Share

บทที่ 1076

Author: หว่านชิงอิ๋น
ก่อนที่จะรู้ตัวเทศกาลไหว้พระจันทร์ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว

ขณะที่ซูโหยวนำเครื่องแต่งกายจากศาลารุ้งเมฆามาถามนางว่าอีกสองวันข้างหน้าจะแต่งกายอย่างไรไปร่วมงานเลี้ยงในวัง

ลั่วชิงยวนก็พลันนึกถึงเหตุการณ์ในงานเลี้ยงเมื่อปีที่แล้ว

จึงมิปรารถนาจะเข้าวังอีก

นางจึงไปยังห้องตำรา

แล้วพบว่าฟู่เฉินหวนกำลังตรวจสอบเอกสารทางการอยู่

“อีกสองวันก็ถึงงานเลี้ยงไหว้พระจันทร์ในวังแล้วเพคะ”

ฟู่เฉินหวนมิได้เงยหน้าขึ้นมอง เพียงแค่ตอบรับว่า “อืม” เสียงเบา

ลั่วชิงยวนนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วยกแขนขึ้นบดหมึกอย่างเบื่อหน่าย “หม่อมฉันขอมิไปนะเพคะ”

“อืม”

ลั่วชิงยวนคว้าเอกสารทางการจากมือฟู่เฉินหวนมาถือไว้ แล้วพูดทีละคำ “หม่อมฉันบอกว่าหม่อมฉันขอมิไป”

ฟู่เฉินหวนพยักหน้ารับแล้วตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “รู้แล้ว”

แล้วก็หยิบเอกสารทางการกลับมาอ่านต่อ

“มิอยากไปก็มิต้องไป บังเอิญว่าข้าก็มิอยากจะไปเช่นกัน”

ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟังดังนั้น

เมื่อเห็นฟู่เฉินหวนกำลังหมกมุ่นอยู่กับงาน นางก็มิได้รบกวน และลุกขึ้นจากที่นั่งเดินออกไปจากห้องตำรา

แล้วถามซูโหยวว่า “ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องเคยไปร่วมงานเลี้ยงไหว้พระจันทร์ใน
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1077

    “สิ่งที่ข้าต้องการจะทำ ไม่มีสิ่งใดที่ทำมิได้”นางจะต้องร่วมมือกับฟู่เฉินหวนให้ได้!เหยียนหน่ายซินออกปทันทีลั่วเยวี่ยอิงเปลี่ยนชุดเป็นชุดของนางกำนัล แล้วแอบออกจากเรือนไปอย่างเงียบเชียบจากนั้นหาจังหวะเทน้ำในขวดยาลงในสุราที่ท่านอ๋องจะดื่มในคืนนี้......เวลาล่วงเลยไปจนถึงตอนค่ำสุราอาหารถูกจัดเตรียมไว้ในห้องเรียบร้อยแล้วลั่วเยวี่ยอิงแอบดู เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่จึงเข้าไปรอในห้องสายตามองอาหารบนโต๊ะที่จัดเตรียมไว้อย่างหรูหราพลางจินตนาการถึงความสุขในค่ำคืนนี้“ถวายคำนับท่านอ๋องเพคะ” เสียงนางกำนัลทำความเคารพอยู่ด้านนอกท่านอ๋องกลับมาแล้ว!ลั่วเยวี่ยอิงรีบไปหลบอยู่ใต้เตียงแล้วเฝ้ารออย่างตื่นเต้นเพื่อความแน่ใจ ควรจะรอให้ท่านอ๋องดื่มสุราก่อนแล้วค่อยออกมาอย่างไรก็ตาม คนที่อยู่หน้าประตูเดินมาถึงประตู แต่ก็มิได้ผลักประตูเข้ามาเขาหยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันหลังกลับไปใจของลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกผิดหวัง......ฟู่เฉินหวนเดินไปยังห้องครัวแล้วบอกให้นางกำนัลในห้องครัวออกไป จากนั้นทำอาหารอยู่คนเดียวในห้องครัวสุดท้ายก็ยกขนมแป้งกรอบจานหนึ่งออกมาซูโหยวเดินผ่านมาเห็นก็ตกใจเล็กน้อย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1078

    ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าประหม่า “บางที... อาจจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้วก็ได้กระมัง เจ้าลองชิมดูก่อน รสชาติคงใช้ได้”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว สายตาฉายแววมิไว้วางใจขณะส่ายหน้า“ข้าก็เพิ่งกินไป รสชาติใช้ได้ เจ้าลองชิมดูเถิด” ฟู่เฉินหวนมิยอมแพ้ หยิบขนมอบกรอบชิ้นหนึ่งไปจ่อตรงหน้าลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนจึงจำต้องโน้มตัวลงกัดคำหนึ่งด้วยความลังเลทันใดนั้นริมฝีปากของนางก็สัมผัสกับนิ้วมือของเขาหัวใจของทั้งสองดวงพลันเต้นระรัว“ดูเหมือน... จะพอใช้ได้เพคะ...” ลั่วชิงยวนกินต่อจนหมดไปครึ่งชิ้นมิรู้ว่าเพราะเหตุใด หัวใจของนางจึงเต้นแรงยิ่งนักเมื่อเห็นเศษขนมติดอยู่ที่ปลายนิ้วของเขา นางกลับเผลอเลียเศษขนมนั้นออกโดยมิรู้ตัวทันใดนั้นฟู่เฉินหวนก็ใจเต้นแรงจนหัวใจแทบจะหลุดออกจากอก เมื่อเห็นการกระทำอันเย้ายวนของลั่วชิงยวน ลูกกระเดือกของเขาก็กระตุกขณะกลืนน้ำลายลงคอลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นช้อนสายตามอง ทันใดนั้นมือใหญ่ข้างหนึ่งก็คว้าท้ายทอยของนางไว้แน่นใบหน้าอันหล่อเหลาเย้ายวนใจนั้นเข้ามาใกล้นางทันทีจากนั้นก้มลงเลียเศษขนมที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากของนางออกโดยที่นางมิทันได้ตั้งตัวเมื่อปล่อยมือออก ทั้งสองสบตากัน ลั่วชิง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1079

    “ท่านอ๋องรออยู่นานแล้วเจ้าค่ะ!” จือเฉายิ้มอย่างมีเลศนัยลั่วชิงยวนลุกขึ้นเดินออกจากห้อง เมื่อมาถึงลานหน้าตำหนักก็เห็นฟู่เฉินหวนยืนกอดอกรอนางอยู่“ซูโหยว จัดการเรื่องการเดินทางเถิด ข้าจะมอบตำหนักอ๋องให้เจ้าดูแล”ซูโหยวตอบว่า “ท่านอ๋องโปรดวางพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“ออกเดินทางหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนสงสัยฟู่เฉินหวนจับมือนางอย่างอ่อนโยน “เจ้ามิได้ต้องการไปซีหยางหรือ หากมิออกเดินทางก็จะไปมิทันงานเทศกาลโคมไฟที่ซีหยางสิ”ลั่วชิงยวนยังคงงัวเงียจึงถูกพาขึ้นรถม้าไปโดยมิรู้ตัวเมื่อขบวนเริ่มออกเดินทาง ลั่วชิงยวนจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมใครไปคนหนึ่ง“ช้าก่อนเพคะ ยังมิได้พาลั่วอวิ๋นสี่ไปด้วย”ฟู่เฉินหวนดึงนางกลับมาลั่วชิงยวนจึงนั่งลงบนตักของเขา แล้วฟู่เฉินหวนก็โอบกอดนางไว้“ข้าได้บอกนางไปแล้ว นางจะไปซีหยางเอง มิต้องไปพร้อมกับเรา”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อย “ท่านตื่นเช้าถึงเพียงนั้นเลยหรือเพคะ? จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือเพคะ?”ฟู่เฉินหวนยกยิ้มมุมปาก “อย่างไรเสียก็ตื่นก่อนเจ้า”พูดจบเขาก็เข้าไปใกล้แล้วกระซิบถาม “ยังเจ็บอยู่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนรู้สึกว่าใบหูร้อนผ่าวทันใด “ท่านพูดอะไรเพคะ”ฟู่เฉินหว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1080

    ฟู่เฉินหวนก้มหน้าลงประทับจุมพิตลงบนหน้าผากของนางอย่างอ่อนโยน “หากย้อนกลับไปได้ มิสำคัญว่าจวนอัครเสนาบดีจะเป็นเช่นไร แต่ข้าก็จะรักและหวงแหนเจ้า มิปล่อยให้เจ้าต้องทุกข์ร้อนเพราะความอยุติธรรม”ลั่วชิงยวนถอนหายใจเบาๆ “หากย้อนกลับไปได้ หม่อมฉันจะมิยอมไปแต่งงานแทนใครอีกแล้ว!”ฟู่เฉินหวนหัวเราะเบา ๆ “เช่นนั้นข้าก็จะไปขอแต่งงานกับเจ้าเอง! ตลอดชีวิตนี้ เจ้าจะเป็นของข้าผู้เดียวเท่านั้น!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้ว แล้วหัวเราะเบา ๆ “จริงหรือเพคะ? ในเวลานั้นหม่อมฉันยังอ้วนน่าเกลียดอยู่เลย ท่านจะมาขอหม่อมฉันจริงหรือเพคะ? หม่อมฉันมิเชื่อหรอก”“ท่านกล้าพูดหรือไม่ว่าหม่อมฉันมิได้ชอบใบหน้าหม่อมฉันในตอนนี้?”ฟู่เฉินหวนพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ความงามเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ข้าเองก็ชอบเจ้าในตอนนี้มากกว่า”“แต่ว่า...”ลั่วชิงยวนถามด้วยความสงสัย “แต่ว่าอะไรเพคะ?”ฟู่เฉินหวนโอบเอวของนางไว้แน่น แล้วทั้งสองก็ล้มตัวลงบนพื้นหญ้านุ่มเสียงทุ้มลึกของฟู่เฉินหวนดังอยู่ข้างหูนาง “แต่ว่าคนแรกที่ข้าตกหลุมรักคือเจ้าคนเก่าในตอนนั้น”ใจของลั่วชิงยวนเต้นแรงราวกับจะกระเด็นออกมาจากอก...ทั้งสองอยู่บนภูเขาจนถึงรุ่งสางแล้ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1081

    ลั่วชิงยวนกระดกสุราหมดจอกในอึกเดียว ลั่วหลางหลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ตราบใดที่ครอบครัวยังอยู่พร้อมหน้า มิว่าจะเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์หรือไม่ เราก็ล้วนมารวมตัวกันด้วยความรื่นเริงได้” ลั่วอวิ๋นสี่พยักหน้าเห็นด้วย “ถูกแล้ว ขอเพียงครอบครัวอยู่พร้อมหน้า ทุกเวลาล้วนเฉลิมฉลองได้ดั่งเทศกาลไหว้พระจันทร์!”“อย่ามัวชักช้า รีบกินกันเถิด” ลั่วอวิ๋นสี่เอ่ยพลางเตรียมใช้ตะเกียบคีบอาหาร ทว่าฟู่เฉินหวนกลับเอ่ยขัด “ช้าก่อน ยังมีแขกอีกคนที่ยังมามิถึง”ได้ยินดังนั้น ทั้งสามล้วนประหลาดใจ “ยังมีผู้ใดอีกหรือ?” ลั่วชิงยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย ฟู่เฉินหวนตอบ “ยิ่งมีคนมากยิ่งครื้นเครง”“รออีกสักครู่ คงใกล้มาถึงแล้ว”หลังจากนั้นมินาน เมื่อแขกมาถึง ลั่วชิงยวนก็เผยสีหน้ายินดี “เชียนฉู่!”ซ่งเชียนฉู่เดินทางมาพร้อมเฉินเซี่ยวหาน นอกจากนี้ยังมีองค์ชายเจ็ดฟู่จิ่งหลีด้วย รวมถึงแขกอีกคนหนึ่งจากเมืองซีหยาง ฟ่านลิ่งเสวียนการปรากฏตัวของฟ่านลิ่งเสวียนทำให้ลั่วหลางหลางประหลาดใจเล็กน้อย ลั่วอวิ๋นสี่เห็นดังนั้นจึงรีบขยับที่นั่งให้ฟ่านลิ่งเสวียน ทำให้ลั่วหลางหลางหน้าแดงก่ำไปครู่หนึ่งจู่ ๆ ก็มีคนมากมายเช่นนี้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1082

    ลั่วชิงยวนใจหายวาบ ซ่งเชียนฉู่กลับมามีสติจึงรีบอธิบาย “หม่อมฉันเองนี่แหละเพคะ หม่อมฉันติดตามท่านเซียนฉู่มานานจึงได้เรียนรู้วิชาจากท่านมาบ้าง!”ว่าแล้วนางก็หันไปพูดกับลั่วหลางหลาง “แต่หากพวกเจ้ามิเชื่อข้า ข้าก็สามารถให้ท่านเซียนฉู่ลั่วคำนวณให้ได้ ท่านทำนายได้แม่นยำนัก!”คำพูดนี้ทำเอาทุกอย่างคลี่คลาย“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน เรื่องของพวกเขา ปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจกันเอง อย่าไปกดดันเลย!”“ดื่มกันต่อเถิด” ลั่วชิงยวนรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนาลั่วหลางหลางมองนางด้วยแววตาขอบคุณ ทุกคนกินอาหารร่วมกันอย่างสนุกสนานรื่นเริงเมื่ออิ่มหนำสำราญ ทุกคนก็ยังคงสนทนากันต่อ ลั่วชิงยวนเห็นร้านขายน้ำตาลปั้นข้างทางก็เกิดความสนใจ จึงเดินลงไปสูดอากาศด้านนอก ฟู่เฉินหวนลุกตามนางไปเวลาล่วงเลยจนดึกสงัด ผู้คนบนท้องถนนเบาบางลง แต่แสงไฟยังคงสว่างไสว งดงามตระการตา“แม่นาง ซื้อน้ำตาลปั้นหรือไม่? ข้ามีทุกรูปที่ท่านต้องการ”ฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาพอดี ลั่วชิงยวนจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าอยากได้รูปเขา ปั้นได้หรือไม่?”ช่างปั้นน้ำตาลเงยหน้ามองฟู่เฉินหวน ก่อนจะยิ้มแล้วตอบว่า “แน่นอน ปั้นได้อยู่แล้ว”“ท่านทั้งสองช่างส

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1083

    ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ออกไปข้างนอกนานเช่นนี้คงต้องยุ่งมากเป็นแน่”“ว่าแต่ทิวทัศน์ที่พวกเราดูมาตลอดทางนั้น ใครเป็นผู้จัดหาหรือ?” ลั่วชิงยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัยเซียวชูตอบว่า “ล้วนแต่เป็นฝีมือของท่านอ๋องทั้งสิ้นขอรับ”“แท้จริงแล้วก่อนที่พระชายาจะมาที่ซีหยาง ท่านอ๋องก็เตรียมการไว้แล้ว”“ช่วงเวลานั้น ท่านแทบจะมิว่างเลยทีเดียวขอรับ”เมื่อได้ฟังดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็สั่นสะท้านที่แท้เขาเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วทำเช่นนี้มากมายเพียงเพื่อให้แต่นางมีความสุขหรือขณะที่กำลังครุ่นคิด ซ่งเชียนฉู่ก็มาถึงหน้าห้อง“ชิงยวน ท่านยังมินอนหรือ”เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูตึงเครียดของซ่งเชียนฉู่ ลั่วชิงยวนก็ตกใจเล็กน้อยแล้วรีบลุกขึ้นไปหา“มีเรื่องอันใดหรือ?” นางมองไปยังภายนอก สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของราชันย์อสรพิษ“เขามาอีกแล้วหรือ? ข้าจะไปไล่เขาให้เจ้าเอง!”แต่ซ่งเชียนฉู่กลับจับมือของนางไว้ “อย่าเลย”“เมื่อครู่พวกเรากินข้าวกันที่โรงเตี๊ยมคึกคักเช่นนั้น เขามิสามารถปรากฏตัวได้ ดูน่าสงสารอยู่มิน้อย” ซ่งเชียนฉู่เห็นฉู่จิ้งในตอนนั้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้า...”ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1084

    เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วตระหนักได้ว่าคนผู้นี้ตั้งใจล่อลวงเขามาที่นี่“ข้ามิสนใจ” ฟู่เฉินหวนหันหลังเตรียมจะเดินจากไปลั่วฉิงรีบพูดขึ้น “มิสนใจจริงหรือ?”“คืนนี้ท่านอ๋องเห็นว่าหล่างชิ่นมีอาการคล้ายใครหรือไม่เล่า?”ฟู่เฉินหวนหยุดฝีเท้าทันทีลั่วฉิงเห็นว่าเขาหยุดฝีเท้าก็รู้ว่าเขาคงทำเป็นมิสนใจเรื่องนี้มิได้“ลั่วชิงยวนไปที่เผ่านอกด่านแล้วกลับมา หล่างชิ่นก็กลายเป็นเช่นนี้ ข้าจึงไปสอบสวนที่เผ่านอกด่านโดยเฉพาะ ผลปรากฏว่าพบความลับที่ไม่มีใครรู้”“ข้าจำได้ว่าพระมารดาของท่านอ๋องเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหลี แล้วท่านอ๋องทราบหรือไม่เล่าว่ามารดาของลั่วชิงยวน เป็นนักบวชหญิงแห่งแคว้นหลี?”ฟู่เฉินหวนได้ยินดังนั้น หัวใจก็สั่นสะท้านแล้วกำหมัดแน่นลั่วฉิงหัวเราะอย่างมีเลศนัย “ดูเหมือนลั่วชิงยวนจะมิได้บอกเรื่องนี้กับท่านอ๋อง”“ดูเหมือนพวกท่านทั้งสองจะรักใคร่กันดี แต่กลับมีความลับที่ปกปิดซึ่งกันและกันอยู่มิน้อย”“สิ่งที่สามารถควบคุมผู้คนได้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่มารดาของลั่วชิงยวนคิดค้นขึ้น มารดาของนางยังมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่านด้วย จึงเก็บซ่อนความลับทั้งหมดไว้ในเผ่านอกด่าน”“ดั

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1217

    “พ่ะย่ะค่ะ!”ศพถูกนำออกจากตำหนักอ๋องเฉินชีที่กำลังรีบมาที่ตำหนักอ๋องบังเอิญเห็นเข้า จึงรีบเข้าไปในตำหนักอ๋อง แล้วตรงไปยังเรือนที่ลั่วชิงยวนพักอาศัยก็เห็นเรือนที่ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้นเฉินชีตกใจมาก รีบคว้าคอเสื้อคนรับใช้คนหนึ่งมาถามเสียงดัง “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ท่าทางดุร้ายนั้นทำให้ทุกคนหวาดกลัว“พระชายา... ถูกไฟคลอกสิ้นไปแล้ว!”ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเฉินชีก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันทีก่อนจะรีบไปที่เรือนด้านหน้า ปรากฏตัวต่อหน้าฟู่เฉินหวน จิตสังหารแผ่ซ่านจนทำให้องครักษ์ในเรือนชักดาบขึ้นมาด้วยความระมัดระวังแล้วเข้าล้อมเฉินชีไว้“ฟู่เฉินหวน ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ฟู่เฉินหวนที่มีสีหน้าเย็นชากล่าวอย่างใจเย็น “ตายแล้ว”เฉินชีโกรธจัด กระโจนเข้าใส่ฟู่เฉินหวน “ไฟไหม้เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?!”ถึงแม้จะมิใช่เขาที่จุดไฟ ก็ต้องเป็นเขาที่สั่งให้คนจุด!มิเช่นนั้นทั้งตำหนักอ๋อง เหตุใดจึงมีเพียงเรือนของลั่วชิงยวนที่ถูกไฟไหม้!คนในตำหนักมากมาย เหตุใดจึงมีเพียงลั่วชิงยวนคนเดียวที่ตาย!แต่ฟู่เฉินหวนหาได้ปฏิเสธไม่ เขามองเฉินชีด้วยแววตาดุดัน เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู“นางทรยศข้า ต่อให้ข้าต้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1216

    สุดท้ายเหลือเพียงช่องเล็ก ๆ ที่มีแผ่นไม้ตอกปิดไว้ กลายเป็นหน้าต่างที่เปิดปิดได้ในตอนนั้นลั่วชิงยวนยังรู้สึกโชคดีที่เขามิได้ปิดตายนางไว้หลังกำแพงแต่หลังจากที่ปิดหน้าต่างนั้นแล้วก็ถูกลงกลอนจากด้านนอก บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความมืดมิดได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินจากไปห่างไกลออกไปเรื่อย ๆลั่วชิงยวนพิงกำแพงพลางทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรงเมื่อมองค่ายกลขนาดใหญ่แล้วก็รู้สึกหดหู่ใจครั้งนั้นนางช่างรู้เท่ามิถึงการณ์ กลับเป็นผู้สร้างกรงขังตนเองเสียได้เมื่อนานมาแล้ว เพื่อแลกชีวิตของลั่วหลางหลางคืนมานางจึงได้ตั้งค่ายกลผนึกห้องนี้เอาไว้เดิมทีที่นี่ควรจะเป็นเรือนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ตอนนั้นนางมิเคยคิดเลยว่าสุดท้ายตนเองจะถูกขังไว้ที่นี่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกมึนหัวและล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง......จือเฉาซื้อของมากมายและกลับมายังตำหนักอ๋องนางถือสมุนไพรเดินไปที่เรือนครั้งนี้ซื้อสมุนไพรมามากมาย ต้องทำให้แผลของพระชายาหายดีได้อย่างแน่นอนแต่เมื่อเข้าไปในเรือนด้านในก็ได้ยินเสียงดังโวยวายมีแต่ความวุ่นวายสับสนจือเฉาตกใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นแสงไฟลุกไหม้มาจากทางเรือนพระช

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1215

    และสองคือช่วยจือเฉาขนของสิ่งที่ทำให้จือเฉาตกใจคือ เดิมทีนางคิดว่าจะไปที่หอฝูเสวี่ยเพื่อเบิกเงิน แต่กลับพบว่าองครักษ์ช่วยจ่ายเงินให้นางจือเฉางุนงงตลอดทาง มิเข้าใจว่าท่านอ๋องต้องการทำอะไรกันแน่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ร้านค้าที่เปิดมีมิมาก ดังนั้นจือเฉาจึงต้องวิ่งไปหลายที่โดยเฉพาะการหาสมุนไพร นางแทบจะต้องเคาะประตูโรงหมอและร้านขายยาทั่วเมืองหลวง......ในคืนนั้นลั่วชิงยวนนอนซมอยู่บนเตียง ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกลมหนาวพัดโชยเข้ามา ทำให้ลั่วชิงยวนไอออกมา“แค่กแค่กแค่ก... จือเฉา ดูสิว่าหน้าต่างถูกลมพัดเปิดออกหรือไม่... แค่กแค่กแค่กแค่กแค่ก...”ลั่วชิงยวนไอมิหยุด ได้แต่มุดเข้าไปในผ้าห่มแต่ทันใดนั้น ผ้าห่มก็ถูกกระชากออกลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นจึงเห็นฟู่เฉินหวนนางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง “ท่านจะทำอะไร?”นางอ่อนแอจนแม้แต่การถามในตอนนี้ก็ยังไร้เรี่ยวแรงแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิพูดอะไรสักคำจากนั้นองครักษ์ก็กรูกันเข้ามาในห้อง จับแขนของลั่วชิงยวนและลากนางออกจากห้องความหนาวเหน็บถาโถมเข้ามา ลั่วชิงยวนอ้าปากจะพูด แต่กลับถูกองครักษ์ปิดปากไว้แน่นลั่วชิงยวนที่บาด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1214

    “หากต้องการแก้ไข มีเพียงการที่หม่อมฉันต้องไปซีหลิงด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่นนี่เป็นหนทางรอดเดียวของนางเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเขามองนางด้วยความสงสัย “นี่เป็นผลลัพธ์เดียวหรือ?”“เพคะ”แต่ฟู่เฉินหวนกลับมิค่อยเชื่อ มองนางด้วยแววตาดุดัน “ไม่มีเข็มทิศอาณัติสวรรค์ จะทำนายได้แม่นยำหรือ?”“แม่นยำเพคะ”“เข็มทิศอาณัติสวรรค์เป็นเพียงตัวช่วย มิใช่สิ่งจำเป็น”“ทิศทางหลักจะมิผิดพลาด”แท้จริงแล้วนางทำนายหนทางรอดของตัวเองการทำนายโชคชะตาบ้านเมือง มีเพียงเข็มทิศอาณัติสวรรค์เท่านั้นที่ทำนายได้กองทัพแคว้นหลีบุกประชิด เป็นนางเองที่บอกให้เฉินชีทำ สิ่งที่นางต้องการทำนายคือเส้นทางของตัวเองหลังจากที่ฟู่เฉินหวนฟังแล้วก็มิได้ตอบ เพียงแค่หันหลังเดินจากไป......ลั่วฉิงกำลังรอข่าวจากฟู่เฉินหวนอย่างกระวนกระวาย เดินวนไปมาด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นฟู่เฉินหวนมาแล้ว จึงรีบเข้าไปถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? ผลลัพธ์คืออะไร?”ฟู่เฉินหวนตอบ “เป็นภัยพิบัติของซีหลิง”ได้ยินดังนั้น ลั่วฉิงก็ตกใจเล็กน้อย “ภัยพิบัติของซีหลิงหรือ? หมายความว่าอย่างไร? แคว้นหลีต้องการยึดครองซีหลิงงั้นหรื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1213

    สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1212

    ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1211

    นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1210

    “กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1209

    ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status