แชร์

บทที่ 1188

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
เมื่อลั่วชิงยวนมาถึงพระตำหนักโช่วสี่ ไทเฮากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าซีดเซียว

เตาไฟในห้องดับลงแล้ว ไทเฮานั่งอยู่เพียงลำพัง ดูโดดเดี่ยวอ้างว้างยิ่งนัก

ลั่วชิงยวนสังเกตเห็นขวดยาบนโต๊ะ

สิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนนำมาให้

จักรพรรดิสูงสุดมิคิดจะไว้ชีวิตไทเฮาแล้ว

“ถึงตอนนี้แล้วก็ยังมิยอมแพ้ ยังหวังว่าเหยียนหน่ายซินจะช่วยตระกูลเหยียน มิเหมือนคนเพ้อฝันไปหน่อยหรือเพคะ”

ลั่วชิงยวนนั่งลงตรงข้ามไทเฮา

ไทเฮามิได้โกรธแต่กลับยกยิ้มเศร้า “หากมิลองเสี่ยงดูจะยอมรับได้อย่างไร”

“ครั้งนี้ข้าแพ้แล้ว”

กล่าวจบ ไทเฮาก็เงยหน้าขึ้นมองลั่วชิงยวน “ก่อนตาย ข้าขอเจ้าเพียงสิ่งเดียว”

“ขอหม่อมฉันหรือ? แปลกจริง” ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ

ไทเฮากล่าวอย่างมีเลศนัย “เจ้ารู้จักเจ๋อเฉิง ตอนที่เจ้าสังหารเจ๋อเฉิง เจ้าเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา เจ้าคงตกใจมาก”

“เจ้าน่าจะเป็นคนแคว้นหลีเช่นกัน”

“มิใช่ลั่วชิงยวน บุตรีของจวนอัครเสนาบดี”

ลั่วชิงยวนหรี่ตามองไทเฮา

ไทเฮากล่าวต่อ “ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ๋อเฉิงล้วนจริงแท้”

“แม้ว่าจะมีเรื่องราวซับซ้อนมากมาย”

“ข้ารู้ว่าข้าติดหนี้เขาตลอดชีวิต”

“ข้าหวังเพียงว่า ชาติหน้า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1189

    “จะไม่มีฟู่จิ่งหานอีกต่อไปแล้วขอรับ”“คุณชายลองคิดดูเถิดขอรับว่าจะใช้นามว่าอะไรดี”ฟู่จิ่งหานตกตะลึงเมื่อได้ฟังดังนั้น เขารีบลงจากรถม้า กระโดดลงพื้นไปยืนชื่นชมทิวทัศน์หิมะอันกว้างใหญ่แล้วสูดอากาศที่หนาวเย็นแต่สดชื่นเขาหลับตาลง รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก“ดีจริง ๆ ในที่สุดก็หลุดพ้นจากกรงขังนั้นได้แล้ว”“ข้า... ไม่สิ ข้าต้องคิดแล้วว่าจะใช้นามว่าอะไรดี”พูดจบ สีหน้าของฟู่จิ่งหานก็พลันเปลี่ยนไปขณะถามว่า “เสินหลี เจ้านำเงินติดตัวออกมาด้วยหรือไม่?”เขารีบค้นตัวเสินหลีกลับพบเพียงถุงเงินใบเล็กเทออกมาดูแล้ว ปรากฏว่ามีเงินมิกี่ตำลึง“เสินหลี เจ้ามินำเงินออกมาด้วย จะปล่อยให้ข้าอดตายหรือ?”เสินหลียิ้มกว้าง “คุณชายวางใจเถิดขอรับ เสินหลีจะมิปล่อยให้คุณชายต้องหิวโหยแน่ขอรับ”ฟู่จิ่งหานมองเขาด้วยสายตาสงสัย “จริงหรือ? แต่ข้า... แต่ข้าทำอะไรมิเป็นเลย”เขาเคยชินกับการมีคนปรนนิบัติ จู่ ๆ จากจักรพรรดิกลายเป็นสามัญชน การไม่มีเงินติดตัวเลยทำให้เขารู้สึกมิสบายใจ“ข้าน้อยทำเป็นขอรับ ข้าน้อยทำได้ทุกอย่าง จะดูแลคุณชายให้ดีที่สุด!”ฟู่จิ่งหานจึงมิคิดมาก อย่างไรเสียก็ออกจากวังมาแล้วเขานั่งบนรถม้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1190

    หากนางคาดเดามิผิด นั่นคือสมบัติล้ำค่าของแคว้นหลีก่อนหน้านี้เคยบังคับให้ลั่วชิงยวนมอบให้แล้วแต่ก็ล้มเหลวบัดนี้ฟู่อวิ๋นโจวได้ขึ้นครองราชย์ ฟู่เฉินหวนก็ถูกนางควบคุม นางจะต้องให้ลั่วชิงยวนมอบเข็มทิศนั้นให้นางให้ได้!สีหน้าของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนไปลั่วฉิงกล่าวต่อ “เมื่อครู่ข้าอยู่ในห้องตำรา พบของบางอย่างที่ถูกไฟไหม้”“มีหีบใบหนึ่งอยู่ แม่กุญแจบนหีบนั้นเป็นแม่กุญแจสุริยันจันทราของแคว้นหลี”“คิดว่าคงเป็นของใช้ของหมู่เฟยของท่านอ๋องกระมัง”“หม่อมฉันช่วยท่านเปิดได้”“แลกเปลี่ยนกันดีหรือไม่?”......ล่วงเข้ายามดึก เตาไฟในห้องตำราถูกจุดขึ้น ภายในห้องอบอุ่นฟู่เฉินหวนหยิบของในหีบออกมาดูทีละชิ้น แววตาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นตกตะลึง ตามมาด้วยความโกรธที่เพิ่มมากขึ้นเขากำมือแน่น เส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนขึ้นมาสีหน้าสงบนิ่ง แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความเดือดดาล......ในที่สุดก็มีวันฟ้าใสอีกครั้ง จักรพรรดิสูงสุดมิยอมให้พวกหลี่ว์โม่ทั้งสามคนออกไป ลั่วชิงยวนจึงคิดจะออกจากวังทุกวันบังเอิญว่าวันนี้เป็นวันที่มีแสงแดดอบอุ่นในเหมันตฤดู ลั่วชิงยวนจึงอ้างว่าจะออกไปอาบแดดและเดินเล่นไปทั่วในวัง ทำให้สา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1191

    ลั่วชิงยวนกล่าวจบก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดฟู่เฉินหวนหรี่ตาจ้องมองนางด้วยแววตาคมกล้า มิละสายตาไปแม้แต่น้อย แล้วค่อย ๆ ดื่มสุราในจอกจนหมด“ฟู่เฉินหวน ที่จริงมีอีกเรื่องหนึ่ง...” ลั่วชิงยวนตั้งใจจะบอกเรื่องการมีตัวตนของชีวิตน้อย ๆ ในครรภ์ทว่ายังพูดมิจบก็ถูกฟู่เฉินหวนขัดจังหวะ“เจ้านำเข็มทิศติดตัวมาหรือไม่”“ข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วยทำนาย”ลั่วชิงยวนชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหยิบเข็มทิศในอกเสื้อออกมา“ท่านอยากจะให้ทำนายเรื่องใด?” ลั่วชิงยวนถามฟู่เฉินหวนจ้องมองนางด้วยแววตาคมกล้า สายตาเย็นชานั้นทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกแปลกประหลาด“เหตุใดท่านจึงมองหม่อมฉันเช่นนั้น?”ตอนนี้สายตาที่ฟู่เฉินหวนมองนางราวกับมองคนแปลกหน้าเฉียบคมและเย็นชาเสียงเย็นเยียบดังขึ้น “เจ้าเป็นใครกันแน่”ลั่วชิงยวนตกใจ มองเขาด้วยความมิเข้าใจ “ท่านเป็นอะไรไปเพคะ?”มองแววตาเย็นชาของฟู่เฉินหวนแล้ว ลั่วชิงยวนก็พลันรู้สึกใจคอมิดี จู่ ๆ เริ่มวิงเวียน ภาพตรงหน้าพร่าเลือนนางรีบกุมศีรษะ ตระหนักได้ว่าตอนนี้นางมีบางอย่างผิดปกติ นางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างยากลำบาก “ท่านวางยาในสุราหรือ?”แต่ฟู่เฉินหวนกลับมิตอบในตอนนั้นเอง ประ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1192

    สติเลือนรางลงทุกขณะ ในที่สุดก็ต้านฤทธิ์ยามิไหวจึงสลบไปเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ลั่วชิงยวนก็รู้สึกได้ถึงการเข้ามาใกล้ของใครบางคนพยายามลืมตาขึ้น แต่ก็ยังคงอ่อนแรงจนขยับร่างกายมิได้มีเงาร่างหนึ่งทรุดกายลงตรงหน้าในวินาทีต่อมา มือเย็นเฉียบก็คว้าปลายคางของนาง บังคับให้นางเงยหน้าขึ้นลั่วชิงยวนจึงเห็นใบหน้าที่ขยายใหญ่ขึ้นตรงหน้ารอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลังโดยมิรู้ตัวเฉินชี!“เหตุใดจึงเป็นเจ้าอีก! เจ้ากล้ามาที่เมืองหลวงเลยหรือ!” ลั่วชิงยวนพูดอย่างอ่อนแรงเฉินชีดึงนางขึ้นจากพื้น แล้วบีบปลายคางของนาง “ฟู่เฉินหวนมิต้องการเจ้าแล้ว”“ไปกับข้าเถอะ”ลั่วชิงยวนสะบัดมือเขาออกอย่างแรง “เจ้าฝันไปเถิด!”“อาเหลา เหตุใดเจ้าจึงยังดื้อรั้นเช่นเดิม นิสัยเช่นนี้ทำให้เจ้าต้องพบเจอความยากลำบากอีกมาก” เฉินชียกยิ้มขณะจ้องมองใบหน้าของนางใบหน้าซีดเซียว อ่อนแรงราวกับจะแตกสลายได้เพียงแค่สัมผัส เขาชื่นชอบยิ่งนักทันใดนั้นลั่วชิงยวนที่มีแววตาเย็นชากัดมือที่บาดเจ็บของเขาอย่างแรงกัดจนเลือดไหลทะลักเข้ามาในปากเฉินชีร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดลั่วชิงยวนฉวยโอกาสวิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1193

    จนกระทั่งฟ้าสาง ผู้คนเริ่มทยอยออกมาตามถนนบรรยากาศบนท้องถนนเริ่มคึกคักขึ้น เฉินชียังคงโอบนางเดินไปข้างหน้าอย่างแช่มช้าในสายตาของคนภายนอก ทั้งสองดูสนิทสนมกันมากจนกระทั่งเดินผ่านร้านค้าแห่งหนึ่งก็มีเสียงร้องด้วยความตกใจ “นั่นมิใช่พระชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการหรือ? เหตุใดนางจึง...”ลั่วชิงยวนได้ยินดังนั้น หัวใจก็พลันกระตุกแต่เฉินชีกลับยกยิ้มอย่างสาแก่ใจ แล้วพาลั่วชิงยวนไปที่ร้านขนมร้านนั้นก่อนจะแสร้งถามลั่วชิงยวนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าชอบกินอันไหน?”ลั่วชิงยวนจ้องมองเขาด้วยความโกรธเฉินชีกลับยิ่งหัวเราะอย่างลำพองใจเขาโยนถุงเงินหนัก ๆ ลงบนแผงร้าน “ข้าเหมาทั้งหมด!”เถ้าแก่ตกตะลึงจากนั้นเฉินชีก็หยิบขนมชิ้นหนึ่งมาป้อนที่ปากของลั่วชิงยวน “ลองชิมดูหรือไม่?”ลั่วชิงยวนจ้องมองเขา มิยอมอ้าปากแววตาของเฉินชีเย็นชา มือใหญ่เลื่อนไปที่ท้ายทอยของนางแล้วออกแรงบีบพลางยัดขนมเข้าไปในปากของนางด้วยรอยยิ้ม“กินสิ”ท้ายทอยของลั่วชิงยวนเจ็บปวด นางจำใจต้องอ้าปากกัดขนมชิ้นนั้นเฉินชีเห็นดังนั้นจึงพอใจมาก “ชอบหรือไม่?”เขามองนางด้วยสายตาคมกริบ ก่อนยกมือขึ้นเช็ดเศษขนมที่มุมปากของนางท่าทาง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1194

    ลั่วชิงยวนเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองเขาด้วยความโกรธครั้นเห็นนางมิยอมอ้าปากแม้สักนิด เฉินชีจึงโน้มกายเข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เจ้าอยากให้ข้าทำเกินเลยกว่านี้รึ?”ลั่วชิงยวนขบฟันแน่นก่อนจะยอมอ้าปากรับสิ่งที่เฉินชีป้อนให้เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบด้าน“สวรรค์โปรด! สองคนนี้กำลังทำสิ่งใดกันอยู่”“พระชายาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการกำลังลักลอบคบชู้ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้หรือ?”เหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ต่างส่งคนไปทูลท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการให้รีบมาโดยพลันเฉินชีนั่งอยู่ในศาลา ยังคงจงใจแสดงท่าทีคลอเคลียกับลั่วชิงยวน แล้วกระซิบเสียงเบา “หลังจากวันนี้ เจ้าคงมิอาจอยู่ในเมืองหลวงได้อีกแล้วกระมัง?”“เหตุใดจึงมิติดตามข้ากลับแคว้นหลีเล่า?”“เจ้าเกิดมาเพื่อเป็นคนของแคว้นหลี”“ข้าสามารถส่งเจ้ากลับสู่ตำแหน่งเดิม ให้เป็นนักบวชหญิงผู้สูงส่งได้”“หากเจ้าเต็มใจ จงกะพริบตา แล้วข้าจะพาเจ้าไป”ช่างไร้ยางอาย!ลั่วชิงยวนเบิกตากว้างจนดวงตาแดงก่ำ มิยอมกะพริบตาแม้เพียงน้อยในใจนางก่นด่าเฉินชีนับร้อยครั้งครั้นเห็นนางดื้อรั้นเช่นนี้ เฉินชีกลับหัวเราะออกมา“ดูท่าว่าอาเหลายังคงรู้จักข้าดี”ทั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1195

    เขามิอยากแตะต้องนางแม้เพียงปลายเล็บฟู่เฉินหวนรีบส่งคนออกไปตามล่าเฉินชี แล้วจึงกวาดสายตามองลั่วชิงยวนที่นอนอยู่บนพื้นหิมะอย่างเย็นชาก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “พากลับไป”องครักษ์สองนายเข้ามาพยุงลั่วชิงยวน แล้วพานางออกไปจากศาลาลั่วชิงยวนจ้องมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเขา หัวใจนางก็พลันเหมือนถูกบีบขณะที่นางถูกพาตัวออกไป เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทั่วศาลาเสียดแทงโสตประสาทยิ่งนักเมื่อกลับถึงตำหนัก ฟู่เฉินหวนก็รีบจัดการวางกำลังคนไปจับตัวเฉินชีลั่วชิงยวนยืนรออยู่ท่ามกลางหิมะ จนกระทั่งเขาจัดการทุกอย่างเสร็จจึงเดินเข้าไปหา“ฟู่เฉินหวน...”ทว่าฟู่เฉินหวนกลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตำรา แล้วปิดประตูใส่หน้าเสียงปิดประตูดังสนั่น ทำให้ลั่วชิงยวนสะดุ้งตกใจนางมิยอมแพ้ เดินไปเคาะประตู “ฟู่เฉินหวน ท่านรังเกียจหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่!”“เฉินชีกับลั่วฉิงร่วมมือกัน! เหตุใดท่านจึงหลอกเอาเข็มทิศของหม่อมฉันไป! ทั้งหมดนี้เป็นแผนของพวกเขา!”นางทุบประตูเรียก “ฟู่เฉินหวน ท่านต้องอธิบายให้หม่อมฉันฟัง!”ประตูเปิดออกกะทันหันฟู่เฉินหวนก้าวออกมาด้วยความโกรธ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1196

    เดิมทีนางตั้งใจจะบอกข่าวดีนี้แก่เขาในยามที่เขากับนางคืนดีกันแล้วทว่าสิ่งที่รอคอยกลับเป็นการหลอกลวง เขาชิงเอาเข็มทิศอาณัติสวรรค์ของนางไปบัดนี้เขาใจแข็งเช่นนี้ ลั่วชิงยวนจึงจำต้องบอกเรื่องนี้แก่เขาในใจนางยังคงมีความหวัง หวังว่าเพื่อลูกในครรภ์ ฟู่เฉินหวนอาจจะใจอ่อนลงบ้างทว่าประตูบานนั้นยังคงปิดสนิทนอกจากเสียงลมหวีดหวิวที่พัดผ่านก็ไม่มีเสียงตอบรับใดสายลมหนาวราวกับจะพัดพาความอบอุ่นสุดท้ายในใจนางให้หายไปน้ำตาใสไหลรินอาบแก้มซีดเผือดลั่วชิงยวนหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงันเหล่าบ่าวไพร่ในตำหนักเห็นนางแล้วอยากจะทักทาย แต่ก็ลังเล มิกล้าเอ่ยปากบัดนี้ลั่วชิงยวนราวกับคนไร้วิญญาณ เดินออกจากตำหนักไปอย่างไร้จุดหมายนางเดินไปเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับว่าสายลมหนาวจะพัดพาร่างนางให้แหลกสลายไป ความหนาวเหน็บกัดกร่อนกระดูก......ภายในห้องตำรา ฟู่เฉินหวนทรุดลงนอนสลบแน่นิ่งกองอยู่ที่มุมห้อง พื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนกระทั่งซูโหยวกลับมาพบเข้า จึงรีบให้คนไปตามหมอหลวงมู่มาโดยด่วนหมอหลวงมู่ตรวจอาการแล้วก็ตกใจยิ่งนัก รีบปรุงยาให้ทันทีและยังนำโสมมังกรที่ตกทอดกันมาในตระกูลออกมาตัดแบ่งส่วนเล็ก

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1223

    หัวใจของลั่วชิงยวนกระตุก แต่มิส่งเสียง ได้ยินลั่วฉิงยืนอยู่ข้างนอกครู่หนึ่งก็จากไปแต่ประตูห้องเปิดอยู่ ลั่วชิงยวนมองเห็นแสงสว่างจากด้านนอก ในที่สุดก็ได้เห็นแสงที่แตกต่างจากแสงเทียนแต่ทันใดนั้น นางก็ได้กลิ่นไหม้และเห็นไฟลุกไหม้จากด้านนอกบ้านไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว มินานลั่วชิงยวนก็ได้กลิ่นควันไฟเปลวเพลิงกำลังแผดเผาเรือนหลังนี้ลั่วชิงยวนรีบนำน้ำมาชุบผ้าห่มแล้วอุดช่องว่างเพื่อป้องกันมิให้ควันลอยเข้ามาฟู่เฉินหวนอาจจะมิสนใจชีวิตของนาง แต่เมื่อเรือนไฟไหม้ก็ต้องให้คนมาช่วยดับไฟเพียงแค่นางยืนหยัดต่อไป ไฟก็จะมิลามเข้ามา อีกสักพักก็คงจะดับแล้วแต่ไฟกลับยิ่งลุกไหม้รุนแรงขึ้นผู้คนในตำหนักพบเห็นเข้าจึงรีบมาช่วยกันดับไฟจือเฉาได้ยินข่าวจึงรีบมา แล้วเห็นไฟไหม้ในเรือนนั้นเหมือนกับครั้งก่อนไม่มีผิดนางร้อนใจมากพระชายายังอยู่ข้างใน!นางรีบไปตักน้ำดับไฟกับคนอื่น ๆท่ามกลางความวุ่นวาย ลั่วฉิงแอบซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ไม่มีใครสังเกตเห็นนางแน่นอนว่านางต้องรอ รอลั่วชิงยวนออกมาครั้งนี้มิว่าอย่างไรก็จะมิปล่อยให้ลั่วชิงยวนหนีไปได้!“แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก...” ลั่วชิงยวนพิงกำแพง ควันที่ลอยเข

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1222

    “ตามข้ามา” ซูโหยวสั่งจือเฉาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตามซูโหยวไปเมื่อมาถึงห้องของซูโหยว ซูโหยวก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมายื่นให้จือเฉาจือเฉางุนงง “นี่คือ...”“นี่คือสิ่งที่ท่านอ๋องให้เจ้าทำก่อนหน้านี้ จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายที่ท่านอ๋องเขียนถึงพระชายา”จือเฉารับจดหมายมาอ่าน แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด “พระชายามิได้...”ซูโหยวยกนิ้วชี้แตะริมฝีปาก แล้วกล่าวว่า “พระชายายังมิตาย”“ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของท่านอ๋อง”“ข้าเตรียมทุกอย่างให้เจ้าแล้ว เช้าวันพรุ่ง เจ้าก็พาพระชายาออกจากตำหนัก ออกจากเมืองหลวง แล้วอย่าได้กลับมาอีก”“ส่วนจดหมายฉบับนี้ค่อยมอบให้พระชายาหลังจากผ่านไปครึ่งปี”“เจ้าทำได้หรือไม่?”จือเฉาตกใจมากและรู้สึกสับสน “แผนการของท่านอ๋องคืออะไรกันแน่”“เจ้าอย่าสนใจมาก ทำตามที่ท่านอ๋องสั่งก็พอ เจ้าแค่ต้องรู้ว่าทำเช่นนี้จึงจะรักษาชีวิตของพระชายาได้”“เรื่องที่ข้าบอกเจ้า ห้ามบอกพระชายา แค่ส่งจดหมายฉบับนี้ให้พระชายาหลังจากผ่านไปครึ่งปีก็พอ”“นี่เป็นโอกาสที่เจ้าทั้งสองจะมีชีวิตรอด เข้าใจหรือไม่?”จือเฉาตั้งใจฟัง พยักหน้า แล้วเก็บจดหมายไว้ในอกเสื้อ“แล้วตอนนี้พระชายาอยู่ที่ใด? วันพร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1221

    ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยแล้วยื่นมือออกไปนอกช่อง พยายามดึงถุงเข้ามาแล้วหยิบขวดยาออกมาทีละขวดหลังจากตรวจสอบดูว่ามียาอะไรบ้าง ลั่วชิงยวนก็กินยาเม็ดหนึ่งนางกำลังจะถามฉู่จิ้งว่าหายาพวกนี้มาจากที่ใด แต่เมื่อมองไปที่มุมห้องก็กลายเป็นว่าฉู่จิ้งขดตัวหลับไปเสียแล้วลั่วชิงยวนลากผ้าห่มมาห่มให้เขาเมื่อเข้าเหมันตฤดู พลังของฉู่จิ้งจะอ่อนแอลง ทำให้เขาง่วงนอนและต้องจำศีล ปกติแล้วจะมิค่อยตื่นขึ้นมาการออกไปหายาคงจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มียาที่นำมาเพียงพอสำหรับพวกเขาใช้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ได้แต่หวังว่าเหมันตฤดูจะผ่านพ้นไปโดยเร็วในห้องลับที่มืดมิด ลั่วชิงยวนได้แต่นอนและกินเท่านั้น มองมิเห็นแสงตะวัน มีเพียงความมืดมิดมิรู้จบห้วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานช่างยาวนานเหลือเกินเสบียงแห้งแข็งราวกับหิน ทั้งแห้งและแข็งจนกลืนลำบาก กลืนลงไปแล้วก็เหมือนกินใบมีด เจ็บคอมากบาดแผลทั่วร่างก็มิสามารถล้างทำความสะอาดได้ ได้แต่ใช้ผ้าสะอาดเช็ดรอบแผล ทายาและพันแผลใหม่ทุกวันถึงแม้ว่าบาดแผลส่วนใหญ่จะมิแย่ลง แต่ก็มิได้ดีขึ้นเลยในห้องลับนั้นหนาวเหน็บ หนาวจนต้องห่มผ้าห่มสองผืนแต่ก็ยังคงรู้สึกหนาวผิวแห้งแตกไปหมด บางค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1220

    ลั่วฉิงรีบกลับไปที่ตำหนัก ค้นหาทั่วทุกซอกทุกมุมแต่ก็มิพบลั่วชิงยวนนางขมวดคิ้ว ลั่วชิงยวนถูกซ่อนไว้ที่ใดกันแน่!กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบนี้เป็นฝีมือของลั่วชิงยวนเอง หรือฟู่เฉินหวนเป็นผู้บงการ?หากเป็นฟู่เฉินหวน แล้วเขาคิดจะทำอะไร!ลั่วฉิงออกจากตำหนักอ๋องด้วยความโกรธ และส่งคนไปเฝ้าประตูหน้าและประตูหลังของตำหนักอ๋องไว้หากลั่วชิงยวนปรากฏตัว ต้องจับนางให้ได้ในทันที!ในเมื่อเฉินชีไปซีหลิงแล้ว ก็ต้องสู้กับฟู่เฉินหวนจนตายไปข้างหนึ่ง มีเพียงช่วงเวลานี้เท่านั้นที่สามารถจับลั่วชิงยวนได้ มิเช่นนั้นก็จะไม่มีโอกาสอีก!......ลั่วชิงยวนถูกกัดจนสะดุ้งตื่นความเจ็บปวดที่ข้อเท้าทำให้นางสะดุ้งตื่น นางลืมตาขึ้นอย่างงุนงง เมื่อพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งก็เห็นงูนอนขดอยู่ข้างเท้าของนาง และกัดนางเข้าทันทีที่รู้สึกตัว นางก็รู้สึกเจ็บปวดที่ท้องอย่างรุนแรงนางก้มลงมองใต้แสงสลัว เมื่อเห็นเลือดไหลนองพื้นใต้ชายกระโปรงก็ตกใจสุดขีดขณะที่ลูบท้อง น้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินไม่มีแล้ว!ไม่มีลูกแล้ว!เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?ลั่วชิงยวนมิรู้ว่าตัวเองสลบไปนานเท่าใด แต่นึกถึงคืนที่ถูกขังไว้ ยาที่ฟู่เฉินหวนกรอกให้นา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1219

    “แต่ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องก็เคยรับลั่วเยวี่ยอิงเป็นพระชายารองมาก่อน เรื่องของลั่วเยวี่ยอิงกับเหยียนผิงเซียวก็ดังไปทั่ว ท่านอ๋องยังแต่งงานกับลั่วเยวี่ยอิง”“ตอนนั้นท่านยังมิรู้สึกเสียหน้า เหตุใดจึงมารู้สึกตอนที่พระชายาอ๋องทำให้ท่านเสียหน้าเล่า!”“ใช่ นี่มันมากเกินไปแล้ว!”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องยังเป็นถึงมหาปราชญ์ ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงด้วย! ท่านอ๋องช่างอาจหาญนัก บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่า!”“ท่านก็มิได้ฆ่าอย่างเปิดเผย แค่ไฟไหม้ พระชายาจึงสิ้นใจไป ใครจะมีหลักฐานว่าท่านเป็นคนฆ่า เฮ้อ...”“น่าสงสารพระชายา ต้องอดทนมาตลอดชีวิต”เพียงวันเดียว ชื่อเสียงของฟู่เฉินหวนก็เสื่อมเสียลงอย่างมากจือเฉาคุกเข่าร้องไห้อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังครึ่งวัน เดิมทีอยากจะออกจากตำหนักอ๋องไปแต่กลับถูกองครักษ์ขวางไว้ “เจ้าออกจากตำหนักมิได้”“เหตุใด? พระชายาจากไปแล้ว ข้ามิอยากอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว!” จือเฉาพูดพลางน้ำตาไหล“ไม่มีเหตุผล เจ้าไปมิได้”กล่าวจบ องครักษ์สองคนก็ลากจือเฉาไปขังไว้ในเรือนอีกแห่ง“ปล่อยข้า! ปล่อยข้า!”“พวกเจ้าจะทำอะไร!”ประตูลั่นดาล จือเฉาทุบประตูอย่างสุดกำลังแต่ก็ไร้ผลสุดท้ายก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1218

    ฟู่เฉินหวนยังคงนิ่งเงียบ มิเอ่ยคำใดสักคำจักรพรรดิสูงสุดโกรธจัด พลันตบหน้าฟู่เฉินหวนเข้าไปอีกสองฉาดอย่างแรงจนตัวเองเกือบล้มลงไปที่พื้นดีที่ขันทีรีบเข้ามาพยุงไว้ได้ทันจักรพรรดิสูงสุดชี้นิ้วไปที่ฟู่เฉินหวนด้วยความโกรธจัดจนแทบหายใจมิออก “เจ้ามันโหดร้ายเกินไปแล้ว!”ฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “คนที่อยากได้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ ก็ต้องยอมเสียสละบ้างเป็นธรรมดา”“เจ้าอยากให้ข้าตายใช่หรือไม่!” จักรพรรดิสูงสุดโกรธจนแทบคลั่ง อยากจะเข้าไปเตะซ้ำอีกสักสองที แต่แล้วก็วูบหมดสติไปจักรพรรดิสูงสุดเป็นลมล้มพับไปหมอหลวงรีบมาตรวจชีพจรและตรวจร่างกายอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอันตราย ฟู่เฉินหวนก็ขอตัวออกไปเขาเดินไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิที่ห้องทรงพระอักษรทั้งที่ยังมีรอยฝ่ามือแดงปรากฏอยู่บนใบหน้าฟู่อวิ๋นโจวตอนนี้ร้อนใจยิ่งกว่าจักรพรรดิสูงสุด รีบถามทันที “ลั่วชิงยวนปลอดภัยดีใช่หรือไม่?”ฟู่เฉินหวนยังคงตอบเหมือนเดิม “นางตายแล้ว”ฟู่อวิ๋นโจวตัวแข็งทื่อทันใด ตะลึงงันราวถูกฟ้าผ่าเขาจ้องมองฟู่เฉินหวนด้วยความตกใจ ดวงตาพลันกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ จากนั้นวิ่งเข้ามากระชากคอเสื้อฟู่เฉินหวน“ฟู่เฉินหว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1217

    “พ่ะย่ะค่ะ!”ศพถูกนำออกจากตำหนักอ๋องเฉินชีที่กำลังรีบมาที่ตำหนักอ๋องบังเอิญเห็นเข้า จึงรีบเข้าไปในตำหนักอ๋อง แล้วตรงไปยังเรือนที่ลั่วชิงยวนพักอาศัยก็เห็นเรือนที่ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้นเฉินชีตกใจมาก รีบคว้าคอเสื้อคนรับใช้คนหนึ่งมาถามเสียงดัง “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ท่าทางดุร้ายนั้นทำให้ทุกคนหวาดกลัว“พระชายา... ถูกไฟคลอกสิ้นไปแล้ว!”ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเฉินชีก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันทีก่อนจะรีบไปที่เรือนด้านหน้า ปรากฏตัวต่อหน้าฟู่เฉินหวน จิตสังหารแผ่ซ่านจนทำให้องครักษ์ในเรือนชักดาบขึ้นมาด้วยความระมัดระวังแล้วเข้าล้อมเฉินชีไว้“ฟู่เฉินหวน ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ฟู่เฉินหวนที่มีสีหน้าเย็นชากล่าวอย่างใจเย็น “ตายแล้ว”เฉินชีโกรธจัด กระโจนเข้าใส่ฟู่เฉินหวน “ไฟไหม้เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?!”ถึงแม้จะมิใช่เขาที่จุดไฟ ก็ต้องเป็นเขาที่สั่งให้คนจุด!มิเช่นนั้นทั้งตำหนักอ๋อง เหตุใดจึงมีเพียงเรือนของลั่วชิงยวนที่ถูกไฟไหม้!คนในตำหนักมากมาย เหตุใดจึงมีเพียงลั่วชิงยวนคนเดียวที่ตาย!แต่ฟู่เฉินหวนหาได้ปฏิเสธไม่ เขามองเฉินชีด้วยแววตาดุดัน เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู“นางทรยศข้า ต่อให้ข้าต้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1216

    สุดท้ายเหลือเพียงช่องเล็ก ๆ ที่มีแผ่นไม้ตอกปิดไว้ กลายเป็นหน้าต่างที่เปิดปิดได้ในตอนนั้นลั่วชิงยวนยังรู้สึกโชคดีที่เขามิได้ปิดตายนางไว้หลังกำแพงแต่หลังจากที่ปิดหน้าต่างนั้นแล้วก็ถูกลงกลอนจากด้านนอก บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความมืดมิดได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินจากไปห่างไกลออกไปเรื่อย ๆลั่วชิงยวนพิงกำแพงพลางทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรงเมื่อมองค่ายกลขนาดใหญ่แล้วก็รู้สึกหดหู่ใจครั้งนั้นนางช่างรู้เท่ามิถึงการณ์ กลับเป็นผู้สร้างกรงขังตนเองเสียได้เมื่อนานมาแล้ว เพื่อแลกชีวิตของลั่วหลางหลางคืนมานางจึงได้ตั้งค่ายกลผนึกห้องนี้เอาไว้เดิมทีที่นี่ควรจะเป็นเรือนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ตอนนั้นนางมิเคยคิดเลยว่าสุดท้ายตนเองจะถูกขังไว้ที่นี่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกมึนหัวและล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง......จือเฉาซื้อของมากมายและกลับมายังตำหนักอ๋องนางถือสมุนไพรเดินไปที่เรือนครั้งนี้ซื้อสมุนไพรมามากมาย ต้องทำให้แผลของพระชายาหายดีได้อย่างแน่นอนแต่เมื่อเข้าไปในเรือนด้านในก็ได้ยินเสียงดังโวยวายมีแต่ความวุ่นวายสับสนจือเฉาตกใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นแสงไฟลุกไหม้มาจากทางเรือนพระช

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1215

    และสองคือช่วยจือเฉาขนของสิ่งที่ทำให้จือเฉาตกใจคือ เดิมทีนางคิดว่าจะไปที่หอฝูเสวี่ยเพื่อเบิกเงิน แต่กลับพบว่าองครักษ์ช่วยจ่ายเงินให้นางจือเฉางุนงงตลอดทาง มิเข้าใจว่าท่านอ๋องต้องการทำอะไรกันแน่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ร้านค้าที่เปิดมีมิมาก ดังนั้นจือเฉาจึงต้องวิ่งไปหลายที่โดยเฉพาะการหาสมุนไพร นางแทบจะต้องเคาะประตูโรงหมอและร้านขายยาทั่วเมืองหลวง......ในคืนนั้นลั่วชิงยวนนอนซมอยู่บนเตียง ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกลมหนาวพัดโชยเข้ามา ทำให้ลั่วชิงยวนไอออกมา“แค่กแค่กแค่ก... จือเฉา ดูสิว่าหน้าต่างถูกลมพัดเปิดออกหรือไม่... แค่กแค่กแค่กแค่กแค่ก...”ลั่วชิงยวนไอมิหยุด ได้แต่มุดเข้าไปในผ้าห่มแต่ทันใดนั้น ผ้าห่มก็ถูกกระชากออกลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นจึงเห็นฟู่เฉินหวนนางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง “ท่านจะทำอะไร?”นางอ่อนแอจนแม้แต่การถามในตอนนี้ก็ยังไร้เรี่ยวแรงแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิพูดอะไรสักคำจากนั้นองครักษ์ก็กรูกันเข้ามาในห้อง จับแขนของลั่วชิงยวนและลากนางออกจากห้องความหนาวเหน็บถาโถมเข้ามา ลั่วชิงยวนอ้าปากจะพูด แต่กลับถูกองครักษ์ปิดปากไว้แน่นลั่วชิงยวนที่บาด

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status