Share

บทที่ 461

Author: ดอกถังร่วงหล่น
นางอยากดูครู่หนึ่งว่าคืออะไรแต่ก็มองไม่เห็น เพราะโคลนที่กระเซ็นขึ้นมาเข้าตานางไม่น้อย

พระสนมสวี่รู้สึกคลื่นไส้ยิ่งนัก!

ด้านข้างมีเสียงหัวเราะของหญิงสาวดังขึ้น “คุณหนู ข้าโยนโดนแล้วเจ้าค่ะ!”

เสียงของเฟิ่งชูอิ่งดังขึ้น “เฉี่ยวหลิงเก่งจริงๆ!”

พระสนมสวี่ร้องเรียก “ใครก็ได้ ใครก็ได้มานี่เร็วเข้า!”

นางกำนัลที่มากับนางตะคอกด้วยความโมโห “พวกเจ้าช่างใจกล้าจริงๆ ถึงกล้าเสียมารยาทกับพระสนมสวี่!”

เฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม “อ้าว พระสนมสวี่นี่เอง ขอประทานอภัยเพคะ!”

นางกล่าวคำขอโทษ แต่กลับหันไปพูดกับเฉี่ยวหลิง “โคลนเมื่อครู่เจ้าได้เติมมูลลงไปหรือไม่?”

เฉี่ยวหลิงพูดด้วยความภาคภูมิใจ “แน่นอนว่าย่อมใส่ลงไปแล้ว!”

พูดจบนางยังกระซิบให้เฟิ่งชูอิ่งฟังเสียงเบา “แต่ว่าคุณหนูเจ้าคะ เรื่องนี้ไม่อาจให้เสนาบดีฉินรู้นะเจ้าคะ หากท่านรู้เข้าต้องดุข้าแน่!”

ตั้งแต่เฟิ่งชูอิ่งพาเฉี่ยวหลิงเข้าจวนอ๋องฉู่ แม้ไม่อาจบอกว่าสองนายบ่าวเป็นใหญ่ในจวน แต่ก็ไม่เคยหยุดนิ่ง

แรกเริ่มฉินจื๋อเจี้ยนรู้สึกว่าหลังจากพวกนางย้ายเข้ามา ทำให้จวนมีชีวิตชีวามากขึ้น

แต่เมื่อสร้างปัญหาหลายครั้ง เขาก็เริ่มปวดหัว

เขาไม่อาจตำหนิเฟิ่งชูอิ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 462

    แววตาของเฟิ่งชูอิ่งเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อพระสนมสวี่กล่าวว่าดีแล้ว เฉี่ยวหลิง เจ้ายังยืนเซ่ออยู่ทำไม?”เฉี่ยวหลิงไม่เกรงใจแม้แต่น้อย นางเทน้ำเน่าราดพระสนมสสวี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าพระสนมสวี่ “...!!!”นางตะลึงงัน!เพราะเฉี่ยวหลิงราดอย่างมีทักษะ น้ำเน่าเหล่านั้นจึงเข้าจมูกพระสนมกลิ่นนั้นไม่อาจใช้คำว่า ‘เน่าเสีย’ มาบรรยายได้นางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างพระสนมสวี่ก็ไม่อาจรอดพ้น น้ำเน่ากระเซ็นโดนไปทั่วเนื้อตัว ทั้งยังมีเศษผักติดไปด้วยเฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยสีหน้าตกตะลึง “เหตุใดจึงเป็นน้ำเน่า?”เฉี่ยวหลิงตอบ “หม่อมฉันตักมาผิด จะไปตักน้ำมาใหม่เพคะ”พูดจบนางก็รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็วเฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “พระสนมสวี่ ขอประทานอภัยจริงๆ เพคะ”“นางไม่เคยเปิดโลกกว้าง เมื่อเจอพระสนมจึงตื่นเต้นมากไปหน่อย ตักน้ำมาผิด พระสนมรอครู่หนึ่งนะเพคะ”“พระสนมวางใจได้เพคะ หม่อมฉันจะให้นางล้างตัวพระสนมจนสะอาดสะอ้านแน่นอนเพคะ”เวลานี้พระสนมสวี่สำลักจนตะลึงงันไปแล้ว นางสูงศักดิ์มาโดยตลอด ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตนจะถูกกระทำเช่นนี้นางโมโหจนมือสั่นเทา ชี้หน้าเฟิ่งชูอิ่ง “เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก!”เฟิ่งชู

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 463

    “เจ้าดูสาวใช้ของเฟิ่งชูอิ่ง แล้วมองตัวเองสิ!”นางยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ยกเท้าเตะนางกำนัลสองทีแม้บริเวณรอบๆ จวนอ๋องฉู่ไม่มีคนมากนัก แต่ก็มีบ้านใกล้เรือนเคียงมีคนเปิดประตูออกมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พระสนมสวี่ไม่อาจขายหน้าได้ รีบวิ่งขึ้นรถม้าของตนเองกลิ่นบนตัวพระสนมฉุนยิ่งนัก แทบจะทำให้นางอาเจียน!การมาในวันนี้เทียบกับครั้งก่อนแล้ว นางน่าเวทนากว่ามากนางกำนัลเป็นคนที่ฮ่องเต้เจาหยวนส่งมาดูแลรับใช้พระสนมสวี่ วันนี้นางถูกพระสนมสวี่ทุบตีเช่นนี้ โมโหมากเช่นเดียวกันนางรู้สึกว่าพระสนมสวี่ไม่เอาไหนจริงๆ เรื่องเล็กแค่นี้ก็ทำได้ไม่ดี!เพียงเพราะฮ่องเต้เจาหยวนมอบหมายภารกิจให้กับนาง นางจึงต้องคอยประจบพระสนมสวี่ต่อแผลไฟไหม้บนพระพักตร์ของพระสนมสวี่ หลังจากใช้ยาปรุงพิเศษของราชครูแล้วก็ดีขึ้นมากพระสนมสวี่เป็นคนรักสวยรักงาม วันนี้ตอนมานางสวมผมปลอม ใช้ผ้าคลุมพระพักตร์ จึงยังคงมีสง่าแต่วันนี้หลังจากถูกเฉ่ยวหลิงทั้งใช้น้ำเน่า ใช้สิ่งปฏิกูลสาด จนสะเก็ดแผลบนใบหน้าหลุดลอก เวลานี้บาดแผลมีแนวโน้มติดเชื้อ ปวดแสบปวดร้อนมากเวลานี้ผมปลอมของพระสนมสวี่ยุ่งเหยิง ผ้าคลุมหน้าตกหล่น ตัวพระสนมราวกับลูกสุนั

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 464

    เฟิ่งชูอิ่งเบ้ปากเล็กน้อย เจ้าหมอนี่พยายามมีตัวตนจริงๆนางถามเขา “ท่านโหวมาได้อย่างไร?”ปู๋เยี่ยโหวพูดด้วยความทะนง “จวนอ๋องฉู่ไม่ใช่ว่าคิดอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาครู่หนึ่ง “เมื่อครู่ข้าทำนายดวงชะตาให้ท่านโหว วันนี้ท่านโหวจะประสบหายนะเลือดตกยางออกได้”ปู๋เยี่ยโหวสะบัดพัด “ข้าคือปู๋เยี่ยโหว ผู้ใดกล้าทำให้ข้าเลือดตกยางออก?”เขายังพูดไม่จบ ก็เห็นจิ่งโม่เยี่ยเดินมาเขานึกถึงคำพูดของเฟิ่งชูอิ่ง หมุนกายหันหลังเดินจากไปเฉี่ยวหลิงยกเท้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาล้มลงบนพื้นทันทีช่างบังเอิญยิ่งนัก ครั้งนี้หกล้มกระแทกจมูกอีกแล้วจมูกของเขาที่เพิ่งดีขึ้น เริ่มมีเลือดไหลออกมาอีกแล้วเฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม “จุ๊ๆ ทำนายแม่นยำเร็วจริงๆ ท่านโหว ท่านรีบร้อนเกินไปแล้วกระมัง”ปู๋เยี่ยโหว “...”เขาลูบจมูกของตนเอง มือเต็มไปด้วยเลือด รู้สึกอับอายขายหน้ายิ่งนักเขาถลึงตามองเฉี่ยวหลิงครู่หนึ่ง เฉี่ยวหลิงหมุนกำปั้น “ท่านโหว ข้ายินดีประลองกับท่านเสมอ”ปู๋เยี่ยโหว “...”เขาหัวเราะในลำคอ ลุกขึ้นแล้วเดินด้วยตนเองเฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ เจ้าหมอนี่สุดยอดจริงๆจิ่งโม่เยี่ย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 465

    เฟิ่งชูอิ่ง “...”หลางซานติดตามไปด้วย ทำให้นางไม่สะดวกที่จะทำหลายๆ เรื่องแต่หากเวลานี้นางแสดงท่าทีไม่ยินยอม เกรงว่าจะทำให้จิ่งโม่เยี่ยสงสัยด้วยเหตุนี้นางจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ ขอบคุณท่านอ๋องเจ้าค่ะ! มีหลางซางอยู่ด้วย ข้าอยู่ในจวนสกุลหลิน จะได้สามารถทำทุกอย่างตามอำเภอใจได้”จิ่งโม่เยี่ยมองใบหน้าของหญิงสาวที่ไม่มีความน่าสงสัยแม้แต่น้อย ชั่วขณะหนึ่งเขาไม่แน่ใจว่าตนเดาถูกหรือไม่แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เขารู้สึกว่าต้องระมัดระวังตัวสักหน่อยด้วยเหตุนี้เขาจึงยกยิ้มมุมปาก “มีข้าอยู่ เจ้าทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจอยู่แล้ว”เฟิ่งชูอิ่งยิ้ม เก็บข้าวของครู่หนึ่งก็กลับจวนสกุลหลินตอนนางเดินไปถึงหน้าจวนสกุลหลิน คนเฝ้าประตูเห็นนางราวกับเห็นผี ตกใจจนตัวสั่น “คุณหนูต่างสกุลกลับมาได้อย่างไรขอรับ?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มตาหยีแล้วพูด “ที่นี่เป็นบ้านของข้า เหตุใดข้าจึงกลับมาไม่ได้?”พูดจบนางก็เดินเข้าไปคนเฝ้าประตูเคยพบเห็นความร้ายกาจของนางแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลานี้ข้างกายของนางมีหลางซางที่มองปราดหนึ่งก็รู้ว่าไม่อาจมีปัญหาด้วยได้ คนเฝ้าประตูไม่กล้าขวางแม้แต่น้อยเขาทำได้เพียง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 466

    หลินชูเจิ้ง “...!”การสนทนาระหว่างพวกเขาได้เปลี่ยนไปแล้วในตอนนี้เขากดเสียงต่ำ กล่าวว่า “ในจวนคงเอาของมากมายขนาดนี้ออกมาไม่ได้กระมัง?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มอย่างเย็นชา “ท่านลุงยังคงร้องไห้ได้น่าเวทนาเหมือนเคย แต่เหตุใดข้าต้องเห็นใจท่าน?”“สิบปีผ่านไป ท่านลุงก็ยังคงใช้กิจการของท่านพ่อท่านแม่ข้าสร้างความสัมพันธ์อันดีกับทุกคน รับตำแหน่งขุนนาง กลายเป็นรองเจ้ากรมขุนนางขั้นสาม”“คฤหาสน์หลังนี้ ก็เป็นเงินที่พ่อแม่ของข้าซื้อไว้ให้ข้า ค่าใช้จ่ายภายในเรือนส่วนใหญ่ก็เป็นเงินของข้า”“หรือจะให้ข้าคำนวณแบบละเอียด เอาส่วนนี้เขียนรวมเข้าไปกับคฤหาสน์หลังนี้ด้วย?”เมื่อหลินชูเจิ้งได้ยินเช่นนี้ก็สะอึกไปครู่หนึ่ง เขาหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าแต่งงานกับอ๋องฉู่ น้าจะทำให้เจ้าขายหน้าไม่ได้”“เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ นอกจากรายการที่เจ้าระบุเอาไว้ ข้าจะยกเครื่องประดับหยกให้เจ้าหนึ่งชุดเป็นสินเดิมด้วย”คิ้วของเฟิ่งชูอิ่งขมวด “ท่านลุงช่างรู้สถานการณ์ปัจจุบันดีเสียจริง อยากจะจัดการท่านก็ยังหาข้ออ้างไม่ได้”หลินชูเจิ้ง “...”สีหน้าของเขาดูกระอักกระอ่วนเฟิ่งชูอิ่งกล่าวเสริมว่า “ที่ข้ากลับมาครั้งนี้ นอกจา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 467

    หลินชูเจิ้งพยักหน้า “นิสัยของแม่เจ้าบางครั้งก็หยิ่งยโส บางครั้งก็ขี้อาย นางเก่งเรื่องการทำนาย นางไม่ได้รู้จักกับพ่อของเจ้ามาก่อน”เมื่อเขากล่าวมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ “ทั้งที่ข้ารู้จักนางก่อน พ่อของเจ้ามีท่าทีเย็นชา ไม่สนใจที่จะรักนางตอบด้วยซ้ำ”“ข้าไม่เข้าใจ ข้ามอบทั้งหัวใจให้นาง เหตุใดสายตาของนางถึงมองไม่เห็นข้า ในสายตาของนางมีเพียงพ่อของเจ้าเท่านั้น”ดวงตาของเฟิ่งชูอิ่งสั่นไหว “ท่านบอกว่าพ่อของข้าเป็นคนเย็นชาอย่างนั้นหรือ?”หลินชูเจิ้งพยักหน้า “ใช่ เขาเหมือนกับก้อนน้ำแข็ง ไม่สนใจใครเลยสักคน”“แต่ทักษะของพ่อเจ้าแข็งแกร่งมาก ในปีนั้นเกิดภัยแล้งที่แคว้นซีฉู่ ฝนไม่ตกเป็นเวลานาน ทุ่งนาแห้งเหือด พืชพันธุ์เหี่ยวเฉาแห้งตาย”“แม่ของเจ้าพาคนอื่นๆ จัดแท่นบูชาขอฝน แต่ผลที่ได้กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น”“พ่อของเจ้าพาราชครูอีกหลายคนเดินทางมาที่ซีฉู่ เขาจัดตั้งค่ายกลขึ้นมา เพียงเวลาไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น ท้องฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำที่หนาแน่น จากนั้นฝนก็เริ่มตก”“หากไม่ใช่เพราะฝนตกครานั้น แคว้นซีฉู่เกรงว่าคงล่มสลายไปแล้ว”เฟิ่งชูอิ่ง “...”แม้นางอยากรู้เรื่องพ่อแม่ของตัวเอง แต่นางไม่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 468

    เขาพูดพลางทอดถอนใจว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ของเจ้า เดิมทีก็ไม่เข้ากับโลกใบนี้”“พ่อของเจ้าคืออัจฉริยะที่ได้รับการยอมรับจากสำนักลี้ลับ วิถีเต๋าของเขาเป็นเลิศ เขาคือความหวังของสำนักลี้ลับ” “สำนักลี้ลับเป็นสำนักที่ฝึกฝนวิถีเต๋า ในสำนักมีข้อห้ามว่าห้ามแต่งงาน ข้าได้ยินมาว่าเขาถูกกักบริเวณหลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายในแคว้นซีฉู่ในปีนั้น”“จากนั้นเจ้าสำนักลี้ลับก็ป่วยตาย พ่อของเจ้าจึงรับช่วงสำนักลี้ลับต่อ”เฟิ่งชูอิ่งถามอย่างสงสัย “ในเมื่อพ่อแม่ของข้าไม่เคยอยู่ด้วยกัน แล้วท่านมั่นใจได้อย่างไรว่าข้าเป็นลูกสาวของพวกเขา?”หลินชูเจิ้งตอบว่า “ตอนนั้นที่ข้าบังเอิญเห็นเจ้า บนตัวเจ้ามีป้ายประจำตัว บนนั้นก็มีวันเดือนปีเกิดของเจ้า”“พอข้าคำนวณเวลาแล้ว แม่ของเจ้าตั้งท้องเจ้าก่อนที่นางจะถูกเผา”เมื่อเขาพูดจบแล้วก็มองไปที่นางแล้วทอดถอนใจประโยคหนึ่ง “เจ้าหน้าตาคล้ายแม่ของเจ้ามาก”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินเขาพูดเช่นนั้น แววตาก็พลันมืดมน ตามทฤษฎีนี้แล้ว พ่อของนางน่าจะเป็นเจ้าสำนักลี้ลับเพียงแต่ว่าการฝึกฝนของสำนักลี้ลับเป็นวิถีไร้ความปรานี แต่ก็ยังสามารถสั่นไหวหัวใจของแม่นางได้หรือ?หลายปีนั้นที

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 469

    นางปฏิเสธความเป็นไปได้ที่สองนี้แทบจะในทันที เพราะหากแม่ของนางไม่รักนาง ก็คงไม่ให้เงินนางมากมายเช่นนี้ รวมไปถึงสมบัติต่างๆ เช่นนั้นก็เหลือความเป็นไปได้แรกเท่านั้น แม่ของนางสูญเสียความสามารถในการทำนายไปด้วยเหตุผลบางอย่างนางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามต่อ “นักพรตผู้นั้นก็คือคนที่ลบความทรงจำของข้าหรือ?”หลินชูเจิ้งพยักหน้า “เป็นเขา”เฟิ่งชูอิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจแอบสาปแช่งนักพรตสารเลวผู้นั้นท่านแม่ของนางฝากนางไว้กับนักพรตผู้นั้น นักพรตผู้นั้นควรจะเป็นคนที่นางเชื่อใจมากแต่เขาไม่เพียงแต่โยนนางไปให้หลินชูเจิ้งอย่างลวกๆ แต่ยังลบความทรงจำของนาง ตั้งค่ายกล ให้นางเป็นวัตถุดิบบำรุงจวนสกุลหลินที่นางสามารถข้ามภพมาได้ ก็เพราะว่าเจ้าของร่างเดิมถูกพวกเขาทรมานจนตาย นางพูดอย่างเย็นชา “บอกรูปพรรณสัณฐานของเขามาให้ข้าหน่อยสิ หากข้าพบเขา ข้าจะฆ่าเขาทิ้งแน่นอน!”หลินชูเจิ้งเห็นสีหน้าอาฆาตแค้นของนาง ก็รีบอธิบายรูปพรรณสัณฐานของนักพรตผู้นั้นทันทีเพียงแต่รูปร่างหน้าตาของนักพรตผู้นั้นธรรมดามาก แทบไม่มีจุดเด่นพอให้จำ หลินชูเจิ้งพูดก็เหมือนไม่ได้พูดเขาเห็นใบหน้าของเฟิ่งชูอิ่งมืดมนลงเรื่อยๆ ตัวเขาก็ห

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status