จือเฉายืนรออยู่ข้างนอก แต่กลับถูกองครักษ์ประจำคุกใต้ดินไล่ออกไป เช่นนั้นจือเฉาจึงต้องกลับไปที่เรือนก่อนเมื่อนางเดินเข้าไปในคุกใต้ดิน ตลอดทางทั้งสองฝั่งก็มีองครักษ์ประจำคุกใต้ดินคอยเฝ้าอยู่และรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดลั่วชิงยวนพบกับนักฆ่าของสำนักเทียนอิงซึ่งถูกขังอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของทางเดินเขานั่งขัดสมาธิพร้อมกับหลับตาพิงผนัง ขณะที่ทั้งมือและเท้าของเขาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน ลั่วชิงยวนต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำให้องครักษ์ประจำคุกใต้ดินอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยจากนั้นนางก็มองไปยังคนที่นั่งอยู่ในห้องขังแล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เจ้ามีนามว่าอะไร?”นักฆ่ายังคงนิ่งเงียบแต่ในขณะนั้นกลับมีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น “ท่านแม่ เขาดูเหมือนข้า!”นั่นคือเสียงของเตี่ยฉุยซึ่งอยู่ในเครื่องราง ลั่วชิงยวนปลดปล่อยเขาแล้วพูดว่า “ใช่ ดูคล้ายกันมาก เขาคือผู้ที่ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้ เจ้าอยู่ในร่างของเขา”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เตี่ยฉุยก็โกรธมาก “ว่ากระไรนะ?!”เมื่อได้ยินเสียงพูด นักฆ่าสำนักเทียนอิงซึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องขังก็ไม่อาจนั่งนิ่งได้อีกต่อไป เขาลืมตาขึ้น ก่อนจะหรี่ตาลงเล็
องครักษ์ประจำคุกใต้ดินตกใจเป็นอย่างมากพลางคิดว่าลั่วชิงยวนจะสามารถสอบปากคำได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?พวกเขาทุกคนรู้จักนักฆ่าแห่งสำนักเทียนอิงเป็นอย่างดี เหล่านักฆ่าจะไม่มีวันทรยศต่อเจ้านายของพวกเขาเด็ดขาด ไม่ว่าจะใช้วิธีสอบสวนแบบใดก็ตามไม่อาจส่งผลต่อพวกเขาได้เลยเช่นนั้นแล้วทั้งท่านอ๋องและเซียวชูจึงมิได้สั่งให้ประหารชีวิตเขาตั้งแต่แรก เพราะรู้ว่ามิอาจสอบสวนสิ่งใดได้เลยเมื่อพระชายาต้องการเข้ามาสอบปากคำ เช่นนั้นแล้วพวกเขาจึงมิได้จริงจังกับเรื่องนี้ ตราบใดที่นางไม่สามารถเข้าถึงตัวนักฆ่าได้โดยตรง ทว่า นางไม่เคยพบกับนักฆ่ามาก่อน นางจะสอบปากคำเขาได้เช่นไร?องครักษ์ประจำคุกใต้ดินนำโต๊ะกับเก้าอี้มาวางให้นาง ก่อนจะนำปากกาและกระดาษวางไว้บนโต๊ะลั่วชิงยวนนั่งลง จากนั้นก็เริ่มจดบันทึกหลักฐานการกระทำความผิดของตระกูลฝูตามคำสารภาพของนักฆ่าหลังจากเขียนบันทึกหลักฐานนางก็ถูข้อมืออย่างเหนื่อยล้าเมื่อนางมองขึ้นไปก็พบเข้ากับสายตาขององครักษ์ประจำคุกใต้ดินหลายคนซึ่งยืนอยู่ข้างนาง “มัวมองข้าหาปะไร ไปทำงานของพวกเจ้าสิ”จากนั้นองครักษ์ประจำคุกใต้ดินก็รู้สึกตัว พวกเขาจึงหันหลังกลับและจากไปลั่
ครู่ต่อมา นักฆ่าชุดดำซึ่งสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าก็รีบเร่งเข้ามา องครักษ์ประจำคุกใต้ดินไม่อาจต่อกรกับเขาได้!เมื่อเขาเห็นลั่วชิงยวน เขาก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัดนักฆ่าจับกริชไว้แน่น ก่อนจะรีบวิ่งมาหานางอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนมิได้ซ่อนตัวแต่นางกลับเลือกก้าวไปข้างหน้าแทนนางรู้ว่าคนที่พยายามฆ่าปิดปากนางมาถึงแล้ว แต่นางคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้าบุกเข้ามาในตำหนักอ๋องเพียงเพื่อที่จะฆ่าปิดปากนางลั่วชิงยวนยกมือขึ้นเพื่อป้องกันกริชของคู่ต่อสู้ นางอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงพร้อมทั้งต่อสู้กับอีกฝ่าย แม้ว่านางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่นางก็ยังคงรวดเร็วนักหลายครั้งที่นางพยายามคว้ากริชจากมือของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายก็หลบได้ในทุกครั้งทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กัน ทันใดนั้น นักฆ่าผู้นั้นขว้างกริชไปยังนักฆ่าอีกคนซึ่งอยู่ในห้องขังนักฆ่าสามารถหลบเลี่ยงได้ แต่กลิ่นหอมจาง ๆ ซึ่งเล็ดลอดออกมาจากกริชก็ทำให้นักฆ่าอาเจียนเป็นเลือดทันทีสีหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป นักฆ่าผู้นี้ได้รับพิษไปแล้ว ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดพิษและฆ่าเขาได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น
ในคุกใต้ดิน ในที่สุดลั่วชิงยวนก็ปล่อยมือจากนักฆ่าผู้นั้น จากนั้นนางก็ปล่อยให้เขาหลบหนีไปนางไล่ตามเขาไปจนสุดทางออกจากคุกใต้ดิน กระทั่งผ่านสวน แต่เมื่อนางไปถึงสวนหลังตำหนัก ร่างนั้นก็หายไปแล้วเขากำลังหนีออกจากตำหนัก!ขณะนี้มีกำลังคนไม่มากนักในตำหนักอ๋อง และไม่มีที่ไหนที่จะไล่ตามเขาไปได้ทว่า ในขณะนี้ที่ลานหน้าตำหนัก ซูโหยวกำลังกลับมาพร้อมกับคนของเขา เมื่อเขารู้ว่ามีนักฆ่าบุกเข้าไปในคุกใต้ดิน เขาก็รีบไปที่นั่นพร้อมกับคนของเขาในทันทีเขารีบเร่งไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของคุกใต้ดิน ซึ่งมีนักฆ่าสำนักเทียนอิงอยู่ในห้องขังนั้น นักฆ่าได้อาเจียนออกมาเป็นเลือด จากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นสีหน้าของซูโหยวเปลี่ยนไปอย่างมากฟู่เฉินหวนกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตำหนักอ๋อง เช่นนั้นจึงขอให้เขารีบกลับทันที ทว่า เขาก็ยังช้าเกินไปหนึ่งก้าว“ผู้ใดมันกล้าบุกเข้ามายังตำหนักอ๋องเพื่อก่อเหตุฆาตกรรมเช่นนี้!” ซูโหยวขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาแฝงไปด้วยความโกรธแค้นจากนั้นเขาก็ถามองครักษ์ประจำคุกใต้ดินทันทีว่า “วันนี้มีอะไรผิดปกติในตำหนักอ๋องหรือไม่?”องครักษ์ประจำคุกใต้ดินส่ายหน้า ก่อนจะลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพู
“นักฆ่าผู้นี้ถูกวางยาพิษจริง ๆ ยากที่จะรักษาเขาได้ ข้าทำได้เพียงให้เขามีชีวิตอยู่ได้สองหรือสามวันเท่านั้น หากเจ้าต้องการพยาน ควรรีบลงมือโดยเร็วที่สุด!”“ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะอธิบายเรื่องราวให้เจ้าได้ฟังอย่างละเอียด นักฆ่าที่มาในวันนี้สวมหน้าปิดบังใบหน้าไว้ เขามีทักษะการต่อสู้ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับสำนักเทียนอิงและสำนักวรยุทธเจียงฮู๋ เป็นไปได้ว่าตัวตนของคนผู้นี้นั้นไม่ธรรมดาเลย”“ข้าไล่ตามเขาไปที่สวนหลังตำหนัก แต่แล้วเขาก็หายตัวไป เขาน่าจะหนีออกจากตำหนักไปแล้ว เขาคงคิดว่านักฆ่าสำนักเทียนอิงตายแล้ว เราจะใช้โอกาสนี้จับพวกเขาโดยมิทันให้ได้ตั้งตัว”“ข้าจะเข้าวัง”หลังจากการอธิบายเรื่องทั้งหมด ลั่วชิงยวนก็ก้าวเดินมุ่งหน้าออกจากคุกใต้ดินซูโหยวหยิบบันทึกพยานหลักฐานจำนวนมากขึ้นมาดู ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากพระชายาอ๋อง นางสามารถถามหลักฐานมากมายจากปากของนักฆ่าสำนักเทียนอิงได้เช่นไร!เมื่อครู่นี้เขายังสงสัยนางด้วยซ้ำไป!เมื่อเขาฟื้นคืนสติได้ ร่างของลั่วชิงยวนก็เดินจากไปแล้วจู่ ๆ ซูโหยวก็กำฝ่ามือของเขาแน่น ราวกับในใจของเขารู้สึกผิดเป็นอย่างมากเขาไล่ตามนางไปทันทีแต่ลั
หัวใจลั่วชิงยวนสั่นไหวอย่างรุนแรงไทเฮารู้ดีว่าบุคคลที่นางเชิญคือลั่วชิงยวน พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการเห็นได้ชัดว่าไทเฮาก็รู้เรื่องนี้แล้วเช่นกันลั่วชิงยวนไม่ปิดบังอีกต่อไป “ใช่เพคะ!”ไทเฮายิ้มออกมาอย่างไม่อาจคาดเดาได้ จากนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นมองลั่วชิงยวน “เจ้ารู้หรือไม่พระชายาสถานะของเจ้าตอนนี้คืออะไร?”“ฟู่เฉินหวนเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ และเมื่อเจ้าแต่งงานกับราชวงศ์ ทุกสิ่งที่เจ้าพูดไปจนถึงทุกการกระทำล้วนเป็นหน้าเป็นตาของราชวงศ์ ทว่า เจ้ากับไปที่หอนางโลมเพื่อเป็นนางรำ”“หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เกียรติยศและศักดิ์ศรีของราชวงศ์เทียนเชวียจะต้องเสื่อมเสียเพราะเจ้าใช่หรือไม่?”เสียงของไทเฮาเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เต็มไปด้วยน้ำเสียงอันน่าเกรงขามในห้องโถงอันเงียบสงบแห่งนี้ และทำให้ผู้คนที่ได้ยินสั่นสะท้านด้วยความกลัวลั่วชิงยวนคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับก้มศีรษะลงทันที คิ้วของนางขมวดมุ่น นางมิอาจเอื้อนเอ่ยคำพูดใดได้เลยไทเฮามองดูนางอย่างเย็นชา “เจ้าจะไม่พูดสิ่งใดเลยหรือ? เช่นนั้นแล้วเจ้าก็คงเข้าใจดีถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ใช่หรือไม่?”“ข้าควรลงโทษเจ้าเช่นไรกับความผิดเยี่ยงน
เมื่อเห็นนางรับขวดยา ไทเฮาก็เลิกคิ้วแล้วพูดว่า “นั่งลง”“จิ่นชู วันนี้ฝ่ายห้องเครื่องทำขนมหรือไม่? มอบให้ชิงหยวนได้ลิ้มลองสักชามสิ”“เพคะไทเฮา”คำสั่งอย่างกะทันหันของไทเฮาทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในไม่ช้า จิ่นชูก็นำขนมมา ลั่วชิงยวนจึงรับขนมแล้วกินเข้าไปสองสามคำแล้วพูดว่า “ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันต้องกลับไปหาทางจัดการกับเรื่องนี้ แล้วเหตุใดจึงมิให้หม่อมฉันออกไปเพคะ?”ไทเฮาพยักหน้าเล็กน้อยลั่วชิงยวนจึงยืนขึ้นและทำความเคารพ ก่อนจะหันหลังกลับเพื่อจากไปทว่า ทันทีที่นางยืนขึ้น ขันทีก็รีบเข้ามาหาไทเฮาทันที ลั่วชิงยวนเหลือบมองไปด้านข้างจึงเห็นว่าขันทีพูดอะไรบางอย่างข้างหูของไทเฮาสีหน้าของไทเฮาเปลี่ยนไปกะทันหันจู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็รู้สึกกังวลใจ นางจึงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นในทันทีทว่า ทันทีที่นางไปถึงประตู จู่ ๆ เสียงของไทเฮาก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “ชิงยวน”เสียงอันสง่างามนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนสั่นสะท้าน“ตัวข้ามีอีกเรื่องจะบอกเจ้า มานี่สิ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วชิงยวนจึงกำขวดยาซึ่งอยู่ในฝ่ามือใต้แขนเสื้อไว้แน่นจิ่นชูกำลังเดินเข้ามาทันใดนั้น บรรยากาศก็ตึงเครียดทันทีลั่
ในที่สุดฟู่เฉินหวนก็เดินออกจากราชสำนัก ก่อนจะเห็นว่าซูโหยวยังคงรออยู่ข้างนอก เขาออกคำสั่งทันทีว่า “ไปตรวจสอบตามเนื้อหาคำให้การเหล่านี้ จะต้องได้รับหลักฐานการกระทำผิดทั้งหมด!”ซูโหยวพยักหน้า “กระหม่อมขอให้เซียวชูจัดการเรื่องนี้ไว้ก่อนที่จะเข้าวังหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เฉินหวนซึ่งกำลังอารมณ์ดีจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าซักถามเบาะแสมากมายได้เช่นไรในเวลาอันสั้นเช่นนี้?”ในขณะที่ซูโหยวกำลังจะพูด ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็น มหาราชาจารย์เหยียนเดินผ่านมา เขาจึงยกมือขึ้นปิดปากของตนเอาไว้เมื่อเขาและฟู่เฉินหวนเดินเข้าไปยังมุมร้าง ซูโหยวก็พูดอย่างรีบเร่งว่า “ท่านอ๋อง คำให้การเหล่านี้ล้วนได้มาจากพระชายา!”“ก่อนที่กระหม่อมจะเข้าไปในพระราชวัง ไทเฮาได้เรียกพบพระชายา จากนั้นก็ให้จิ่นชูจากพระตำหนักโช่วสี่มารับนางไป!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปทันที “ว่ากระไรนะ! ไฉนเจ้ามิบอกข้าก่อนหน้านี้เล่า?!”ทันทีที่พูดจบ ฟู่เฉินหวนก็รีบมุ่งหน้าไปยังพระตำหนักโช่วสี่อย่างรวดเร็วเมื่อฟู่เฉินหวนมาถึงพระตำหนักโช่วสี่โดยเร็ว เขาก้าวเดินเข้าไปในห้องโถงอย่างแข็งกร้าว ทันใดนั้น เขาก็เห็นฉากกรอกยาพิ
โฉวสือชีตกตะลึงเป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอสตรีที่พูดจาโอหังเช่นนี้ตระกูลนักบวชหญิงมีสถานะเทียบเท่าราชวงศ์ แม้แต่จักรพรรดิยังต้องเกรงใจนักบวชหญิงสตรีผู้นี้กลับบอกว่าจะให้ตระกูลนักบวชหญิงมาอ้อนวอนให้นางเข้าร่วม มิรู้ว่านางเอาความมั่นใจมาจากไหน......ทุกคนเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างองอาจโฉวสือชีเป็นคนควบคุมเงินของกลุ่ม ตอนนี้จึงเลี้ยงอาหารอย่างมิสนราคา ถือเป็นการฉลองลั่วชิงยวนที่ไม่มีเงินติดตัวก็ได้กินอาหารโดยมิต้องจ่ายเงินนางนั่งข้างหน้าต่างโฉวสือชียกแก้วขึ้น “หวังว่าต่อไปจะร่วมมือกันอย่างมีความสุข”ลั่วชิงยวนคลี่ยิ้มจาง หยิบแก้วขึ้นมาด้วยนิ้วเรียวและชนกับเขาเบา ๆ “แน่นอน”“เพราะอย่างไรเสีย เจ้ากับข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น”ลั่วชิงยวนยกยิ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าซีดเซียวนั้นมีความหมายลึกซึ้ง แววตาลึกล้ำเย้ายวนในตอนนั้นหัวใจของโฉวสือชีเต้นรัวราวกับถูกนางมองทะลุโฉวสือชีพยายามปิดบังความตื่นตระหนกในใจหยิบตำราอาคมนักบวชหญิงออกมาวางไว้ข้างนาง“เจ้าอาจจะมิต้องการตำราเล่มนี้แล้ว แต่ข้าเก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์”โฉวสือชีน่าจะขโมยตำราอาคมนักบวชหญิงเล่มนี้มาต้องยอมรับว่า ตำราอาคมนักบวชหญิ
ร่างผอมบางภายใต้ผ้าคลุมสีดำ ถึงแม้ว่าสีหน้าจะมิซีดเซียวเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังคงซีดขาวอยู่บ้างนางเดินไปที่ลานหรี่ตามองแสงแดดยามเช้าดวงตาของนางยังคงมิค่อยชินกับแสงทำให้แสบตาจนน้ำตาไหลดูเหมือนว่าหลังจากที่ออกมาจากห้องลับ ดวงตาของนางก็มิสามารถทนแสงที่สว่างจ้าได้ มิรู้ว่าต่อไปจะหายหรือไม่โฉวสือชีพาคนอื่น ๆ เดินมา“สีหน้าของเจ้าดูดีขึ้นมาก” โฉวสือชีมองลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนพยักหน้า “แก้ยันต์ผนึกวิญญาณให้พวกเจ้าได้แล้ว”ดังนั้น ลั่วชิงยวนจึงลงมือแก้ยันต์ผนึกวิญญาณให้ทุกคนเมื่อเห็นว่ารอยแผลเป็นจากยันต์ไม่มีแสงสีทองอีกต่อไป ทุกคนก็ดีใจมากนี่หมายความว่าพวกเขาเป็นอิสระแล้ว!หงไห่ยิ่งโหดเหี้ยม เขาหยิบมีดมาปาดรอยแผลเป็นที่ไหล่ออก แล้วกล่าวว่า “นับจากนี้ข้ามิใช่ทาสอีกต่อไปแล้ว!”“ชาตินี้จะมิเป็นทาสอีกแล้ว!”“ใครก็อย่าหวังจะสลักสิ่งนี้ให้ข้าได้อีก!”มันเป็นการกระทำที่โหดร้ายนองเลือด แต่ลั่วชิงยวนกลับเห็นความตื่นเต้นดีใจในแววตาของหงไห่ราวกับมิรู้สึกเจ็บปวดทุกคนต่างตื่นเต้นลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะพาพวกเจ้าหนีออกไป”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็เดินไปที่ประตู หยิบเข็มทิศอาณัติ
โฉวสือชีได้ยินดังนั้นก็มองนางด้วยความตกใจ“นักบวชหญิงหรือ?!”ลั่วชิงยวนมีสีหน้าสงบนิ่ง กล่าวอย่างใจเย็น “ใช่ มีเพียงข้าได้เป็นนักบวชหญิงเท่านั้น ข้าจึงจะสามารถยกเลิกกฎและระเบียบที่มิยุติธรรมและช่วยคนที่พวกเจ้าอยากช่วยได้”“มิเช่นนั้นถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะฆ่าคนไปมากเท่าใด ภายใต้กฎระเบียบนี้ก็ยังคงมีคนมากมายถูกใส่ร้าย ถูกบังคับให้เป็นทาสเหมือนเดิม”หลังจากที่โฉวสือชีฟังจบก็รู้สึกหวั่นไหวเพียงแต่ยังมองลั่วชิงยวนด้วยความมิวางใจ “เจ้าทำได้จริงหรือ?”“แน่นอน มิเช่นนั้นข้าจะมาที่นี่เพื่ออะไร?”โฉวสือชีมองหญิงสาวตรงหน้า เห็นได้ชัดว่านางอ่อนแอและซีดเซียวราวกับจะตายได้ทุกเมื่อกลัวว่าหากร่วมมือกับนาง นางจะตายก่อนที่การใหญ่จะสำเร็จแต่แววตาและน้ำเสียงที่หนักแน่นนั้นกลับทำให้น่าเชื่อถืออย่างบอกมิถูกเห็นว่าโฉวสือชียังคงลังเล ลั่วชิงยวนจึงหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมาแล้วใช้สายตาชี้ไปทางตู้เฟิงเฉินที่อยู่บนพื้น“ข้าเห็นอดีตของเขา”“เหตุผลของการมีอยู่ของทาสเป็นสิ่งที่ข้ามิคาดคิด ครอบครัวของเขาถูกทำร้าย แต่มิใช่เหตุผลอันชอบธรรมที่ทำให้เขาทำร้ายผู้บริสุทธิ์ได้”“เขาต่างจากผู้กระทำความผิดตรง
กล่าวจบ นางก็พูดต่อ “หากข้าอยากอยู่ในเมืองหลวงก็ต้องทำภารกิจปราบพวกเจ้าให้สำเร็จ”โฉวสือชีหัวเราะอย่างเย็นชา “ปราบหรือ? พวกข้าเป็นคน มิใช่สัตว์ เจ้าจะใช้เรื่องแก้ยันต์ผนึกวิญญาณมาขู่ให้พวกเราเชื่อฟังหรือ?”แต่แววตาของลั่วชิงยวนกลับลุกโชนดั่งเพลิง นางยกยิ้มกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “หามิได้”“ข้าจะพาพวกเจ้า หนีออกจากค่ายทาสนักโทษ”โฉวสือชีได้ยินดังนั้นก็ตกใจมากค่ายทาสนักโทษมีค่ายกลและกลไก ไม่มีใครหนีออกไปได้ง่าย ๆ ยิ่งไปกว่านั้น การป้องกันภายนอกก็แน่นหนา“เจ้าอยู่ในสภาพนี้ ยังจะพาพวกข้าหนีออกจากค่ายทาสนักโทษอีก? อย่าว่าแต่เจ้าทำมิได้เลย ถึงเจ้าจะทำได้ แต่พวกข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?”ลั่วชิงยวนฟังออกว่าโฉวสือชีอยากจะร่วมมือ มิเช่นนั้นคงมินั่งอยู่ที่นี่เพื่อลองใจนาง“เพราะมิใช่แค่พวกเจ้าที่ต้องการแก้ยันต์ผนึกวิญญาณ ข้าคิดว่าสหายและครอบครัวของพวกเจ้าก็ต้องการแก้ยันต์ผนึกวิญญาณเหมือนกัน”คำพูดของลั่วชิงยวนทำให้โฉวสือชีพูดมิออกมองปฏิกิริยาของโฉวสือชีแล้ว ลั่วชิงยวนก็รู้ว่าวิธีของนางถูกต้อง“ข้าอยากรู้ว่า เหตุใดพวกเจ้าถูกสลักยันต์ผนึกวิญญาณแล้วแต่ยังหนีออกมาได้?”โฉวสือชีขมวดคิ้ว
โฉวสือชีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงถอดเสื้อนั่งขัดสมาธิตรงหน้าลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนหยิบยันต์ออกมาแปะลงบนรอยสักพลันมีแสงสีทองปรากฏขึ้นบนรอยสัก“เห็นหรือไม่ นี่แสดงว่ายันต์ผนึกวิญญาณมีอยู่จริง”“เมื่อแก้ยันต์ผนึกวิญญาณแล้ว ที่นี่ก็จะมีเพียงรอยสักและแผลเป็น จะไม่มีอักขระเวทแสงสีทองนี้อีก”ลั่วชิงยวนพยายามอธิบายให้พวกเขาฟังหากสามารถตกลงกันได้ด้วยดีก็ดีที่สุด นางมิอยากลงมือต่อสู้อีกแล้วนางสู้มิได้จริง ๆ หงไห่และคนอื่น ๆ ฟังเข้าใจ จึงพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้ารีบแก้ยันต์ผนึกวิญญาณให้เขาเถิด”ลั่วชิงยวนก็บังเอิญทำได้ ใต้หล้านี้มีมิกี่คนที่แก้ยันต์ผนึกวิญญาณได้ และนางเป็นหนึ่งในนั้นเพียงแต่ร่างกายของนางตอนนี้จะยิ่งเสียพลังมากขึ้นนางหยิบยันต์ออกมา ก่อนจะใช้มีดกรีดนิ้วเพื่อใช้เลือดวาดยันต์ จากนั้นแปะลงบนหลังของโฉวสือชี วงแหวนแห่งเวทสีทองปรากฏขึ้นซึมเข้าไปในรอยแผลเป็นของยันต์ผนึกวิญญาณไม่มีปฏิกิริยาใดอีก“เสร็จแล้ว” ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างใจเย็นโฉวสือชีหันไปมองไหล่ของตัวเอง ดูเหมือนจะมิรู้สึกอะไร “เสร็จแล้วหรือ?”ลั่วชิงยวนจึงทดสอบให้พวกเขาดู ในรอยสักของยันต์ผนึกวิญญาณไม่มีอักขระเว
แต่ที่นี่มิได้มีแค่หงไห่คนเดียวยังมีคนชั่วร้ายอีกหลายคนเมื่อพวกเขาลงมือ ลั่วชิงยวนก็ถูกรุมซ้อมจนไร้ทางสู้สุดท้ายก็ถูกหงไห่จับตัวได้ และถูกกดร่างลงกับพื้นแน่นหงไห่หยิบมีดเล่มใหญ่ออกมา ซึ่งยังคงมีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่“ให้ข้าดูหน่อย จะตัดมือข้างไหนก่อนดี?”หงไห่พูดพลางจับข้อมือของนางกดลงพื้นใบมีดคมกริบวางลงบนข้อมือของนางและเคลื่อนไหวไปมาดูว่าจะกรีดตรงไหนดี“ข้างนี้แหละ”เมื่อเห็นว่าหงไห่จะลงมือแล้ว ลั่วชิงยวนก็ร้อนใจ พยายามดิ้นรนแต่ก็ดิ้นมิหลุดจนกระทั่งเงยหน้าขึ้นมองโฉวสือชีเดินผ่านมา ในที่สุดเขาก็ปิดตำราตำราที่คุ้นเคยเล่มนั้นทำให้ลั่วชิงยวนตกใจอาคมนักบวชหญิง!ในขณะที่หงไห่กำลังจะฟันลงมา ลั่วชิงยวนก็ตะโกนด้วยความร้อนใจ—“ข้าแก้ยันต์ผนึกวิญญาณได้!”โฉวสือชีตกใจ รีบหันกลับมาตะโกน “หยุด!”หงไห่ก็หยุดมือทันทีเขาปักมีดลงพื้นแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าแก้ยันต์ผนึกวิญญาณได้รึ?”“เจ้าเป็นแค่นักบวชหญิงที่เพิ่งมา เจ้าจะแก้ได้อย่างไร”“พวกข้าจับนักบวชหญิงมามากมาย ไม่มีใครแก้ได้สักคน”“หากเจ้ากล้าหลอกลวงพวกข้า ข้าจะหั่นเจ้าเป็นชิ้น ๆ!”ลั่วชิงยวนรีบกล่าว “ข้าทำได
ผู้ชายหลายคนจับภรรยาและน้องสาวของตู้เฟิงเฉินไป แล้วลากเข้าไปในห้องเสียงร้องโหยหวนดังระงมตู้เฟิงเฉินร้อนใจ อยากจะช่วยพวกนาง แต่ก็ทำอะไรมิได้“พวกสัตว์เดรัจฉาน!” ตู้เฟิงเฉินพยายามวิ่งเข้าไป แต่กลับถูกฟาดลงไปนอนกับพื้น เขายังลุกขึ้นวิ่งเข้าไปขัดขวางอีกครั้ง“พวกเราสำนึกผิดแล้ว เหตุใดจึงทำกับพวกเราเช่นนี้!” หญิงสาวร้องไห้ดิ้นรน แต่ก็ถูกตบหน้ามิหยุดชายที่ตบนางกล่าวว่า “ทาสก็คือทาส! นี่คือประโยชน์ของพวกเจ้า!”“พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ขัดขืน ยอมรับอย่างสงบก็พอ!”พูดจบ ก็ลากหญิงสาวเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูมีเสียงดิ้นรนและกรีดร้องดังมาจากในห้องตู้เฟิงเฉินทรุดตัวร้องเอ่ยนามภรรยาและน้องสาวด้วยความสิ้นหวัง ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดที่มีพุ่งชนประตูแต่กลับถูกชายหลายคนจับกดลงพื้นในตอนนั้น ลั่วชิงยวนราวกับสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเขาลั่วชิงยวนน้ำตาคลอตู้เฟิงเฉินมิยอมแพ้ พยายามดิ้นรนเข้าไปช่วย แต่กลับถูกรุมซ้อมจนหัวแตก นอนคว่ำอยู่หน้าประตูอย่างอ่อนแรงได้แต่มองประตูที่ถูกเปิดออก มีคนออกมา แล้วมีคนใหม่เข้าไปอีกเมื่อเห็นคนที่เขารักถูกทรมาน เขาก็เกลียดชังจนอยากจะทำลายใต้หล้าที่มิยุติธรรมผืนนี
นางยัดเศษผ้าจากชุดที่ถูกกระชากจนขาดเข้าไปในปากของตู้เฟิงเฉินแล้วหยิบผ้าคลุมสีดำขึ้นมาคลุมร่างปกปิดอาภรณ์ที่ขาดวิ่นนางก้มลง แววตามิหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้แล้วจ้องมองตู้เฟิงเฉินอย่างเย็นชา“ข่มขืนหญิงสาวยี่สิบสามคน คนชั่วช้าเช่นเจ้า แม้แต่จะปราบเจ้า ข้ายังรังเกียจ”เมื่อตู้เฟิงเฉินรู้ตัวว่าถูกหลอกก็โกรธจัด จ้องมองนางด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามดิ้นรนสุดกำลังแต่ก็ดิ้นมิหลุดลั่วชิงยวนหยิบมีดมากรีดเสื้อของเขา แล้วฉีกออกอย่างแรงแน่นอนที่ไหล่ของเขาก็มียันต์ผนึกวิญญาณเช่นเดียวกันเหตุใดพวกเขาจึงมีเหมือนกันหมดนางรู้แค่ว่าแคว้นหลีมีสถานที่แห่งหนึ่งที่ใช้คุมขังนักโทษโดยเฉพาะมีคนชั่วร้ายที่ก่ออาชญากรรมหรือคนที่ทรยศแคว้นหลี พวกเขาจะมิตาย แต่จะถูกขังไว้ที่นั่นแต่คนชั่วร้ายทั้งสิบคนนี้ พวกเขาหนีออกมาจากที่นั่นได้หรือ?พวกเขามีชื่อเสียงโด่งดัง เดินทางไปทั่วแคว้นหลีมานานแล้วตามปกติควรจะปราบพวกเขาที่นี่ แล้วค่อยส่งไปขังเมื่อตั้งสติได้ ลั่วชิงยวนก็เอื้อมมือไปกระชากหน้ากากของตู้เฟิงเฉินออกลอกออกทีละชั้น ในที่สุดก็เผยใบหน้าที่แท้จริงใบหน้าที่ดูเด็ดเดี่ยวมิได้น่าเกลียดเหมือนที่ลั่ว
ลมพัดกระโชกแรงความสงบในยามราตรีราวกับถูกกำจัดไปอย่างรุนแรง พลังที่แปลกประหลาดบุกรุกเข้ามาเมื่อความรู้สึกมิสงบบันดาลขึ้น ลั่วชิงยวนก็ตื่นขึ้นทันทีแต่ก็สายไปแล้ว มีเสียงหัวเราะของบุรุษดังมาจากในความมืด ในวินาทีต่อมาไหล่ของลั่วชิงยวนก็ถูกจับ แล้วลากออกไปจากห้องลั่วชิงยวนถูกโยนลงพื้นอย่างแรง รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างมีคนก่อไฟไว้ในลาน คนชั่วร้ายทั้งเก้าคนกำลังนั่งเล่นอยู่ในลานนอกจากชายคนหนึ่งที่กำลังอ่านหนังสือ คนอื่น ๆ ต่างจ้องมองลั่วชิงยวนตู้เฟิงเฉินนั่งยอง ๆ จิกผมของลั่วชิงยวนเพื่อให้นางแหงนหน้าขึ้น“โอ้โห ครั้งนี้ส่งสาวงามที่อ่อนแอมาให้พวกเรา จุ๊ จุ๊...”ตู้เฟิงเฉินมีใบหน้าที่ค่อนข้างดูดี แต่แววตาบ่งบอกถึงความเจ้าชู้โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่มองลั่วชิงยวนราวกับจะกลืนกิน ช่างน่าขนลุก“คิดหรือว่าครั้งนี้ข้าจะยอมพวกเจ้า ใครจะมาก่อน?” ตู้เฟิงเฉินถามอย่างใจร้อนคนอื่น ๆ มิพูด ตู้เฟิงเฉินหัวเราะเบา ๆ “เรื่องดี ๆ เช่นนี้ยังมิกระตือรือร้นกันอีกรึ? เช่นนั้นข้าก็มิเกรงใจแล้ว”กล่าวจบก็ใช้นิ้วเชยคางของลั่วชิงยวน “เช่นนั้นข้าจะเป็นคนแรกที่ได้สนุกเอง”จากนั้นคว้าคอเสื้อของลั่วชิ