เซียวชูได้ยินดังนั้นก็ตกใจ รีบกล่าวด้วยความร้อนใจ “เห็ดหลินจือน้ำแข็งอยู่ที่ใด ข้าจะไปตามหา!”เซียวชูพูดจบก็จะวิ่งออกจากห้องไปแต่ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงดังมาจากด้านนอก“ข้ามีเห็ดหลินจือน้ำแข็ง!”ในวินาทีต่อมา ซ่งเชียนฉู่ก็วิ่งเข้ามาด้วยความร้อนใจ“เชียนฉู่?” ซ่งอวี่ตกใจซ่งเชียนฉู่รีบหยิบเห็ดหลินจือน้ำแข็งส่งให้ซ่งอวี่ “ท่านพ่อ รีบช่วยชีวิตคนเถิดเจ้าค่ะ”ซ่งอวี่ตาเป็นประกาย รีบลงมือทันใดเซียวชูซาบซึ้งใจ “คุณหนูซ่ง ขอบคุณมาก!”ซ่งเชียนฉู่ยังคงหอบหายใจขณะถามว่า “ชิงยวนเล่า? นางพักอยู่ที่ใด?”เป็นฉู่จิ้งที่ไปรับนางบนเขา แล้วจึงพานางกลับมาซีหลิงได้อย่างรวดเร็วมิเช่นนั้นหากนางเดินทางเองคงต้องใช้เวลาอีกสองวันกว่าจะถึงเซียวชูได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าลำบากใจ รีบพาซ่งเชียนฉู่ออกไปข้างนอกแล้วกล่าวอย่างลังเล “พระชายาไปกับเฉินชีแล้ว”“ไปแคว้นหลี”ซ่งเชียนฉู่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ “ว่ากระะไรนะ? นางไปแคว้นหลีแล้วหรือ?”“เหตุใดกัน?”เซียวชูจึงเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ซ่งเชียนฉู่ฟังเรื่องราวตอนนั้นเกิดขึ้นกะทันหัน เซียวชูจึงมิรู้ว่าเหตุใดพระชายาจึงไปกับเฉินชีหลังจากที่ซ่งเชียนฉู่ฟั
ตำหนักอ๋องในห้องฝั่งปีกตะวันออก ถัดจากเตียงแกะสลักขาดใหญ่ มีเสื้อผ้าเกลื่อนอยู่เต็มพื้นห้องลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง นางมองดูรอยยุ่งเหยิงบนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวแสงแดดส่องกระทบรอยสีแดง ทำให้นึกไปถึงชายห้าหกคนที่บุกเข้ามาในห้องหอเมื่อคืนนี้ ความอัปยศอดสู และความโกรธค่อย ๆ หลั่งไหลเข้ามาโจมตีนางอย่างหนักหน่วงน้ำตาแห่งความรู้สึกอัปยศเอ่อล้นในดวงตา“จะร้องไห้ทำไม ในเมื่อเจ้าได้แต่งงานกับท่านอ๋องอย่างที่หวังไว้ ก็ควรจะดีใจมิใช่รึ?”เสียงทุ้มเย็นยะเยือกดังขึ้น ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปที่กระดูกสันหลังของลั่วชิงยวน นางหันกลับไปด้วยความตกใจเห็นผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ รูปร่างสง่างามและน่าเกรงขาม สายตาเย็นชา และไม่แยแสนั้นจับจ้องมา ราวกับมีดที่กำลังกรีดเลือดของนางบางสิ่งกำลังระเบิดในหัว ลั่วชิงยวนรู้สึกหายใจไม่ออกชั่วขณะ “ท่านอ๋อง… ท่านอยู่ตรงนี้มาตลอดเลยหรือเพคะ?”น้ำเสียงไม่แยแสกล่าวขึ้น “วันอภิเษกสมรสของข้ากับเจ้า ถ้าข้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วข้าควรจะอยู่ที่ใดเล่า?”ทันใดนั้น นางก็รู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด เลือดทั่วร่างพลันแข็งมองดูรอยยับบนเตียง นึกถึงคนที่บุกเข้ามาในห้องหอ
ซ่า…น้ำเย็นในขันถูกสาดลงบนหน้าอย่าแรง!ลั่วชิงยวนยกเปลือกตาขึ้นด้วยความยากลำบาก นี่นางยังไม่ตายหรือ ทำไมถึงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด?หญิงที่แต่งตัวเหมือนแม่นมคนหนึ่งโยนขันน้ำทิ้ง และมองมาที่นางด้วยสายตาโกรธเคือง "อย่ามาเล่นเล่ห์ด้วยการร้องไห้สร้างปัญหา และแขวนคอตัวเองเช่นนี้ ท่านอ๋องไม่หลงกลท่านหรอก! ไม่ได้ดูสารรูปตัวเลยว่าเป็นสินค้าเช่นใด ถึงได้กล้าเข้าพิธีอภิเษกสมรสแทนคุณหนูรอง ท่านคิดว่าตำหนักอ๋องนี้เข้ามาได้ง่าย ๆ งั้นรึ!”หน้าตาของแม่นมเติ้งเต็มไปด้วยความโกรธ เดิมทีนางวางแผนที่จะกลับบ้านไปดูแลแม่ที่ชรา แต่ใครจะรู้ว่า พระชายาที่ไร้ยางอายผู้นี้จะเล่นอุบายแกล้งปลิดชีพตน ทำให้ต้องมาที่นี่เพื่อรับใช้นางแทน“เป็นคุณหนูจวนอัครเสนาบดีดี ๆ มิเป็น แต่กลับทำแต่เรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ ตายไปเสียยังจะดีกว่า!”เสียงข่มเหงและเสียงบ่นดังอยู่เหนือหัวนางอย่างต่อเนื่อง ลั่วชิงยวนมองดูทุกสิ่งที่แปลกประหลาดนี้ และความทรงจำที่ไม่ใช่ของนางก็พุ่งเข้ามาเมื่อวานนี้เป็นวันอภิเษกสมรสของท่านอ๋องกับลั่วเยวี่ยอิงแต่ลั่วชิงยวนก็ยอมเสี่ยง แสร้งทำว่าตนคือเจ้าสาวในคืนวันแต่งงาน แถมยังจุดกำยานปลุกกำหนัดในห้อ
แม่นมเติ้งร้องขึ้นอย่างตกใจ “อุ๊ย คุณหนูรอง มือของคุณหนู!”นางรีบเข้าไปประคองลั่วเยวี่ยอิง พลางก่นด่า “ท่านช่างเป็นหญิงที่ร้ายกาจนัก แย่งงานแต่งคุณหนูรองไปแล้ว คุณหนูยังใจดีป้อนยาให้ ท่านยังกล้าผลักคุณหนูอีก!”ทันใดนั้น ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในห้อง ปรี่ไปที่ลั่วเยวี่ยอิงด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก “เยวี่ยอิง!”ลั่วเยวี่ยอิงขมวดคิ้ว และยกฝ่ามือที่เปื้อนเลือดของนางขึ้น ทำให้ผู้ที่มองเห็นรู้สึกสงสารยิ่งนักฟู่เฉินหวนมองไปที่มือของลั่วเยวี่ยอิงที่เต็มไปด้วยเลือด ก่อนจะมองไปที่ลั่วชิงยวนด้วยสายตาอาฆาตลั่วชิงยวนรีบพูดขึ้นทันที “หม่อมฉัน…”แต่ยังไม่ทันที่จะได้อธิบาย ก็มีเงาปกคลุมมาที่นางก่อนที่ร่างของนางจะถูกกระชากลงมาจากเตียง จนล้มตัวลงกับพื้น ยังไม่ทันที่จะได้ทรงตัว มือใหญ่ก็ตวัดลงมาอย่างแรงทันใดนั้น ในหัวของนางก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้น ก่อนจะรู้สึกแสบร้อนและระบมที่แก้มยังไม่ทันที่นางจะได้สติ ลั่วเยวี่ยอิงรีบคว้าแขนเสื้อฟู่เฉินหวน และขอร้องอ้อนวอน “ท่านอ๋องข้ามิระวังเอง อย่าโทษท่านพี่เลยเพคะ!”แม่นมเติ้งรีบฟ้องท่านอ๋องทันที “ท่านอ๋อง หม่อมฉันเห็นกับตาว่า คุณหนูรองป้อนยาให้ แต่พระชายามิรับ
ดวงตาของนางแดงก่ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นชานางปิดประตู ยกมือขึ้นกดหน้าอกที่ยังปวดอยู่ พลางเดินกลับไปนั่งทำสมาธิบนเตียงการมาเข้ามาอยู่ในร่างนี้ นางแทบจะไม่มีพละกำลังนางคือนักบวชที่ทุกคนต่างเคารพในแคว้นหลี่ นอกเหนือจากทักษะพิเศษด้านฮวงจุ้ย การอ่านโหงวเฮ้ง และการทำนายดวงชะตาแล้ว นางยังมีวรยุทธที่น่าเกรงขาม แบบหนึ่งต่อร้อยเมื่อนึกถึงตรงนี้ นางก็คิดถึงร่างกายของตนเองเป็นอย่างมาก นางฝึกฝนวรยุทธตั้งแต่ยังเด็ก เส้นลมปราณของนางค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ข้ารับใช้เหล่านี้ไม่สามารถจะกลั่นแกล้งนางได้น่าเสียดาย บัดนี้ร่างกายของนางน่าจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว… พอกลับมาที่ห้องตำรา ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกซูโหยวเดินมาเคาะประตู “ท่านอ๋อง คืนนี้ยังจะส่งชายพวกนั้นไปแกล้งขู่คุณหนูลั่วอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”พอได้ยิน ฟู่เฉินหวนก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก “ช่างเถอะ”เมื่อคืนนี้เขาได้สั่งสอนนางไปแล้ว หากขู่นางอีก นางคงแกล้งปลิดชีพตนไม่จบไม่สิ้นเสียทีและถ้าหากนางตายขึ้นมาจริง ๆ คงจะรายงานกับจวนอัครเสนาบดีได้ยากซูโหยวพยักหน้ารับ “พ่ะย่ะค่ะ”……ฟึ่บบบานประตู
“ก็ช่วยไปแล้ว เหตุใดจะต้องมีเหตุผลด้วยเล่า?” ลั่วชิงยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยจากนั้นนางก็หันหลังและจากไปเมื่อเห็นว่านางกำลังจะเดินจากไปไกล แม่นมเติ้งก็รู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ เลยอดไม่ได้ที่จะเรียกนางไว้ "พระชายาเจ้าคะ!" ลั่วชิงยวนชะงักฝีเท้า แม่นมเติ้งรีบก้าวไปข้างหน้าทันที“บ่าวขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องดูแลรับใช้ท่าน บ่าวก็คงได้ออกจากตำหนักไปนานแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่บ่าวรู้สึกไม่พอใจ ก็เลยระบายความโกรธใส่ท่าน..." แม่นมเติ้งก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิดนางไม่คิดว่า พระชายาจะเข้ามาช่วยนาง มิเช่นนั้นนางคงถูกเมิ่งจิ่นอวี่ทุบตีจนตายเป็นแน่! แล้วนางยังช่วยต่อแขนของตนอีกด้วย ซึ่งนั่นแตกต่างจากข่าวลือที่ว่านางคือนางงูพิษโดยสิ้นเชิงเมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วชิงยวนก็เข้าใจเหตุผลแม่นมเติ้งเตือนขึ้นอีกครั้ง "หากท่านต้องการอยู่ในตำหนักต่อไป ก็อย่าได้ทำให้เมิ่งจิ่นอวี่ขุ่นเคืองเลยเจ้าค่ะ นางเป็นสาวใช้ชั้นหนึ่งในตำหนัก แล้วยังเป็นลูกสาวของแม่บ้านของตำหนักนี้อีกด้วยเจ้าค่ะ""ไม่ทันแล้วกระมัง" มาพูดเอาป่านนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วแม่นมเติ้งมองไปรอ
ลั่วชิงยวนหยิบไม้ที่อยู่ตรงมุมกำแพงขึ้นมา และหวดไม้ใส่เมิ่งจิ่นอวี่จนหมดสติ นางหยิบหมั่นโถวชิ้นเล็ก ๆ ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยัดเข้าไปในปากของเมิ่งจิ่นอวี่ ทำให้นางกลืนมันลงไปชายบางคนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากทางหน้าต่าง คิดว่าลั่วชิงยวนกำลังจะหนีออกไป "นี่! คิดจะหนีรึ!" หนึ่งในนั้นก้าวไปข้างหน้า และกระชากนางลงมาทันที ลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ปล่อยตัวเมิ่งจิ่นอวี่ พวกนั้นคิดว่าเมิ่งจิ่นอวี่ที่สลบไปคือลั่วชิงยวน จึงได้พานางกลับไปที่เตียงลั่วชิงยวนพิงผนังและฟังเสียงเคลื่อนไหวภายในห้อง เมื่อแน่ใจว่ามันเป็นไปตามแผน นางจึงหันหลังและจากไปอย่างสบายใจในความมืด นางแอบเดินเข้าไปในครัวด้านหลัง หลังจากค้นหาทั่วครัวก็ไม่มีอะไรเหลือให้กิน! นางจึงหามุมเพื่อเอนตัวลงนอน ก่อนจะผล็อยหลับไปณ ห้องตำราฟู่เฉินหวนกำลังจะหยุดพักหลังจากทำงานเสร็จสิ้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงตื่นตระหนกของลั่วเยวี่ยอิง "ท่านอ๋อง ท่านบรรทมอยู่หรือไม่เพคะ?"เมื่อได้ยินเสียงที่ลุกลน ฟู่เฉินหวนจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและเปิดประตู "มีเรื่องอันใดรึ?"ลั่วเยวี่ยอิงมองเขาด้วยใบหน้าซีดเซียว นัยน์ตาที่ชุ่มน้ำของน
เมิ่งจิ่นอวี่และคนรับใช้พวกนี้ไม่ควรปรากฏตัวในห้องของลั่วชิงยวน แต่คืนนี้กลับมารวมตัวกันในห้องของนาง แถมนางยังไม่ได้อยู่ในห้องอีก เลยทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า หรือนี่อาจจะเป็นแผนการของลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนรู้สึกสับสน นางขมวดคิ้วพร้อมพลางมองด้วยสายตาเย็นชา "ท่านกำลังสอบสวนนักโทษอยู่หรือเพคะ?" เมื่อเห็นดังนั้น ลั่วเยวี่ยอิงก็รีบไปข้างหน้า และคว้าแขนของนาง จงใจใช้เสียงเบาที่ทุกคนได้ยินกล่าวว่า "ท่านพี่ อย่าพูดกับท่านอ๋องแบบนี้สิเจ้าคะ คืนนี้ท่านทำอะไร บอกความจริงกับท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ท่านอ๋องไม่ทำอะไรท่านพี่หรอก” การกระทำของลั่วเยวี่ยอิง ยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ลั่วชิงยวนเป็นคนทำจริง ๆดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นยะเยือก นางจงใจหลุบตาลงอย่างรู้สึกผิด และกระซิบตอบ "ข้ายอมรับว่าคืนนี้ข้าทำบางสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้..."เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงแสร้งทำเป็นตกใจ และเปล่งเสียงออกมา "อะไรนะเจ้าคะ? ท่านพี่สับสนขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!"ลั่วเยวี่ยอิงดึงลั่วชิงยวนไปข้างหน้า และพูดกับนางด้วยท่าทางเคร่งขรึม "ท่านพี่ ท่านยอมรับผิดต่อท่านอ๋องเถิด มีข้าอยู่ ไม่เป็นไรหรอกเจ้า
เซียวชูได้ยินดังนั้นก็ตกใจ รีบกล่าวด้วยความร้อนใจ “เห็ดหลินจือน้ำแข็งอยู่ที่ใด ข้าจะไปตามหา!”เซียวชูพูดจบก็จะวิ่งออกจากห้องไปแต่ในตอนนั้นเอง พลันมีเสียงดังมาจากด้านนอก“ข้ามีเห็ดหลินจือน้ำแข็ง!”ในวินาทีต่อมา ซ่งเชียนฉู่ก็วิ่งเข้ามาด้วยความร้อนใจ“เชียนฉู่?” ซ่งอวี่ตกใจซ่งเชียนฉู่รีบหยิบเห็ดหลินจือน้ำแข็งส่งให้ซ่งอวี่ “ท่านพ่อ รีบช่วยชีวิตคนเถิดเจ้าค่ะ”ซ่งอวี่ตาเป็นประกาย รีบลงมือทันใดเซียวชูซาบซึ้งใจ “คุณหนูซ่ง ขอบคุณมาก!”ซ่งเชียนฉู่ยังคงหอบหายใจขณะถามว่า “ชิงยวนเล่า? นางพักอยู่ที่ใด?”เป็นฉู่จิ้งที่ไปรับนางบนเขา แล้วจึงพานางกลับมาซีหลิงได้อย่างรวดเร็วมิเช่นนั้นหากนางเดินทางเองคงต้องใช้เวลาอีกสองวันกว่าจะถึงเซียวชูได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าลำบากใจ รีบพาซ่งเชียนฉู่ออกไปข้างนอกแล้วกล่าวอย่างลังเล “พระชายาไปกับเฉินชีแล้ว”“ไปแคว้นหลี”ซ่งเชียนฉู่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ “ว่ากระะไรนะ? นางไปแคว้นหลีแล้วหรือ?”“เหตุใดกัน?”เซียวชูจึงเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ซ่งเชียนฉู่ฟังเรื่องราวตอนนั้นเกิดขึ้นกะทันหัน เซียวชูจึงมิรู้ว่าเหตุใดพระชายาจึงไปกับเฉินชีหลังจากที่ซ่งเชียนฉู่ฟั
แต่ในตอนนี้จู่ ๆ ก็กลับนึกขึ้นได้ราวกับย้ำเตือนนางว่า ความหวังดีชั่วคราวของเฉินชีอาจจะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงชายคนนี้โหดเหี้ยมไร้ยางอายมาตั้งแต่เด็กเป็นคนไร้หัวใจ“อาเหลา มานี่สิ กินยาก่อนเถิด” ทันใดนั้นก็มีเสียงของเฉินชีดังขึ้นลั่วชิงยวนจึงได้สติกลับมานางรับชามยามาแต่วางไว้บนโต๊ะ “ร้อน”“เช่นนั้นข้าเป่าให้”แต่ลั่วชิงยวนยกมือห้ามเขา “มิต้อง”เฉินชีหยิบขวดยาอีกสองขวดวางไว้บนโต๊ะ“ยานี้รักษาอาการบาดเจ็บภายใน อย่าลืมกินด้วย”กล่าวจบเฉินชีก็เดินออกไป เขาวุ่นวายอยู่ในกระท่อมบนเขา ทั้งปูที่นอน เตรียมอาหารและอาภรณ์ให้นางลั่วชิงยวนนอนอยู่บนเก้าอี้ตลอด มิอยากขยับตัวหลังจากกินยาแล้วก็หลับไปเฉินชีเติมฟืนในเตาผิงเสร็จจึงจากไปในเมื่อนางให้เขาฆ่าลั่วฉิง เขาก็ต้องทำให้สำเร็จ......ซีหลิงฟู่เฉินหวนบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่บนเตียง เซียวชูแบกซ่งอวี่ขึ้นหลังวิ่งมาเมื่อถูกวางลงบนพื้น ซ่งอวี่ก็ตกใจ พลันรีบเข้าไปตรวจชีพจรและตรวจดูบาดแผลให้ฟู่เฉินหวนก่อนจะกล่าวด้วยความตกใจมาก “เหตุใดจึงมีบาดแผลมากมายเช่นนี้”“ท่านหมอซ่ง ตอนนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่ช่วยท่านอ๋องได้ ได้โปรดช่วยรักษาช
เฉินชีตกตะลึง หลังจากครุ่นคิดสักพักจึงพยักหน้า “ได้!”ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยแววตาลึกล้ำ “จริงหรือ? เจ้าตัดใจได้หรือ?”เฉินชีนั่งลงรินชาใส่ถ้วย แล้วยื่นให้นาง “มีเพียงอาเหลาเท่านั้นที่ทำให้ข้าตัดใจมิได้”“รอให้ร่างกายของเจ้าดีขึ้น ข้าค่อยไปฆ่าลั่วฉิงได้หรือไม่?”“บนเขานี้ไม่มีใครดูแลเจ้า ข้ามิวางใจ”ลั่วชิงยวนก้มหน้า นัยน์ตาฉายแววเย็นชาขณะกล่าวเสียงแผ่วเบา “กลัวข้าหนีหรือ”“เจ้าสบายใจได้ ในเมื่อข้าเต็มใจไปกับเจ้าแล้วก็จะมิกลับไปอีก”เมื่อก้าวออกจากซีหลิง นางก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับแคว้นเทียนเชวียอีกต่อไปนางตายครั้งแล้วครั้งเล่า ควรจะตัดใจได้แล้วเวลาที่เหลือ นางจะทำสิ่งที่อาจารย์ยังทำมิเสร็จให้สำเร็จ“เช่นนั้นรอข้าไปหาสมุนไพรมาให้เจ้าก่อน”ตอนนี้เฉินชีอ่อนโยนราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนแต่ลั่วชิงยวนก็หาได้แปลกใจไม่เอาแน่เอานอนมิได้ นิสัยเปลี่ยนแปลงง่าย นี่คือที่มาของฉายาเฉินชีจอมบ้าคลั่งลั่วชิงยวนหลับตาลง อยากจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า มิอยากตื่นขึ้นมาอีกเลยเฉินชีออกจากห้อง ปิดประตูแล้วเดินออกไปหลังจากรีบไปเก็บสมุนไพรแล้วเขาก็วิ่งขึ้นเขาด้วยความเหนื่อยหอบ เมื่อผลักปร
“เฉินชี ข้าจะกลับไปกับเจ้า ถอยทัพเดี๋ยวนี้” ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเฉินชีรีบยกมือขึ้นกองทัพแคว้นหลีหยุดรุกคืบเฉินชียื่นมือไปหานาง “เจ้าจะกลับไปกับข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนมิหันกลับมามอง แต่ยื่นมือออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวเฉินชียกยิ้มอย่างผู้มีชัย แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นขณะดึงลั่วชิงยวนขึ้นหลังม้าด้วยกัน แล้วควบม้าหันหลังกลับไปอย่างองอาจส่วนกองทัพแคว้นหลีก็ถอยทัพทันทีเซียวชูเห็นดังนั้นก็พึมพำ “แคว้นหลีถอยทัพแล้ว เป็นพระชายาที่หยุดสงครามครั้งนี้...”ฟู่เฉินหวนกำมือแน่น เห็นร่างที่พร่ามัวค่อย ๆ หายไป เขาร้อนใจจนอยากจะลุกขึ้น แต่เลือดกลับไหลทะลักออกมาสุดท้ายทุกอย่างก็มืดลง“ท่านอ๋อง!”......เฉินชีมีความสุขมาก เขาควบม้าอย่างรวดเร็วข้างหูของลั่วชิงยวนมีเพียงเสียงลมและเสียงพูดด้วยความตื่นเต้นของเฉินชี “อาเหลา นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเต็มใจขี่ม้ากับข้า”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยแววตาเย็นชา “ช้าลงหน่อย ข้าปวดหู”เฉินชีก็ชะลอความเร็วลงลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนมาที่นี่ นางกินโอสถจตุรธาตุ ดูเหมือนว่าจะได้ผลกับเฉินชีจริง ๆ“ข้ายังมิอยากกลับแคว้นหลี ข้าต้องร
เสียงกลองศึกดังขึ้นกองทัพแคว้นหลีบุกมาถึงชายแดนอีกครั้งและครั้งนี้ ฟู่เฉินหวนนำทัพออกรบด้วยตัวเองเฉินชีควบม้าอยู่หน้ากองทัพแคว้นหลีเมื่อเห็นฟู่เฉินหวน เขาก็ยกยิ้มเย็นชา “ในที่สุดเจ้าก็มิเป็นเต่าหัวหดแล้ว! ช่างหาได้ยากนัก!”ฟู่เฉินหวนมองเขาด้วยแววตาเย็นชา “นางอยู่ที่ไหน?”เฉินชีหรี่ตาลง ยกยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย “ฆ่าตายไปแล้ว”แววตาของฟู่เฉินหวนเต็มไปด้วยจิตสังหาร“เป็นอย่างไร? จะสู้กับข้าจนตายไปข้างหนึ่งหรือไม่?” ดวงตาของเฉินชีลุกโชน อยากจะลงมือเต็มทีแล้วฟู่เฉินหวนชักกระบี่กระโจนเข้าใส่ในชั่วขณะนั้น เซียวชูก็ใจกระตุกวูบเฉินชียกยิ้มอย่างผู้มีชัย รีบชักกระบี่กระโดดขึ้น วันนี้เขาจะฆ่าฟู่เฉินหวนด้วยมือของเขาเอง!กระบี่ยาวในมือของทั้งสองฟาดฟันกันจนเกิดเสียงดังสนั่นจิตสังหารแผ่ซ่านไปทั่วขณะต่อสู้ ฟู่เฉินหวนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เฉินชี เจ้าคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”“ไร้สาระ แน่นอนว่าต้องเป็นข้า! เฉินชีคนนี้มิเคยพ่ายแพ้!” เฉินชีหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงโอหังฟู่เฉินหวนใช้พลังทั้งหมดต้านทานการโจมตีของเฉินชี พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต่อหน้ากองทัพ หาก
คนที่เขาต้องการฆ่าคือฟู่เฉินหวน!......ในห้องใต้ดินแห่งหนึ่งมีแผนที่แขวนอยู่บนผนัง บนโต๊ะมีแบบจำลองขนาดใหญ่ ที่นี่คือสถานที่สำหรับวางกลยุทธ์ฟู่เฉินหวนที่ใบหน้าซีดเซียวกำลังดื่มชา “แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก...”เซียวชูรีบลูบหลังให้ท่านอ๋อง “ท่านอ๋อง ร่างกายของท่านแย่ลงเรื่อย ๆ อยู่ที่ห้องใต้ดินมิได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้างล่างนี้หนาวเย็นเกินไป”หลังจากที่ฟู่เฉินหวนหยุดไอก็โบกมือ “หากออกไปจะถูกเฉินชีหาเจอ”“เขาเป็นชาวแคว้นหลี มีวิธีมากมายในการตามหาข้า”“มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่อยู่ได้ พลังหยินปกปิดพลังหยางจึงหามิพบ”เซียวชูกล่าวอย่างจนใจ “มีเพียงท่านอ๋องเท่านั้นที่คิดวิธีนี้ออก”ที่นี่คือห้องใต้ดินของสัปเหร่อในสุสานเดิมทีห้องใต้ดินนี้ใช้สำหรับเก็บอาหารของสัปเหร่อ ตอนนี้ด้านบนเต็มไปด้วยหลุมศพในห้องใต้ดินนั้นหนาวเย็นมาก อาภรณ์หนาแค่ไหนก็มิสามารถต้านทานความหนาวเย็นได้หนึ่งถึงสองเดือนมานี้ ท่านอ๋องอาศัยอยู่ที่นี่ เพราะต้องหลบหนีการตามล่าของเฉินชีคอยวางแผนในซีหลิงอย่างลับ ๆ และควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดจนถึงตอนนี้ยังมิเคยแพ้ มิเพียงแต่มิให้กองทัพแคว้นหลีบุกเข้าซีหลิงได้เท่านั้น แต่ยั
“จะได้มิต้องกังวล”ลั่วอวิ๋นสี่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกใจหายดวงตาใต้หน้ากากของนางแดงก่ำ อยากจะพูดบางอย่างออกมาแต่ก็พูดมิออกนางจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบเมื่ออยู่คนเดียวแล้วก็พิงกำแพงร้องไห้ออกมาเหตุใดญาติพี่น้องของนางจึงต้องจากไปทีละคนลั่วชิงยวนเอนหลังพิงเตียงพลางครุ่นคิด นางรู้ว่าคำพูดนั้นโหดร้าย ทว่าเจ็บแต่จบดีกว่าเจ็บเรื้อรังบางทีในภายภาคหน้านางอาจจะหาวิธีรักษาชีวิตได้ ถึงตอนนั้นค่อยบอกข่าวนี้กับพวกนาง อาจจะเป็นเรื่องน่ายินดีก็เป็นได้หลังจากกินยาแล้วลั่วชิงยวนก็พักผ่อนครึ่งวัน จากนั้นจึงออกเดินทางไปซีหลิงต้องเดินทางอย่างช้า ๆ ร่างกายของลั่วชิงยวนมิสามารถทนต่อการเดินทางไกลได้อีกแล้วจึงต้องหยุดพักบ่อยครั้งในคืนที่แสงจันทร์กระจ่าง ลั่วชิงยวนจะใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ซึ่งพลังที่ดูดซับมาจะทำให้ความเหนื่อยล้าหายไปใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนจึงถึงซีหลิงส่วนเฉินชีนั้นเดินทางไปกลับหนึ่งรอบแล้วในวันที่เดินทางถึงซีหลิง ลั่วชิงยวนพักอยู่ที่โรงเตี๊ยม ส่วนฉู่จิ้งรีบไปหาซ่งเชียนฉู่เขาจึงแยกทางกับพวกนางลั่วชิงยวนคิดว่าควรจะให้ลั่วอวิ๋นสี่กลับไปได้แล้ว จึงให้จือเฉ
บัดนี้การต่อสู้ระหว่างทั้งสองกองทัพหยุดลงแล้ว แต่ยังคงอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดต่อไปถึงแม้ว่าเฉินชีอยากจะฆ่าฟู่เฉินหวน แต่ก็มิยอมให้คนของตัวเองตายอย่างสูญเปล่าหากพูดถึงกลยุทธ์ แม้แต่เฉินชียังต้องยอมรับว่าฟู่เฉินหวนเก่งกาจมาก ถือเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งการจะฆ่าเขานั้นมิใช่เรื่องง่ายดังนั้นจึงหยุดรบก่อนแล้วค่อยหาโอกาสหลายวันมานี้ เขาปลอมตัวเข้าไปในซีหลิงเพื่อสืบข่าวและสังเกตการณ์การป้องกันของซีหลิงแต่การป้องกันของซีหลิงนั้นแปลกประหลาด เพราะมิเห็นเลยว่าคนอยู่ที่ไหน มิรู้ว่าที่ใดมีกำลังพลมาก ที่ใดมีกำลังพลน้อยแม้แต่ร่องรอยของฟู่เฉินหวนก็ยังมิแน่นอนเขาคิดว่าตัวเองสามารถเข้าไปในซีหลิงได้โดยไม่มีใครรู้ บนใต้หล้านี้มีน้อยคนนักที่จะมีวรยุทธ์สูงส่งเทียบเท่าเขาแต่กลับหามิพบแม้กระทั่งที่ซ่อนของฟู่เฉินหวนมีค่ายประจำการอยู่มิน้อย แต่เฉินชีก็ดูออกว่าทั้งหมดล้วนเป็นภาพลวงตาที่ใช้หลอกล่อเขาวันนี้เฉินชียังคงเดินไปมาในซีหลิงเพื่อสำรวจไปรอบ ๆ และทันใดนั้นก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งเมื่อเห็นเนื้อความในจดหมาย สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปก่อนจะรีบควบม้าออกไปทันที......อากาศกลับมาหนาวเย็น ล
“ท่านแม่... ท่านอย่าทิ้งข้าไปอีกเลย ท่านไปที่ใด ข้าก็จะไปที่นั่น!”เมื่อจือเฉาได้ยินดังนั้นก็ตกใจฉู่จิ้งเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ“เจ้ามีลูกชายโตถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”เสียงนี้ฟังดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าลั่วชิงยวนเสียอีกลั่วชิงยวนกล่าวอย่างจนใจ “ก็... อยู่ ๆ ก็มี...”หลังจากกล่าวจบ นางก็มองไปที่ลั่วอวิ๋นสี่ “ตอนนี้วรยุทธ์ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? มิต้องการเขาแล้วใช่หรือไม่?”ลั่วอวิ๋นสี่พยักหน้า “แข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว น่าจะปกป้องพี่หญิงได้แล้ว”“ส่วนเตี่ยฉุย ให้เขาตามเจ้าไปเถิด”ลั่วชิงยวนตอบรับ “ได้ เมื่อไปถึงซีหลิงแล้วข้าจะหาวิธีพาเขาออกมา”......ลั่วฉิงถูกขังอยู่ในวงเวท พยายามดิ้นรนออกไป แต่ก็ออกไปมิได้วงเวทนี้ขังนางไว้อย่างแน่นหนาเมื่อเห็นเลือดถูกดูดออกไปจากร่าง ลั่วฉิงก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างมากนางจะตายที่นี่มิได้!นางรอแล้วรอเล่า ในที่สุดเมื่อฟ้าเริ่มสางก็มีคนเดินผ่านมาลั่วฉิงราวกับพบเจอผู้ช่วยชีวิต นางนอนคว่ำอยู่บนพื้น แล้วยื่นมือออกไป “ช่วยข้าด้วย...”ชายที่แบกจอบตกใจ รีบนั่งยอง ๆ และกล่าวถาม “แม่นาง เจ้าเป็นอะไร? จะไปหาหมอหรือไม่?”ลั่วฉิงเห็นเขาเข้ามาในเ