แชร์

บทที่ 450

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
“ซิ่งอวี่ เจ้ารู้จักท่านอาฉินมากเพียงใด? สตรีอย่างนาง เปิดหอนางโลมที่ใหญ่เช่นนี้ เบื้องหลังมีผู้อื่นเกี่ยวโยงอีกหรือไม่?”

ลั่วชิงยวนพยายามสืบข่าวด้วยทุกวิถีทาง

ซิ่งอวี่คิดพักหนึ่งก็พลันส่ายหัวเอ่ย “ข้าเองก็รู้มิมาก รู้เพียงแค่ท่านอาฉินราวกับจะรำเทพเหมันต์เป็น แต่นางมิเคยแสดงต่อหน้าผู้อื่น เถาหลีเป็นคนพูดอวดโอ้ออกมา”

“แต่ว่ากันว่าเบื้องหลังของหอเจาเซียงมีผู้เก่งกาจหนุนอยู่จริง ๆ”

“แต่รายละเอียดข้ามิรู้หรอก”

ได้ยินดังนี้ ลั่วชิงยวนพยักหน้า

เสียงของลิ่นฝูเสวี่ยดังขึ้น “รำเทพเหมันต์ข้าเป็นคนสอนนางเอง แต่นางเรียนไปเพียงครึ่งเดียว”

มิน่า เพราะนามฝูเสวี่ยและรำเทพเหมันต์ออกมาได้ทั้งเพลงในหอเจาเซียง จึงทำให้อาฉินเกิดอยากสังหารนาง

“ดูท่ากลับไปที่หอเจาเซียงมิได้แล้ว หากอยากหาเงินต่อก็ต้องเปลี่ยนที่”

ลั่วชิงยวนพูดไปและเอ่ยถามซิ่งอวี่ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าในเมืองหลวงยังมีหอนางโลมชื่อดังที่ใดอีกบ้าง”

ซิ่งอวี่พูดอย่างลำบากใจ “หอนางโลมชื่อดังย่อมมี แต่เรื่องในวันนี้ ใช่ว่าจักมิเกิดขึ้นอีก”

“แม้ข้ามิรู้จักท่านอาฉิน แต่ข้าก็เคยได้ยินมาก่อนว่านางฝีมือโหดเหี้ยม เกรงว่าต่อให้หาที่ใหม่ นางก็จักหาทาง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
นันทกา ฤทธิ์เดช
ไม่อัพมา2วันแล้วอ่ะ...
goodnovel comment avatar
นันทกา ฤทธิ์เดช
วันนี้ไม่มีอัพเดตอ่ะ
goodnovel comment avatar
ยิ้มๆ
ไปเรื่อยเปะป่ะมั่วหนักแล้ว
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 451

    ซิ่งอวี่ผงกศีรษะ “ใช่เจ้าค่ะ” “แน่นอนว่าย่อมมิใช่เพราะเรื่องนี้เพียงแค่เรื่องเดียวหรอก” “นางเอาอกเอาใจหลีเถาก็จริง แต่เมื่อใดก็ตามที่หญิงสาวในหอแห่งนี้ทำเรื่องผิดพลาดขึ้นมา นางย่อมปฏิบัติอย่างโหดเหี้ยมเป็นแน่” ขณะที่ซิ่งอวี่เอ่ยวาจา นางก็ก้มหน้าพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยสายตาเปี่ยมโทสะ “นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัดสินใจเด็ดขาดจากไปพร้อมกับข้า” ลั่วชิงยวนเอ่ยขึ้นด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ “วันหน้าหากพวกเราไปที่หอหลินชุน ย่อมดึงดูดความสนใจของท่านป้าฉินได้แน่ เจ้ากลัวหรือไม่เล่า?” ซิ่งอวี่ส่ายหน้า “ข้ามิกลัวเจ้าค่ะ” “ข้าหาได้มีสัญญากับหอเจาเซียงแต่อย่างใดไม่” หลังจากลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็มั่นใจแล้วว่าซิ่งอวี่เป็นสายที่หอหลินชุนส่งตัวเข้ามาในหอเจาเซียง ทว่าเรื่องนี้ก็มิได้ส่งผลต่อแผนการของนางสักนิด หลังอาหารมื้อเย็น ลั่วชิงยวนกับซิ่งอวี่ก็ไปที่หอหลินชุน บนท้องถนนอันแสนคึกคักสายนี้ยังมีลูกค้าอยู่มากมาย หอหลินชุนก็มิได้ร้างผู้คนไปเสียทีเดียว แต่เมื่อเทียบกับความคึกคักของหอเจาเซียง ก็ยังนับว่ารั้งท้ายอยู่ “แม่นาง ข้าจะพาท่านไปหาแม่เล้าเฉินนะเจ้าคะ” ซิ่งอ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 452

    ทันทีที่เอ่ยวาจาออกมา แม่เล้าเฉินก็ตกตะลึง จากนั้นนางก็แค่นยิ้มเย็นชา “ท่านคิดจักซื้อหอหลินชุนของพวกเราในราคาห้าพันตำลึงกระนั้นหรือ?” “จริงอยู่! กิจการของหอหลินชุนเราอาจมิดีเท่าแต่ก่อน ทว่าอย่างไรเสียข้าก็เปิดกิจการมาหลายสิบปี! ข้าจักขายให้ท่านในราคาเพียงห้าพันตำลึงได้อย่างไรกัน?” “เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย! ไปซะ ไปซะ!” “ซิ่งอวี่ พาตัวเขาออกไป!” แม่เล้าเฉินออกคำสั่งขับไล่โดยไม่ลังเลสักนิด ลั่วชิงยวนจึงเริ่มเกลี้ยกล่อมว่า “ข้าซื้อหอคณิกาเอาไว้ก็มิได้ไล่เจ้าไปสักหน่อย เจ้ายังอยู่ดำเนินกิจการต่อไปได้” “มิหนำซ้ำข้ายังทำให้กิจการของเจ้ารุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งด้วย” เมื่อแม่เล้าเฉินได้ยินเช่นนี้ก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็หันมามองนางด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ “ลำพังตัวท่านน่ะหรือ? ท่านมีความสามารถอันใดจักทำให้กิจการของหอหลินชุนเราเฟื่องฟูขึ้นมาได้เล่า?” ลั่วชิงยวนยังไม่ตอบ ซิ่งอวี่รีบก้าวเข้ามาคว้าตัวแม่เล้าเฉินพลางกล่าวว่า “นางคือแม่นางฝูเสวี่ยนะเจ้าคะ!” เมื่อแม่เล้าเฉินได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก “ฝูเสวี่ย?” “ฝูเสวี่ยที่ร่ายรำอยู่ในหอเจาเซียงกระนั้นหรือ?” ล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 453

    นางแสร้งทำทีราวกับว่าเพิ่งจะออกมาจากเรือน จากนั้นก็แหงนหน้ามองท้องนภายามราตรีแล้วค่อย ๆ เดินออกมาข้างนอก ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มดังขึ้นทางด้านหลัง “ข้าคิดว่าเจ้าจักหลบอยู่ในเรือนไปชั่วชีวิตแล้วเสียอีก” เมื่อลั่วชิงยวนหันหน้าไปก็เห็นฟู่เฉินหวนค่อย ๆ เดินเข้ามาหา มีแววเศร้าโศกผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาอันหาได้ยาก ทั้งยังมีความรู้สึกที่แท้จริงอีกด้วย ลั่วชิงยวนมิได้ตอบคำ ฟู่เฉินหวนค่อย ๆ เดินเข้าไปหานาง จากนั้นก็เงยหน้ามองดวงจันทร์แล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “หลังจากฤดูเหมันต์ ข้าคิดว่าเจ้าดูเหมือนจะน้ำหนักลดไปบ้าง หมู่นี้ร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าอยากให้ข้าเชิญแม่นางซ่งให้มาตรวจดูหรือไม่?” เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ เขาสังเกตได้ว่านางน้ำหนักลดลงไปบ้าง แต่ความประหลาดใจอันน้อยนิดที่ผุดขึ้นในยามนั้นกลับถูกความเหน็บหนาวที่ตามมาปัดเป่าไปจนสิ้น “ท่านอ๋องคิดเชิญแม่นางซ่งมาที่นี่ เพราะต้องการให้แม่นางซ่งรักษาลั่วไห่ผิงกระมังเพคะ?” “ไฉนต้องแสร้งทำเป็นห่วงใยหม่อมฉันให้ฟังดูใหญ่โตเช่นนั้นด้วยเล่า?” น้ำเสียงของนางเย็นชาถึงขั้นไม่แยแส ทั้งยังไร้ซึ่งความอบอ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 454

    สตรีนางนั้นชี้นิ้วใส่ลั่วชิงยวนด้วยท่าทีเปี่ยมโทสะ จากนั้นก็รีบเดินเข้ามาผลักเข้าที่ไหล่ของนาง “มิน่า คนข้างนอกจึงเรียกเจ้าว่าโสเภณีชาย เจ้าชอบทำลายงานวิวาห์ของผู้อื่นและเกี้ยวพาสตรีก็แล้วไปเถิด แต่ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะถึงขั้นไล่ตามบุรุษด้วย ปล่อยเอาไว้มิได้แล้ว!” ลั่วชิงยวนสับสนไปชั่วขณะ คนผู้นี้เอ่ยถึงนางกระนั้นหรือ? ดูเหมือนว่านางจะเคยพบอีกฝ่ายที่ไหนสักแห่ง “แม่นาง โปรดพูดจาให้เกียรติกันด้วย!” ลั่วชิงยวนปัดมือของอีกฝ่ายออกด้วยท่าทีไม่พอใจ สตรีร่างท้วมโมโหจัด “ให้เกียรติงั้นรึ? ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง!” หลังจากนางพูดจบก็ยกมือขึ้น ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วพลางหลบไปด้านข้างแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “แม่นาง ข้ามิลงไม้ลงมือกับสตรี ได้โปรดสำรวมด้วย” “เจ้า!” สตรีร่างท้วมโกรธเสียจนร้องตะโกนออกมาว่า “จับมันไว้!” จากนั้นผู้คุ้มกันหลายสิบคนก็พุ่งเข้ามาเตรียมพร้อมที่จะลงมือ ในยามนี้เอง ก็มีเสียงตะคอกดังลั่นขึ้นมา “หยุดนะ!” ทันใดนั้นเงาร่างอันแสนคุ้นตาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง ฟู่จิ่งหลี ฟู่จิ่งหลีโบกพัดจีบพลางเหลือบมองสตรีร่างท้วมด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เจ้าจักทำกระไร?” ยามที่โม่เซียนอวี้เห็นฟู่จ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 455

    ฟู่จิ่งหลีกล่าวพลางผายมือเชื้อเชิญ ลั่วชิงยวนตามเขาไปในโรงเตี๊ยมแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องบนชั้นสอง “หรือว่าท่าทีเมื่อสักครู่นี้ขององค์ชายเจ็ด…” เมื่อฟู่จิ่งหลีได้ยินเช่นนี้เข้าก็ออกจะรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “อ้อ ท่านรู้จักตัวตนของข้าอยู่แล้วนี่เอง ข้าคิดจะแนะนำตัวอยู่เลย” “ท่านหมายถึงเรื่องที่ข้าเพิ่งชี้ดาบใส่โม่เซียนอวี้ใช่หรือไม่? ก็แค่เคยชินนั่นแหละ นี่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” ลั่วชิงยวนรู้สึกแปลกใจ “โม่เซียนอวี้ผู้นี้ค่อนข้างใจกล้าทีเดียว ถึงขนาดไล่ตามรังควานองค์ชายเช่นนี้” ฟู่จิ่งหลีถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง “เป็นความผิดของท่านตา ตอนที่ท่านเมาดันเผลอไปตกปากรับคำเรื่องการแต่งงานครั้งนี้กับตระกูลของพวกเขา ถึงแม้ต่อมาท่านตาจักแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ก็เถอะ” “น่าเสียดายที่หลังจากท่านตาสิ้นไป พวกเขาก็เริ่มตามราวีข้ามิลดละ” “ในเมื่อไร้ซึ่งทะเบียนสมรสหรือประจักษ์พยาน แล้วข้าจักแต่งงานกับนางได้อย่างไรกันเล่า? ตอนแรกข้าไปหาฝ่าบาท แต่ฝ่าบาทกลับรับสั่งว่าจักให้ต่างฝ่ายต่างก็แต่งงานไปเสียจึงทำให้โม่เซียนอวี้ยอมรามือไป มิฉะนั้นก็คงทำกระไรมิได้แล้ว” “ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ตามราวีอยู่เช่น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 456

    เป็นฟู่อวิ๋นโจว! เขามาจริง ๆ! เขามาพบนางตามที่นัดหมายเอาไว้จริง ๆ ยามนี้ลั่วชิงยวนยังคงแต่งกายเป็นฉู่ลั่วจึงมิได้เข้าไปทักทาย แต่กลับนั่งลงเฝ้าสังเกตสถานการณ์เสียก่อน เมื่อนางหาที่นั่งได้แล้วก็นั่งลงไป จากนั้นเสี่ยวเอ้อร์ก็ยกชาพร้อมอาหารเครื่องเคียงมาให้ มีผู้คนมาถึงเยอะอย่างที่ฟู่จิ่งหลีบอกเอาไว้จริง ๆ ด้วย ผู้ที่มาล้วนเป็นบรรดาคุณชายจากตระกูลขุนนางและผู้ทำมาค้าขายในเมืองหลวง กล่าวได้ว่าพวกเขาต่างมียศถาบรรดาศักดิ์สูงและมีเงินทองมากมายอีกต่างหาก ลั่วชิงยวนที่นั่งอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น กลับรู้สึกแปลกแยก แต่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับสมบัติที่ฟู่จิ่งหลีนำออกมาประมูลในคืนนี้ ดังนั้นจึงหามีผู้ใดสนใจนางไม่ ไม่นาน ฟู่จิ่งหลีกับผู้ติดตามก็มาถึง หีบขนาดใหญ่หลายใบที่แบกเข้ามาพลันดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที “ทำให้ทุกท่านต้องรอคอยเสียนานเลย การประมูลของพวกเราจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!” “ในเมื่อพวกท่านต่างก็คุ้นเคยกับข้าดี ก็น่าจะรู้กฎของข้า การประมูลมิเกี่ยวกับผู้ใดเงินมากกว่ากัน แต่เกี่ยวกับของชิ้นไหนล้ำค่ากว่ากัน” “แน่นอนว่าเงินก็ได้เหมือนกัน ขอเพียงข้าสนใจ ข้าจักยอมรับการแลกเป

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 457

    จี้หยกชิ้นนี้เป็นสิ่งตกทอดจากจักรพรรดิพระองค์ก่อน ฉะนั้นย่อมล้ำค่ายิ่งนัก แต่องค์ชายห้าของสำคัญเช่นนั้นเพื่อภาพเขียนแผ่นนี้จริง ๆ หรือ? ฟู่จิ่งหลีเองก็รู้สึกสับสนเช่นกัน เขาหันไปมองภาพเขียนด้วยท่าทีลังเลใจ “แต่ภาพเขียนแผ่นนี้…” ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนวัตถุสิ่งของจากคลังสมบัติของเขาเลย ม้วนภาพใหม่เกินไป องค์ชายห้าถึงขนาดยอมเอาของสำคัญไปแลกเปลี่ยนกับภาพเขียนไร้ค่าม้วนหนึ่ง เพราะเขาไม่อยากเอาเปรียบผู้อื่น เส้นประสาทของลั่วชิงยวนเขม็งตึง จากนั้นนางก็ลุกขึ้นทันที “กระหม่อมก็ต้องการภาพเขียนม้วนนี้เช่นกัน!” “วันนี้กระหม่อมมิได้นำของล้ำค่าอันใดมา แต่กระหม่อมขอเสนอเงื่อนไขข้อหนึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนกับองค์ชายเจ็ดพ่ะย่ะค่ะ!” ภาพเขียนม้วนนี้จะให้ฟู่อวิ๋นโจวเอาไปมิได้เป็นอันขาด เนื่องจากมีผู้คนมากมายมองอยู่ พวกเขาต่างทราบดีว่าคนที่อยู่ในภาพเขียนเป็นผู้ใดกัน ฟู่อวิ๋นโจวกับนางจะต้องโดนจัดการ! ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คิดจะใส่ความว่านางกับองค์ชายห้าคบชู้กัน! ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจแล้วหันไปมองเทพพยากรณ์ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา ฟู่จิ่งหลีเองก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน “ท่านก็ต้องกา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 458

    ตรงชั้นล่าง ฟู่จิ่งหลีมิได้จัดการกับโม่เซียนอวี้เพราะนางบอกว่า ตราบใดที่ฉู่ลั่วอยู่ที่นี่นางก็จะอยู่ด้วย ในที่สุด การประมูลก็จบลงก่อนเวลา ลั่วชิงยวนเองก็ออกมาจากโรงเตี๊ยมเช่นเดียวกับผู้อื่น หลังจากเดินออกมาแล้ว นางหยุดฝีเท้ายืนมองหอหลินชุน ป้ายหอหลินชุนถูกแทนที่ด้วยหอฝูเสวี่ย ในเวลาเพียงแค่วันเดียว ข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วและมีลูกค้ามากมายมาเยือนที่นี่ ทว่ายังไม่ต้องรีบร้อน พวกเราต้องรอให้ข่าวแพร่สะพัดออกไปอีกและให้ผู้คนรู้จักหอฝูเสวี่ยมากขึ้น ตกค่ำมืดดึกดื่น นางค่อยกลับมาที่ตำหนักอ๋อง แต่ฟู่อวิ๋นโจวกลับรอคอยอยู่ในโรงเตี๊ยมตลอดทั้งคืน สุดท้ายเขาก็รอคอยลั่วชิงยวนต่อมิไหวก่อนที่จะกลับไป …… เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวที่องค์ชายห้ายอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อภาพเขียนม้วนหนึ่งก็แพร่สะพัดออกไป ภาพเขียนเปิดเผยความจริงเรื่องที่องค์ชายห้ากับพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการคบชู้กัน ข่าวลือแสลงหูทุกรูปแบบแพร่สะพัดไปทั่วโรงเตี๊ยม โรงน้ำชาและสถานที่ต่าง ๆ ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ทันทีที่ข่าวแพร่สะพัดออกไปก็เกินกว่าจะควบคุมเอาไว้ได้แล้ว อย่างไรเสียก็มีข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายห้ากับลั่

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1215

    และสองคือช่วยจือเฉาขนของสิ่งที่ทำให้จือเฉาตกใจคือ เดิมทีนางคิดว่าจะไปที่หอฝูเสวี่ยเพื่อเบิกเงิน แต่กลับพบว่าองครักษ์ช่วยจ่ายเงินให้นางจือเฉางุนงงตลอดทาง มิเข้าใจว่าท่านอ๋องต้องการทำอะไรกันแน่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ร้านค้าที่เปิดมีมิมาก ดังนั้นจือเฉาจึงต้องวิ่งไปหลายที่โดยเฉพาะการหาสมุนไพร นางแทบจะต้องเคาะประตูโรงหมอและร้านขายยาทั่วเมืองหลวง......ในคืนนั้นลั่วชิงยวนนอนซมอยู่บนเตียง ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกลมหนาวพัดโชยเข้ามา ทำให้ลั่วชิงยวนไอออกมา“แค่กแค่กแค่ก... จือเฉา ดูสิว่าหน้าต่างถูกลมพัดเปิดออกหรือไม่... แค่กแค่กแค่กแค่กแค่ก...”ลั่วชิงยวนไอมิหยุด ได้แต่มุดเข้าไปในผ้าห่มแต่ทันใดนั้น ผ้าห่มก็ถูกกระชากออกลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นจึงเห็นฟู่เฉินหวนนางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง “ท่านจะทำอะไร?”นางอ่อนแอจนแม้แต่การถามในตอนนี้ก็ยังไร้เรี่ยวแรงแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิพูดอะไรสักคำจากนั้นองครักษ์ก็กรูกันเข้ามาในห้อง จับแขนของลั่วชิงยวนและลากนางออกจากห้องความหนาวเหน็บถาโถมเข้ามา ลั่วชิงยวนอ้าปากจะพูด แต่กลับถูกองครักษ์ปิดปากไว้แน่นลั่วชิงยวนที่บาด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1214

    “หากต้องการแก้ไข มีเพียงการที่หม่อมฉันต้องไปซีหลิงด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่นนี่เป็นหนทางรอดเดียวของนางเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเขามองนางด้วยความสงสัย “นี่เป็นผลลัพธ์เดียวหรือ?”“เพคะ”แต่ฟู่เฉินหวนกลับมิค่อยเชื่อ มองนางด้วยแววตาดุดัน “ไม่มีเข็มทิศอาณัติสวรรค์ จะทำนายได้แม่นยำหรือ?”“แม่นยำเพคะ”“เข็มทิศอาณัติสวรรค์เป็นเพียงตัวช่วย มิใช่สิ่งจำเป็น”“ทิศทางหลักจะมิผิดพลาด”แท้จริงแล้วนางทำนายหนทางรอดของตัวเองการทำนายโชคชะตาบ้านเมือง มีเพียงเข็มทิศอาณัติสวรรค์เท่านั้นที่ทำนายได้กองทัพแคว้นหลีบุกประชิด เป็นนางเองที่บอกให้เฉินชีทำ สิ่งที่นางต้องการทำนายคือเส้นทางของตัวเองหลังจากที่ฟู่เฉินหวนฟังแล้วก็มิได้ตอบ เพียงแค่หันหลังเดินจากไป......ลั่วฉิงกำลังรอข่าวจากฟู่เฉินหวนอย่างกระวนกระวาย เดินวนไปมาด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นฟู่เฉินหวนมาแล้ว จึงรีบเข้าไปถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? ผลลัพธ์คืออะไร?”ฟู่เฉินหวนตอบ “เป็นภัยพิบัติของซีหลิง”ได้ยินดังนั้น ลั่วฉิงก็ตกใจเล็กน้อย “ภัยพิบัติของซีหลิงหรือ? หมายความว่าอย่างไร? แคว้นหลีต้องการยึดครองซีหลิงงั้นหรื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1213

    สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1212

    ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1211

    นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1210

    “กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1209

    ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1208

    ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1207

    ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status