงไปในบ่อน้ำ นางก็ไม่คิดว่า เรื่องราวจะวุ่นวายได้ถึงขนาดนี้แม้ว่าพลังงานอันชั่วร้ายนั้นจะแข็งแกร่งไม่น้อยก็ตาม เป็นไปได้ไหมว่า… สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้มีสาเหตุมาจากสิ่งอื่น?ที่ลานกว้างเกิดเสียงดังอึกทึกขึ้นหลังจากที่ลั่วชิงยวนจากไป ทั่วทั้งลานเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ไม่เพียงแต่คนรับใช้เท่านั้นที่เสียสติ แต่องครักษ์ที่เข้ามาจับกุมคนพวกนั้นก็คลุ้มคลั่งตามไปด้วย พ่อครัวคนหนึ่งใช้มีดทำครัวเป็นอาวุธทำร้ายคนไปทั่วจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายต่อหลายคน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณประตูทางเข้าตำหนักถูกคนกลุ่มหนึ่งปิดตายเอาไว้ พวกเขาไม่กล้าเปิดมันออกไป และเซียวชูก็ง่วนอยู่กับการควบคุมผู้คนที่คุลุ้มคลั่งอยู่ที่เรือนชั้นในของ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 84

    สาวใช้กระซิบกระซาบกันแล้วกลับห้องของตนไปเมื่อแม่บ้านเติ้งได้ยินคำพูดเหล่านี้ นางก็อดมิได้ที่จะรู้สึกปลื้มปีติ ในที่สุดคนเหล่านี้ก็มีมุมมองที่ต่างออกไปต่อพระชายาเสียที แม่บ้านเติ้งและจือเฉาต่างกลับไปยังห้องพักของตัวเองด้วยเช่นกัน เซียวชูรีบวิ่งออกมาหลังจากรู้ว่า ลั่วชิงยวนปราบพวกที่คลุ้มคลั่งเหล่านั้นได้แล้ว เขาได้แต่ตกใจจนพูดไม่ออกลั่วชิงยวนเป็นฝ่ายที่ทำลายความเงียบขึ้นก่อน "เจ้าจับคนพวกนั้นได้กี่คน?"“นี่พ่ะย่ะค่ะ” เซียวชูให้คนพาคนที่กำลังคลุ้มคลั่งสองสามคนเข้ามาทันทีลั่วชิงยวนอดทนต่อความเจ็บปวดและวาดอักขระเวทย์ด้วยเลือดของตน ก่อนขับไล่วิญญาณชั่วร้ายออกไปอย่างสมบูรณ์ เซียวชูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้นคือ คนที่ไม่ได้สติพวกนั้นตื่นขึ้นมาเป็นปกติได้ในทันทีตอนที่พวกเขาฟื้นคืนสติกลับมาได้ ลั่วชิงยวนก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง "ข้าเกรงว่า ยังมีคนที่คลุ้มคลั่งอยู่อีกมากในตำหนักอีก เราจำเป็นต้องหาพวกเขาให้พบ แล้วยิ่งปล่อยให้พวกเขาออกไปจากตำหนักนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น หากเรื่องวุ่นวายนี้บานปลายออกไปนอกตำหนักแล้วล่ะก็ มันจะสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้เรา!"“ให้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 85

    “องค์ชายห้า ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่เพคะ?” ลั่วชิงยวนคิดว่า เขาคงได้รับผลกระทบจากวิญญาณร้ายเช่นกัน แต่เมื่อนางเข้าใกล้เขามากขึ้น นางก็ยังไม่เห็นวิญญาณชั่วร้ายอยู่รอบตัวเขาเลยแม้แต่น้อย“แค่ก แค่ก…” ฟู่อวิ๋นโจวไอเสียงแหบแห้งแล้วพูดว่า “มิใช่ข้าหรอก แต่เป็นหมอกู้ต่างหาก”“หมอกู้อย่างนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วฟู่อวิ๋นโจวยืนขึ้นและพานางไปอีกห้องหนึ่งในเรือนทิศใต้ เมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูเข้าไปกลิ่นสมุนไพรเข้มข้นก็ตีกระทบจมูกของนางอย่างหนักหน่วง จนทำให้นางอึดอัดและรู้สึกไม่ดีนัก ประตูและหน้าต่างภายในห้องนั้นถูกปิดเอาไว้ อากาศภายในไม่ถ่ายเทเลยแม้แต่น้อยหมอกู้นอนอยู่บนเตียงอย่างโรยแรง เมื่อเห็นคนเดินเข้ามา เขาก็หยัดกายขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนเอ่ยปาก "องค์ชายห้า… พระชายา..."ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนได้เต็มเท้า ร่างกายของเขาก็สั่นไหวและทำท่าจะล้มลงเด็กรับใช้รีบเข้าไปพยุงเขาอย่างรวดเร็ว“ท่านหมอกู้ เชิญนั่งลงก่อน ไม่ต้องมากพิธี ข้าเป็นคนขอให้พระชายามาดูอาการท่านเอง ดูเหมือนท่านจะถูกวิญญาณร้ายครอบงำอย่างไรอย่างนั้น” ฟู่อวิ๋นโจวกล่าวอย่างเคร่งขรึมถูกวิญญาณร้ายครอบงำอย่างนั้นหรือ?ลั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 86

    หลังออกจากเรือนทิศใต้มาแล้วลั่วชิงยวนก็ออกปากให้ฟู่อวิ๋นโจวส่งนางเท่านี้ ไม่ต้องถึงขั้นว่าอยู่ในห้องหับด้วยกันตามลำพังหรอก เพียงแค่เดินด้วยกันสองต่อสองยามค่ำคืนเช่นนี้หากว่ามีคนมาเห็นเข้าไม่แคล้วต้องโดนนำไปติฉินนินทาแน่ขณะที่เดินกลับเรือนตามลำพัง นางก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับท่านหมอที่ผิดปกติไป ท่านหมอกู้นั้นมีสถานะสูงส่งในตำหนักนี้ นอกจากห้องตำราของฟู่เฉินหวนแล้ว เขาสามารถไปไหนมาไหนได้ทุกที่ การไปที่เรือนของนางก็ไม่มีใครสนใจเช่นกันยิ่งไปกว่านั้นเขานั้นมีทักษะทางการแพทย์สูงส่งซึ่งสามารถปรุงยาที่ทำให้คนคลุ้มคลั่งได้อย่างง่ายดายน่าสงสัยยิ่งนัก!นางไม่รู้ว่าเขามีเจตนาที่จะทดสอบนาง หรือเขาขอให้นางช่วยกำจัดวิญญาณร้ายในร่างเพื่อบรรเทาอาการจริง ๆนางใช้วิธีการวาดอักขระเวทย์ให้เขา ไม่ว่าจุดประสงค์ของท่านหมอคืออะไร ก็ไม่ควรเป็นปัญหาดูเหมือนว่าจากนี้ไปนางจะต้องคอยจับสังเกตท่านหมอกู้ให้มากขึ้นบางทีเขาอาจจะเป็นปราชญ์ฮวงจุ้ยที่เร้นกายอยู่ในตำหนักก็เป็นได้ขณะที่นางกำลังเดินไปตามทางเดิน จู่ ๆ ก็มีเงาร่างสีดำโผล่มาตรงหน้า ใจนางเต้นระรัวและกำหมัด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 87

    นางพยายามกลั้นสะอื้นและกล่าวว่า “แล้วอย่างไร? ท่านอ๋องวางแผนจะจัดการกับหม่อมฉันเช่นไร?”ฟู่เฉินหวนสีหน้ามืดครึ้ม “ลั่วชิงยวน อย่ารนหาเรื่อง”“ข้าบอกตอนไหนว่าจะทำข้อตกลงกับเจ้า?”ลั่วชิงยวนสงบจิตใจลง แววตานางกลับเป็นเย็นชา นางมองเขาและถามเรียบ ๆ “ทำไมท่านอ๋องต้องแสร้งทำเป็นโง่ด้วย? ท่านรู้ดีอยู่แล้วมิใช่หรือว่าหม่อมฉันต้องการอะไร?”“นอกจากของของท่านแม่ หม่อมฉันก็ไม่ต้องการอย่างอื่น”ฟู่เฉินหวนนิ่วหน้า เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะเห็นด้วย “ตกลง”“แต่ข้าเองก็มีเงื่อนไข”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วอย่างเฉยชา ฟู่เฉินหวนพูดเสียงต่ำ ๆ ว่า “ประการแรก กำจัดค่ายกลชุมนุมปีศาจซะ”“สอง ห้ามจ้องเล่นงานเยวี่ยอิงอีก”“ตราบใดที่เจ้าทำตัวดี ข้าก็จะให้ถุงหอมเจ้า”เมื่อได้ยินเช่นนี้ลั่วชิงยวนก็กำมือแน่น นี่มันไม่ต่างกับมาทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจกันโดยที่นางไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลยใช่หรือไม่?“เงื่อนไขนี้ต้องดำเนินไปนานแค่ไหน?” นางถามพร้อมกัดฟันแน่น“ไม่มีเวลาแน่ชัด และข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะให้ถุงหอมเจ้าตอนไหน” ขณะที่ฟู่เฉินหวนพูดเช่นนี้ สีหน้าเขาก็จริงจัง“ท่าน!” ลั่วชิงยวนผุดลุกขึ้นทันทีนี่มันจะมากเกิน

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1410

    ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1409

    “แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1408

    เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1407

    ตามแผนที่นั้น ลั่วชิงยวนนำทางพวกเขาอ้อมไปอ้อมมา ในที่สุดก็มาถึงถ้ำที่โหยวเซียงผลักนางลงไปเนื่องจากก่อนหน้านี้โหยวเซียงนำคนมาไล่ตามพวกนางจากด้านล่าง ด้านบนจึงไม่มีสิ่งใดปิดบังแล้วและบนผนังหินก็มีเถาวัลย์ยาวห้อยลงมาด้วยเมื่อลองดึงเถาวัลย์นั้นก็พบว่าแข็งแรงมาก“ไปกันเถอะ”คนใบ้ยังคงเดินนำหน้า เขาจับเถาวัลย์ปีนขึ้นไปเมื่อขึ้นไปถึงด้านบนแล้วลั่วชิงยวนก็ปีนตามไปสุดท้ายก็ดึงโฉวสือชีขึ้นไปทัศนวิสัยเบื้องหน้าพลันสว่างและกว้างขึ้นลั่วชิงยวนมองไปที่คนใบ้ “ยามนั้นเจ้าถูกลากตัวมาที่นี่หรือ?”คนใบ้พยักหน้าโฉวสือชีกล่าวว่า “ข้าก็เหมือนจะเคยมาที่นี่เช่นกัน รู้สึกว่าที่นี่มีพลังหยินเข้มข้นนัก”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ถูกต้อง ก็ที่นี่แหละ”นี่คือจุดหมายที่สองของพวกเขาลั่วชิงยวนทำได้เพียงค้นหาไปทีละแห่ง ตามตำแหน่งที่อยู่ใกล้พวกนางมากที่สุดนางหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมาเริ่มค้นหาตำแหน่งที่แน่นอนทั้งสามถือโอกาสพักผ่อนในป่าสักครู่และหาอะไรกินเพื่อเติมพลังยามนี้ก็บ่ายแล้ว เห็นได้ชัดว่าฟ้าใกล้จะมืดลง ทั้งสามจึงออกเดินทางต่ออีกครั้งจนได้พบถ้ำแห่งหนึ่งด้านนอกถูกปกคลุมไปด้วยพุ่มไม้หนา เ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1406

    ทั้งสามรีบวิ่งหนีไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในมิช้า โหยวเซียงและต่งอวิ๋นซิ่วก็นำผู้คนจำนวนมากมาถึงที่นี่อย่างรีบร้อนแต่เมื่อทั้งคณะพุ่งเข้าไปในถ้ำ กลับพบว่าสิ่งนั้นหายไปแล้ว!สีหน้าของต่งอวิ๋นซิ่วเปลี่ยนไป นางตวาดเสียงดัง “ตามหาให้ทั่ว!”“ข้ามิเชื่อหรอกว่าจะยังมีใครที่เดินเหินไปมาอย่างอิสระในเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ได้!”ยามนี้ลั่วชิงยวนมีแผนที่อยู่ในมือ นางสามารถเดินไปไหนมาไหนในเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ได้อย่างอิสระจริง ๆนางถึงขนาดรู้ทุกซอกทุกมุมในเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ดีกว่าต่งอวิ๋นซิ่วและพรรคพวกด้วยซ้ำเพราะนั่นคือแผนที่ที่อวี๋ตันเฟิ่งวาดให้นาง ซึ่งละเอียดลออยิ่งส่วนพวกต่งอวิ๋นซิ่ว ท้ายที่สุดแล้วความทุ่มเทที่พวกนางมีต่อเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ย่อมมิอาจเทียบกับอวี๋ตันเฟิ่งได้ ความเข้าใจที่พวกนางมีจึงด้อยกว่าอวี๋ตันเฟิ่งลั่วชิงยวนเดินตามแผนที่ มิได้วิ่งหนีเข้าไปในหน้าผาหากไปในเส้นทางนั้นก็อาจถูกตามทันได้ขณะที่วิ่งหนี ลั่วชิงยวนก็แหงนหน้ามองตามผนังหินไปด้วยในที่สุดก็พบทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่งแม้จะสูงไปสักหน่อยแต่ทางขึ้นไปก็มิได้ชันมาก ปีนป่ายขึ้นไปก็ได้แล้ว“ปีนขึ้นไปทางนั้น!”เมื่อ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1405

    สิ่งที่อยู่ในโลงเริ่มสั่นไหวรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น และโลงศพก็ระเบิดออกในที่สุดทันใดนั้น ศพชายคนหนึ่งก็ลุกขึ้นมาบีบคอฝูเหมิ่งไว้สิ่งที่เป็นกึ่งคนกึ่งผีทั้งสองเริ่มต่อสู้กันลั่วชิงยวนสังเกตอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่า ชายคนนั้นก็ดุร้ายเช่นกันและเป็นสิ่งที่อันตรายมากทั้งสองเข้าโรมรันต่อสู้กันอย่างดุเดือดเนื่องจากศพชายคนนั้นฉุดรั้งฝูเหมิ่งไว้ ลั่วชิงยวนจึงหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ขึ้นมาสังเกตการณ์ในถ้ำแห่งนี้อย่างเงียบ ๆแท้จริงแล้วที่นี่คือหนึ่งในจุดรวมพลังศพของอวี๋ตันเฟิ่งก็ควรจะอยู่ที่นี่ ไม่มีทางผิดพลาดแน่แต่ถ้ำแห่งนี้มีขนาดเล็กเพียงเท่านี้ มองปราดเดียวก็เห็นทั่วแล้ว ไม่มีที่ให้เข้าไปลึกกว่านี้แล้วลั่วชิงยวนถือเข็มทิศมองอยู่นาน และทันใดนั้นดวงตาของนางก็พลันเป็นประกายใต้พื้นถ้ำ!เมื่อมองไปยังใต้โลงศพก็พบว่าเป็นจานกลมขนาดใหญ่ น่าจะขยับได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น ลั่วชิงยวนก็เริ่มค้นหาตัวไขกลไก ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่รูปปั้นหินบนผนัง“พวกเจ้าช่วยคุ้มกันข้าหน่อย!”ลั่วชิงยวนหยิบเชือกออกมาคล้องที่เอวพร้อมมัดไว้ก่อนจะส่งปลายเชือกให้อาถู่และโฉวสือชีถือไว้จากนั้นนางก็กระโจนไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1404

    โฉวสือชีชะงักไปครู่หนึ่ง “มีทางลงไปจากหน้าผาด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนพยักหน้าหลังจากที่ทั้งสามพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าลงจากเขาไปเมื่อเดินไปได้ประมาณหนึ่งชั่วยาม ลั่วชิงยวนก็พาพวกเขามาถึงเชิงผา ที่นี่มีหน้าผาสูงชันทั้งสองด้านและด้านล่างเป็นลำธารตื้น ๆ สายหนึ่งพวกเขาก้าวเท้าไปตามลำธาร เดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆที่นี่อากาศหนาวเย็นจัด หนาวจนมือเท้าชาเลยทีเดียวทางเดินบางครั้งก็กว้าง บางครั้งก็แคบ แสงสว่างบางครั้งก็สว่างจ้า บางครั้งก็สลัวเดินไปนานมาก ในที่สุดด้านหน้าก็ปรากฏร่างหนึ่งศพของหงไห่นั่นเองเมื่อตกลงมาจากที่สูงเช่นนั้นจึงมิเหลือแม้แต่ซากศพที่สมบูรณ์...ลั่วชิงยวนหดหู่ใจ หยิบยันต์รวมวิญญาณออกมาแล้วนำขวดออกมาบรรจุวิญญาณของหงไห่แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าโฉวสือชีและคนใบ้ค้นบริเวณนี้มาครู่หนึ่งแล้วเมื่อกลับมาถึง ทั้งสามก็สบตากัน สีหน้าหนักอึ้งไปตามกัน“ฝูเหมิ่งยังมิตาย”พวกเขามิพบศพของฝูเหมิ่งเรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของลั่วชิงยวนอยู่แล้ว เพราะท้ายที่สุด ในร่างของฝูเหมิ่งในตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิงแต่เมื่อตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น ร่างกายของฝูเหมิ่งก็น่าจะได้ร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1403

    ลั่วชิงยวนรีบเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏอยู่เหนือศีรษะของนาง!มิว่าจะเป็นฝูเหมิ่งหรือโหยวจิ้งเฉิงที่อยู่ในร่างของฝูเหมิ่งล้วนจ้องไปที่ลั่วชิงยวนเป้าหมายของพวกเขาคือลั่วชิงยวนมาโดยตลอด!ฝูเหมิ่งแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมกระโจนเข้ามาทันใดนั้นเอง หงไห่ก็ตัดเชือกที่เอวทิ้งแล้วพุ่งตัวกระโจนเข้าใส่ขณะที่เขาหลุดออกจากหน้าผา ลั่วชิงยวนตกใจจนหน้าซีดเผือดจากนั้นก็เห็นหงไห่คว้าตัวฝูเหมิ่งไว้ ทั้งสองร่วงลงจากหน้าผาไปพร้อมกันลั่วชิงยวนตาไวมือไว รีบคว้าเชือกที่ผูกเอวหงไห่ไว้อีกครั้ง แต่แรงของนางกลับฉุดพวกเขาไว้มิได้นางจึงพันเชือกไว้รอบข้อมือเชือกรัดจนข้อมือนางขาวซีดและฝ่ามือถลอกคนใบ้รีบเข้ามาช่วยดึงลั่วชิงยวนไว้ เกรงว่านางจะถูกฉุดกระชากลงไปด้วยหงไห่กอดฝูเหมิ่งไว้แน่น ส่วนฝูเหมิ่งก็กัดแทะไหล่ของหงไห่อย่างโหดเหี้ยมเลือดสาดกระเซ็น เศษเนื้อชิ้นแล้วชิ้นเล่าตกลงไปในหุบเหวลั่วชิงยวนกัดฟันแน่น “เจ้าจงอดทนไว้!”หงไห่ทนความเจ็บปวดอย่างสุดกำลัง บังคับฝูเหมิ่งไว้ให้ได้“ปล่อย! พวกเจ้าฉุดข้าไว้มิได้หรอก! พวกเจ้าจะถูกข้าดึงลงไปด้วย!”โฉวสือชีก็ขยับตัวอย่างกระวนกระวาย หม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1402

    โชคดีที่นางจับกริชไว้แน่นส่วนคนใบ้ที่อยู่ด้านหลังก็รีบคว้าแขนของนางไว้อย่างรวดเร็วแล้วช่วยพยุงนางไว้ลั่วชิงยวนยืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง รอดตายหวุดหวิดในใจของทุกคนตึงเครียดอย่างยิ่ง แต่กลับไม่มีใครเอ่ยคำใด ด้วยเกรงว่าจะทำให้คนอื่น ๆ ตึงเครียดไปด้วย พวกเขาก้าวเท้าแต่ละก้าวบนหน้าผาอย่างเชื่องช้าแต่ดูเหมือนหนทางเบื้องหน้าจะไร้ที่สิ้นสุด มิรู้ว่าเมื่อใดจึงจะได้เหยียบพื้นอย่างมั่นคงทันใดนั้นเอง หงไห่ที่ไต่นำหน้าก็หยุดนิ่งลั่วชิงยวนจำต้องหยุดตาม มิกล้าเข้าไปใกล้มากนัก เพราะก้อนหินที่เหยียบอยู่นั้นอาจรับน้ำหนักสองคนมิไหวเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ก้อนหินที่เหยียบอยู่พังลงพร้อมกัน พวกเขาจึงเว้นระยะห่างกันพอสมควร“มีกระไรหรือ?” ลั่วชิงยวนถามทันใดนั้นก็มีลมกระโชกแรงพัดมาจากเบื้องหน้า พร้อมกับกลิ่นอายอาฆาตลั่วชิงยวนขมวดคิ้วอันตรายที่มาจากเบื้องหน้าทำให้ลั่วชิงยวนกลั้นหายใจนางขยับเท้าไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วก็ได้เห็นภาพสยองชวนขนลุกบนหน้าผาเบื้องหน้า ฝูเหมิ่งกำลังเกาะติดอยู่ราวกับแมงมุม ซึ่งขวางทางของพวกเขาไว้พอดีที่แขนขาของเขามีกรงเล็บเหล็ก เหมือนกับที่ลั่วชิงยวนเคยเห็นบนร่างข

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status