Share

บทที่ 957

Author: ดอกถังร่วงหล่น
จิ่งโม่เยี่ยรู้สึกจากใจจริงว่าวิชาของเฟิ่งชูอิ่งนั้นลึกลับเกินคาด แถมยังแสดงออกมาในรูปแบบที่เหนือความคาดหมายของเขาอีกด้วย

มีนางคอยช่วยเหลือ เขาก็ผ่อนคลายสบายใจขึ้นมาก

ในสถานการณ์เช่นนี้ จิ่งโม่เยี่ยคิดว่าแผนการทั้งสองสามารถดำเนินการพร้อมกันได้

ให้หลางซานและฉินจื๋อเจี้ยนไปปราบปรามทหารที่จิ่งสือเยี่ยนส่งมา ส่วนจิ่งโม่เยี่ยจะไปตามหาจิ้งจอกสือซานเหนียงกับเฟิ่งชูอิ่ง

องครักษ์ที่จิ่งสือเยี่ยนพามาล้วนถูกจิ่งโม่เยี่ยจัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเขาถูกส่งตัวไปที่คุกของกรมราชทัณฑ์ทั้งหมด

หลังจากเฟิ่งชูอิ่งได้รับข่าวที่จิ่งโม่เยี่ยส่งมา นางก็รีบเดินทางมาพร้อมกับเหมยตงยวนทันที

เมื่อเหมยตงยวนมาถึง เขาก็ร่ายคาถาสำรวจบรรยากาศรอบๆ แล้วพยักหน้าว่า “เป็นสือซานเหนียง”

เฟิ่งชูอิ่งยิ้ม “เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทรมาตลอด พอมาวันนี้กลับได้พบโดยไม่ต้องออกแรง”

“พวกเราตามหาสือซานเหนียงมานานแต่ไม่เห็นวี่แวว ไม่คิดว่าจะได้เบาะแสในเวลาแบบนี้”

เหมยตงยวนมองสำรวจไปรอบๆ “ครั้งก่อนนางโดนปู่เยี่ยโหวทำร้ายจนอาการสาหัส ในเวลาสั้นๆ แบบนี้ร่างกายนางคงยังไม่หายดี”

“นางปรากฏตัวออกมาในเวลาแบบนี้ คงเพราะอยากจะรักษาอาการบาดเจ็
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 958

    เฟิ่งชูอิ่งคิดว่านี่คือการมองข้ามสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวทุกคนรู้ว่าสถานที่อย่างอารามเต๋าหรือวัดพุทธเป็นเหมือนสิ่งต้องห้ามสำหรับภูตผีปีศาจ ปกติแล้วพวกมันไม่กล้าเข้าใกล้สถานที่แบบนี้แต่จิ้งจอกสือซานเหนียงไม่ใช่ปีศาจทั่วไป นางเป็นปีศาจที่แม้แต่พลังมังกรก็ยังกล้าดูดกลืนในสถานการณ์เช่นนี้ นางจะหนีไปซ่อนตัวที่อารามเทียนอี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเฟิ่งชูอิ่งจึงกล่าวว่า "แม้ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของอารามเทียนอี้จะแข็งแกร่งมาก แต่มันอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับจิ้งจอกสือซานเหนียง""ทหารองครักษ์ค้นหาทั่วภูเขาใกล้เคียงแล้วแต่ก็ยังไม่พบ ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปค้นหาอารามเทียนอี้ดูเถอะ"จิ่งโม่เยี่ยเห็นด้วยกับความคิดของนาง จึงให้ทหารองครักษ์ไปค้นหาที่อารามเทียนอี้แต่ทหารองครักษ์กลับมาอย่างรวดเร็วและรายงานว่าค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของอารามเทียนอี้ถูกเปิดใช้งานแล้ว พวกเขาเข้าไปไม่ได้ทั้งจิ่งโม่เยี่ยและเฟิ่งชูอิ่งเคยเห็นพลังค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของอารามเทียนอี้มาแล้ว ตอนนั้นถ้าจิ่งโม่เยี่ยมาช่วยไม่ทันเวลา เฟิ่งชูอิ่งคงโดนยิงจนพรุนเป็นรังผึ้งไปแล้วเฟิ่งชูอิ่งถามด้วยความสงสัยว่า "ปกติค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของอารามเทียนอี้จะ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 959

    จิ้งจอกสือซานเหนียงรู้สึกว่าแค่จิ่งสือเยี่ยนคนเดียวคงไม่พอ นางกลัวว่าถ้าดูดพลังเขาอีกสักสองสามครั้ง เขาคงเหี่ยวแห้งตายไปแน่ดังนั้นนางจึงคิดว่าควรจะลองเสี่ยงดูสักหน่อย เพราะตอนที่นางจับเขาได้ เขากำลังหลบหนีอยู่จริงๆ เรื่องนี้เขาไม่ได้โกหกนางหลังจากคิดทบทวนอยู่สักพัก นางจึงออกไปจับตัวจิ่งโม่เยี่ย แต่ดันกลายเป็นว่าไปเตะโดนแผ่นเหล็กเสียได้จิ้งจอกสือซานเหนียงบาดเจ็บหนัก จึงเอาความโกรธทั้งหมดไประบายกับจิ่งสือเยี่ยนนางไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งถลาเข้าไปและกดจิ่งสือเยี่ยนให้อยู่ใต้ร่างจิ่งสือเยี่ยน “......”ความรู้สึกอับอายมันช่างหนักหนาสาหัส!เขาโกรธจนตัวสั่น แต่ก็ขัดขืนอะไรไม่ได้จิ้งจอกสือซานเหนียงใช้วิชากับเขา เขาจึงไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของนางได้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้เลย ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็วเดิมทีจิ้งจอกสือซานเหนียงบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนเป็นเหมือนยาบำรุงชั้นดีสำหรับนางนางในยามนี้จึงไม่คิดจะเกรงใจเขาแม้แต่น้อย ราวกับต้องการจับเขากลืนลงท้องไปทั้งตัวครั้งนี้ต่างจากสองสามครั้งก่อนโดย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 960

    จิ่งสือเยี่ยน “......”เขารู้สึกว่าคำพูดของนางแทงใจดำจริงๆเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "วรยุทธ์ของข้าก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขามากกระมัง?"จิ้งจอกสือซานเหนียงหัวเราะเยาะ "ไม่ เจ้าด้อยกว่าเขามาก!""เจ้าต่อกรกับข้ายังไม่ถึงสิบกระบวนท่า แต่เขากลับเกือบฆ่าข้าได้""เขายังมียันต์วิเศษที่ร้ายกาจอีก เกือบจะฆ่าข้าตายอยู่แล้ว"จิ่งสือเยี่ยนเข้าใจในทันทีว่าบาดแผลบนตัวนางมาจากไหนเขาพูดเบาๆ "สตรีที่จิ่งโม่เยี่ยชอบเชี่ยวชาญศาสตร์ลี้ลับ ยันต์ที่ฟาดเจ้าคงเป็นของที่นางมอบให้จิ่งโม่เยี่ย"ดวงตาของจิ้งจอกสือซานเหนียงฉายแววสนใจ "จริงหรือ? มีสตรีที่เชี่ยวชาญศาสตร์ลี้ลับด้วยหรือ? น่าสนใจจริงๆ!"หลังจากพูดจบนางก็มองจิ่งสือเยี่ยนหัวจรดเท้าแล้วคลี่ยิ้ม "ดูจากสภาพเจ้าแล้วก็คงโดนศาสตร์ลี้ลับเล่นงานมาเหมือนกัน""มิฉะนั้น ด้วยพลังมังกรของเจ้า ข้าคงทำอะไรเจ้าไม่ได้ง่ายๆ และไม่มีทางหยุดเจ้าได้ด้วย"จิ่งสือเยี่ยนรู้สึกถึงอันตรายในทันที เขาเอ่ยถาม "หมายความว่าอย่างไร?"เมื่อเห็นท่าทางของเขา จิ้งจอกสือซานเหนียงก็หัวเราะออกมา เอื้อมมือไปบีบหน้าเขาเบาๆ แล้วพูดว่า "อ้าว โกรธแล้วหรือ?""ดูเหมือนเจ้าจะชอบสตรีผู้นั้นจริงๆ!

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 961

    ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน อารามเทียนอี้ก็ไม่ใช่อารามเทียนอี้ที่หยิ่งผยองเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วเฟิ่งชูอิ่งเคยมาที่นี่เมื่อครั้งก่อน ได้สั่งสอนเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสไปรอบหนึ่ง ครั้งนี้นางคิดว่าไหนๆ ก็มาแล้ว ทำไมไม่สั่งสอนพวกเขาอีกสักรอบล่ะองครักษ์ข้างกายจิ่งโม่เยี่ยเคาะประตูใหญ่ของอารามเทียนอี้อยู่นาน แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู หรือแม้แต่จะชะโงกหน้าออกมาดูด้วยซ้ำเหล่าองครักษ์พยายามจะงัดประตูออก แต่กลับพบว่าประตูบานนี้เปิดไม่ได้เลยเฟิ่งชูอิ่งรู้ว่านี่เป็นเพราะค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาถูกเปิดใช้งาน มีเพียงคนข้างในเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูได้ คนข้างนอกเข้าบุกรุกเข้าไปไม่ได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถบุกเข้าไปจากที่อื่นได้ เพราะหากบุกเข้าไป อาจจะไปโดนกับดักและทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากเหมยตงยวนยืนอยู่ใต้ประตูทางเข้ากับเฟิ่งชูอิ่งและจิ่งโม่เยี่ย กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เดิมทีอารามเทียนอี้เป็นสาขาหนึ่งของสำนักลี้ลับ”“เนื่องจากอยู่ใกล้กับเมืองหลวงมาก ที่นี่จึงเคยมีนักพรตผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตของสำนักลี้ลับ มาติดตั้งเขตอาคมขั้นสูงไว้”“เขตอาคมนี้ไม่เพียงแต่สามาร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 962

    ให้เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยชมเจ้าอาวาสน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก นางจึงพับแขนเสื้อขึ้นทันทีเจ้าอาวาสรีบวิ่งไปข้างๆ จิ่งโม่เยี่ย แล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง ภรรยาท่านดุร้ายชะมัด กับสหายของท่านนางยังกล้าทำถึงเพียงนี้ ระวังนางจะเหิมเกริมจนท่านปราบไม่อยู่นะ!”จิ่งโม่เยี่ยถามเฟิ่งชูอิ่ง “ให้ข้าช่วยซัดเขาสักทีสองทีไหม?”เจ้าอาวาส “......”เขาลืมไปเลยว่าสองสามีภรรยาคู่นี้มันพวกเดียวกัน!เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะลั่น “จัดการเลย!”เจ้าอาวาสยกมือขึ้นทั้งสองข้าง “อย่าเพิ่งๆ ข้ายอมบอกก็ได้!”เดิมทีเขาแค่จะล้อเล่นกับพวกเขาสักหน่อย แต่เรื่องดันกลายเป็นแบบนี้ไปได้!เฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วพูดว่า “เจ้านี่มันหาเรื่องใส่ตัวเก่งจริงๆ”“บอกมาสิ วิธีดีๆ ของเจ้าคืออะไร?”เจ้าอาวาสตอบว่า “วัดของข้ากับอารามเทียนอี้เคยประลองวิชากันมาหลายปี ดังนั้นเราจึงรู้จักลึกตื้นหนาบางกันดี”“พอเวลาผ่านไปนานวันเข้า ก็ย่อมรู้ความลับของอีกฝ่ายบ้าง”ในโลกนี้ คนที่รู้จักเราดีที่สุดไม่ใช่สหาย แต่เป็นศัตรูบางความลับสหายอาจไม่รู้ แต่ศัตรูจะรู้แน่นอนเฟิ่งชูอิ่งถาม “อารามเทียนอี้มีความลับอะไร?”เจ้าอาวาสยิ้มอย่างลึกลับ “ข้ารู้ทางลัดไปยังวิหารใหญ่ข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 963

    เขาถามว่า “เจ้าจะระเบิดมันอย่างไร?”เฟิ่งชูอิ่งหยิบยันต์ออกมาอย่างองอาจพร้อมกล่าวว่า “ใช้สิ่งนี้ระเบิด!”จิ่งโม่เยี่ยจ้องมองยันต์ในมือของนางครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรออกไปดีเขารู้ว่านางมีความสามารถในการวาดยันต์ที่ยอดเยี่ยม แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่ายันต์จะสามารถใช้ระเบิดได้เจ้าอาวาสถามขึ้นก่อน “แบบนี้มันจะใช้ได้จริงหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างใจเย็น “ลองดูก็รู้เอง”เมื่อเจ้าอาวาสได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งกลับมา “ข้าจะลองดู!”เขารักยันต์ที่นางวาดมาก เพราะมันมีประสิทธิภาพสุดยอดจากนั้นเขาก็ถามว่า “ใช้อย่างไร?”เฟิ่งชูอิ่งตอบ “ง่ายมาก แค่แปะยันต์นี้บนรูกำแพงก็พอ”เจ้าอาวาสรับยันต์จากมือของนางทันที แล้วเดินไปแปะยันต์อย่างมีความสุขหลังจากแปะเสร็จ เขารีบถอยหลังไปสองสามก้าว แต่กลับพบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาโน้มตัวเข้าไปดูพร้อมกับพูดว่า “ใช้ได้ไหมเนี่ย?”เฟิ่งชูอิ่งตะโกนอย่างร้อนใจ “หลบเร็ว!”นางไม่คิดว่าเจ้าโง่นี่จะกล้ายื่นหน้าเข้าไปดูหลังจากแปะยันต์เสร็จ เขาอยากตายนักหรือไง?เมื่อครู่นี้เขายังคิดจะหันไปถามนางว่าหลบทำไมแต่เขายังไม่ทันได้พูดออกไป ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นพร้อมกับแ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 964

    แต่พอสบตากับเฟิ่งชูอิ่งและจิ่งโม่เยี่ย เขาก็รู้สึกขี้ขลาดขึ้นมาทันที ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมแล้วเอายันต์ไปแปะอีกแผ่นพอแปะเสร็จครั้งนี้เขาก็เผ่นหนีอย่างว่องไว ราวกับติดปีกบินได้เฟิ่งชูอิ่งเห็นปฏิกิริยาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก เขาไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็วขนาดนั้นก็ได้ ระยะเวลาหน่วงของแผ่นยันต์ของนางน่ะเหลือเฟือให้เขาวิ่งออกจากรัศมีการระเบิดครั้งนี้ก็ทำลายกลไกในค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาอีกชุดหนึ่งได้อย่างราบรื่นพวกเขาสร้างความวุ่นวายขนาดใหญ่เช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมทำให้พวกนักพรตบนเขาตกใจในทันทีก็มีนักพรตคนหนึ่งมาตรวจสอบ "พวกเจ้าเป็นใคร?"เฟิ่งชูอิ่งเท้าเอวแล้วกล่าวว่า "คนที่มารวมหัวกันทำลายอารามเทียนอี้!"เจ้าอาวาสยืนอยู่ด้านหลังเฟิ่งชูอิ่ง สวดมนต์ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม "อมิตาพุทธ"จิ่งโม่เยี่ยยืนอยู่ข้างๆ เฟิ่งชูอิ่ง มือข้างหนึ่งไขว้หลัง แผ่ความเย็นชาออกมาทั่วทั้งร่างเหล่าองครักษ์ด้านหลังเขาดึงกระบี่ออกมาพร้อมเพรียง แสดงออกถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวนักพรตที่เข้ามาตรวจสอบเห็นท่าทางของพวกเขาก็ถึงกับตาค้าง เพราะฉากนี้มันดูคุ้นๆตอนที่เฟิ่งชูอิ่งพาเจ้าอาวาสมาสร้างความวุ่นวายที่อา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 965

    “ตอนนี้ถึงนางจะใช้ยันต์ระเบิดได้ ข้าก็ไม่แปลกใจสักนิด”“นางบุกมาแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้ คงคิดจะมาถล่มอารามเทียนอี้ของพวกเราแน่”เจ้าสำนักกัดฟันพูด “ถ้าข้ารู้ว่านางเป็นลูกสาวของเหมยตงยวน ข้าคงจะช่วยเทียนซือฆ่านางไปตั้งแต่แรกแล้ว!”เขาถูกเหมยตงยวนตามล่ามาหลายครั้ง รู้มานานแล้วว่าเฟิ่งชูอิ่งกับเหมยตงยวนมีความสัมพันธ์กันอย่างไรเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เขาร่วมมือกับเทียนซือวางแผนฆ่าเหมยตงยวน เขาเคยสะใจแค่ไหน ตอนนี้ก็ทุกข์ทรมานแค่นั้นเขารู้สึกว่าสภาพของตัวเองตอนนี้ดูแย่ยิ่งกว่าหมาจรจัดเสียอีกเขาหลบอยู่ในสำนักทุกวัน ไม่กล้าออกไปไหน กลัวว่าออกไปแล้วจะถูกเหมยตงยวนจัดการก่อนหน้านี้ อารามเทียนอี้เคยรุ่งเรือง มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ตอนนี้กลับต้องหลบซ่อนอยู่ในค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา ไม่กล้าออกไปไหนเลยเจ้าอารามแทบคลั่ง แต่ก็ไม่มีความกล้ามากพอจะไปท้าทายเหมยตงยวนผู้อาวุโสมองเขาแล้วพูดว่า “อย่าพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกเลย รีบคิดหาวิธีรับมือดีกว่า!”พอพูดแบบนี้ ทุกคนก็เงียบเป็นเป่าสากคนที่อยู่ในอารามเทียนอี้ ล้วนเคยเป็นคนของสำนักลี้ลับเพียงแต่ตอนนั้นเทียนซือได้แบ่งสำนักลี้ลับออกเป็นสองฝ่าย เขาพาค

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status