จิ่งสือเยี่ยนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เขาแค่อยากหนีให้พ้นจากตรงนี้แต่เขาคิดจะหนีจากจิ้งจอกสือซานเหนียงที่ไม่รู้ว่าบำเพ็ญเพียรมานานกี่ปี แถมยังผ่านร้อนผ่านหนาวในโลกมนุษย์มาอย่างโชกโชน เห็นทีคงจะเป็นไปไม่ได้นางมองทะลุความคิดและแผนการเล็กๆ น้อยๆ ของเขาได้อย่างง่ายดายยิ่งไปกว่านั้น จิ่งสือเยี่ยนที่ไม่มีอาวุธก็แทบจะสู้แรงของจิ้งจอกสือซานเหนียงไม่ได้เลยตอนนี้เป้าหมายของจิ้งจอกสือซานเหนียงนั้นชัดเจนมาก นั่นคือรักษาอาการบาดเจ็บให้หายโดยเร็ว ฟื้นฟูพลังและไปเอาคืนเหมยตงยวน!ดังนั้นตราบใดที่จิ่งสือเยี่ยนฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย นางก็จะดูดพลังของเขาจนหมดสิ้นอีกครั้งตอนแรกนางค่อนข้างสนใจความเป็นความตายของเขา แต่หลังจากนั้นนางก็ไม่สนใจเลยหลังจากดูดพลังมังกรของเขาจนหมด เขาก็กลายเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ ที่ไร้ค่าคนหนึ่งและเพราะผู้ชายธรรมดาแบบนี้นางหาได้ง่ายๆ เพียงแค่เดินออกไปก็เจอแล้วเมื่อจิ้งจอกสือซานเหนียงไม่สนใจความเป็นความตายของจิ่งสือเยี่ยน จิ่งสือเยี่ยนก็ได้ลิ้มรสความรู้สึกที่ทุกข์ทรมานอย่างแท้จริงเขารู้สึกถึงกลิ่นอายของความตายอย่างชัดเจนในขณะที่จิ่งสือเยี่ยนกำลังสิ้นหวัง เฟิ่งชูอ
“วันนี้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากอาจารย์ของข้า ใครก็ห้ามลุกขึ้นทั้งนั้น!”พวกนักพรตไม่สนใจเขาเลย พวกเขาต่างเป็นศัตรูกันมาหลายปี ใครบ้างจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน?ผู้อาวุโสที่เป็นหัวหน้าคุกเข่าคำนับเฟิ่งชูอิ่งอย่างนอบน้อม จากนั้นกล่าวว่า “พระชายาทรงเชี่ยวชาญศาสตร์ลี้ลับอย่างมาก พวกข้าล้วนนับถือยิ่งนัก”“ก่อนหน้านี้อารามเทียนอี้ถูกคนชั่วหลอกใช้ ทำเรื่องผิดพลาดไปมากมาย”“ตอนนี้พวกข้าสำนึกผิดแล้ว ตัดสินใจกลับตัวกลับใจ ทำความดี แก้ไขความผิดในอดีต ยินดีให้พระชายาสั่งการ”เฟิ่งชูอิ่งมองพวกเขาอย่างสงสัย รู้สึกว่าครั้งนี้พวกเขายอมคุกเข่าง่ายเกินไป น่าจะมีเลศนัยแอบแฝงนางกล่าวว่า “ฟังจากน้ำเสียงของพวกเจ้า ดูเหมือนจะรู้ว่าตัวเองทำผิด อยากกลับตัวกลับใจ”“แต่พวกเจ้าทำเรื่องเลวร้ายมามาก ข้าไม่ไว้ใจพวกเจ้า พวกเจ้าต้องแสดงความจริงใจออกมาก่อน”เหล่าผู้อาวุโสแลกเปลี่ยนสายตากันเล็กน้อย จากนั้นผู้อาวุโสคนเดิมก็ถามว่า “ไม่ทราบว่าพระชายาต้องการให้พวกข้าแสดงความจริงใจอย่างไร?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มเล็กน้อย “เอาอย่างนี้ พวกเจ้าต่อแถวกัน จากนั้นก็กระโดดกบไปตามโถงระเบียงสามรอบ”เหล่าผู้อาวุโส “......”เหล่
เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะออกมา “ในเมื่อพวกเจ้ามีความสุขกันขนาดนี้ งั้นก็หัวเราะให้ข้าฟังหน่อยสิ!”นักพรตทั้งหลาย “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!”เฟิ่งชูอิ่ง “......”รอยยิ้มของพวกเขาช่างดูเสแสร้งสิ้นดี ทำเอานางรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาเลยแต่ในเมื่อพวกเขาเป็นแบบนี้ นางก็ไม่สามารถฆ่าพวกเขาทิ้งได้นางจึงบอกว่า “ตอนนี้ข้ายังมองไม่เห็นความจริงใจของพวกเจ้า งั้นเอาแบบนี้ดีกว่า พวกเจ้าเอาวัตถุล้ำค่าของอารามออกมา”“ใครเอาของที่มีค่ามากสุดออกมาได้ คนนั้นก็ถือว่าได้สร้างคุณูปการ ข้าจะมอบอารามแห่งนี้ให้เขาดูแล”เจ้าอาวาสพูดขึ้นข้างๆ ว่า “ใครกระโดดกบเสร็จก่อน คนนั้นจะได้สิทธิ์ถวายของมีค่าก่อน พวกเจ้าจงตั้งใจกระโดดให้ดี”เฟิ่งชูอิ่งเหลือบมองเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสก็ขยิบตาให้นางเขากระซิบเบาๆ ว่า “กับคนพวกนี้ต้องให้ทั้งผลประโยชน์และกดดันไปพร้อมๆ กัน”“ถ้าพวกเขากระโดดไม่เร็วพอ ของที่ติดตัวก็จะร่วงช้า”“ไม่เชื่อก็ดูสิ!”เฟิ่งชูอิ่งหันไปมอง ก็เห็นเหล่าผู้อาวุโสที่กระโดดกบแบบขอไปที รีบกระโดดให้เสร็จอย่างรวดเร็ว แล้วไปหยิบของมีค่ามาสำหรับผู้อาวุโสเหล่านี้ แม้ว่าที่ผ่านมาพวกเขาจะถูกเจ้าอารามกดขี่ แต่ก็ยังอยากมีชีวิตท
ตอนที่พวกเขากระโดดแบบกบเมื่อครู่นี้ เฟิ่งชูอิ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าชิงหยวนกระโดดนำไปข้างหน้าหลายครั้ง แต่ก็ถูกเพื่อนร่วมอารามเตะกลับมาข้างหลังนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นคนสุดท้ายที่กระโดดเสร็จชิงหยวนพูดอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า "นั่นเป็นเพราะข้าเป็นศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดในอาราม"เฟิ่งชูอิ่งถามว่า "เป็นเพราะเจ้าอายุน้อยที่สุด แต่กลับคิดว่าตัวเองมีวิชาเก่งกล้าที่สุด ก็เลยเอาไปอวดเทียนซือสินะ?”ชิงหยวนตกใจเล็กน้อย "ท่านรู้ได้อย่างไร?"เฟิ่งชูอิ่งพูดอย่างใจเย็นว่า "ข้าคำนวณเอา"จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้คำนวณไม่ได้หรอก นางเดาเอาจากเนื้อเรื่องในนิยายต้นฉบับนักพรตที่ชื่อชิงหยวนคนนี้ เป็นคนที่จิตใจดีที่สุดในบรรดาคนทั้งหมดที่อยู่รอบตัวจิ่งสือเยี่ยนถึงแม้เขาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นราชครูจากจิ่งสือเยี่ยน เพราะช่วยชีวิตจิ่งสือเยี่ยนไว้ในหนังสือต้นฉบับแต่เขาก็ไม่ได้ยโสโอหังเพราะตำแหน่งที่สูงขึ้นในทางกลับกัน เขายังคงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนโยน และยังเคยห้ามปรามจิ่งสือเยี่ยนไม่ให้ฆ่าคนหลายครั้งแววตาที่ชิงหยวนมองนางนั้นมีความเคารพนับถือมากขึ้น การที่มองออกได้ขนาดนี้นับว่าเก่งก
เมื่อได้ยินเสียงนั้นเฟิ่งชูอิ่งก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ภายในอารามเทียนอี้มีแต่ผู้ชาย หากมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาได้ แสดงว่าต้องเป็นคนนอกอย่างแน่นอนนางและจิ่งโม่เยี่ยสบตากัน แล้วรีบสาวเท้าตรงไปยังที่มาของเสียงทันทีแต่พวกเขาเพิ่งจะวิ่งได้ไม่ไกล ก็เห็นศิษย์ของอารามเทียนอี้คนหนึ่งวิ่งสวนกลับมาทางพวกเขาทางเดินลับนั้นค่อนข้างแคบ เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากันเกือบจะชนกันอย่างจังจิ่งโม่เยี่ยคว้าไหล่ของศิษย์ผู้นั้นไว้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วเหวี่ยงเขาล้มลงกับพื้นชิงหยวนเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจน และพูดอย่างประหลาดใจว่า "ศิษย์พี่ชิงเหอ ท่านมาทำอะไรที่นี่ เกิดอะไรขึ้นหรือ"ชิงเหอลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล แล้วเอื้อมมือผลักชิงหยวนไปข้างหลัง ก่อนจะวิ่งต่อไปข้างหน้าอีกครั้งจิ่งโม่เยี่ยคว้าตัวชิงหยวนไว้ ส่วนเฟิ่งชูอิ่งก็ถีบชิงเหอล้มลงกับพื้น เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มีเจตนาร้าย นางจึงลงมืออย่างเด็ดขาดหลังจากถูกถีบล้ม ชิงเหอยังคงพยายามจะวิ่งหนี เฟิ่งชูอิ่งคว้าผมของเขาไว้ แล้วกระแทกศีรษะของเขาเข้ากับผนังทางเดินลับ จนเขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเสียงหญิงสาวที่แสนจะยั่วยวนดังขึ้นว่า "โอ้ ตรงนี้ม
ฝีมือของเฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ร้ายกาจอะไรนัก แต่นางมียันต์มากมายยันต์พวกนี้คือสิ่งที่จิ้งจอกสือซานเหนียงแพ้ทางมากเสียด้วยเมื่อจิ้งจอกสือซานเหนียงสัมผัสตัวนาง ก็เจอยันต์แผ่นหนึ่งปรากฏออกมา ฉีดพ่นน้ำใส่ตาของจิ้งจอกสือซานเหนียงทันทีจิ้งจอกสือซานเหนียงรีบหลบอย่างทุลักทุเล พอแตะอีกทีก็เจอยันต์อสนี ฟาดใส่ร่างจนนางร้องเสียงหลงนางโกรธจัด “เจ้าเป็นใคร? ทำไมมียันต์เยอะขนาดนี้?”เฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงต่ำ “ยันต์พวกนี้สร้างมาเพื่อจัดการเจ้าโดยเฉพาะ มีไว้สั่งสอนปีศาจอย่างเจ้า”“กว่าเจ้าจะบำเพ็ญเพียรสำเร็จได้นั้นยากลำบาก แต่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับพวกไสยเวทอย่างเทียนซือ แล้วยังดูดพลังจากผู้ชายอีก”“เจ้าจะเดินไปในทางที่ผิดแบบนี้หรือ? ถ้าท่านแม่ยังอยู่คงจะต้องโกรธเจ้ามากแน่ๆ!”จิ้งจอกสือซานเหนียงได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่?”เฟิ่งชูอิ่งไม่พูดอะไร จับนางเหวี่ยงลงพื้นแล้วรัวหมัดใส่ไม่ยั้งจิ้งจอกสือซานเหนียง “……”นางสงสัยว่าเฟิ่งชูอิ่งจงใจพูดแบบนั้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของนาง แล้วค่อยซ้อมนางนางโกรธจัดอยากจะโต้ตอบกลับ แต่เฟิ่งชูอิ่งกลับจุดยันต์ไฟขึ้นมาเมื่อแสงไฟสว่างปรากฏขึ้น
เฟิ่งชูอิ่งมองนางแล้วพูดว่า “ในใจเจ้ามีคำตอบอยู่แล้ว จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะ”จิ้งจอกสือซานเหนียงถอนหายใจยาวแล้วเอ่ยว่า “เจ้าพูดถูก เจ้ากับคุณหนูหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ เจ้าต้องเป็นลูกของคุณหนูอยู่แล้วล่ะ”“ถ้าคุณหนูรู้ว่าเจ้าไม่เพียงแต่รอดชีวิตมาได้ แถมยังมีชีวิตที่ดีเช่นนี้ นางต้องดีใจมากแน่ๆ”อารมณ์ของนางค่อยๆ สงบลง สมองก็เริ่มกลับมาประมวลผลได้นางมองจิ่งโม่เยี่ยแล้วพูดว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าเขาเป็นสามีของเจ้า งั้นเจ้าก็คือเฟิ่งชูอิ่งงั้นหรือ”เฟิ่งชูอิ่งมองนางด้วยความไม่เข้าใจแล้วพูดว่า “ตอนที่เจ้าอยู่ข้างกายท่านแม่ข้า ข้าก็เกิดออกมาแล้ว เจ้าไม่รู้จักชื่อข้าหรือ?”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ตอนคุณหนูคลอดเจ้า นางคลอดยากมาก นางใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อคลอดเจ้าออกมา”“คุณหนูบอกว่าตอนเจ้าเกิดมา ทั้งแม่และลูกต่างก็เดินอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย นางไม่ได้ต้องการอะไรจากเจ้า ขอแค่เจ้าปลอดภัยและมีสุขภาพแข็งแรงก็พอ”“ดังนั้นนางจึงตั้งชื่อเล่นให้เจ้าว่าผิงอัน ปกติพวกเราจะเรียกเจ้าว่าอันอัน”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจ เพราะเรื่องนี้เหมยตงยวนไม่เคยรู้
“คุณหนูเดิมทีเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงศักดิ์แห่งแคว้นซีฉู่ ควรได้รับความเคารพนับถือและมีชีวิตที่มีความสุขไปตลอดชีวิต”“เพราะได้พบกับเขา นางถึงต้องเจอกับความเจ็บปวดมากมายขนาดนี้ แถมยังต้องเสียชีวิตอีก!”“เหมยตงยวนไอ้สารเลวนั่น ถึงจะเป็นพ่อแท้ๆ ของเจ้า แต่มันก็ไม่คู่ควรจะเป็นพ่อของเจ้าสักนิด!”พอได้ยินแบบนี้ เฟิ่งชูอิ่งก็รู้ทันทีว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเกลียดเหมยตงยวนเข้ากระดูกดำนางพูดเบาๆ ว่า “ระหว่างพ่อกับแม่ของข้ามีความเข้าใจผิดกันหลายอย่าง…”“ไม่ใช่ความเข้าใจผิด!” จิ้งจอกสือซานเหนียงขัดจังหวะนางแล้วพูดว่า “เหมยตงยวนคงบอกเจ้าว่าเรื่องระหว่างเขากับคุณหนูเป็นเรื่องเข้าใจผิดสินะ?”เฟิ่งชูอิ่งยังไม่ทันได้ตอบ จิ้งจอกสือซานเหนียงก็ด่าต่อว่า “คนแบบมันนี่หน้าด้านที่สุดเลย!”“คุณหนูทุ่มเททุกอย่างให้กับมัน แต่มันกลับเอาแต่หลอกใช้คุณหนู”“มันปล่อยให้เจ้าอารามคนเก่าและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักลี้ลับรังแกคุณหนู แล้วยังแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอีก”“คุณหนูต้องเจอกับความทุกข์ยากลำบากมากมายเพราะมัน แต่มันก็ยังกล้าทำร้ายคุณหนูอีก!”“ถ้าเรื่องพวกนี้เรียกว่าเรื่องเข้าใจผิด งั้นมันก็เป็นไอ้สารเลวแล้ว!
เฟิ่งชูอิ่งดึงเขาไว้แล้วพูดว่า “อย่ากระโดดลงไป ในแม่น้ำใต้ดินนี้มีปลากินคน ถ้าเขากระโดดลงไปแบบนี้จะต้องถูกปลากินคนกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแน่นอน”จิ่งโม่เยี่ยหันไปมองนาง คิดว่านางกำลังพูดไร้สาระ หรืออาจจะกำลังใช้เล่ห์กลทางจิตวิทยา หลอกให้จิ่งสือเยี่ยนเสียขวัญนางหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปที่ริมแม่น้ำ ดึงแผ่นไม้กั้นน้ำที่อยู่ริมฝั่งออกมาแผ่นหนึ่งเมื่อแผ่นไม้กั้นน้ำเปิดออก ก็มีปลาสีดำนับไม่ถ้วนพากันแหวกว่ายออกมาปลาเหล่านั้นมีลักษณะหัวโต ฟันแหลมคม ดูท่าทางดุร้ายมากจิ่งโม่เยี่ย “......”เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่มีปลากินคน?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “ชิงหยวนบอกข้า”ชิงหยวนทำหน้ามึนงงแล้วพูดว่า “เอ๊ะ? ข้าบอกเจ้าหรือ? ข้าบอกเจ้าตอนไหนกัน?”“แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่รู้เลย!”เขาก้มลงมองแผนที่เส้นทางลับ แต่บนแผนที่ก็ไม่ได้บอกว่าที่นี่มีปลากินคนอยู่ด้วย!เฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ข้าดูแผนที่ที่เจ้าวาดอย่างละเอียด แล้วก็ศึกษาภูมิศาสตร์ของอารามเทียนอี้”“โดยพื้นฐานแล้ว ทางลับทั้งหมดและภูมิศาสตร์ของอารามเทียนอี้อยู่ในรูปแบบของสัญลักษณ์บ่อน้ำ( )”“สัญลักษณ์บ
เดิมทีจิ่งโม่เยี่ยตั้งใจจะตามไปทางเรือ แต่เมื่อขึ้นไปบนเรือแล้วก็พบว่าก้นเรือรั่ว มีคนใช้กระบี่งัดก้นเรือจนเป็นรูขนาดใหญ่เขาไปดูอีกสองลำ ปรากฏว่าเป็นแบบเดียวกันหมดเฟิ่งชูอิ่งขมวดคิ้ว “จิ่งสือเยี่ยนทำอะไรก็รอบคอบเหมือนเดิมเลย”“เขาไม่เพียงแต่รอบคอบ แต่ยังเด็ดขาดมากด้วย”เรือพัง พวกเขาก็ไม่มีทางตามไปได้อีกในใจนางนึกชื่นชม สมกับเป็นพระเอกของนิยายต้นฉบับ มีโชคทางวาสนาหนุนหลัง สถานการณ์แบบนี้ยังหนีไปได้อีก สุดยอดจริงๆจิ่งโม่เยี่ยคำนวณระยะทางในใจ “เราขวางจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้แล้ว ครั้งนี้คงต้องสู้กันหนักแน่”เพียงแค่จิ่งสือเยี่ยนรวมพลกับกองกำลังของเขาได้ เขาก็จะมีทหารนับแสนในทันทีในสถานการณ์เช่นนี้ จิ่งโม่เยี่ยต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆเขานึกถึงคำทำนายที่เฟิ่งชูอิ่งเคยทำนายให้เขา เขาคิดว่านางทำนายได้แม่นยำมากจริงๆเฟิ่งชูอิ่งกัดริมฝีปากเบาๆ “สถานการณ์แบบนี้ เราทำได้แค่หาทางขวางเขาไว้ก่อน”“ถ้ามีโอกาสฆ่าเขาก่อนจะรวมพลกับกองกำลังได้ ก็ต้องลงมืออย่างเด็ดขาด”จิ่งโม่เยี่ยก็คิดเหมือนกับนางถึงแม้ว่าตอนนี้โอกาสที่จะตามเขาไปทันจะมีน้อย แต่พวกเขาก็ต้องลองดู จะไม่ยอมแพ้แบบนี้โดยเด็ดข
ชิงหยวนตอบว่า “ทางลับเส้นนี้เป็นความลับสุดยอดของอาราม ปกติจะไม่เปิดใช้งาน”“ข้าก็เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่”“ตามที่ข้าเห็นในแผนผัง น่าจะอยู่แถวนั้น”พูดจบ เขาก็ชี้ไปทางมุมหนึ่งอันที่จริงแล้วตอนอยู่ในทางลับ ทิศทางที่เขาชี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก เพราะมันมีทางหลักเพียงเส้นเดียวถ้ำของจิ้งจอกสือซานเหนียง เดิมทีถูกออกแบบโดยผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักลี้ลับ มีไว้สำหรับเก็บเสบียงอาหารเพียงแต่เนื่องจากเวลาผ่านไปนาน ทางเข้าเล็กๆ แห่งนั้นก็ถูกจิ้งจอกสือซานเหนียงทำกลไกบางอย่าง ดังนั้นคนของอารามเทียนอี้จึงไม่มีใครเดินผ่านไปทางนั้นเมื่อชิงหยวนพูดเรื่องนี้ออกมา ทุกคนก็รู้สึกว่าคนของสำนักลี้ลับช่างรักตัวกลัวตายจริงๆ สร้างทางลับยังต้องทำอะไรให้ซับซ้อนยุ่งยากขนาดนี้พวกเขาเดินไปตามทิศทางที่ชิงหยวนบอก แต่ก็ไม่พบทางลับตามที่เล่าลือกัน เฟิ่งชูอิ่งมองไปที่เขา “เจ้าจำผิดหรือเปล่า”ชิงหยวนดูไม่ค่อยแน่ใจ “ไม่น่าจะผิดนะ”พูดจบ เขาก็ดึงปิ่นไม้บนหัวออกมาแล้ววาดแผนที่ทางลับลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วาดทางแยกในตำแหน่งที่สอดคล้องกันเขายังไม่ได้วาดทางแยกเสร็จ ก็วาดสถานที่ที่ทาง
เฟิ่งชูอิ่งมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยหางตาแล้วตอบว่า “เรื่องของผู้ชายข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง”“ถ้าเจ้ายังคิดจะยุ่งกับเขาอีก ข้าไม่รังเกียจที่จะส่งยันต์ปัญจอัสนีบาตให้เจ้าอีกสักแผ่น”จิ้งจอกสือซานเหนียง “......”ในขณะนี้ นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างระหว่างเฟิ่งชูอิ่งกับเฟิ่งชิงหลิงผู้เป็นมารดาของนางตอนที่เฟิ่งชิงหลิงอยู่กับเหมยตงยวน ทั้งสองต่างระแวงและไม่เชื่อใจกันทุกครั้งที่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เฟิ่งชิงหลิงแทบจะไม่เชื่อใจเหมยตงยวนเลยซึ่งเหมยตงยวนก็ทำร้ายเฟิ่งชิงหลิงจนบาดแผลมันฝังลึกเกินจะแก้ทั้งสองต่างไม่เชื่อใจกันตั้งแต่แรกเพราะความไม่เชื่อใจ จึงทำให้เมื่อเจอเรื่องอะไรก็จะคอยรแวงกันและกันนางมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วพูดว่า “สำหรับเจ้าแล้ว จิ่งโม่เยี่ยดีขนาดนั้นเลยหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วบอกว่า “ไม่ใช่เรื่องดีหรือไม่ดี แต่เขาเป็นคนของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับเขา”นางกับจิ่งโม่เยี่ยผ่านเรื่องราวมามากมาย จึงมีความเชื่อใจให้กันอย่างลึกซึ้งจิ่งโม่เยี่ยยืนอยู่ข้างหลังนาง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาชอบเวลาที่นางปกป้องเขาจิ้งจอกสือซานเหนียงแค่นเสี
“คุณหนูเดิมทีเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงศักดิ์แห่งแคว้นซีฉู่ ควรได้รับความเคารพนับถือและมีชีวิตที่มีความสุขไปตลอดชีวิต”“เพราะได้พบกับเขา นางถึงต้องเจอกับความเจ็บปวดมากมายขนาดนี้ แถมยังต้องเสียชีวิตอีก!”“เหมยตงยวนไอ้สารเลวนั่น ถึงจะเป็นพ่อแท้ๆ ของเจ้า แต่มันก็ไม่คู่ควรจะเป็นพ่อของเจ้าสักนิด!”พอได้ยินแบบนี้ เฟิ่งชูอิ่งก็รู้ทันทีว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเกลียดเหมยตงยวนเข้ากระดูกดำนางพูดเบาๆ ว่า “ระหว่างพ่อกับแม่ของข้ามีความเข้าใจผิดกันหลายอย่าง…”“ไม่ใช่ความเข้าใจผิด!” จิ้งจอกสือซานเหนียงขัดจังหวะนางแล้วพูดว่า “เหมยตงยวนคงบอกเจ้าว่าเรื่องระหว่างเขากับคุณหนูเป็นเรื่องเข้าใจผิดสินะ?”เฟิ่งชูอิ่งยังไม่ทันได้ตอบ จิ้งจอกสือซานเหนียงก็ด่าต่อว่า “คนแบบมันนี่หน้าด้านที่สุดเลย!”“คุณหนูทุ่มเททุกอย่างให้กับมัน แต่มันกลับเอาแต่หลอกใช้คุณหนู”“มันปล่อยให้เจ้าอารามคนเก่าและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักลี้ลับรังแกคุณหนู แล้วยังแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอีก”“คุณหนูต้องเจอกับความทุกข์ยากลำบากมากมายเพราะมัน แต่มันก็ยังกล้าทำร้ายคุณหนูอีก!”“ถ้าเรื่องพวกนี้เรียกว่าเรื่องเข้าใจผิด งั้นมันก็เป็นไอ้สารเลวแล้ว!
เฟิ่งชูอิ่งมองนางแล้วพูดว่า “ในใจเจ้ามีคำตอบอยู่แล้ว จะถามให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะ”จิ้งจอกสือซานเหนียงถอนหายใจยาวแล้วเอ่ยว่า “เจ้าพูดถูก เจ้ากับคุณหนูหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ เจ้าต้องเป็นลูกของคุณหนูอยู่แล้วล่ะ”“ถ้าคุณหนูรู้ว่าเจ้าไม่เพียงแต่รอดชีวิตมาได้ แถมยังมีชีวิตที่ดีเช่นนี้ นางต้องดีใจมากแน่ๆ”อารมณ์ของนางค่อยๆ สงบลง สมองก็เริ่มกลับมาประมวลผลได้นางมองจิ่งโม่เยี่ยแล้วพูดว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าเขาเป็นสามีของเจ้า งั้นเจ้าก็คือเฟิ่งชูอิ่งงั้นหรือ”เฟิ่งชูอิ่งมองนางด้วยความไม่เข้าใจแล้วพูดว่า “ตอนที่เจ้าอยู่ข้างกายท่านแม่ข้า ข้าก็เกิดออกมาแล้ว เจ้าไม่รู้จักชื่อข้าหรือ?”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ตอนคุณหนูคลอดเจ้า นางคลอดยากมาก นางใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อคลอดเจ้าออกมา”“คุณหนูบอกว่าตอนเจ้าเกิดมา ทั้งแม่และลูกต่างก็เดินอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย นางไม่ได้ต้องการอะไรจากเจ้า ขอแค่เจ้าปลอดภัยและมีสุขภาพแข็งแรงก็พอ”“ดังนั้นนางจึงตั้งชื่อเล่นให้เจ้าว่าผิงอัน ปกติพวกเราจะเรียกเจ้าว่าอันอัน”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกสะเทือนใจ เพราะเรื่องนี้เหมยตงยวนไม่เคยรู้
ฝีมือของเฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ร้ายกาจอะไรนัก แต่นางมียันต์มากมายยันต์พวกนี้คือสิ่งที่จิ้งจอกสือซานเหนียงแพ้ทางมากเสียด้วยเมื่อจิ้งจอกสือซานเหนียงสัมผัสตัวนาง ก็เจอยันต์แผ่นหนึ่งปรากฏออกมา ฉีดพ่นน้ำใส่ตาของจิ้งจอกสือซานเหนียงทันทีจิ้งจอกสือซานเหนียงรีบหลบอย่างทุลักทุเล พอแตะอีกทีก็เจอยันต์อสนี ฟาดใส่ร่างจนนางร้องเสียงหลงนางโกรธจัด “เจ้าเป็นใคร? ทำไมมียันต์เยอะขนาดนี้?”เฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงต่ำ “ยันต์พวกนี้สร้างมาเพื่อจัดการเจ้าโดยเฉพาะ มีไว้สั่งสอนปีศาจอย่างเจ้า”“กว่าเจ้าจะบำเพ็ญเพียรสำเร็จได้นั้นยากลำบาก แต่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับพวกไสยเวทอย่างเทียนซือ แล้วยังดูดพลังจากผู้ชายอีก”“เจ้าจะเดินไปในทางที่ผิดแบบนี้หรือ? ถ้าท่านแม่ยังอยู่คงจะต้องโกรธเจ้ามากแน่ๆ!”จิ้งจอกสือซานเหนียงได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่?”เฟิ่งชูอิ่งไม่พูดอะไร จับนางเหวี่ยงลงพื้นแล้วรัวหมัดใส่ไม่ยั้งจิ้งจอกสือซานเหนียง “……”นางสงสัยว่าเฟิ่งชูอิ่งจงใจพูดแบบนั้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของนาง แล้วค่อยซ้อมนางนางโกรธจัดอยากจะโต้ตอบกลับ แต่เฟิ่งชูอิ่งกลับจุดยันต์ไฟขึ้นมาเมื่อแสงไฟสว่างปรากฏขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงนั้นเฟิ่งชูอิ่งก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ภายในอารามเทียนอี้มีแต่ผู้ชาย หากมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาได้ แสดงว่าต้องเป็นคนนอกอย่างแน่นอนนางและจิ่งโม่เยี่ยสบตากัน แล้วรีบสาวเท้าตรงไปยังที่มาของเสียงทันทีแต่พวกเขาเพิ่งจะวิ่งได้ไม่ไกล ก็เห็นศิษย์ของอารามเทียนอี้คนหนึ่งวิ่งสวนกลับมาทางพวกเขาทางเดินลับนั้นค่อนข้างแคบ เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากันเกือบจะชนกันอย่างจังจิ่งโม่เยี่ยคว้าไหล่ของศิษย์ผู้นั้นไว้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วเหวี่ยงเขาล้มลงกับพื้นชิงหยวนเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจน และพูดอย่างประหลาดใจว่า "ศิษย์พี่ชิงเหอ ท่านมาทำอะไรที่นี่ เกิดอะไรขึ้นหรือ"ชิงเหอลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล แล้วเอื้อมมือผลักชิงหยวนไปข้างหลัง ก่อนจะวิ่งต่อไปข้างหน้าอีกครั้งจิ่งโม่เยี่ยคว้าตัวชิงหยวนไว้ ส่วนเฟิ่งชูอิ่งก็ถีบชิงเหอล้มลงกับพื้น เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มีเจตนาร้าย นางจึงลงมืออย่างเด็ดขาดหลังจากถูกถีบล้ม ชิงเหอยังคงพยายามจะวิ่งหนี เฟิ่งชูอิ่งคว้าผมของเขาไว้ แล้วกระแทกศีรษะของเขาเข้ากับผนังทางเดินลับ จนเขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเสียงหญิงสาวที่แสนจะยั่วยวนดังขึ้นว่า "โอ้ ตรงนี้ม
ตอนที่พวกเขากระโดดแบบกบเมื่อครู่นี้ เฟิ่งชูอิ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าชิงหยวนกระโดดนำไปข้างหน้าหลายครั้ง แต่ก็ถูกเพื่อนร่วมอารามเตะกลับมาข้างหลังนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นคนสุดท้ายที่กระโดดเสร็จชิงหยวนพูดอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า "นั่นเป็นเพราะข้าเป็นศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดในอาราม"เฟิ่งชูอิ่งถามว่า "เป็นเพราะเจ้าอายุน้อยที่สุด แต่กลับคิดว่าตัวเองมีวิชาเก่งกล้าที่สุด ก็เลยเอาไปอวดเทียนซือสินะ?”ชิงหยวนตกใจเล็กน้อย "ท่านรู้ได้อย่างไร?"เฟิ่งชูอิ่งพูดอย่างใจเย็นว่า "ข้าคำนวณเอา"จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้คำนวณไม่ได้หรอก นางเดาเอาจากเนื้อเรื่องในนิยายต้นฉบับนักพรตที่ชื่อชิงหยวนคนนี้ เป็นคนที่จิตใจดีที่สุดในบรรดาคนทั้งหมดที่อยู่รอบตัวจิ่งสือเยี่ยนถึงแม้เขาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นราชครูจากจิ่งสือเยี่ยน เพราะช่วยชีวิตจิ่งสือเยี่ยนไว้ในหนังสือต้นฉบับแต่เขาก็ไม่ได้ยโสโอหังเพราะตำแหน่งที่สูงขึ้นในทางกลับกัน เขายังคงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนโยน และยังเคยห้ามปรามจิ่งสือเยี่ยนไม่ให้ฆ่าคนหลายครั้งแววตาที่ชิงหยวนมองนางนั้นมีความเคารพนับถือมากขึ้น การที่มองออกได้ขนาดนี้นับว่าเก่งก