Share

บทที่ 452

Author: หว่านชิงอิ๋น
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
ทันทีที่เอ่ยวาจาออกมา

แม่เล้าเฉินก็ตกตะลึง

จากนั้นนางก็แค่นยิ้มเย็นชา “ท่านคิดจักซื้อหอหลินชุนของพวกเราในราคาห้าพันตำลึงกระนั้นหรือ?”

“จริงอยู่! กิจการของหอหลินชุนเราอาจมิดีเท่าแต่ก่อน ทว่าอย่างไรเสียข้าก็เปิดกิจการมาหลายสิบปี! ข้าจักขายให้ท่านในราคาเพียงห้าพันตำลึงได้อย่างไรกัน?”

“เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย! ไปซะ ไปซะ!”

“ซิ่งอวี่ พาตัวเขาออกไป!”

แม่เล้าเฉินออกคำสั่งขับไล่โดยไม่ลังเลสักนิด

ลั่วชิงยวนจึงเริ่มเกลี้ยกล่อมว่า “ข้าซื้อหอคณิกาเอาไว้ก็มิได้ไล่เจ้าไปสักหน่อย เจ้ายังอยู่ดำเนินกิจการต่อไปได้”

“มิหนำซ้ำข้ายังทำให้กิจการของเจ้ารุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งด้วย”

เมื่อแม่เล้าเฉินได้ยินเช่นนี้ก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็หันมามองนางด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ “ลำพังตัวท่านน่ะหรือ? ท่านมีความสามารถอันใดจักทำให้กิจการของหอหลินชุนเราเฟื่องฟูขึ้นมาได้เล่า?”

ลั่วชิงยวนยังไม่ตอบ

ซิ่งอวี่รีบก้าวเข้ามาคว้าตัวแม่เล้าเฉินพลางกล่าวว่า “นางคือแม่นางฝูเสวี่ยนะเจ้าคะ!”

เมื่อแม่เล้าเฉินได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก “ฝูเสวี่ย?”

“ฝูเสวี่ยที่ร่ายรำอยู่ในหอเจาเซียงกระนั้นหรือ?”

Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 453

    นางแสร้งทำทีราวกับว่าเพิ่งจะออกมาจากเรือน จากนั้นก็แหงนหน้ามองท้องนภายามราตรีแล้วค่อย ๆ เดินออกมาข้างนอก ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มดังขึ้นทางด้านหลัง “ข้าคิดว่าเจ้าจักหลบอยู่ในเรือนไปชั่วชีวิตแล้วเสียอีก” เมื่อลั่วชิงยวนหันหน้าไปก็เห็นฟู่เฉินหวนค่อย ๆ เดินเข้ามาหา มีแววเศร้าโศกผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาอันหาได้ยาก ทั้งยังมีความรู้สึกที่แท้จริงอีกด้วย ลั่วชิงยวนมิได้ตอบคำ ฟู่เฉินหวนค่อย ๆ เดินเข้าไปหานาง จากนั้นก็เงยหน้ามองดวงจันทร์แล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “หลังจากฤดูเหมันต์ ข้าคิดว่าเจ้าดูเหมือนจะน้ำหนักลดไปบ้าง หมู่นี้ร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าอยากให้ข้าเชิญแม่นางซ่งให้มาตรวจดูหรือไม่?” เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ เขาสังเกตได้ว่านางน้ำหนักลดลงไปบ้าง แต่ความประหลาดใจอันน้อยนิดที่ผุดขึ้นในยามนั้นกลับถูกความเหน็บหนาวที่ตามมาปัดเป่าไปจนสิ้น “ท่านอ๋องคิดเชิญแม่นางซ่งมาที่นี่ เพราะต้องการให้แม่นางซ่งรักษาลั่วไห่ผิงกระมังเพคะ?” “ไฉนต้องแสร้งทำเป็นห่วงใยหม่อมฉันให้ฟังดูใหญ่โตเช่นนั้นด้วยเล่า?” น้ำเสียงของนางเย็นชาถึงขั้นไม่แยแส ทั้งยังไร้ซึ่งความอบอ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 454

    สตรีนางนั้นชี้นิ้วใส่ลั่วชิงยวนด้วยท่าทีเปี่ยมโทสะ จากนั้นก็รีบเดินเข้ามาผลักเข้าที่ไหล่ของนาง “มิน่า คนข้างนอกจึงเรียกเจ้าว่าโสเภณีชาย เจ้าชอบทำลายงานวิวาห์ของผู้อื่นและเกี้ยวพาสตรีก็แล้วไปเถิด แต่ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะถึงขั้นไล่ตามบุรุษด้วย ปล่อยเอาไว้มิได้แล้ว!” ลั่วชิงยวนสับสนไปชั่วขณะ คนผู้นี้เอ่ยถึงนางกระนั้นหรือ? ดูเหมือนว่านางจะเคยพบอีกฝ่ายที่ไหนสักแห่ง “แม่นาง โปรดพูดจาให้เกียรติกันด้วย!” ลั่วชิงยวนปัดมือของอีกฝ่ายออกด้วยท่าทีไม่พอใจ สตรีร่างท้วมโมโหจัด “ให้เกียรติงั้นรึ? ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง!” หลังจากนางพูดจบก็ยกมือขึ้น ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วพลางหลบไปด้านข้างแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “แม่นาง ข้ามิลงไม้ลงมือกับสตรี ได้โปรดสำรวมด้วย” “เจ้า!” สตรีร่างท้วมโกรธเสียจนร้องตะโกนออกมาว่า “จับมันไว้!” จากนั้นผู้คุ้มกันหลายสิบคนก็พุ่งเข้ามาเตรียมพร้อมที่จะลงมือ ในยามนี้เอง ก็มีเสียงตะคอกดังลั่นขึ้นมา “หยุดนะ!” ทันใดนั้นเงาร่างอันแสนคุ้นตาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง ฟู่จิ่งหลี ฟู่จิ่งหลีโบกพัดจีบพลางเหลือบมองสตรีร่างท้วมด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เจ้าจักทำกระไร?” ยามที่โม่เซียนอวี้เห็นฟู่จ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 455

    ฟู่จิ่งหลีกล่าวพลางผายมือเชื้อเชิญ ลั่วชิงยวนตามเขาไปในโรงเตี๊ยมแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องบนชั้นสอง “หรือว่าท่าทีเมื่อสักครู่นี้ขององค์ชายเจ็ด…” เมื่อฟู่จิ่งหลีได้ยินเช่นนี้เข้าก็ออกจะรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “อ้อ ท่านรู้จักตัวตนของข้าอยู่แล้วนี่เอง ข้าคิดจะแนะนำตัวอยู่เลย” “ท่านหมายถึงเรื่องที่ข้าเพิ่งชี้ดาบใส่โม่เซียนอวี้ใช่หรือไม่? ก็แค่เคยชินนั่นแหละ นี่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” ลั่วชิงยวนรู้สึกแปลกใจ “โม่เซียนอวี้ผู้นี้ค่อนข้างใจกล้าทีเดียว ถึงขนาดไล่ตามรังควานองค์ชายเช่นนี้” ฟู่จิ่งหลีถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง “เป็นความผิดของท่านตา ตอนที่ท่านเมาดันเผลอไปตกปากรับคำเรื่องการแต่งงานครั้งนี้กับตระกูลของพวกเขา ถึงแม้ต่อมาท่านตาจักแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ก็เถอะ” “น่าเสียดายที่หลังจากท่านตาสิ้นไป พวกเขาก็เริ่มตามราวีข้ามิลดละ” “ในเมื่อไร้ซึ่งทะเบียนสมรสหรือประจักษ์พยาน แล้วข้าจักแต่งงานกับนางได้อย่างไรกันเล่า? ตอนแรกข้าไปหาฝ่าบาท แต่ฝ่าบาทกลับรับสั่งว่าจักให้ต่างฝ่ายต่างก็แต่งงานไปเสียจึงทำให้โม่เซียนอวี้ยอมรามือไป มิฉะนั้นก็คงทำกระไรมิได้แล้ว” “ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ตามราวีอยู่เช่น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 456

    เป็นฟู่อวิ๋นโจว! เขามาจริง ๆ! เขามาพบนางตามที่นัดหมายเอาไว้จริง ๆ ยามนี้ลั่วชิงยวนยังคงแต่งกายเป็นฉู่ลั่วจึงมิได้เข้าไปทักทาย แต่กลับนั่งลงเฝ้าสังเกตสถานการณ์เสียก่อน เมื่อนางหาที่นั่งได้แล้วก็นั่งลงไป จากนั้นเสี่ยวเอ้อร์ก็ยกชาพร้อมอาหารเครื่องเคียงมาให้ มีผู้คนมาถึงเยอะอย่างที่ฟู่จิ่งหลีบอกเอาไว้จริง ๆ ด้วย ผู้ที่มาล้วนเป็นบรรดาคุณชายจากตระกูลขุนนางและผู้ทำมาค้าขายในเมืองหลวง กล่าวได้ว่าพวกเขาต่างมียศถาบรรดาศักดิ์สูงและมีเงินทองมากมายอีกต่างหาก ลั่วชิงยวนที่นั่งอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น กลับรู้สึกแปลกแยก แต่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับสมบัติที่ฟู่จิ่งหลีนำออกมาประมูลในคืนนี้ ดังนั้นจึงหามีผู้ใดสนใจนางไม่ ไม่นาน ฟู่จิ่งหลีกับผู้ติดตามก็มาถึง หีบขนาดใหญ่หลายใบที่แบกเข้ามาพลันดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที “ทำให้ทุกท่านต้องรอคอยเสียนานเลย การประมูลของพวกเราจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!” “ในเมื่อพวกท่านต่างก็คุ้นเคยกับข้าดี ก็น่าจะรู้กฎของข้า การประมูลมิเกี่ยวกับผู้ใดเงินมากกว่ากัน แต่เกี่ยวกับของชิ้นไหนล้ำค่ากว่ากัน” “แน่นอนว่าเงินก็ได้เหมือนกัน ขอเพียงข้าสนใจ ข้าจักยอมรับการแลกเป

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 457

    จี้หยกชิ้นนี้เป็นสิ่งตกทอดจากจักรพรรดิพระองค์ก่อน ฉะนั้นย่อมล้ำค่ายิ่งนัก แต่องค์ชายห้าของสำคัญเช่นนั้นเพื่อภาพเขียนแผ่นนี้จริง ๆ หรือ? ฟู่จิ่งหลีเองก็รู้สึกสับสนเช่นกัน เขาหันไปมองภาพเขียนด้วยท่าทีลังเลใจ “แต่ภาพเขียนแผ่นนี้…” ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนวัตถุสิ่งของจากคลังสมบัติของเขาเลย ม้วนภาพใหม่เกินไป องค์ชายห้าถึงขนาดยอมเอาของสำคัญไปแลกเปลี่ยนกับภาพเขียนไร้ค่าม้วนหนึ่ง เพราะเขาไม่อยากเอาเปรียบผู้อื่น เส้นประสาทของลั่วชิงยวนเขม็งตึง จากนั้นนางก็ลุกขึ้นทันที “กระหม่อมก็ต้องการภาพเขียนม้วนนี้เช่นกัน!” “วันนี้กระหม่อมมิได้นำของล้ำค่าอันใดมา แต่กระหม่อมขอเสนอเงื่อนไขข้อหนึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนกับองค์ชายเจ็ดพ่ะย่ะค่ะ!” ภาพเขียนม้วนนี้จะให้ฟู่อวิ๋นโจวเอาไปมิได้เป็นอันขาด เนื่องจากมีผู้คนมากมายมองอยู่ พวกเขาต่างทราบดีว่าคนที่อยู่ในภาพเขียนเป็นผู้ใดกัน ฟู่อวิ๋นโจวกับนางจะต้องโดนจัดการ! ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คิดจะใส่ความว่านางกับองค์ชายห้าคบชู้กัน! ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจแล้วหันไปมองเทพพยากรณ์ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา ฟู่จิ่งหลีเองก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน “ท่านก็ต้องกา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 458

    ตรงชั้นล่าง ฟู่จิ่งหลีมิได้จัดการกับโม่เซียนอวี้เพราะนางบอกว่า ตราบใดที่ฉู่ลั่วอยู่ที่นี่นางก็จะอยู่ด้วย ในที่สุด การประมูลก็จบลงก่อนเวลา ลั่วชิงยวนเองก็ออกมาจากโรงเตี๊ยมเช่นเดียวกับผู้อื่น หลังจากเดินออกมาแล้ว นางหยุดฝีเท้ายืนมองหอหลินชุน ป้ายหอหลินชุนถูกแทนที่ด้วยหอฝูเสวี่ย ในเวลาเพียงแค่วันเดียว ข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วและมีลูกค้ามากมายมาเยือนที่นี่ ทว่ายังไม่ต้องรีบร้อน พวกเราต้องรอให้ข่าวแพร่สะพัดออกไปอีกและให้ผู้คนรู้จักหอฝูเสวี่ยมากขึ้น ตกค่ำมืดดึกดื่น นางค่อยกลับมาที่ตำหนักอ๋อง แต่ฟู่อวิ๋นโจวกลับรอคอยอยู่ในโรงเตี๊ยมตลอดทั้งคืน สุดท้ายเขาก็รอคอยลั่วชิงยวนต่อมิไหวก่อนที่จะกลับไป …… เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวที่องค์ชายห้ายอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อภาพเขียนม้วนหนึ่งก็แพร่สะพัดออกไป ภาพเขียนเปิดเผยความจริงเรื่องที่องค์ชายห้ากับพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการคบชู้กัน ข่าวลือแสลงหูทุกรูปแบบแพร่สะพัดไปทั่วโรงเตี๊ยม โรงน้ำชาและสถานที่ต่าง ๆ ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ทันทีที่ข่าวแพร่สะพัดออกไปก็เกินกว่าจะควบคุมเอาไว้ได้แล้ว อย่างไรเสียก็มีข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายห้ากับลั่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 459

    “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้ซุกซ่อนภาพเขียนเช่นนั้นเอาไว้เป็นการส่วนตัว?!” “ฟู่อวิ๋นโจว เจ้าเป็นถึงองค์ชาย นอกจากเรื่องอิสตรีแล้ว เจ้ามีสิ่งอื่นใดอยู่ในใจบ้างหรือไม่?” ฟู่เฉินหวนโมโหเสียจนออกแรงขยุ้มภาพเขียนจนเกิดรอยยับ ดวงตาของฟู่อวิ๋นโจวพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีร้อนรนว่า “เสด็จพี่ ได้โปรดคืนภาพเขียนให้ข้าด้วย!” “ฟู่อวิ๋นโจว เจ้าทราบหรือไม่ว่าตัวเองทำอันใดลงไป?!” ฟู่เฉินหวนร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ฟู่อวิ๋นโจวหลุบตาลง ใบหน้าซีดขาวของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยสีหน้าไร้ชีวิตชีวา ร่างกายอันแสนเปราะบางคุกเข่าลงด้วยท่าทีสับสน “เสด็จพี่ ข้าขอร้องท่านแล้ว ได้โปรดคืนภาพเขียนมาให้ข้า” การกระทำเช่นนี้ทำให้โทสะแรงกล้าปะทุขึ้นในใจของฟู่เฉินหวน กระทั่งบดบังสติไปจนหมดสิ้น “ขอร้องข้ากระนั้นหรือ? ฮะ!” เขาคว้าภาพเขียนมาฉีกทึ้งอย่างบ้าคลั่ง “ไม่นะ! เสด็จพี่! อย่า!” ฟู่อวิ๋นโจวร้อนใจคิดจะเข้าไปห้ามเขาไว้ แต่เขากลับทำอันใดมิได้เลย ได้แต่คุกเข่าลงพลางกุมชายอาภรณ์แล้วมองภาพเขียนถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ อย่างอับจนหนทาง ดวงตาแดงก่ำและมีน้ำตาอยู่จาง ๆ ราวกับสิ่งที่ทะนุถนอมถูกทำลา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 460

    “หม่อมฉันมอบให้ท่านหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนแทบไม่อยากเชื่อเลย ฟู่อวิ๋นโจวขมวดคิ้วแล้วมองนาง “มิใช่หรอกหรือ? เจ้าบอกให้ข้าซื้อภาพเขียนม้วนนั้นเอาไว้ บอกว่าเป็นของขวัญให้ข้าแล้วก็นัดให้ข้ามาเจอกันเมื่อคืนนี้ แต่ข้ารอคอยอยู่ทั้งคืน เจ้าก็ไม่มาสักที” เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ นางก็รีบเอ่ยขึ้นมาว่า “มีคนวางกับดักเอาไว้!” “องค์ชายห้า หม่อมฉันจักมอบภาพเขียนเช่นนี้ให้ท่านได้อย่างกันเพคะ?” “ไม่สิ หม่อมฉันไม่มีทางเขียนภาพเช่นนี้เป็นอันขาด! นี่เท่ากับเป็นการยืนยันว่าพวกเราคบชู้กัน” เมื่อฟู่อวิ๋นโจวได้ยินเช่นนี้เข้าก็รู้สึกตกตะลึง จากนั้นเขาก็ตระหนักถึงสิ่งที่เขาได้ทำผิดพลาดลงไป เขาขมวดคิ้วพลางรู้สึกผิดยิ่งนัก “เดิมทีข้าเพียงคิดเก็บไว้กับตัวเอง ข้ารู้ว่ามิบังควรให้ผู้อื่นได้เห็นภาพเขียนม้วนนี้ แต่ก่อนที่ข้าจักทันได้ซ่อนเอาไว้ เสด็จพี่ก็เข้ามาเสียก่อนแล้ว” “ข้าขอโทษที่ก่อเรื่องให้เจ้าอีกแล้ว” “ข้ามันไร้ประโยชน์นัก ข้าทำอันใดมิได้เลย” ฟู่อวิ๋นโจวรู้สึกผิดยิ่งนัก สีหน้าไร้สีเลือดและคราบโลหิตตรงริมฝีปากแสดงให้เห็นท่าทางอ่อนแอและอับจนหนทาง ชวนให้คนรู้สึกเจ็บปวด ลั่วชิงยวนทนตำหนิไม่ไ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1113

    “เจ้าแต่งกายให้เรียบร้อย มิต้องรีบร้อน ข้าจะออกไปดูเอง” ฟู่เฉินหวนปล่อยนาง แล้วเดินออกจากห้องอย่างสงบนิ่งลั่วชิงยวนรีบแต่งกาย เมื่อพบหน้ากากบนเตียงก็รีบสวมใส่แล้วจัดแจงอย่างเรียบร้อย จากนั้นจึงค่อย ๆ ก้าวออกไปอย่างใจเย็นเมื่อออกมาก็พบกับใต้เท้าเหอและเหล่าองครักษ์แต่มิพบศพของเหยียนผิงเซียวใต้เท้าเหอมองนางด้วยความสงสัย “เมื่อคืนท่านเซียนฉู่ไปที่ใดหรือขอรับ ข้าเคาะประตูเรียกก็ไร้ผู้ตอบรับ ท่านเซียนฉู่ทราบหรือไม่ว่าเมื่อคืนมีคนตายอยู่หน้าประตูบ้านของท่าน?”ลั่วชิงยวนใจหาย พวกใต้เท้าเหอมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วศพก็ถูกพวกเขาเอาไปแล้วด้วยเคาะประตูแล้วไม่มีคนตอบหรือ?นางมิได้ยินเสียงเคาะประตูจริง ๆนางสบตากับฟู่เฉินหวนแล้วจึงตอบว่า “ข้าดื่มสุราอยู่กับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ”ฟู่เฉินหวนยืนกอดอก มุมปากมีรอยยิ้มจางแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็บอกแล้วว่าข้ากับท่านเซียนฉู่ดื่มสุราอยู่ที่หอฝูเสวี่ย เพิ่งกลับมาเมื่อเช้า ใต้เท้าเหอยังมิเชื่ออีกหรือ?”ใต้เท้าเหอรีบขออภัย “มิได้มีเจตนาดังนั้นพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ผู้ตายคือบุตรชายคนโตของตระกูลเหยียน เหยียนผิงเซียว ท่านอ๋องก็ทรงทราบว่าเขามีฐานะพิเศษ บ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1112

    “หม่อมฉัน...” เมื่อถูกจ้องมองด้วยแววตาเช่นนี้ ลั่วชิงยวนก็มิอาจปั้นแต่งคำโกหกต่อไปได้“ว่าอย่างไร? ยังคิดคำโกหกมิออกหรือ?” ฟู่เฉินหวนใช้มือทั้งสองยันประตู แล้วเอนกายเข้ามาใกล้นางดวงตาคมกริบแฝงอันตราย ใกล้ชิดเพียงนี้ทำให้บรรยากาศรอบตัวร้อนรุ่มดุจเปลวเพลิงลั่วชิงยวนกลืนน้ำลายลงคอ ยอมรับแต่โดยดี “ใช่เพคะ หม่อมฉันคือฉู่ลั่ว!”“อย่ากล่าวหาว่าหม่อมฉันหลอกลวงท่านมาโดยตลอดเลยเพคะ ครั้งนั้นท่านเป็นผู้ขับไล่หม่อมฉันไปยังเรือนอื่นเพื่อให้ตายไปเอง หากหม่อมฉันมิปิดบังท่าน แล้วหาทางทำมาหากินเองก็คงอดตายหนาวตายอยู่ในเรือนหลังนั้นไปนานแล้ว...”กล่าวถึงตรงนี้ ฟู่เฉินหวนก็ขมวดคิ้วแล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมกอดกอดนางไว้แน่นลั่วชิงยวนชะงักไปเสียงทุ้มต่ำของฟู่เฉินหวนดังข้างหู “ข้าขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นเขารู้สึกผิดเช่นนี้ก็ใจอ่อน นางลูบหลังเขาเบา ๆ “เอาเถิดเพคะ หม่อมฉันมิได้ถือโทษท่านแล้ว”“ต้องโทษที่หม่อมฉันเองมองคนผิด ถูกคนหลอกใช้ ทำให้ท่านเข้าใจผิดคิดว่าหม่อมฉันเป็นไส้ศึกของตระกูลเหยียน”สิ้นคำพูดของนาง ฟู่เฉินหวนก็คลายอ้อมกอดแล้วหรี่ตาลง แววตาแปรเ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1111

    เว้นเสียแต่จะตายกับดักจึงจะหายไปทั้งสองวิ่งหนีไปได้มิกี่ก้าวก็พบว่าติดอยู่ในกับดัก ลั่วชิงยวนจึงไล่ตามมาทันอีกครั้งลั่วฉิงหันกลับมามองด้วยสายตาเย็นชา พลันคว้าไหล่เหยียนผิงเซียวแล้วผลักเขาไปหาลั่วชิงยวน“ฉิงเอ๋อร์!” เหยียนผิงเซียวตกใจสุดขีดร่างกายถอยหลังโดยมิอาจควบคุมดวงตาของลั่วฉิงเย็นเยียบ ไร้ซึ่งความลังเลเมื่อลั่วชิงยวนเข้าโจมตี กริชจันทร์เสี้ยวในมือก็แทงเข้าสู่ร่างของเหยียนผิงเซียวก่อนเหยียนผิงเซียวจะสิ้นใจยังคงจ้องมองลั่วฉิง ดวงตาเต็มไปด้วยความแค้นเคืองบางทีก่อนที่เขาจะสิ้นลม เขาก็คงมิรู้ว่าเหตุใดสตรีที่เขารักจึงผลักเขาเข้าสู่ความตายลั่วฉิงเห็นเหยียนผิงเซียวตาย แต่กลับมิกะพริบตาแม้แต่น้อยลั่วชิงยวนมิแปลกใจเลยที่ลั่วฉิงชื่อลั่วฉิง ก็เพราะนางเย็นชาไร้ความรู้สึกผู้ที่เลือดเย็นไร้หัวใจมักได้ชื่อที่มีคำว่าฉิงที่แปลว่าความรักเพื่อให้คนอื่นคาดหวังทันใดนั้น ลั่วฉิงก็ฉวยโอกาสโจมตีลั่วชิงยวนอย่างรุนแรงขณะต่อสู้กัน หน้ากากของลั่วชิงยวนบังเอิญหลุดออกเมื่อหน้ากากหลุดแล้วลั่วฉิงเห็นใบหน้าของนางก็ตกตะลึง“เป็นเจ้านี่เอง!” ลั่วฉิงกัดฟันกรอดด้วยความแค้นนางก็ว่าอยู่ว่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1110

    ฟู่เฉินหวนตกตะลึงเขาเงยหน้ามองนางด้วยความสงสัย “วันนี้ท่านเป็นอะไรไป? จะดื่มสุราแล้วต้องถามมากมายเช่นนี้?”“เหมือนสตรี...”“ท่านคงมิประสงค์จะดื่มสุราด้วยกันกับข้า จึงพยายามปฏิเสธทางอ้อมสินะ”ลั่วชิงยวนกินไปพลางตอบ “เพียงแค่ถามเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”“เหตุใดท่านต้องตอบโต้เสียงดังด้วย”“ท่านมาหากระหม่อมก็เพื่อพูดคุยมิใช่หรือ?”ฟู่เฉินหวนเลิกคิ้ว พูดมิออก “ก็ใช่อยู่”เขายกถ้วยสุราขึ้นมา ลั่วชิงยวนชนจอกเหล้ากับเขาแล้วดื่มหมดจอกทั้งสองดื่มสุราจนถึงยามวิกาล พูดคุยกันทั้งคืนแต่เนื่องจากฟู่เฉินหวนมีกิจราชสำนักจึงมิได้พักค้างคืน ดื่มเสร็จแล้วจึงกลับตำหนักไปลมยามค่ำคืนพัดผ่านกายฟู่เฉินหวน ทำให้ตื่นจากอาการมึนเมาเมื่อออกจากตรอกก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาจึงหันกลับไปมองมีเงาร่างหนึ่งรีบซ่อนตัวนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนเย็นชาขณะขมวดคิ้วฉู่ลั่วถูกจับตามองหรือ?ฟู่เฉินหวนเดินจากไป......ยามเช้าลั่วฉิงมาที่ตรอกฉางเล่ออีกครั้ง แล้วเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งติดอยู่ที่รอยแยกของกำแพงเมื่อเปิดดูปรากฏว่าเขียนไว้ว่า คืนนี้ยามเที่ยงคืน มาพูดคุยเรื่องความร่วมมือกันเถิดลั่วฉิงตกตะลึง ฉู่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1109

    เมื่อฟู่เฉินหวนได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”“แต่เหตุใดท่านเซียนฉู่จึงมิยอมรับตำแหน่งมหาปราชญ์?”ลั่วชิงยวนครุ่นคิด แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กระหม่อมรับงานมิไหวแล้ว มิอยากให้ตำแหน่งมหาปราชญ์มาขัดขวางการทำเงินของกระหม่อม”ฟู่เฉินหวนอดหัวเราะมิได้ “ท่านขัดสนเรื่องเงินหรือ?”“ข้ามิเคยได้ยินท่านพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน”ลั่วชิงยวนตอบว่า “มิขัดสน แต่กระหม่อมชอบหาเงินพ่ะย่ะค่ะ” “อืม ข้าเข้าใจแล้ว แต่จักรพรรดิก็ตรัสแล้วว่าตำแหน่งนี้จะถูกสงวนไว้ให้ท่าน เมื่อใดที่ท่านเปลี่ยนใจหรือเมื่อใดที่ท่านหาเงินได้มากพอแล้ว ก็สามารถกลับมาเป็นมหาปราชญ์ได้ทุกเมื่อ”แล้วฟู่เฉินหวนก็ส่งลั่วชิงยวนออกจากวังระหว่างทาง ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะเตือนอีกครั้ง “เมื่อครู่กระหม่อมเห็นว่าพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิมีความมัวหมอง ท่านอ๋องควรเตือนองค์จักรพรรดิให้ระวังพระวรกายจากคนรอบข้างไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เฉินหวนสงสัย “หมายความว่าอย่างไร? มีผู้ใดจะลอบทำร้ายเขาหรือ?”ลั่วชิงยวนตอบว่า “ภัยพิบัติขององค์จักรพรรดิจะมาพร้อมกับภัยพิบัติของแคว้นเทียนเชวีย”เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่เฉินหวนก็เข้าใจ “ขอบคุณที่เตือน!”ที่จริงแ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1108

    “ทว่าหากฝ่าบาทมีสิ่งใดที่กระหม่อมสามารถช่วยได้ ฉู่ลั่วจะมิปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่วนรายละเอียดเราค่อยพูดคุยกันภายหลัง”ฟู่จิ่งหานพยักหน้า แต่ก็พูดว่า “ท่านมิต้องการเป็นมหาปราชญ์ แต่ตำแหน่งนี้ ข้ายังคงสงวนไว้ให้เป็นของท่านเสมอ! นอกจากท่านก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว!”ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยคำใดอีกผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปลั่วชิงยวนถูกจักรพรรดิเรียกไปยังห้องตำราจักรพรรดิถามด้วยความร้อนรน “ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติที่ท่านกล่าวว่าจะเริ่มเกิดขึ้นทางทิศใต้คือ... เมืองฉินใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “น่าจะเป็นเมืองฉินพ่ะย่ะค่ะ”เรื่องนี้นางได้บอกฟู่เฉินหวนแล้วเมื่อฟู่เฉินหวนที่เพิ่งเข้ามาในห้องตำราได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยลั่วชิงยวนก็บอกเขาเรื่องเมืองฉินเช่นกันทั้งสองทำนายว่าทางทิศใต้จะเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน...นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?“ดูเหมือนว่าตระกูลเหยียนจะยังมิยอมแพ้! ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงมิได้พ่ะย่ะค่ะ”นี่เป็นครั้งที่สองที่นางทำนายเห็นได้ชัดว่ามีการส่งมือสังหารไปสังหารมหาราชาจารย์เหยีย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1107

    “คิดว่าคงเป็นเพราะท่านอาจารย์นักพรตเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังมิได้มีโอกาสสืบเสาะหาชื่อเสียงของข้าในเมืองหลวง หากข้าเป็นเพียงผู้หลอกลวงต้มตุ๋น คงมีผู้คนตำหนิติเตียนข้าไปนานแล้ว”เมื่ออาจารย์นักพรตเสวียนซานได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้วเมื่อมองดูฉู่ลั่วที่วางตัวอย่างสง่าผ่าเผยและแสดงท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ก็รู้ว่าย่อมมีฝีมือที่แท้จริง มิใช่เพียงคนหลอกลวงพูดจาโอ้อวดครู่หนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่มิได้สืบเสาะหาชื่อเสียงของฉู่ลั่วเสียก่อน“ที่แท้ข้าเข้าใจผิดไป ขออภัยต่อท่านเซียนฉู่ด้วย”“แต่ข้าเห็นว่าท่านเซียนฉู่มีฝีมือที่แท้จริง มิทราบว่าเรียนวิชาจากสำนักใด? เหตุใดจึงต้องใช้ชื่อของศิษย์เสวียนซานด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง แล้วกล่าวว่า “ไร้สำนักไร้พรรค”อาจารย์นักพรตเสวียนซานขมวดคิ้วแน่นด้วยความตกตะลึง แล้วกล่าวอย่างเสียดายว่า “ไร้สำนักไร้พรรค นั่นหมายความว่าเรียนวิชาลับใช่หรือไม่? ท่านเซียนฉู่ควรเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักเสวียนซาน วันนี้ได้พบกันโดยบังเอิญ ข้าปรารถนาจะรับท่านเป็นศิษย์เอก!”ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง เมื่อครู่ยังหาเรื่อง บัดนี้กลับจะรับฉู่ลั่วเป็นศิษย์แล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1106

    ทุกคนต่างพากันเหลียวมองไปตามเสียงแล้วเห็นนักพรตผู้สง่างามก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆรัศมีอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทินของโลกมนุษย์แผ่พลังอำนาจอันน่าเกรงขามลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นเครื่องหมายบนคอเสื้อของนักพรตแล้วพูดขึ้นว่า “อาจารย์นักพรตเสวียนซาน”เครื่องหมายบนเสื้อผ้าของศิษย์แต่ละระดับของสำนักเสวียนซานจะมีสีแตกต่างกันเครื่องหมายบนคอเสื้อของคนผู้นี้เป็นสีทอง มีเพียงอาจารย์นักพรตเสวียนซานเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมใส่สำนักเสวียนซานที่มีระดับสูงกว่าสีม่วง ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มิค่อยลงจากเขาใครกันที่สามารถเชิญอาจารย์นักพรตเสวียนซานมาที่นี่ได้อาจารย์นักพรตเสวียนซานฮึดฮัด “เจ้ารู้จักข้าบ้างก็ถือว่ายังดี!”“เจ้าดูมิเหมือนคนร้ายกาจ เหตุใดจึงแอบอ้างเป็นศิษย์ของสำนักข้า มาหลอกลวงในวังหลวงแคว้นเทียนเชวีย!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็เข้าใจทันทีนี่เป็นฝีมือของลั่วฉิงเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารต่างตกตะลึง“หลอกลวงหรือ? คงมิใช่กระมัง?”“ความสามารถในการทำนายของท่านเซียนฉู่คงมิใช่ของปลอมกระมัง?”ผู้คนต่างเกิดความสงสัยจักรพรรดิกล่าวว่า “ท่านนักพรต ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1105

    ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ

DMCA.com Protection Status