เมื่อคืนกองทัพที่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้ได้ยกทัพเข้ามาในเมืองหลวง และปะทะกับกองทัพของจิ่งโม่เยี่ยอย่างดุเดือดจากนั้นองครักษ์ลับที่ฮ่องเต้เจาหยวนส่งออกไปก็กลับมาทั้งหมด ทำให้ปู๋เยี่ยโหวรู้ว่าครั้งนี้คงไม่สามารถสังหารฮ่องเต้เจาหยวนได้ และการปฏิวัติในวังหลวงอาจล้มเหลวปู๋เยี่ยโหวรู้สึกอัดอั้นที่ไม่สามารถสังหารฮ่องเต้เจาหยวนได้ จึงสั่งให้คนยิงธนูไปทางท้องพระโรงเป็นระยะๆการกระทำนี้ทำให้เจ้าอารามที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้เจาหยวนรู้สึกคลุ้มคลั่งเเจ้าอารามทนไม่ไหว จึงฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาเผลอ เปิดประตูเป็นของค่ายกลป้องกันแล้วหนีออกมา แต่ถูกปู๋เยี่ยโหวจับตัวไว้ได้ปู๋เยี่ยโหวเคยต้องการทำลายอารามเทียนอี้และฆ่าเจ้าอารามมาก่อน คราวนี้จับเจ้าอารามได้จึงไม่คิดจะปรานีอีกต่อไป อีกฝ่ายถูกเขาซ้อมอย่างหนักปู๋เยี่ยโหวมีนิสัยวิปริตอยู่บ้าง เขาตั้งใจจะทรมานเจ้าอารามให้ตายอย่างช้าๆเจ้าอารามรู้ว่าเขาวิปริตแค่ไหน พลันนึกได้ว่าครั้งก่อนเฟิ่งชูอิ่งมาด้วยกัน จึงบอกว่า "เฟิ่งชูอิ่งยังไม่ตาย!"เขาพูดประโยคนี้เพื่อลองเสี่ยงดวง ไม่คิดว่าจะได้ผลจริงๆที่จริงเขาอยากบอกว่าสามารถพาปู๋เยี่ยโหวเข้าไปหาฮ่องเต้เจาหยวนได
ปู๋เยี่ยโหวสั่งให้คนขุดต่อไปทันทีเฉี่ยวหลิงเสริมอีกประโยค "ถ้าขุดเสร็จแล้วคุณหนูยังไม่ฟื้นขึ้นมา ข้าจะฝังเจ้าทั้งเป็นไปอยู่เป็นเพื่อนคุณหนู"ปู๋เยี่ยโหว "......"เขารู้สึกว่าเฉี่ยวหลิงช่างดุร้ายเหลือเกิน!เขาดึงตัวเจ้าอารามมาพลางพูดว่า "เรื่องนี้เขาเป็นคนทำนายไว้นะ ถ้าชูชูไม่ฟื้นขึ้นมา เจ้าก็ฝังเขาทั้งเป็นแทนเถอะ!"เจ้าอาราม "....."เขารู้สึกว่าตัวเองช่างโชคร้ายเหลือเกิน เขาแค่อยากจะหนีไปเท่านั้น แต่กลับมาเจอกับปู๋เยี่ยโหวที่เหมือนคนบ้าเสียสติเฉี่ยวหลิงมองเจ้าอารามด้วยหางตาแล้วชกเขาหนึ่งหมัด "ข้ารู้จักเจ้า เจ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไร"ทฤษฎีของนางก็ง่ายๆ ไม่ว่าเฟิ่งชูอิ่งจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ก็ต้องชกก่อนค่อยว่ากันเจ้าอาราม "......"วันนี้เขาช่างโชคร้ายเหลือเกิน!ก่อนหน้านี้เขาได้ยินจากเทียนซือว่าเฟิ่งชูอิ่งเลี้ยงวิญญาณร้ายไว้ตนหนึ่ง วันนี้ได้เห็นกับตาถึงได้รู้ว่าวิญญาณร้ายนี่บ้าพอๆ กับปู๋เยี่ยโหวเลย!เขารู้สึกเสียใจมากที่วันนี้ไม่ได้ทำนายดวงชะตาตัวเองก่อนออกจากท้องพระโรง สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ดีเท่าอยู่ในท้องพระโรงกับฮ่องเต้เจาหยวนเลยปู๋เยี่ยโหวพูดกับองครักษ์ที่กำลังขุดหลุมว่า
ปู๋เยี่ยโหวมองไปทางเจ้าอารามแล้วพูดเสริมว่า "ถ้าชูชูไม่ตื่นขึ้นมา เขาเป็นคนมารบกวนความสงบของชูชู ก็ฝังเขาไว้เป็นทาสรับใช้ชูชูที่นี่แหละ"เฉี่ยวหลิงพูดอย่างรังเกียจว่า "เขาน่าเกลียดมาก แต่ก็คงทำงานได้บ้าง งั้นก็ตกลงตามนั้น!"เจ้าอาราม "......"เขาด่าในใจอย่างบ้าคลั่ง ไอ้พวกบ้าเสียสติ!พวกบ้าที่น่ากลัว!การขุดเปิดโลงศพเพียงเพราะคำพูดของเขาประโยคเดียว มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะทำได้สิ่งที่เขาไม่ได้บอกปู๋เยี่ยโหวคือ ลักษณะใบหน้าของคนสามารถบอกถึงชีวิตและความตายของคนได้ แต่ในโลกนี้ยังมีโชคและเคราะห์ที่ไม่ปรากฏบนใบหน้าอยู่ด้วยไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่เรื่องที่เฟิ่งชูอิ่งถูกฝังอยู่ใต้ดินมาสองวันแล้ว ถ้าเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่จริง ตอนนี้คงจะขาดอากาศตายไปแล้วเขารู้สึกกังวลใจมาก!เขาอยากหาโอกาสหลบหนี แต่แผลที่ถูกปู๋เยี่ยโหวแทงสองครั้งแม้จะไม่ถูกจุดสำคัญ แต่ก็ยังเจ็บมาก!ยิ่งไปกว่านั้น ปู๋เยี่ยโหวยังมัดเขาไว้ที่นี่ ทำให้ไม่มีทางหนีไปไหนได้เลยทางนั้นปู๋เยี่ยโหวถามว่า "งั้นข้าจะเปิดโลงศพแล้วนะ!"เฉี่ยวหลิงพยักหน้า "เปิดเลย!"ปู๋เยี่ยโหวจึงให้องครักษ์สองคนช่วยกันเปิดฝาโลงศพออกในวินาท
นางด่าว่า "ปู๋เยี่ยโหว ข้าจะสาปแช่งบรรพบุรุษของเจ้า!"ครั้งนี้เพื่อเอาชีวิตรอด นางได้ฝืนใช้วิชาต้องห้ามของลัทธิเต๋าวิชาต้องห้ามทุกอย่างย่อมมีผลข้างเคียงหลังใช้ เช่นวิชาต้องห้ามที่นางใช้ครั้งนี้ จะทำให้โชคร้ายไปพักใหญ่เลยปู๋เยี่ยโหวยังไม่ทันตั้งตัว เฉี่ยวหลิงก็คว้าตัวเขาออกจากโลงศพและโยนออกไปนางทรุดลงข้างโลงศพร้องไห้โฮ "คุณหนู ท่านฟื้นแล้ว! ฮือๆ หลายวันมานี้ข้ากลัวแทบตาย!"เจ้าอารามอยู่ไกลเกินกว่าจะเห็นเหตุการณ์ในโลงศพ แต่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเขาตกตะลึงอย่างยิ่งวันนี้เขาทำนายดวงชะตาให้เฟิ่งชูอิ่งต่อหน้าปู๋เยี่ยโหว จริงๆ แล้วเป็นดวงชะตาที่ร้ายแรง เพียงแต่หลอกว่าปู๋เยี่ยโหวอ่านชะตาไม่ออกเท่านั้นอีกทั้งตอนนั้นเขายังนับนิ้วคำนวณ และคำนวณได้ว่าเฟิ่งชูอิ่งตายไปแล้วจริงๆแต่ดูจากความเคลื่อนไหวตรงนั้น เฟิ่งชูอิ่งดูเหมือนจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา!ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด คนที่ตกใจที่สุดจริงๆ แล้วคือเขาเอง!เขาฉวยโอกาสที่ทุกคนล้อมรอบเฟิ่งชูอิ่ง ไม่มีใครสนใจเขา ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปด้านข้างขณะนั้นฝนตกหนัก รอบด้านเต็มไปด้วยน้ำฝน พร้อมกับเสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบ เสียงที่เขาทำในคืนฝนตกนี้แท
ไม่เสียแรงเปล่าที่เขาแทงเจ้าอารามไปตั้งสองครั้งเขากางแขนเดินเข้าไปหาพวกนาง "ข้าก็อยากกอดด้วย!"เฉี่ยวหลิงเตะเขาออกไปอย่างรังเกียจ "ไปให้พ้น!"แต่นางรู้สึกขอบคุณที่เขาปรากฏตัวในคืนนี้ การเตะครั้งนี้จึงนุ่มนวลกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัดปู๋เยี่ยโหวหัวเราะลั่น "ข้าไม่ไป!"เฟิ่งชูอิ่งมองปู๋เยี่ยโหวแวบหนึ่ง ปู๋เยี่ยโหวในยามนี้ดูจะอ่อนโยนมากกว่ายามปกติปู๋เยี่ยโหวพูดอย่างมีความสุข "เจ้าดูสภาพร่างกายอ่อนแอมาก ข้ามีเรือนอยู่แถวนี้ด้วย เจ้าไปพักฟื้นที่นั่นก่อนสิ""ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่บอกจิ่งโม่เยี่ยเรื่องนี้แน่นอน"เขารู้สึกว่าตัวเองเก่งกาจมาก ถึงจะยังไม่ได้แย่งคนรักของอีกฝ่ายมาเป็นของตนเองได้ แต่ก็ใกล้เคียงแล้วเฟิ่งชูอิ่งคิดถึงข้อเสนอของเขา สมบัติทุกอย่างของนางถูกจิ่งโม่เยี่ยยึดเอาไปหมดแล้ว ตอนนี้นางไม่มีอะไรติดตัวเลย ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้งร่างกายของนางตอนนี้อ่อนแอมาก ขาก็หัก ต้องหาที่พักฟื้นสักระยะเฉี่ยวหลิงเป็นวิญญาณร้าย ทำอะไรได้แบบไม่มีข้อจำกัดดังนั้นข้อเสนอของปู๋เยี่ยโหวจึงเหมาะสมที่สุดสำหรับนางในตอนนี้นางกำลังจะตอบตกลง แต่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงพลังชั่วร้ายสายหนึ่งที่พ
เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดของปู๋เยี่ยโหว นางก็รู้สึกอยากหัวเราะออกมา แม้ว่าคนคนนี้จะไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนไม่เลวทีเดียวเทียนซือสะบัดแขนเสื้อ ส่งปู๋เยี่ยโหวกระเด็นออกไปทันที เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง และไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ในทันทีเฟิ่งชูอิ่ง "......"แบบนี้เรียกว่าอยากได้อะไรก็ได้ดั่งปรารถนาหรือเปล่านะ?นางอยากจะช่วย แต่กลับยกแขนไม่ขึ้นสักนิดนางลอบถอนหายใจในใจ ศาสตร์ต้องห้ามไม่ควรใช้อย่างไม่ระมัดระวัง เมื่อใช้แล้วย่อมนำความหายนะมาให้!ตอนนี้นางขยับตัวไม่ได้ และยังไม่มีพลังเวทในร่างกายหลงเหลือสักนิด วันนี้นางคงจะต้องตายที่นี่จริงๆ สินะ?เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้หลับตา แต่กลับเบิกตากว้างมองเทียนซือหากวันนี้นางถูกเขาฆ่าจริงๆ นางจะต้องเพิ่มพลังในทันทีที่วิญญาณออกจากร่าง และสู้กับไอ้ชาติหมานี่ให้ถึงที่สุด!แต่ในขณะที่ปลายนิ้วของเทียนซือเข้าใกล้นาง พลังกระบี่อันเย็นเยียบก็พัดวนรอบๆ อย่างรุนแรงพลังกระบี่พัดผ่านศีรษะของเทียนซือ ตัดเฉือนศีรษะของเขาออกทันทีแต่เทียนซือไม่ใช่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ พลังกระบี่ที่ตัดศีรษะของเขาเพียงแค่ทำให้ร่างวิญญาณของเขาอ่อนแอลงเพียงชั่วค
ศีรษะของเทียนซือที่มุดหลบอยู่ใต้ดิน “......”เขาด่ากราดอย่างบ้าคลั่ง “เหมยตงยวน จะช้าเร็วสักวันหนึ่งบิดาก็จะฆ่าเจ้าให้ได้!”ทว่ายิ่งเขาด่าด้วยคำถ้อยรุนแรงแค่ไหน กลับเผ่นหนีได้ไวเท่านั้น หลังประมือกันแล้ว ความต่างชั้นของทั้งสองคนก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัดเขาตระหนักดียิ่งกว่าใครว่าตนเองเอาชนะเหมยตงยวนไม่ได้ แล้วยังกลัวว่าเหมยตงยวนจะไล่ล่าตนเองด้วยเฟิ่งชูอิ่ง “......”ก่อนหน้านี้ นางกับเฉี่ยวหลิงร่วมมือกันต่อสู้กับเทียนซือด้วยความยากลำบากเสมอทว่าท่านลุงที่อยู่ตรงหน้านี้หลังจากปรากฏตัวออกมาก็แทบไม่ได้ขยับอะไร ใช้เพียงคลื่นกระบี่ก็เชือดเทียนซือจนอยู่ในสภาพนั้นได้แลวท่านลุงผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!เหมยตงยวนค่อยๆ เดินเข้ามาหาเฟิ่งชูอิ่ง เฉี่ยวหลิงเองก็เริ่มจะตั้งสติได้ นางพยายามจะลุกขึ้นมาแล้วเข้าไปขวางหน้าเฟิ่งชูอิ่ง “เจ้าคิดจะทำอะไร?”เหมยตงยวนเหลือบมองเฉี่ยวหลิงด้วยสีหน้าเฉยชา เขายื่นมือออกไปฟาดร่างกายเฉี่ยวหลิงเบาๆ เฉี่ยวหลิงก็สัมผัสได้ทันทีว่าร่างวิญญาณที่ไม่มั่นคงในตอนแรก กลับมาแข็งแรงมั่นคงในเสี้ยวพริบตานางจ้องมองเหมยตงยวนและเอ่ยถามอย่างตกตะลึง “เจ้าเป็นใครกัน?”เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยเสียงแผ
เฟิ่งชูอิ่งพบว่าแม้เหมยตงยวนจะมีท่าทางเย็นชาห่างเหิน แต่เขากลับยอมตอบคำถามทุกอย่างนางรู้สึกสงสัยตัวตนของเขาเล็กน้อย จึงเอ่ยถามตรงๆ ว่า “หลินชูเจิ้งบอกว่าท่านคือบิดาของข้า แล้วท่านใช่หรือไม่?”เหมยตงยวนคิดไม่ถึงว่านางจะถามออกมาตรงๆ เช่นนี้ สีหน้าของเขาแอบแข็งทื่อเล็กน้อย สุดท้ายก็ยอมตอบว่า “ใช่”ตอนที่เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยถาม ก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้มีคำตอบเพียงสองอย่างเท่านั้น ซึ่งก็คือใช่กับไม่ใช่แต่ตอนที่ได้ยินคำตอบจากปากของอีกฝ่ายจริงๆ นางกลับแอบชะงักไปเล็กน้อยนางยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ปู๋เยี่ยโหวก็เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ไหว “ไม่น่าใช่นะท่านลุงเหมย ท่านฝึกบำเพ็ญวิถีไร้ใจมิใช่หรือ?”“คนที่ฝึกบำเพ็ญวิถีไร้ใจ จะต้องตัดขาดอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมด จะมีความรักเหมือนคนปกติได้อย่างไร?”เหมยตงยวนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเติบใหญ่แล้ว แต่กลับน่ารำคาญยิ่งกว่าเดิม”ปู๋เยี่ยโหว “......”แล้วเขาควรจะตอบรับคำพูดนี้อย่างไรล่ะ?เฉี่ยวหลิงรีบแสดงท่าทีเห็นด้วย “ท่านพูดถูกแล้วล่ะ เขาน่ารำคาญมากจริงๆ!”เฟิ่งชูอิ่งเห็นว่าตอนแรกเหมยตงยวนยังดูสับสน แต่พอถูกปู๋เยี่ยโหวเอ่ยสอดแทรกเช่นนั้น สีหน้าซับซ้อนของเขาก็มลายหายไปน